ท้ายที่สุดเฉินอิ้งถงก็ได้พบกับจินชางหลงสมปรารถนา แม้สีหน้าเขาขาวซีด ทว่าดวงกลับกระจ่างใส่ประหนึ่งดวงดาวยามราตรี
ข้าคิดว่าหน้าตาเขาจะเหมือนคนอมโรคมากกว่านี้ซะอีก!
เฉินอิ้งถงจดจ้องจินชางหลงแทบลืมกะพริบตา ชายหนุ่มที่ไม่เคยใกล้ชิดสตรีเช่นนี้มาก่อนจึงบังเกิดความประหม่า ส่วนจินเหยียนก็จับจ้องเฉินอิ้งถงด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
กงกงรู้สึกได้ถึงบรรยากาศไม่สู้ดี จึงเอ่ยทำลายความประดักประเดิด “บังอาจ เจ้าใช้สายตาน่ารังเกียจจาบจ้วงองค์ชายเช่นนี้ได้อย่างไร”
เฉินอิ้งถงได้สติ “ขออภัยกงกง ข้าน้อยเพียงแค่ทราบซึ้งในน้ำพระทัยขององค์ชายห้าก็เท่านั้น”
จินเหยียนแค่นยิ้ม “เจ้าช่างเป็นสตรีใจกล้าบ้าบิ่นยิ่งนัก มิเคยมีผู้ใดกล้าขวางข้ามาก่อน เช่นนั้นก็ว่าเรื่องของเจ้ามา”
เฉินอิ้งถงนิ่งเงียบ อันที่จริงนางรู้เพียงว่ามีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาโรคร้ายอยู่ในเนื้อเรื่องจริง ทว่าหญิงสาวไม่เคยเดินทางไปที่นั่นสักครั้งแล้วจะทราบเส้นทางได้อย่างไร
‘นายท่าน ท่านกำลังอยากพาพวกเขาไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่’
เฉินอิ้งถงตกใจจนหน้
กงกงใช้เข็มเงินที่พกติดกายอยู่เสมอจิ้มลงไปในขนม แม้เข็มเงินไร้ปฏิกิริยาทว่าเขากลับยังไม่วางใจ มือเหี่ยวย่นหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นจากนั้นลองชิมเข้าปากหนึ่งคำก็ถึงกับสติล่องลอย ความหวานละมุนเป็นเหตุให้กงกงต้องกัดเพิ่มอย่างนึกลืมตัว“กงกง มีพิษหรือไม่เจ้าคะ”“…”“กงกง”กงกงสะดุ้งโหยง ส่งสายตาเชิงตำหนิให้กับเฉินอิ้งถง จากนั้นจึงหันมองจินชางหลงพลางยิ้มแหย “องค์ชาย ขนมนี่ปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”ครั้นวางใจแล้วชายหนุ่มจึงหยิบขนมสีเขียวอื้อขึ้นมา กัดเข้าไปคำแรกความนุ่มละมุนและรสชาติอันหอมหวานเป็นเหตุให้เขาติดอยู่ในภวังค์คล้ายกับว่าตนกำลังเที่ยวชมมวลบุปผา ไม่น่าเชื่อว่าพื้นที่แห้งแล้งกันดารจะมีหญิงสาวมากฝีมือในการปรุงอาหารได้นางช่างประหนึ่งห่านฟ้าหลงทางอยู่กลางป่าเฉินอิ้งถงยืนลุ้นจนตัวโก่ง นัยน์ตาดอกท้อจดจ้องริมฝีปากชายหนุ่มที่ขยับเบา ๆ ด้วยความลืมตัวเดิมทีจินชางหลงชินกับการทานอาหารแล้วมีกงกงหรือนางกำนัลยืนรอปรนนิบัติใกล้ ๆ อยู่แล้ว ทว่าหนนี้กลับไม่เหมือนกัน ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเกิดอาการประหม่าจินชางหลงช้อนเปลือกตาขึ้นทำให้ปะทะเข้ากับ
เสียงฝีเท้าตรงเข้ามาเรื่อย ๆ เฉินอิ้งถงที่นั่งกระดิกเท้าสบายใจแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน“แม่นางเฉิน องค์ชายและท่านอ๋องอยากพบเจ้า”เฉินอิ้งถงผินหน้ามองผู้มาเยือน น้ำเสียงเนิบนาบเช่นนี้ไม่ต้องเอ่ยให้มากความก็รู้ว่าเป็นผู้ใด“กงกง เมื่อครู่ท่านยังบอกข้าเองว่าไม่ให้โผล่หน้าไปให้ท่านอ๋องอารมณ์เสีย แล้วเหตุใดยามนี้จึงอยากพบข้าหรือ”กงกงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “องค์ชายชื่นชอบฝีมือการทำอาหารของเจ้า”เฉินอิ้งถงแสร้งตาโต “ท่านบอกองค์ชายงั้นหรือว่านี่คือฝีมือของข้า เดิมทีข้าไม่อยากโฉ่งฉ่างให้มากความ”“หึ เจ้าอย่าพล่ามให้มากหน่อยเลย องค์ชายรออยู่ หากไม่รีบไประวังจะถูกลงอาญา”“เจ้าค่ะ เดิมทีคนจากวังหลวงลงอาญาผู้อื่นสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้หรือ”กงกงพูดไม่ออก เฉินอิ้งถงยิ้มตาปิด เดินผ่านร่างชายมีอายุไปด้วยสีหน้าอารมณ์ดี“องค์ชาย ท่านอ๋อง” ร่างระหงยอบกายลงด้วยท่าทีพินอบพิเทาจินชางหลง “แม่นางเฉิน ตามสบายเถิด”“ขอบพระทัยองค์ชาย”“เห็นกงกงบอกว่าอาหารพวกนี้เจ้าเป็นคนทำทั้งหมด”“เพคะ หม่อมฉันทำเอง รสชาติไม่ถูกปากองค์ชายหรื
เฉินอิ้งถงตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เมื่อคืนนางคิดเรื่องดี ๆ ได้จึงไปพูดคุยกับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเอาไว้ เพราะวันนี้นางต้องการเข้าครัวด้วยตนเอง นับว่าโชคดีที่ในโรงเตี๊ยมมีเพียงขบวนเดินทางของเหยียนอ๋องเท่านั้นที่เป็นแขก“นายท่าน นี่ท่านกำลังทำอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงดูยุ่งยากวุ่นวายนัก ส่วนผสมเยอะแยะเต็มไปหมด”เฉินอิ้งถงตอบ “นี่น่ะหรือ เขาเรียกเมนูพระกระโดดกำแพง”เสี่ยวฮวากะพริบตาปริบ ๆ “หา…ไหนพระเจ้าคะ พระมิใช่ผู้ถือศีลหรือเจ้าคะ หากกระโดดกำแพงลงมาก็เท่ากับฆ่าตัวตายแบบนี้เรียกบาปนะเจ้าคะ”เฉินอิ้งถงหัวเราะครืน “เจ้ารู้จักบาปบุญด้วยหรือนี่ แต่ว่านะเสี่ยวฮวา เจ้าจะบ้ารึ ที่ข้าบอกไม่ใช่พระจริง ๆ เสียหน่อย เป็นชื่อเมนูอาหารน่ะ”เสี่ยวฮวางงงวย ร่างเล็กที่ลอยอยู่กลางอากาศโฉบเข้าไปใกล้หม้อดินเผาที่เฉินอิ้งถงจัดเรียงส่วนผสมอย่างเป็นระเบียบ ดวงตาสีมรกตพลันเบิกกว้าง “โอ้โห กลิ่นหอมมากเจ้าค่ะ เจ้านี่มีอะไรบ้างหรือเจ้าคะ”มือเล็กป้อมชี้ไปยังด้านในของหม้อด้วยความสนใจใคร่รู้เฉินอิ้งถงจัดแจงส่วนผสมลงหม้ออย่างประณีต ริมฝีปากขยับเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “หากให้ข้า
หลังสอบถามเรื่องราวทุกอย่างจนเป็นที่พอใจองครักษ์เผิงจิ้นเสียนและเฉินอิ้งถงก็ออกเดินทางกลับในทันที“แม่นางเฉิน เจ้าแน่ใจหรือว่าจะกลับไปยามนี้เลย เดิมทีองค์ชายให้เจ้าพักที่บ้านได้หนึ่งคืน เพราะถึงอย่างไรองค์ชายและท่านอ๋องก็พักอยู่โรงเตี๊ยมแล้ว เกรงว่าเจ้าเป็นสตรีอาจไม่สะดวก” เผิงจิ้นเสียนสังเกตเห็นเส้นขอบฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเหลือบทองแล้วเฉินอิ้งถงยิ้มตาปิด โอกาสมาถึงทั้งทีนางจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร หากอยู่ ๆ จินเหยียนคิดเปลี่ยนใจหอบน้องชายของเขาหนี เช่นนั้นก็เท่ากับนางลงแรงเสียเปล่า“ข้านอนกลางดินกินกลางทรายจนชิน เรื่องนี้ข้าไม่ถือ หากโรงเตี๊ยมเต็มข้ายินดีพักในห้องเก็บฟืน” เอ่ยจบร่างระหงก็ควบม้าห่างออกไปเสียงเล็กดังสะท้อนเหนือศีรษะ “นายท่าน สามีที่ท่านหมายตาคือองค์ชายผู้อ่อนแอนั่นรึ เหตุใดท่านจึงไม่ชอบท่านอ๋องเล่า ข้าดูแล้วท่านอ๋องหล่อเหลากว่าน้องชายตั้งมาก ซ้ำยังองอาจมากบารมี”เฉินอิ้งถงแค่นยิ้ม “เจ้าจะไปรู้อะไร ข้าเพียงต้องการชีวิตสุขสงบ ไยข้าต้องไปตบตีแย่งผู้ชายที่มีเจ้าของด้วยเล่า”“เอ๋…ท่านกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเจ้าคะ
เฉินอิ้งถงควบม้าตรงเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เห็นล้วนมองตามตาไม่กะพริบ ทุกครั้งที่หญิงสาวเดินสวนทางไปมาพวกเขาต้องทักทายพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทว่าหนนี้หญิงสาวมาไวไปไวจนเห็นเพียงฝุ่นลอยฟุ้ง“นั่น ๆ ถงเอ๋อร์มิใช่รึ นางขี่ม้าผู้ใดมากันเล่า” ชายชราเอ่ยกับภรรยาที่กำลังจับจูงกันไปตามเส้นทาง พลางปัดฝุ่นผงพัลวัน“ตาเฒ่าเจ้าตาฝาดแล้วหรือไม่ ตอนนี้ทุกคนต่างแร้นแค้นจะไปเอาม้าจากที่ใดมาวิ่ง อาจเป็นคนต่างถิ่นก็ได้”บทสนทนาไม่ทันได้รับคำตอบ ม้าตัวถัดไปก็ทะยานตรงเข้ามาประหนึ่งสายฟ้า สองสามีภรรยาเร่งประคองกันหลบไปข้างทางจ้าละหวั่นหญิงชราเอ่ยเสียงสั่น “นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้นกันเล่า”“ไป ๆ ยายเฒ่า รีบกลับบ้าน นี่คงไม่ใช่พวกทางการมาไล่ที่ชาวบ้านอีกแล้วรึ”หญิงสูงวัยได้ฟังก็ตกใจ เพราะเมื่อก่อนก็เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากชาวบ้านไม่รวมตัวกันปกป้องบ้านเกิด ป่านนี้คงได้กลายเป็นพวกไร้บ้านเร่ร่อนกันอยู่ข้างถนนแล้วหรอกหรือเฉินอิ้งถงที่ควบม้าอย่างรีบเร่งไม่ทันสังเกตครั้นเหลียวหลังเห็นสองตายายก็รู้สึกผิดที่ตนเล่นตะบึงจนสาดฝุ่นเข้าหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง
ท้ายที่สุดเฉินอิ้งถงก็ได้พบกับจินชางหลงสมปรารถนา แม้สีหน้าเขาขาวซีด ทว่าดวงกลับกระจ่างใส่ประหนึ่งดวงดาวยามราตรีข้าคิดว่าหน้าตาเขาจะเหมือนคนอมโรคมากกว่านี้ซะอีก!เฉินอิ้งถงจดจ้องจินชางหลงแทบลืมกะพริบตา ชายหนุ่มที่ไม่เคยใกล้ชิดสตรีเช่นนี้มาก่อนจึงบังเกิดความประหม่า ส่วนจินเหยียนก็จับจ้องเฉินอิ้งถงด้วยแววตาไม่เป็นมิตรกงกงรู้สึกได้ถึงบรรยากาศไม่สู้ดี จึงเอ่ยทำลายความประดักประเดิด “บังอาจ เจ้าใช้สายตาน่ารังเกียจจาบจ้วงองค์ชายเช่นนี้ได้อย่างไร”เฉินอิ้งถงได้สติ “ขออภัยกงกง ข้าน้อยเพียงแค่ทราบซึ้งในน้ำพระทัยขององค์ชายห้าก็เท่านั้น”จินเหยียนแค่นยิ้ม “เจ้าช่างเป็นสตรีใจกล้าบ้าบิ่นยิ่งนัก มิเคยมีผู้ใดกล้าขวางข้ามาก่อน เช่นนั้นก็ว่าเรื่องของเจ้ามา”เฉินอิ้งถงนิ่งเงียบ อันที่จริงนางรู้เพียงว่ามีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาโรคร้ายอยู่ในเนื้อเรื่องจริง ทว่าหญิงสาวไม่เคยเดินทางไปที่นั่นสักครั้งแล้วจะทราบเส้นทางได้อย่างไร‘นายท่าน ท่านกำลังอยากพาพวกเขาไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่’เฉินอิ้งถงตกใจจนหน้