บัดนี้สายตาของเหล่านักเรียนในห้องต่างหันมามองต้นเหตุของข่าวลือนั่น จ้าวลู่อินเริ่มรู้สึกอับอายและกระอักกระอ่วน
แม้ว่าหยางเฟิ่งหยวนจะมิได้ปฏิเสธนางออกมาโดยตรง แต่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่านางกำลังโกหกและคิดไปเองในเรื่องของเขา นางอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว เหตุใดเขาจึงไม่ไว้หน้านางถึงเพียงนี้
“พี่เฟิ่งหยวน!!”
“ท่านหญิง พวกนางกำลัง…มองท่านอยู่เจ้าค่ะ”
“มองอะไรกันงั้นหรือ พวกเจ้าอยากไปกักตัวที่หอคัมภีร์ที่ผีเยอะนั่นหรือ เหตุใดไม่รีบเขียนงานกันเล่า”
นักเรียนที่เหลือรีบหันกลับไปเขียนงานของตัวเองแต่เสียงกระซิบนั้นก็ดังไม่ขาดสายจนจ้าวลู่อินนั้นมือสั่นจนแทบจะเขียนสิ่งใดไม่ได้เลย
“ท่านหญิง ท่านจะทำเช่นไรต่อเจ้าคะ”
“ข้าจะส่งจดหมาย ไปบอกท่านพ่อให้จัดการเขา”
“แต่ว่าท่านอ๋อง….จะไม่ตำหนิท่านหรือเจ้าคะที่…..”
“หุบปาก!! หากพวกเจ้าได้เรื่องมากกว่านี้จะเป็นเช่นวันนี้งั้นหรือ ข้าต้องไปล้างห้องสุขาแต่นังคนสกุลลี่นั่นทำเพียงอยู่หอคัมภีร์คัดตำรากับพี่เฟิ่งหยวนไม่กี่จบ นางทำให้ข้าอับอาย แค้นนี้ข้าต้องสะสางกับนางแน่”
ฟางเหยาเดินออกมาจากหอนอนเพื่อจะไปขอยา นางพบกับอาจารย์จินสั่วเข้าพอดี
“เด็กน้อยเจ้าหน้าซีดมากเลย ดื่มชานี่ก่อน”
“ขอบคุณอาจารย์หญิง”
“หากเจ้าป่วยหนักถึงเพียงนี้ ให้คนมาแจ้งก็ได้ข้าจะได้เอายาไปให้ เจ้าไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาเอง เอานี่ สวมผ้าคลุมเอาไว้หน่อยอากาศเริ่มเย็นแล้ว”
“ขอบคุณอาจารย์เจ้าค่ะ”
“ข้าจะไปดูข้าวต้มให้เจ้า เดี๋ยวข้ามา”
“เจ้าค่ะ”
หยางเฟิ่งหยวนเดินหาฟางเหยาไปทั่วเพราะเขาถามผู้ดูแลหอแต่นางบอกว่าฟางเหยาเดินออกไปแล้ว เขาเดินมาจนถึงหน้าเรือนรักษาและเห็นว่านางนั่งรออยู่ในนั้น จึงเดินเข้ามาหานางที่กำลังจิบยาที่เหลืออยู่
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เสียงของเขาทำให้นางสะดุ้ง ยังดีที่ดื่มชาหมดแล้ว ฟางเหยามิได้หันกลับไปแต่ก้มหน้าและหันมาเท่านั้น
“อาจารย์หยาง ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณ”
“เห็นบอกว่าเจ้าป่วย ข้าก็เลย…”
“ขอบคุณแต่ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเจ้าค่ะ”
เขามองนางที่หน้าซีดราวกระดาษที่เขาถือมาและปากที่ซีดเซียวนั่นด้วย นางเป็นอะไรกันแน่เหตุใดจึงดูซีดเซียวไร้สีเลือดเช่นนี้ เขานั่งข้างๆนางแต่นางกลับเบือนหน้าหนี นางไม่อยากพบเขาในตอนนี้สักเท่าไหร่
“หรือว่าที่เจ้าป่วย….”
“อ้อ อาจารย์หยาง ท่านมาสอบถามอาการป่วยหรือเจ้าคะ”
“อาจารย์จิน ข้าน้อย….เอาการบ้านของนางมาคืนให้และ….ใช่ขอรับจะมาดูว่านางเป็นเช่นไรบ้าง”
“ไม่มีอะไรน่าห่วง นางแช่น้ำร้อนนาน บ่อน้ำร้อนนั่นเป็นตัวกระตุ้น ก็เลย…เอ้านี่กินข้าวต้มเสียหน่อย”
“ขอบคุณอาจารย์หญิงเจ้าค่ะ”
“ข้าไปเอายามาให้เจ้า”
อาจารย์หญิงเดินกลับเขาไป แต่หยางเฟิ่งหยวนก็ยังไม่ยอมขยับตัว เขายังคงนั่งจ้องนางอยู่ที่เดิมจนนางเริ่มอึดอัดและทำตัวไม่ถูก
“อาจารย์หยาง หากข้าจำไม่ผิดตอนนี้ท่านมีสอน”
“ใช่ นักเรียนให้ห้องถูกสั่งทำโทษให้เขียนงานแก้ไขเพราะมีแค่สองคนที่เขียนงานผ่าน”
“แต่ท่านออกมาเช่นนี้…”
“ข้าแค่ออกมาเพื่อตรวจสอบดูอาการเจ้าเท่านั้น และเอาการบ้านมาคืนเจ้า เขียนได้ดีมาก ดีมากจนคาดไม่ถึงเลย”
“ขอบคุณ"
เขาเอามืออังหน้าผากนางจนนางตกใจถอยออกมาแทบไม่ทัน
“ท่านทำอะไรนะ”
“ข้าก็แค่…ตัวเจ้าร้อนอย่างกับไฟแล้วยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกเช่นนั้นหรือ”
“ข้าไม่เป็นไร เชิญอาจารย์หยางกลับเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากมีปัญหาอีก”
“เจ้าเองก็เชื่อข่าวลือบ้าๆนั่นสินะ ดูเหมือนว่าสั่งคัดบทสำนึกผิดนั่นคงน้อยไปเสียแล้ว”
“ข้าไม่สนใจเรื่องของผู้อื่น ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งบิดา เรียนรู้ให้ได้มากที่สุด หากอาจารย์หยางหมดธุระแล้ว ข้า…”
“เจ้าต้องกินข้าวนี่ให้หมดและรอกินยาจากอาจารย์หญิงก่อน เอาละ ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว หายเร็วๆ”
เฟิ่งหยวนเดินออกมาจากห้องรักษาและเดินกลับไปที่ห้องเรียนทันที เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเพียงแค่ได้ยินว่านางป่วยก็รีบหาเรื่องเดินมาพบนางถึงเรือนพักและยังเดินหาจนทั่วเมื่อรู้ว่านางเดินออกมาแล้ว เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“เอ้านี่ ดื่มยานี่ก่อนแล้วค่อยกลับไปนอนพัก หรือไม่ข้าว่าเจ้านอนที่ห้องพักที่นี่ก่อน เจ้าไปแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่หลังเขานั่น มันทำให้ธาตุในร่างกายปรับสมดุลเร่งให้ระดูมาเร็วขึ้นร่างกายเจ้าจึงรับไม่ทัน ดื่มยานี่แล้วนอนพัก เย็นๆค่อยกลับไป”
“ขอบคุณอาจารย์หญิงเจ้าค่ะ”
“รีบกินเถอะ”
ฟางเหยาเองก็ไม่นึกว่าน้ำแร่หลังเขาจะทำให้ร่างกายนางหมดเรี่ยวแรงถึงเพียงนี้ได้ ระดูที่เคยมาปกติก็มาก่อนกำหนดในตอนที่ร่างกายนางอ่อนแอ
นางวางถ้วยยาและเดินไปนอนยังเตียงที่มีผู้เตรียมให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อล้มตัวลงนอน ราวกับว่าถูกสั่งให้หลับใหล ฟางเหยาหลับไปในทันที
หอคัมภีร์
“เหตุใดพวกเราต้องมานั่งคัดกฎบ้าบอเช่นนี้ด้วยนะ”
“ท่านหญิง นี่มัน…”
“หากไม่ใช่เพราะนังแพศยาแซ่ลี่นั่นละก็…”
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านหญิง ได้ข่าวว่านางป่วยนอนอยู่ที่เรือนรักษาทั้งวัน เราควรจะ จัดการอะไรหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ใช่นิสัยข้าที่จะรังแกคนอ่อนแอกว่าสักหน่อย ข้าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“ท่านพูดเช่นนี้ก็หมายความว่า…”
“ไม่ว่าจะสิ่งใด ข้าก็จะทำไม่รู้ ไม่เห็น คนอื่นเองก็ไม่เห็นเช่นกัน”
เจาเนี่ยเฟยและหงเสี่ยวซีเข้าใจได้ในทันที พวกนางแอบย่องออกไปจากหอคัมภีร์และไปที่เรือนพักทันที ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วจึงไม่มีคนเฝ้าอยู่ที่นั่น เนี่ยเฟยและเสี่ยวซีเห็นฟางเหยาที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆพวกนางจึงค่อยๆเดินย่องเข้าไปพร้อมกับน้ำถังใหญ่ที่เตรียมไปราดลี่ฟางเหยา
“เจ้าไปทางนั้น ราดให้นางอับอายไปเลย เตรียมตัวนะ สาม สอง….”
ผ้าบางอย่างพาดมาจากที่ใดไม่ทราบได้ปิดตาทั้งคู่เอาไว้ก่อนจะปิดปากพวกนางด้วย ถังในมือพวกนางหลุดออกมาแต่ดูเหมือนจะไม่หกเลอะเทอะ พวกนางถูกมัดตัวติดกันเอาไว้ตรงกลางห้องพร้อมกับน้ำอีกสองถัง ลี่ฟางเยี่ยนดึงเชือกผ้าที่ใช้รัดพวกนางอยู่ข่มขู่
“ผู้ใดใช้เจ้ามาทำร้ายนาง”
นางดัดเสียงทำให้ทั้งคู่จำฟางเหยาไม่ได้
“ขะ…ข้า…”
“บอกมาก่อนที่ข้าจะเชือดคอเจ้าตายคาห้องนี้ จะบอกหรือไม่!!”
“ท่าน…ท่านหญิงจ้าว จ้าวลู่อินนางเป็นผู้สั่ง”
“จ้าวลู่อิน เจ้าอย่าใส่ความผู้อื่น!! พวกเจ้ามันสกปรก ชอบหาเรื่องนาง”
“ไม่นะ ไม่ใช่ ท่านหญิงเจ้าค่ะ ท่านหญิงสั่งให้พวกข้ามาราดน้ำเย็นใส่ฟางเหยา นางรู้ว่าฟางเหยาเป็นระดูและอยากให้นางอับอายก็เลย….”
“เช่นนั้น พวกเจ้าก็รับกรรมไปแทนนางเสียเถอะ”
น้ำเย็นๆในถังถูกราดลงไปที่ทั้งคู่พวกนางร้องแต่ไร้เสียงเพราะถูกผ้าปิดปากไปอีกครั้งเมื่อเสร็จแล้วฟางเหยาจึงรีบกลับไปนอนที่เตียง เพราะนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางนี้
“พวกเจ้ารีบยกข้าวเข้าไปให้นักเรียนที่ป่วยอยู่ ข้าจะไปดูยา…นี่มันน้ำอะไรกัน!!”
“อาจารย์หญิงเจ้าคะ พะ…พวกนาง….”
“รีบให้คนไปตามอาจารย์หยาง กับ อาจารย์เจิ้นหัวมาเร็วๆเข้า!!”
ห้องส่งตัวกู้เป่าเป้ยโม่วตงลี่เดินเข้ามายังห้องส่งตัวเจ้าสาวของเขาพร้อมกับไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“ตงลี่ นั่นท่านหรือ”“ข้าเองเป่าเป้ย ขอโทษที่ให้เจ้ารอนานนะ”“ไม่เป็นไร ท่านรีบเถิด ข้ารู้สึกแปลกๆ อยากเปลี่ยนชุดแล้ว”“ได้สิ ข้าจะเปิดหน้าเจ้าตอนนี้เลย”เขาใช้ไม้เปิดใบหน้าเจ้าสาวแต่มันดันติดเครื่องประดับบนศีรษะของนางจนดึงออกไม่ได้“อย่าดึงนะ ข้าเอาออกเอง”“แย่จริง ข้ารีบร้อนไปหน่อยน่ะ”“ตงลี่ เหตุใดมือของท่านจึงสั่นถึงเพียงนี้”“ข้า…”“ท่านดื่มมาหนักหรือ หน้าท่านก็แดงมากเลยเกิดอะไรขึ้น ปกติท่านดื่มสุราเมาง่ายเช่นนี้เลยงั้นหรือ”“ข้าไม่ได้เมานะ เจ้า…ต้องดื่มสุรานี่กับข้าด้วย”“อ้อ ใช่แล้วๆข้าเกือบลืมไปเลย มาเพคะองค์ชาย”“ยังจำได้สินะว่าข้าเป็นองค์ชาย ปกติพูดกับข้าธรรมดานี่”“ก็ผู้ใดขอให้หม่อมฉันพูดเช่นนั้นเองเล่าเพคะ ตอนนี้จะมาน้อยอกน้อยใจมันไม่ช้าไปหรอกหรือเพคะ”“ก็แค่ช่วงจะไปเมืองหลวงเท่านั้นที่จะให้เจ้าฝึกพูดเช่นนั้น แต่ต่อไปก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการแล้ว ข้าได้ยินพี่สะใภ้คุยกับพี่แปดแล้วเวียนหัว”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”“ตามใจเจ้าเลย มาเถอะน้องหญิง ดื่มสุรามงคลกัน
พิธีมงคลสมรส“ยินดีด้วยๆ องค์ชายทั้งสองยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งเฟิ่งหยวนและตงลี่ต้องคอยรับแขกในงานหลังจากที่เจ้าสาวของพวกเขาถูกส่งไปยังห้องส่งตัวแล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะอยากเร่งไปยังห้องส่งตัวมากแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะต้องอยู่ในงานเลี้ยงก่อน องค์รัชทายาทสั่งคนให้เรียกทั้งคู่เข้าไปในห้องเพื่อเลี่ยงแขกสักครู่ “พี่ใหญ่ เรียกพวกเรามา มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีของขวัญจะมอบให้เจ้าทั้งสอง”พวกเขาเดินตามองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องและนั่งที่โต๊ะ “นี่คือ….”“นี่ก็คือของขวัญที่จะมอบให้พวกเจ้าในคืนนี้ ดื่มเสียสิ ข้าให้คนต้มมาให้พวกเจ้า บำรุงเสียหน่อยก่อนจะเข้าห้องส่งตัว”""บำรุง""“ใช่ เชื่อข้าเถอะน่า ข้าเป็นพี่เจ้านะเรื่องเช่นนี้ข้าผ่านมาก่อน รับรองว่าเจ้าจะได้มีบุตรทันใช้เป็นแน่ เหตุใดจ้องหน้าข้าเช่นนี้เล่า ไม่เชื่องั้นหรือ”“ไม่ใช่ไม่เชื่อพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าข้าคิดว่าพี่แปดกับข้า จำเป็นต้องบำรุงด้วยยานี่ด้วยงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะก็ในเมื่อพวกกระหม่อม….แข็งแรงดุจอาชาศึกขนาดนี้”“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าบ่าวหมาดๆอย่างพวกเจ้าหรอกน่า เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าเป็นตัวอย่างสิ นางตั้งครรภ
สิบวันถัดมากองทัพขององค์รัชทายาทเดินทางไปแคว้นหานพร้อมกับส่งมอบตัวองค์ชายกว้านเหมาพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้แคว้นหานหยุดรุกรานแคว้นรอบข้างเป็นเวลาสามสิบปีนับจากนี้ตัวแทนแคว้นต่างๆเข้าร่วมในการทำข้อสัญญาในครั้งนี้ด้วย กว้านเหมาถูกลดลำดับขั้นเป็นเพียงอ๋องและถูกส่งไปชายแดนด้านตะวันออกซึ่งห่างไกลกับความเจริญเพื่อเป็นการลงโทษ“เขายอมงั้นหรือเพคะ”“เป็นคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อจะดัดนิสัยเขาที่เอาแต่ใจ อันที่จริงฮองเฮาเองก็หาวิธีดัดนิสัยของเขามานานแล้วครั้งนี้ถือว่าเขาน่าจะเข็ดไปอีกนาน”“เช่นนั้นเรื่องที่ชายแดนก็นับว่าสงบแล้ว”“ใช่แล้วล่ะ กว้านเหมากลัวแทบตายเมื่อรู้ว่ายาถอนพิษต้องกินถึงสามครั้ง เขาเลยยอมบอกแหล่งผลิตอาวุธร้ายแรงและแหล่งผู้ที่ค้าขายดินปืนและเครื่องมือผลิตให้พี่ใหญ่ จากนี้คงจะไม่มีผู้ใดกล้าผลิตอาวุธนั่นอีก”“แน่ใจหรือเพคะว่าเขาบอกหมดแล้ว”“เขากลัวขนาดนั้น คงไม่กล้าปิดบังอะไรไว้อีกแล้วละ เรื่องนี้เป็นความชอบของเจ้า เสด็จพ่อประทานรางวัลมาให้มากมายรวมถึง…ล้างมลทินให้กับวิหควายุด้วย จากนี้วิหควายุคือจอมยุทธ์ผู้ผดุงความเป็นธรรมกำจัดคนชั่วเพื่อแผ่นดิน”“เช่นนั้นแสดงว่าหม่อมฉันก็ยังใช้ชื่อน
“เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจ ทั้งๆที่เจ้าไม่เคยบอกไม่เคยพูดสิ่งใดเลยงั้นหรือฟางเหยา”“เฟิ่งหยวน เรื่องนี้หม่อมฉันเป็นคนผิดเอง แต่โปรดฟังเหตุผลก่อน ในเวลานั้นหม่อมฉันมีเวลาตัดสินใจเพียงเล็กน้อย พระองค์มิได้มาหาหม่อมฉันก่อนที่ข้าจะไปที่นั่น หม่อมฉันรู้เพราะว่าพระองค์ถูกอาจารย์ขังเอาไว้ เรื่องนี้ไม่โทษพระองค์ แต่หม่อมฉันรู้นิสัยของกว้านเหมาว่าจะต้องทำเช่นนั้นเลยตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยง แต่รู้ว่าเขาต้องหลงกลตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว เรื่องนี้…”“แล้วหากเขาไม่หลงกลเจ้า และทำเรื่องน่าอายนั่นขึ้นมาละ เจ้าคิดว่าหากข้ารู้เรื่องนี้ทีหลัง หรือเจ้ากว้านเหมานั่นมาพูดกับข้าว่ามัน…..”“หม่อมฉันเข้าใจเรื่องที่พระองค์ทรงกังวล แต่มันมิได้เกิดขึ้นและหม่อมฉันเองก็คิดแผนเอาไว้แล้วหากว่าเขาไม่หลงกล ก็แค่ใส่ยาเอาไว้ในสุราเท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะได้สัมผัสตัวหม่อมฉัน เฟิ่งหยวนหม่อมฉัน…..พูดจริงๆนะ”“เรื่องยาถอนพิษนั่น.....”“ยาถอนพิษนั่นเป็นแผนของหม่อมฉันเอง ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยเตือนแล้วว่าคนผู้นี้มีมากกล หม่อมฉันเลยคิดว่าการถอนพิษกับเขามันง่ายไปหน่อย หนามยอกเอาหนามบ่งเช่นนี้จึงจะสามารถลากแผนชั่วของเขาออก
หยางเฟิ่งหยวนเดินออกมาจากห้องโถงเพื่อจะเดินกลับออกไปขึ้นรถม้า ฟางเหยาเมื่อเห็นเขาจึงรีบขอตัวจากเพื่อนๆและวิ่งตามเขาออกมาทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าเขานึกไม่พอใจสิ่งใดหรือไม่“เฟิ่งหยวน นั่นท่านจะไปที่ใด”เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเสด็จอาในห้องโถงและเรื่องยาถอนพิษที่องค์รัชทายาทตรัสเมื่อครู่เขาก็เริ่มกัดกรามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย“องค์ชาย พระองค์เป็นอะไรไปเพคะ”“เปล่า ข้าเหนื่อยแล้วอยากกลับไปพักผ่อน”“แต่ว่านี่ยังไม่ดึกเลยนะเพคะ แล้วก็องค์รัชทายาทก็ยังประทับอยู่”เขาหันมามองใบหน้าที่มองเขาโดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขากำลังโมโหนาง และยังไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจขององค์ชายแปดเริ่มร้อนรนเพราะความโกรธ“เหตุใดพระองค์จึงทำท่าทีเช่นนี้ มีผู้ใดทำให้พระองค์กริ้วงั้นหรือเพคะ”“ลี่ฟางเหยา เจ้าคิดจะบอกเรื่องยาถอนพิษของกว้านเหมากับข้าเมื่อใด”คำถามนี้ทำเอานางตกใจไปเล็กน้อยเพราะมัวแต่ยุ่งและตื่นเต้นที่ได้กลับบ้านจนลืมบอกเรื่องนี้กับเขาไป นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาโกรธ ฟางเหยารู้สึกแปลกใจ เรื่องยาพิษนั่นนางนำยาถอนพิษไปให้อาจารย์แล้วจึงมิได้ใส่ใจอีก แต่เหตุใด….“พระองค์โกรธหม่อมฉันเรื่องนี้หรือเพคะ หม่อมฉันคิ
“ที่ชิงโจวเป็นบ้านของฟางเหยา ข้าเองก็คิดว่าที่นี่น่าอยู่และเงียบสงบมาก และข้าก็รับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลสำนักศึกษานี้ร่วมกับเขา ดังนั้นเรื่องกลับเมืองหลวง ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พี่แปด ท่านไม่เห็นบอกข้าเลย เช่นนั้นข้าจะทำให้เป่าเป้ยท้องบ้าง จะได้…”“ไม่ต้องเลย เจ้ากับพระสนมโม่วยังต้องคุยกันอีก อย่าลืมสิว่า ที่พระชายาเจ้าหนีมาเพราะเสด็จแม่เจ้า ตัวเจ้าเป็นผู้ก่อเรื่องต้องพานางไปพบพระสนมก่อนอย่างน้อยให้นางได้รับรู้ว่านางเข้าใจพระชายาเจ้าผิด นางเป็นถึงบุตรีขุนนางใหญ่ มิใช่หญิงชาวบ้านอย่างที่เสด็จแม่เจ้าคิด”“ข้าก็เพียงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าก็ส่งจดหมายไปบอกเสด็จแม่แล้ว นางก็เข้าใจแล้วเพียงแต่หากพระองค์รู้ว่ามีหลานก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”“ข้าเข้าใจเจ้านะน้องเก้า แต่เจ้าจะสุกเอาเผากินไม่ได้ การที่เจ้าทำเช่นนี้ก็มิใช่ว่าจะดีกับนาง ดีเพียงใดแล้วที่นางไม่ตั้งครรภ์ก่อนจะหมั้นหมายกับเจ้า โชคดีที่บิดานางไม่เอาเรื่อง”“ข้าทราบแล้ว พี่ใหญ่ตักเตือนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ท่านลงมาชิงโจวครั้งนี้กะจะมาต่อรองกับแคว้นหานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่