ไป๋หลันอยู่คนเดียวในห้องเกือบสามเดือนแล้ว ถึงเธอจะอยากออกไปเที่ยวบ้าง แต่คิดอีกทีก็ไม่อยากออกไปไหน สุดท้ายจึงสั่งอาหารมาที่ห้องและนั่งดูซีรีส์ ดูการ์ตูน ดูอนิเมะต่อไป บางวันก็อ่านนิยายบ้าง เล่นเกมบ้าง
ไป๋หลันไม่มีพี่น้อง เป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับปู่ย่า การเรียนไม่ค่อยได้เรื่อง แต่โชคดีเป็นคนที่เก่งกีฬา เธอจึงได้โควตาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวา ด้วยคะแนนเกาเข่าเพียงสามร้อยกว่าเท่านั้น หลังเรียนจบก็หางานทำไม่ได้ เพราะได้รับบาดเจ็บที่แขนและขาจนต้องผ่าตัด ความฝันอาชีพนักกีฬาจึงต้องหยุดลงด้วย ยังดีที่เธอได้เงินจากการแข่งขันก่อนหน้ามาจำนวนหนึ่ง จึงยังพอใช้ชีวิตต่อไปได้ แม้จะต้องเดินด้วยท่าทางแปลกๆ
ไม่นานปู่ย่าก็มาเสียชีวิตติดๆ กันอีก เธอจึงขายบ้านของปู่ย่า เพราะไม่อยากฟังคำบ่นของพวกเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะป้าหลิวที่วันๆ คอยแต่ถามเธอว่าทำงานอะไร เธอหนีไปอยู่ในตัวเมืองปักกิ่ง แม้อากาศจะแย่มาก แต่ไป๋หลันที่มีเงินซื้อห้องเล็กๆ อยู่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
จากนั้นมาเธอพยายามหางานทำแล้วแต่หาไม่ได้เลยเพราะเธอทำงานหนักไม่ไหว เพื่อนสนิทคนเดียวของเธอก็แต่งงานไปแล้ว แฟนเฮงซวยของเธอก็มาบอกเลิก ทั้งที่เขาขอหมั้นกับเธอแล้ว สุดท้ายชีวิตของไป๋หลันจึงลงเอยด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง ใช้เงินเก็บจนร่อยหรอลงเรื่อยๆ ถึงเธอจะกังวลแต่ก็ไม่อยากออกไปหางานทำ
เธอเคยถูกคนอื่นๆ เรียกว่าเป็นพวกป่ายล่าน [1] ครั้งหนึ่ง ตอนที่เธอออกไปหาเพื่อนสนิท พวกผู้ชายที่เป็นเพื่อนกับสามีของเพื่อนเธอก็แซวเธอเล่นๆ แบบนั้น เพราะมันบังเอิญพ้องเสียงกับชื่อของเธอ แต่มันทำให้ความรู้สึกของไป๋หลันยิ่งดิ่งจนไม่กล้าออกไปไหนอีก
ความสุขเดียวของเธอตอนนี้คือการดูซีรีส์ ดูอนิเมะ อ่านหนังสือ เล่นเกมอยู่ในห้อง เธอชอบสะสมแปลนธนูเก่า มันทำให้เธอหลงรักเสื้อผ้าแบบโบราณด้วย บางครั้งเธอก็อยากไปงานคอสเพลย์บ้าง แต่ติดที่ไม่กล้าออกไป เธอจึงได้แต่สั่งผ้ามาลองตัดใส่เอง แม้ฝีมือของเธอจะห่วยแตกชนิดที่มองไม่ได้ แต่เสื้อตัวแรกที่เย็บเองนั้นก็ทำให้เธอภูมิใจมาก
วันนี้ไป๋หลันเห็นข่าวในโต่วอิน [2] บอกว่าจะมีการรวมตัวกันของเหล่านักคอสระดับโลก ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังโบราณกู้กง ในอีก 15 วัน ทุกคนต้องจองตั๋วพิเศษเท่านั้น หัวใจของไป๋หลันกลับมาเต้นแรงในรอบ 4 ปี มันเป็นครั้งแรกที่เธออยากออกไปข้างนอกมากๆ
เธอตัดสินใจแย่งชิงตั๋วพิเศษ เธอใช้ความสามารถในการเล่นเกมจนแย่งมาได้สองใบ หยิบเอาชุดที่เธอเย็บด้วยตัวเองมาลองทาบๆ หน้ากระจกอยู่นาน แต่มันห่วยแตกจนเธอไม่อาจโกหกตัวเองได้
ไป๋หลันขายตั๋วอีกใบ ซึ่งราคาแรงมากจนเธอสามารถเอาเงินนั่นไปซื้อชุดฮั่นฝูชุดใหม่ได้พอดี ชุดนั้นสวยจนชวนตะลึง มีเกล็ดสีทองประดับตามชายกระโปรงด้วย ไป๋หลันตื่นเต้นมาก ได้ยินว่าถูกตัดเย็บตามแบบโบราณแท้ๆ
เธอเฝ้ารอวันที่จะได้ออกไปพบเจอเหล่าเลเยอร์ [3] ด้วยใจจดจ่อ แม้ชีวิตของเธอตอนนี้จะบัดซบสิ้นดี
พอถึงวันงานอีเวนต์จริงๆ บรรยากาศดีกว่าที่ไป๋หลันกังวลมาก ไม่มีใครสนใจที่เธอใส่ชุดโบราณ เพราะใครๆ ก็ใส่ แต่ละคนที่เดินผ่านไปมาก็สวยงามจนไม่อาจละสายตาได้ ไม่มีใครมาคอยถามเธอว่าทำงานอะไร ทุกคนต่างพูดถึงแต่ชุดและการตัดเย็บที่แสนลำบาก มีคนขอถ่ายรูปชุดของไป๋หลันด้วย แม้ตัวเธอที่เดินท่าทางผิดปกติจะไม่เหมาะกับชุดเลยก็ตาม
ไป๋หลันไม่มีเพื่อนมาด้วย ดังนั้นเมื่อขบวนนักคอสเคลื่อนเข้าไปด้านในพระราชวัง เธอจึงรั้งอยู่ท้ายขบวนตามที่ตั้งใจแต่แรก ทุกคนเดินดูและตื่นเต้นกับพระราชวังที่กว้างใหญ่ ตั้งแต่ประตูไท่เหอจนถึงประตูเสินอู่
ทุกอย่างช่างมหัศจรรย์ชวนหลงใหลจนไป๋หลันเดินช้าลง ช้าลง เธออยากเดินสำรวจพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงมากกว่านี้ ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจแยกตัวจากขบวน และไม่มีใครสนใจว่าเธอจะหายไปไหนด้วย
ไป๋หลันเดินย้อนกลับไปทางหอนาฬิกา ตำหนักเฟิงเสียน เธอเฝ้ามองนาฬิกาแต่ละเรือนที่งดงาม เดินดูทีละเรือน อ่านทุกตัวอักษรความเป็นมาของนาฬิกาพวกนั้น ราวกับต้องมนตร์
กระทั่งเธอเดินมาถึงป้าย ห้ามเข้า! กำลังปรับปรุง แต่เพราะที่นี่คือบริเวณที่ตั้งของหอนาฬิกาน้ำเครื่องแรกของโลกที่ถูกออกแบบโดยเทพเจ้ายี่ซิง ซึ่งเป็นนักดาราศาสตร์ชาวจีน นักคณิตศาสตร์ นักประดิษฐ์ วิศวกรเครื่องกล นักปรัชญาและพระภิกษุในราชวงศ์ถัง ถูกสร้างโดยนักประดิษฐ์อัจฉริยะซูซ่ง แม้จะถูกทำลายไป แต่รัฐบาลก็ได้สร้างขึ้นใหม่โดยอ้างอิงจากแบบในบันทึกเก่าแก่ สร้างขึ้นโดยไม่ผิดเพี้ยนจากบันทึกเลย
ไป๋หลันรู้สึกอยากเห็นหอนาฬิกากลน้ำนี้มากจนห้ามใจไม่ได้ เหมือนถูกบางอย่างครอบงำ เธอที่ขี้ขลาดมาเป็นปี กล้าที่จะเดินเข้าไปในห้องต้องห้าม ในห้องนั้นทั้งกว้างและสูงใหญ่ ค่อนข้างมืดเพราะปิดอยู่ มีหอนาฬิกาตั้งเด่นสง่าอยู่กลางห้อง
หอนาฬิกาน้ำถูกสร้างใหม่สูงประมาณเก้าเมตร หรือเทียบเท่าตึกสองสามชั้นได้ มีนั่งร้านที่ทำจากไม้ไผ่ล้อมรอบ เธอรู้สึกอยากปีนขึ้นไปดูกลไกด้านบนอย่างมาก จึงแอบปีนขึ้นไปตามนั่งร้านไม้ไผ่พวกนั้น แม้เธอจะขาพิการเจ็บแขน แต่ยังคงมีความคล่องตัวตามแบบฉบับนักกีฬา
ตามแต่ละชั้น มีตัวอักษรที่วิศวกรเขียนเอาไว้คร่าวๆ ว่าต้องสร้างอย่างไร ไป๋หลันสนใจเพ่งมองแต่ตัวอักษรจนไม่ได้สังเกตว่ามีคนอื่นเข้ามาในห้องนี้
ลุงเจ้าหน้าที่เห็นคนปีนขึ้นนั่งร้านจนถึงชั้นบนสุด ทั้งยังสวมชุดฮั่นฝูโบราณ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่แน่ เขาจึงตะโกนออกไป
“ใครน่ะ เข้ามาทำอะไรในนี้”
ไป๋หลันตกใจอย่างแรงไม่ทันระวัง จับนั่งร้านพลาด พลัดตกลงมาจากที่สูงกะทันหัน หัวใจของเธอหล่นวูบ
‘ตายแน่!!’ ไป๋หลันคิดในใจ เพราะช่วงพลัดตกลงมา เธอเห็นชัดเจนว่าด้านล่างมีไม้ไผ่ที่ถูกตัดปลายจนแหลมคมรอรับเธออยู่
แต่เธอไม่ได้กลัว กลับหลับตาลงและหวังว่าจะไม่เจ็บมาก
‘ตายตอนนี้ก็ดี เงินเก็บก็แทบไม่เหลือแล้ว จะได้ไม่ต้องออกไปหางานทำ เทพเจ้ายี่ซิง..ขอบคุณที่ทำให้พ้นทุกข์เร็วขนาดนี้ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอเกิดมาแล้วไม่ต้องทำอะไรมาก นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องก็พอ ถ้าท่านทำให้ความหวังของฉันเป็นจริง สัญญาว่าจะช่วยกู้ชาติตอบแทน’ เธอบอกตัวเองขำๆ ในใจระหว่างที่กำลังตกลงไปด้านล่างเรื่อยๆ ...
..................................ตรงนี้ลงรูปไม่ได้ ถ้าใครอยากเห็นรูปให้ไปตามเว็บที่ติดไว้นะคะ
รูปหอนาฬิกากลไกน้ำเครื่องแรกของโลก [4]
[1] เทรนด์ของวัยรุ่นจีนตอนนี้ ‘ป่ายล่าน’ (摆烂) แปลว่า ‘ปล่อยให้เน่า’ ที่หมายถึงการปล่อยวางเรื่องความสำเร็จ ไม่ทะเยอทะยานอยากได้งานรายได้สูง และหันมาทำงานเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่หาได้เลี้ยงตัวเองไปวันๆ โดยไม่คิดอะไร นอนเน่าอยู่แต่ในห้อง ไม่พยายามดิ้นรน
[2] โซเชียลมีเดียของจีน
[3] (เลเยอร์) : เป็นการเรียกผู้ที่แต่งคอสเพลย์อย่างสั้น แผลงมาจากคำว่า Cosplayer (ย่อคำแบบญี่ปุ่น Cosp “layer”) คำนี้นิยมใช้ในทางสากล โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น Coser (คอสเซอร์) ◾ นักคอส / นักคอสเพลย์
[4] ทำหน้าที่เป็นเครื่องบอกเวลาและทำนายการเคลื่อนตัวของดวงดาว หรือเรียกว่าหอนาฬิกาคำนวณดาราศาสตร์พลังน้ำ มีเครื่องกลซับซ้อน แบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ส่วนของการบอกเวลา มีหน้าต่างแสดงเวลาตามป้าย หมุนตามจำนวนเวลา 100 เค่อ บอกเวลาตั้งแต่ 1 วันจนครบ 1 ปี ชั้นที่ 2 ส่วนของตำแหน่งดวงดาว เรียกว่า ‘หุนเซี่ยง’ มีการติดตั้งลูกโลกทรงกลม มีปุ่มโลหะเลียนแบบตำแหน่งดวงดาว ชั้นที่ 3 ส่วนของวงล้อดาราศาสตร์ เรียกว่า ‘หุนอี๋’ มีวงล้อสำหรับสังเกตการขึ้นและตกของดวงดาว รวมถึงตำแหน่งของดาวบนท้องฟ้า เพื่อคำนวณเวลาตกฟาก
เครดิต : www.arsomsiam.com/หน่วยเวลาและนาฬิกาจีน
"ข้าไม่รู้ว่าอะไรคือรัก อะไรคือหลง ข้าบอกได้เพียงว่า เพราะเป็นเจ้า ข้าจึงหลง ไม่ว่าจะอกโตของเจ้า ริมฝีปากนุ่มนิ่ม เสียงร้อง รอยยิ้ม ความหน้าด้าน ความบ้าคลั่ง หรือกระทั่งหยดน้ำตา ข้าก็ทั้งหลงทั้งรักไม่อาจสูญเสียไปได้จริงๆ" คำบอกรักของเขาชวนใจเต้นแล้วแต่คำขอแต่งงานยิ่งชวนให้รู้สึกดีใจจนอยากร้องไห้มากยิ่งกว่าอีกซู่หรานมือเท้าสั่นเทาจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร"ขะ ข้า..ข้ากลัว" เธอบอกเขาถึงความในใจ เธอก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไรแต่เธอรู้สึกกลัวการต้องใช้ชีวิตกับคนอื่นมากจริงๆ"ข้าก็กลัว" เขาตอบเสียงทุ้ม"เจ้า..เจ้ากลัวแล้วยังขอแต่งงานอีกหรือ""อืม""เจ้าโง่ไปแล้วหรือ" ซู่หรานน้ำตาร่วง มือสั่นจนเริ่มควบคุมไม่ได้"ข้ากลัวว่าเจ้าจะทิ้งข้าอยู่ทุกวัน กลัวว่าพรุ่งนี้เจ้าอาจเปลี่ยนใจไปหาผู้อื่น แต่ข้ากลัวจะไม่ได้อยู่กับเจ้ามากกว่า ไม่ว่าอะไรข้าก็จะโยนทิ้งให้หมด""ข้ากลัวจะเสียใจ" ซู่หรานบอกเขาตามตรง"แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะเสียข้าให้ผู้อื่นหรือ" เขาถามตรง จี้ความกลัวของเธอ"กลัว กลัวสิ ฮือ" เธอตอบพร้อมเสียงสะอื้น"เช่นนั้นก็แต่งเถิด" เขาเริ่มใช้น้ำเสียงออดอ้อนขอร้อง และเธอรู้สึกว่ามันน่ารักจนไม่อาจทนได้จริงๆ"อ
"ไม่ เจ้าน่ารัก ข้าไม่กลัวแล้ว"สิ้นคำตอบของคนน่ารัก จิ้งจื่อก็ค่อยๆ ดันมังกรยิ่งใหญ่ของเขาเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับนาง เขารู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง ดีใจจนอธิบายไม่ถูก ในใจมีความสุขยิ่ง ร่างกายยิ่งกว่าสุขสมจนน้ำพุพุ่งกระจาย แต่เขาตัวสั่นกอดร่างเล็กอยู่เพียงครู่เดียวก็เริ่มขยับต่อไป ความคับแน่นทรมานก่อนหน้านี้ที่คับแคบจนเขาขยับลำบากก็เริ่มลื่นไหลมากขึ้น"อ้า อะ อ้า อื้อ จิ้ง อึก..อึก อื้อ"จิ้งจื่อเงยหน้ามองดูคนน่ารักของเขาที่ปกติแม้จะสุขสมเพียงใดก็ไม่ค่อยส่งเสียง นางมักจะกัดปากเก็บเสียงเงียบ แต่ยามนี้นางกำลังครางไม่เป็นภาษา ลืมเลือนแม้กระทั่งกัดปาก ได้แต่ร้องรับแรงกระแทกของเขาอย่างลืมตัวเขาดีใจมากที่สามารถเป็นฝ่ายกลั่นแกล้งจนนางทำตัวไม่ถูกได้บ้างแล้ว ยิ่งเวลาที่เขาบดเบียดจนนางเสร็จสม แต่เขาไม่ยอมพักและกระแทกกระทั้นต่อไปทันที นางจะจะจับไหล่เขาจนแน่น บางครั้งถึงขั้นจิกเล็บลงไปบนหลังเขา ร้องครางจนลืมตัวเขาต้องรีบจูบปิดปากเพราะกลัวใครจะได้ยิน แน่นอนว่าเขาชอบเสียงครางของคนน่ารักยิ่งกว่าสิ่งใด แต่เขาไม่ต้องการให้ใครได้ยิน เขาอยากเก็บเอาไว้เป็นของเขาคนเดียว ดังนั้นเขาจึงชอบกระแทกให้นางสุขสมจนแทบก
"อีกครู่เดียว..ได้หรือไม่ ทำเช่นนี้ช่วยให้หายหนาว เจ้าเป็นคนบอก จำไม่ได้หรือ" เขาพยายามต่อรองซู่หรานรู้สึกสงสารท่าทางน่ารักนั้นยิ่งนัก เธอเสร็จสมแล้ว แต่เขายังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกว่าสงสารยิ่ง แต่ตัวเองก็ไม่มีแรงแล้ว เธอจึงยกมือชี้ที่ปากตัวเองแทน"เอ่อ..เจ้า.." เขาอยากพูดว่าหากนางไม่ไหวแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ความร้อนรุ่มก็กำลังกัดกินเขา"มาสิ" เธอพูดอย่างอ่อนแรงจิ้งจื่อตัดสินใจขยับตัวขึ้นไปคร่อมอยู่ตรงคอของร่างเล็ก เขาพยายามจัดท่าทางไม่ให้ทับจนนางหายใจไม่ออก ก่อนจะจ่อหัวมังกรชมพูไปที่ปากเล็กของนางซู่หรานยามนี้ เหนื่อยจนอ่อนแรง แต่อยากเอาใจเขาจึงอ้าปากแลบลิ้นไปเลียหัวมังกรร้อนผ่าวลำนั้น"อื้อ อะ" เธอเพียงเลียแผ่วปลาย เขาก็ส่งเสียงครางสุขสันต์จนน่าสงสารไปหมดซู่หรานอยากให้เขาสุขสมยิ่งขึ้นจึงยกมือดันก้นแน่นของเขาเพื่อให้เจ้ามังกรใหญ่ขยับเข้าปากมากขึ้นจิ้งจื่อรู้สึกดีจนตัวสั่น นางไม่เพียงอ้าปากให้ความสุขเขา แต่ยังขยับลิ้นไปมาเพื่อดุนดันลิ้นไปทั่วหัวมังกร ยิ่งทำให้เขาสุขสมยิ่งขึ้น เขาชอบสัมผัสนั้นมากจนไม่อาจห้ามใจไหว จึงขยับสะโพกขึ้นลงเบาๆ"อ้า อา" เขามีความสุขมากเกินไป
"ใช่แล้ว หากไม่ได้เขาข้าอาจตายไปนานแล้ว หรือไม่ตายก็คงเหมือนตายอยู่ดี" เขาพูดและรวบตัวคนขี้สงสัยเข้ามากอด"ครั้งแรกที่ข้าเข้าสู่สนามรบ ข้าฆ่าคนไปมากมายจนไม่อาจนับได้ หลังจากนั้นข้าไม่อาจมองผู้คนเช่นเดิมอีกเลย ผู้คนต่างยกย่องข้าแต่ก็หวาดกลัวข้าราวกับปีศาจร้าย ถึงพวกเขาจะเรียกข้าว่าวีรบุรุษสงคราม แต่ข้าก็คือฆาตกรที่ฆ่าคนไปมากมาย ข้ารู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรจะยืนอยู่บนพื้นโลกกับผู้อื่นต่อให้พวกเขาจะมองข้าด้วยความชื่นชมแต่ก็มองด้วยความกลัวเช่นกัน จนข้าได้มาพบเขา ปณิธานของเขาทำให้ข้าอยากจะลองมีชีวิตอยู่และลงมือช่วยเหลือเขาสักครั้ง ต่อให้ต้องลงมือฆ่าคน ข้าก็รู้สึกว่าคุ้มค่า ข้าศรัทธาในตัวเขาและความตั้งใจของเขามาก""เพราะเช่นนี้ เจ้าจึงไม่ชอบที่ถูกจ้องมองหรือ" ซู่หรานถาม"อืม""เจ้าเป็นไท่เหอเจียนหู่ตั้งแต่อายุสิบสองเช่นนั้นหรือ" เธอตัดสินใจถามคำถามในสิ่งที่เธอกังวลตั้งแต่รู้ว่าเขาคือไท่เหอเจียนหู่"อืม" คำตอบของเขาเรียบง่าย แต่บีบคั้นหัวใจของซู่หรานจนเจ็บปวด เธอรู้สึกหายใจไม่ออกแทนเขา เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ต้องแบกภาระมากขนาดนี้ โลกนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ซู่หรานอยากปลอบประโลมเขาให้สมกับเป็นเพีย
"จิ้งจื่อ ไม่เอา" เธอผลักและพยายามถอยหนี แต่มือแข็งแกร่งของเขารวบจับสองมือเธอขึ้นไปไว้บนหัว และเริ่มจูบวนรอบยอดถัน พยายามดูดดันหัวมังกรเข้าไปอีกครั้ง"ไม่เอาแบบนี้ จิ้งจื่อ อย่าทำเช่นนี้ ขอร้อง" เธอเสียงสั่นกลัว"เพราะเหตุใด" เขายอมพูดคุยกับเธอแล้ว"ขะ ข้ากลัว" "แล้วต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะไม่กลัว" เสียงของเขาสั่นเครือ แต่ไม่ใช่เพราะความกำหนัด คล้ายว่าเขากำลังจะร้องไห้มากกว่า"จิ้ง..จิ้งจื่อ" ซู่หรานเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียง"ต้องเป็นเขาเท่านั้นหรือ" เขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอในที่สุด"ข้ารักเจ้า รักมากกว่าเขา เขาไม่ได้รักเจ้า เหตุใดเจ้าจึงยึดติดกับเขานัก" นัยน์ตาของจิ้งจื่อแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า ใกล้จะร้องไห้เต็มทีซู่หรานชะงักค้าง เธอตกใจทั้งกับคำบอกรักและท่าทางเจ็บปวดของเขา หัวใจของเธอกำลังพองโต"เป็นข้าไม่ได้หรือ ข้ารักเจ้า รักมาก..รักจนไม่อาจสูญเสียไปได้ เปลี่ยนเป็นข้าเถิด ข้าสาบานด้วยชีวิต ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าล้วนยินยอมทั้งสิ้น" จิ้งจื่อสบตาหญิงสาว พูดความในใจตัวเองออกมาด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกพ่ายแพ้ยิ่งแต่สำหรับซู่หราน เธอคล้ายตกหลุมรักความน่ารักของเขาเป็นครั้ง
"ข้าคิดถึงเจ้า คืนก่อนเจ้าก็ยังบอกว่าคิดถึงข้าอยู่เลย วันนี้เจ้าน้อยใจอะไรอีก เจ้าไม่พูดข้าจะรู้ได้อย่างไร" เธอพยายามพูดง้อเขา มือหนึ่งเกาะเอวไว้อีกมือก็ลูบคลำจนสิ่งนั้นของเขาเริ่มจะพองโตใหญ่ขึ้นบ้างแล้ว"หยุด!" เขาพยายามพูดเสียงให้ดุที่สุด แต่สองมือของเขากลับทำได้เพียงกุมข้อมือบางเล็กของนางไว้เท่านั้น ยิ่งนางลูบคลำ ขายาวของเขาก็ยิ่งสั่นมากขึ้น"เจ้าหนาวหรือ ให้ข้าช่วยนะ" เธอพูดออดอ้อนและเริ่มดึงเข็มขัดของเขาออก"หยุด!!" เขาแทบจะตะคอกใส่เธอซู่หรานตกใจจนสองมือหยุดชะงักเธอค่อยๆ หดมือกลับมาไว้ข้างตัวจิ้งจื่อเดินไปตรงกำแพงและโขกหัวตัวเองกับกำแพงแรงๆ หนึ่งที"เจ้าทำอะไร!!" ซู่หรานตกใจเธอรีบร้อนจะวิ่งไปดูเขา"อย่าเข้ามา!!" เขาตะเบ็งเสียงใส่จนเธอไม่กล้าเข้าใกล้"เจ้า..เจ้าเป็นอะไร อย่าทำเช่นนี้" หัวใจของซู่หรานเจ็บปวดมากเมื่อเห็นเขาต้องเจ็บเช่นนี้"ข้าเกลียดเจ้า" จิ้งจื่อเสียงเย็น"...อ้อ ได้ ขะ ข้าเข้าใจแล้ว" ซู่หรานรู้สึกแย่มากที่พยายามไล่ตามผู้ชายคนหนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัดสินใจผิดพลาดแล้ว เธอไม่น่าฟังคำของน้องสาวจนมาทำเรื่องน่าอายพวกนี้เลย"เจ้ามันเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เป็นสตรีหน้าด้าน ไ