Share

บทที่ 3

Author: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนชะงักไปเล็กน้อย เขาเม้มปากแน่นพลางมองอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

ซูมั่วได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เธอกระตุกยิ้มเย้ยหยันบริเวณมุมปาก

เธอเป็นภรรยาของฟู่อี้ชวน กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นคู่สามีภรรยากัน ส่วนตัวเธอเองเป็นมือที่สาม

ฟู่อี้ชวนเดินอยู่ด้านหน้า เย่ซินหย่าเดิมตามอยู่ข้างกายเขา แม้ว่าซูมั่วจะไม่สนใจหญิงใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ ทว่าความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้ว ผู้หญิงที่ทำตัวใส ๆ คนนี้มีแต่ก่อเรื่องต่อ

“มั่วมั่วต้องเจ็บมากแน่เลย ขอโทษนะ ตอนนั้นอี้ชวนนึกถึงชีวิตหน้าที่การงานของฉัน เลยพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลก่อน เธออย่าไปโทษเขาเลย” เย่ซินหย่าพูดกับซูมั่ว

ซูมั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่ได้ว่าอะไร ถึงยังไงเธอก็สำคัญที่สุดในใจเขาอยู่แล้ว”

สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ทว่าฟู่อี้ชวนกลับรู้สึกว่ามันฟังดูเหมือนเหน็บแนมอยู่นิด ๆ เลยเอ่ยปากออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“นี่เธอพูดยังไง ต่อให้ซินหย่าจะถือไม่ดี แต่การที่เธอไม่ได้ปิดฝาให้แน่นมันเป็นความรับผิดชอบของเธอ”

ซูมั่วไม่ได้แก้ต่างอะไรอีก เพราะต่อให้เธอจะอธิบายเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ฟู่อี้ชวนก็ไม่เชื่อ เธอจึงได้แต่เงยหน้ามองไปด้วยสายตาราบเรียบไร้ความรู้สึก

ฟู่อี้ชวนก้มหน้า ส่งสายตาจ้องมองเข้าไปในดวงตาสงบเงียบคู่นั้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าซูมั่วจะเย็นชาแข้งกร้าวขึ้นมานิดหน่อย

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไร อี้ชวนอย่าไปโทษว่ามั่วมั่วอีกเลย” เย่ซินหย่าพูดออกมาในเวลาที่เหมาะสมและใจกว้าง

“อีกอย่าง มั่วมั่วเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย อี้ชวน นายอย่าดุกับเธอขนาดนั้นสิ~”

ซูมั่วได้ยินคำพูดนี้ของเย่ซินหย่าแล้วอยากจะอ้วก ทั้งที่เธอเป็นผู้เคราะห์แท้ ๆ สุดท้ายดันถูกทำให้กลายเป็นตัวการเสียอย่างนั้น แถมเธอยังทำเป็นให้อภัย พูดคำพูดนั้นออกมาอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย

“คราวหน้าก็ระวังหน่อย” ฟู่อี้ชวนพูดกับซูมั่ว

คราวหน้า? ซูมั่วยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

ไม่มีคราวหน้าแล้วละ

ครั้นเดินมาถึงริมถนน อยู่ ๆ เสียงร้องตกใจพลันดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของทั้งสองคน

ฟู่อี้ชวนรีบหันขวับ เห็นเย่ซินหย่าล้มลงไปกองอยู่กับพื้น มือข้างหนึ่งกุมข้อเท้าไว้ พลางเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา

“ซินหย่า!” ฟู่อี้ชวนตะโกนด้วยความร้อนรน

เขาปล่อยมือโดยไม่คิด ซูมั่วถูกวางลงอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ทำให้ล้มลงไปกองที่พื้น จนเธอถึงกับสูดลมหายใจเพราะความเจ็บ

ฟู่อี้ชวนวิ่งไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล เขาอุ้มเธอวิ่งไปทางคลินิก

ทว่าเพิ่งเดินไปได้เพียงสองก้าว อยู่ ๆ ก็หันหน้ากลับไป

ที่ด้านหลัง ซูมั่วกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนย่างยากลำบาก

ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเย่ซินหย่าดังขึ้นข้างหู

“เจ็บจัง เท้าฉันเหมือนจะเคล็ดเลย ทำยังไงดี วันมะรืนฉันยังต้องไปเดินแบบด้วย”

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะพาเธอไปรักษาเดี๋ยวนี้แหละ” ฟู่อี้ชวนว่า จากนั้นก็รีบดึงสายตากลับ และเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด

คนเดินจากไปแล้ว ซูมั่วออกแรงยืนขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว ความเจ็บปวดทำให้แม้แต่จะยืดเอวให้ตรงก็ยังทำไม่ได้

เธอไม่ได้มองไปทางสองคนนั้น มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ร้อนผะผ่าว ยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่คันหนึ่ง

หลังจากขึ้นรถ เธอก็มองเท้าของตัวเอง ตอนที่ล้มลงเท้าเธอกระแทกถูกกับแผ่นหินที่นูนออกมานิ้วเท้าเลยเลือดออก

ไม่เพียงเท่านั้น ก้นกบของเธอก็เจ็บ ข้อศอกถลอกเป็นวงใหญ่

เธอเช็กคราบสกปรกและคราบเลือดด้วยกระดาษทิชชู ความเจ็บแปลบทำเอาเธอถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ แม้จะกัดฟันแล้วก็ยังกลั้นเสียงร้องไม่อยู่

เดือนสุดท้ายแล้ว ซูมั่วคิดในใจ เหลืออีกเดือนเดียว เธอก็จะเป็นอิสระ

โทรศัพท์ข้างกายพลันสั่นสะเทือน มันปรากฏข้อความหนึ่ง และยังคงเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยเบอร์นั้น

[ขอโทษนะมั่วมั่ว อี้ชวนพาฉันมาตรวจเท้า แถมยังทิ้งเธอไว้อีก เขาอาจจะต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันสักพัก เธอคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหม]

ซูมั่วมองเล็กน้อย แล้วเมินไปเสีย

พวกเขาเลิกรากันมาสองปีแล้ว แต่ฟู่อี้ชวนก็ยังรักเย่ซินหย่าขนาดนั้น ขอแค่เย่ซินหย่ายืนอยู่ตรงนั้น ฟู่อี้ชวนก็จะเลือกเธอโดยไม่ลังเล

ซูมั่วสับเปลี่ยนแอปพลิเคชันอื่น เห็นข้อความจากรุ่นพี่โจวจิ่งอันที่ส่งมาหาเธอเมื่อวานนี้ เขาถามเธอว่าจะกลับประเทศเมื่อไร

ใช่แล้ว เธอปิดบังเรื่องการแต่งงานของตัวเอง และบอกอีกฝ่ายไปว่าเธอไปต่างประเทศ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เธอยังคงอยู่ที่เมืองหลวง

เมืองหลวง จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก คนภายนอกรู้เพียงแค่ว่าฟู่อี้ชวนแต่งงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าภรรยาของเขาเป็นใคร นี่ก็คือความต้องการของเขาในตอนนั้น

ส่วนเธอนั้น ระยะเวลาสองปีมานี้ต้องคอยวนเวียนอยู่รอบตัวฟู่อี้ชวนมาตลอด ไปมาอยู่แค่สองที่เท่านั้น ไม่เคยเปิดเผยหน้าตา

[อีกหนึ่งเดือนก็กลับแล้ว รอฉันจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จก่อนนะ] ซูมั่วตอบอีกฝ่าย

ปิดฉาก จบสิ้นทุกอย่างกับฟู่อี้ชวน

รุ่นพี่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าถึงตอนนี้จะให้เธอไปรับหน้าที่ผู้อำนวยการที่บริษัทเขา

เธอตอบรับคำเชิญของรุ่นพี่ แต่ไม่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ เพราะตั้งแต่เรียนจบเธอก็แต่งงานกับฟู่อี้ชวนเลย แม้จะบอกว่าเป็นคุณนายเต็มตัว ทว่าในความเป็นจริงนั้นเป็นแม่บ้านเต็มตัวเสียมากกว่า

เธอยังคงต้องฟื้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นที่ได้เรียนจากมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นคงจะปรับตัวไม่ได้แม้กระทั่งงานพื้นฐานทั่วไป

[ไม่เอาน่า ให้ตำแหน่งผู้อำนวยการกับเธอยังถือว่าใช้คนไม่เหมาะกับงานด้วยซ้ำ ตอนนั้นในสาขาน่ะ เธอเป็นคนที่ได้รับเงินทุนทุกปีเลยนะ ตอนปีสองก็นำทีมคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้ด้วยตัวเอง เป็นคนเก่งสุด ๆ คนหนึ่งเลย]

ซูมั่วถึงกับตกอยู่ในอยู่ห้วงภวังค์เมื่อได้อ่านข้อความจากอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

คะแนนของเธอโดดเด่นเกินใครมาตลอด นำทีมคว้ารางวัลมาแล้วหลายครั้ง ก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้มีวาสนาพบกับคุณปู่ฟู่อยู่สองสามครั้ง

สายตาหยุดอยู่ที่คำว่า “เก่งสุด ๆ ” คำนี้ ความรู้สึกมันเหมือนกับเพิ่งได้ตื่นจากฝันอย่างไรอย่างนั้น

ใช่แล้ว เธอเป็นคนเก่งมาก ๆ

ต่อให้ไม่ได้ช่วยรุ่นพี่สร้างธุรกิจ ตอนนี้ก็คงจะเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ในโรงงานใหญ่มีชื่อเสียงสักแห่ง

ทว่าตลอดสองปีที่ผ่านมานี้... เธอทรมานตัวเองจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว?

เพื่อความรักแล้ว เอาใจคนอื่นอย่างต้อยต่ำเหมือนฝุ่นผง ละทิ้งตัวเองและศักดิ์ศรี แม้แต่เธอยังรู้สึกแปลกหน้ากับตัวเธอเองที่เป็นแบบนี้ ช่างต่ำต้อยเหลือเกิน

หลังตอบกลับรุ่นพี่ไปแล้ว ซูมั่วก็ปิดโทรศัพท์ที่หล่นจนหน้าจอแตก เอนหลังพิงพนักที่นั่งรถแล้วหลับตาพักผ่อน

เรื่องในตอนนั้นผุดขึ้นมาในความทรงจำ

ตอนนั้นรุ่นพี่พาเธอมาสร้างธุรกิจด้วย เธอออกไปเสาะหาเงินทุน จนเจอเข้ากับคุณท่านฟู่

อีกฝ่ายยอมตกลง ทว่าเงื่อนไขก็คือการให้เธอแต่งงานกับฟู่อี้ชวน เพราะไม่อยากให้เย่ซินหย่าเข้ามาอยู่ในตระกูล

กับข้อเสนอนี้ สำหรับเธอในตอนนี้เรียกว่า “ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” มันมึนงงเหมือนกับถูกอะไรฟาดเข้าให้

เพราะเธอแอบรักฟู่อี้ชวนมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แม้ว่าต่อมาเขาจะไปคบกับเย่ซินหย่า แต่ว่าความรักนี้ยังคงถูกฝังกลบอยู่ในส่วนลึกของหัวใจตลอดมา

เธอโลภเกินไป หาเงินทุนมาได้แล้วยังไม่พอ เธอยังโลภไปถึงเรื่องความรัก จนตอบตกลงไป

ทว่าตอนนี้...

เธอนึกเสียใจแล้ว เสียใจอย่างที่สุด

มันไม่ใช่ลาภลอยที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า แต่เป็นน้ำล้างจานค้างปีต่างหาก

ของที่ได้มาฟรี มักมีราคาที่ต้องจ่ายสูงกว่าเสมอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Aom
เหอะ นางเอกแอบรักพระเอกอีกล่ะ
goodnovel comment avatar
Aom
เนื้อเรื่องคล้ายๆกับเรื่องอื่นๆที่อ่านมานะ เปลี่ยนตัวละคร เปลี่ยนสถานการณ์แค่นั้น
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 254

    กระดูกก้นกบ...บริเวณนั้นคงผ่าตัดยากสินะ?กระดูกร้าว...นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?ตำแหน่งนั้น หรือว่าฟู่อี้ชวนตั้งใจจะใช้เท้าเตะท้องซูมั่ว แต่ซูมั่วพลิกตัวหลบ เลยถูกเตะเข้าที่ก้นกบ?มือที่ยันคางของหลีเชินกำแน่นขึ้นเขารู้ว่าซูมั่วผอมแค่ไหน ถ้าว่ากันตามแรงของฟู่อี้ชวน แค่เตะอย่างเดียว หากเตะอีกสักสองทีก็คงตายคาที่ได้เลย“เดี๋ยวนะ ทำไมนายใส่ใจอาการบาดเจ็บของลูกความฉันขนาดนี้” คำพูดของเจิ้งเซวียนดังขึ้นอย่างกะทันหันโดยเฉพาะคำว่า ‘ใส่ใจ’ สองพยางค์นี้ที่เตือนสติเขา เพราะเมื่อครู่หลีเชินก็เพิ่งใส่ใจผู้หญิงบางคนไป แถมก่อนจะพูดถึงเธอยังพูดเบี่ยงไปถึงน้องสาวเขาก่อนด้วยทันใดนั้น เจิ้งเซวียนที่มีประสบการณ์โชกโชนด้านความรักก็เข้าใจทันที และเบิกตากว้างพลางพูด“คนที่นายชอบคือซูมั่วเหรอ??”คำพูดนี้เสียงดังลั่น ดึงสติของหลีเชินกลับมา จากนั้นก็ปฏิเสธทันที“นายพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย เป็นทนายกลับปล่อยข่าวลือ รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย”“งั้นนายบอกฉันมาสิว่าผู้หญิงที่นายนึกถึงจนว้าวุ่นเมื่อกี้คือเธอหรือเปล่า?” เจิ้งเซวียนหรี่ตา และถามหลีเชินชะงักไปครึ่งวินาที และช่องว่างในจังหวะนั้น เจิ้งเซวียนก็ชี้ข

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 253

    หลีเชินมองเขา สีหน้านิ่งค้าง จากนั้นเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นหลายส่วน“รีบบอกฉันเร็วสิ พี่สะใภ้ชื่ออะไร? เป็นคนจากวงการไหน? ฉันรู้จักไหม?” เจิ้งเซวียนตื่นเต้นขึ้นมา จิตวิญญาณความอยากรู้อยากเห็นลุกโชนได้ยินคำพูดนี้ หลีเชินก็เหมือนมีเส้นขีดสีดำที่หน้าผาก พูดอย่างจริงจัง“พี่สะใภ้อะไรกัน พวกเราเคยเจอกันแค่สองสามครั้งเอง”“แสดงว่าเป็นรักแรกพบน่ะสิ~” เจิ้งเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ดูท่าอีกฝ่านจะรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยสิ? เป็นสาวสวย มีเสน่ห์โดดเด่น” เจิ้งเซวียนพูดต่อหลีเชิน “...”ในหัวเขาผุดใบหน้าของซูมั่วขึ้นมา ความจริงแล้วเจิ้งเซวียนก็เดาไม่ผิด เพียงแต่...“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด” หลีเชินพูดแก้ทันทีเจิ้งเซวียนยิ้มโดยไม่พูด ยักคิ้วขึ้น ดวงตาคล้ายสุนัขจิ้งจอกยกขึ้น สีหน้าแสดงความรู้สึกว่า ‘ฉันรู้ ฉันเข้าใจฉัน รับทราบแล้ว’หลีเชิน “...”“ไม่ใช่จริง ๆ ฉันกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็แค่ช่วงนี้ได้ติดต่อกันทางอ้อมบ่อยขึ้น” หลีเชินพูดอีกครั้งจาก ‘อดีตภรรยาของฟู่อี้ชวน’ มาจนถึง ‘เพื่อนของน้องสาว’ และยังเป็นพนักงานของบริษัทคู่ค้า กระทั่งงานที่เจิ้งเซวียนรับมาด้วยถึงยั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 252

    หลีเชินสั่งอาหารแล้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทอดถอนใจอะไรนักเพราะในมุมมองของเขาต่อให้เจิ้งเซวียนไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจแล้ว แต่ตราบใดที่อยากเจอหลีโย่ว ก็ไปหาที่บ้านเขาโดยตรงได้นี่?พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเหมือนกัน เพื่อนเก่ากลับมาพบกันจึงดื่มไปหลายแก้วเจิ้งเซวียนเล่าเรื่องการก่อตั้งธุรกิจตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา หลีเชินก็ฟังไป สำนักงานกฎหมายปั๋วเหวินในตอนนี้ถือว่าอยู่ในอันดับท็อปสามของเมืองจิงจากหนุ่มคาสโนวาที่เริ่มต้นจากศูนย์ มีผลงานได้แบบนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเจิ้งเซวียนก็รู้จักแต่จีบสาวและสำมะเลเทเมา“แล้วนายล่ะ หลังจากเรียนต่อต่างประเทศแล้วกลับมารับช่วงต่อธุรกิจของตระกูล ทั้งยังไม่มีพี่น้องมาแก่งแย่งกัน หลังจากตั้งหลักได้แล้วก็ควรสร้างครอบครัวนะ” เจิ้งเซวียนพูด“นายคิดแทนฉันไกลไปหน่อยนะ” หลีเชินกล่าว“ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันยังต้องทำงานล่วงเวลาอยู่เลยเหรอ? ตระกูลหลีต้องก้าวไปอีกขั้น ส่วนเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่ได้คิด”เจิ้งเซวียนได้ยินก็ยิ้ม หลีเชินเป็นเพื่อนที่มีความพยายามที่จะก้าวหน้าที่สุดของเขา เป็นแบบอย่างของทายาทที่ยอดเยี่ยมของตระกูล เมื่อก่อนเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 251

    [เธอพูดอะไรเนี่ย? ขายหน้าอะไร? ฉันทำอะไร?]หลีโย่วเห็นข้อความนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเวียนหัวขึ้นมานี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอีคิวของพี่ชายเธอน่าเป็นห่วง ไม่เคยมีความรักไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นชายแท้แบบนี้ได้นะ!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสัปดาห์ก่อนที่ติ่งเซิ่งไม่ใช่ว่าไปแกล้งหยอกล้อมั่วมั่วอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำเหรอ??นี่มันขัดแย้งเกินไปจริง ๆ เธอจึงตอบกลับ[ซูมั่วเป็นผู้หญิงนะ! พี่แช่งให้เธอเป็นริดสีดวงเนี่ยนะ? นี่มันสมเหตุสมผลเหรอ? นี่มันสุภาพเหรอ? นี่เป็นคำที่พี่พูดได้เหรอ?]ภายในห้องทำงานหลีเชินมองโทรศัพท์ แล้วเม้มปากเงียบ ๆเขาไม่ได้แช่งเสียหน่อย ก็แค่วิเคราะห์จากมุมมองทางการแพทย์ ว่านั่งชักโครกนาน ๆ เสี่ยงเป็นริดสีดวงได้ง่ายจริง ๆ ซึ่งไม่ค่อยดีต่อผู้หญิงหลีโย่วคิดว่านี่ไม่สุภาพเหรอ? แต่เรื่องอาการป่วยแบบนี้ เกี่ยวอะไรกับความสุภาพล่ะ?เขาก็ไม่ได้พูดคำหยาบอะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาตรงไหนเขาส่งข้อความอธิบายสิ่งที่คิดออกไปครั้งหนึ่ง กลับทำให้หลีโย่วอึ้งไปเลยเธออ่านครั้งที่สองแบบคำต่อคำ เพื่อยืนยันความคิดของพี่ชาย“มั่วมั่ว...” หลีโย่วเงยหน้าขึ้นมาพูด“ดูเห

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 250

    พี่ชายเธอกระเหี้ยนกระหือรือจะมาเต๊าะคนอื่น เธอรู้สึกขายขี้หน้าเพื่อนสนิทจะตายอยู่แล้ว สามารถคัดชื่อเขาออกจากทะเบียนบ้านได้ไหมเนี่ย!“ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง นี่ก็ผ่านมาสิบหกนาทีแล้ว” เสียงของหลีเชินดังมาหลีโย่ว “!!!”เธอใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าพี่ชายของเธอช่างเป็นที่อัปยศต่อชื่อเสียงของตระกูลหลี ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย!ยังไม่ทันจะได้สวนกลับไป ผู้ชายที่ปลายสายก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังแฝงความห่วงใยอยู่หลายส่วน“ถ้ายังไม่ออกมาจริง ๆ ลองพาเธอไปโรงพยาบาลดูสิว่าอาหารเป็นพิษหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นนั่งนาน ๆ เดี๋ยวก็เป็นริดสีดวงกันพอดี”ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินดังนั้น ซูมั่วก็กำหมัดแน่นในทันที ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ แทบจะขาดอากาศหายใจนี่มันคนประเภทไหนกัน!เธอก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้คนสารเลวหลีเชินคนนี้ถ้าไม่ได้แขวะเธอสักหน่อยคงไม่ยอมเลิกรา!เธอรู้สึกว่าขณะที่ฟ้องหย่า ก็น่าจะฟ้องหลีเชินขึ้นศาลไปพร้อมกันได้เลย ในข้อหาก่อกวนโดยไม่มีเหตุอันควรและล่วงเกินทางวาจา!“ภูตผีปีศาจจงหายไป! ออกไปจากร่างพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้!” หลีโย่ว

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 249

    “ใช่สิคะ พี่มันพวกหัวขโมย” หลีโย่วสวนพี่ชายกลับหลีเชินไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึงตัดเข้าประเด็นทันทีว่า“แล้วซูมั่วล่ะ? เธออยู่ข้าง ๆ หรือเปล่า?”หลีโย่วเงยหน้าขึ้นไปมอง ซูมั่วสบตากับเธอแล้วรีบโบกมือและส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความต่อต้านและไม่ยอมรับเธอเข้าใจความหมายของเพื่อนสนิท จึงพูดว่า“มั่วมั่วไปเข้าห้องน้ำพอดี”หลีเชินได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปสองวินาที แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ไปจริงเหรอ? หรือว่าไม่อยากจะพูด”ซูมั่ว “...”ทำไมถึงถามคำถามนี้ออกมา ในเมื่อคุณก็พูดเหตุผลออกมาเองแล้วไม่ใช่เหรอ?นี่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอไม่อยากจะยุ่งกับเขา หรือจะต้องมาปะทะคารมกันตรงนี้?เมื่อเข้าใจสายตาที่พูดไม่ออกของเพื่อนสนิท หลีโย่วก็ยกมือขึ้นเคาะประตูกระจกห้องครัว แกล้งทำเป็นเรียกคน แล้วตอบพี่ชายกลับไปว่า“ไปจริง ๆ ค่ะ พี่มีธุระอะไรรีบพูดมาเลย เดี๋ยวฉันเอาไปบอกให้”“เรื่องเต๊าะไม่ต้องพูดถึงเลยนะคะ มันขายขี้หน้าตระกูลหลี แล้วตอนนี้ฉันก็เปิดอัดเสียงอยู่ ถ้าพี่กล้าพูดฉันจะส่งให้พ่อกับแม่”หลีเชิน “...”เขาอยากจะถามว่าเขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ? แต่พอคิดถึง ‘ประวัติ’ ที่ตัวเองเคยก่อไว้ ก็ไม่ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status