Share

บทที่ 3

Author: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนชะงักไปเล็กน้อย เขาเม้มปากแน่นพลางมองอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

ซูมั่วได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เธอกระตุกยิ้มเย้ยหยันบริเวณมุมปาก

เธอเป็นภรรยาของฟู่อี้ชวน กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นคู่สามีภรรยากัน ส่วนตัวเธอเองเป็นมือที่สาม

ฟู่อี้ชวนเดินอยู่ด้านหน้า เย่ซินหย่าเดิมตามอยู่ข้างกายเขา แม้ว่าซูมั่วจะไม่สนใจหญิงใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ ทว่าความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้ว ผู้หญิงที่ทำตัวใส ๆ คนนี้มีแต่ก่อเรื่องต่อ

“มั่วมั่วต้องเจ็บมากแน่เลย ขอโทษนะ ตอนนั้นอี้ชวนนึกถึงชีวิตหน้าที่การงานของฉัน เลยพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลก่อน เธออย่าไปโทษเขาเลย” เย่ซินหย่าพูดกับซูมั่ว

ซูมั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่ได้ว่าอะไร ถึงยังไงเธอก็สำคัญที่สุดในใจเขาอยู่แล้ว”

สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ทว่าฟู่อี้ชวนกลับรู้สึกว่ามันฟังดูเหมือนเหน็บแนมอยู่นิด ๆ เลยเอ่ยปากออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“นี่เธอพูดยังไง ต่อให้ซินหย่าจะถือไม่ดี แต่การที่เธอไม่ได้ปิดฝาให้แน่นมันเป็นความรับผิดชอบของเธอ”

ซูมั่วไม่ได้แก้ต่างอะไรอีก เพราะต่อให้เธอจะอธิบายเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ฟู่อี้ชวนก็ไม่เชื่อ เธอจึงได้แต่เงยหน้ามองไปด้วยสายตาราบเรียบไร้ความรู้สึก

ฟู่อี้ชวนก้มหน้า ส่งสายตาจ้องมองเข้าไปในดวงตาสงบเงียบคู่นั้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าซูมั่วจะเย็นชาแข้งกร้าวขึ้นมานิดหน่อย

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไร อี้ชวนอย่าไปโทษว่ามั่วมั่วอีกเลย” เย่ซินหย่าพูดออกมาในเวลาที่เหมาะสมและใจกว้าง

“อีกอย่าง มั่วมั่วเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย อี้ชวน นายอย่าดุกับเธอขนาดนั้นสิ~”

ซูมั่วได้ยินคำพูดนี้ของเย่ซินหย่าแล้วอยากจะอ้วก ทั้งที่เธอเป็นผู้เคราะห์แท้ ๆ สุดท้ายดันถูกทำให้กลายเป็นตัวการเสียอย่างนั้น แถมเธอยังทำเป็นให้อภัย พูดคำพูดนั้นออกมาอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย

“คราวหน้าก็ระวังหน่อย” ฟู่อี้ชวนพูดกับซูมั่ว

คราวหน้า? ซูมั่วยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

ไม่มีคราวหน้าแล้วละ

ครั้นเดินมาถึงริมถนน อยู่ ๆ เสียงร้องตกใจพลันดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของทั้งสองคน

ฟู่อี้ชวนรีบหันขวับ เห็นเย่ซินหย่าล้มลงไปกองอยู่กับพื้น มือข้างหนึ่งกุมข้อเท้าไว้ พลางเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา

“ซินหย่า!” ฟู่อี้ชวนตะโกนด้วยความร้อนรน

เขาปล่อยมือโดยไม่คิด ซูมั่วถูกวางลงอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ทำให้ล้มลงไปกองที่พื้น จนเธอถึงกับสูดลมหายใจเพราะความเจ็บ

ฟู่อี้ชวนวิ่งไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล เขาอุ้มเธอวิ่งไปทางคลินิก

ทว่าเพิ่งเดินไปได้เพียงสองก้าว อยู่ ๆ ก็หันหน้ากลับไป

ที่ด้านหลัง ซูมั่วกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนย่างยากลำบาก

ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเย่ซินหย่าดังขึ้นข้างหู

“เจ็บจัง เท้าฉันเหมือนจะเคล็ดเลย ทำยังไงดี วันมะรืนฉันยังต้องไปเดินแบบด้วย”

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะพาเธอไปรักษาเดี๋ยวนี้แหละ” ฟู่อี้ชวนว่า จากนั้นก็รีบดึงสายตากลับ และเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด

คนเดินจากไปแล้ว ซูมั่วออกแรงยืนขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว ความเจ็บปวดทำให้แม้แต่จะยืดเอวให้ตรงก็ยังทำไม่ได้

เธอไม่ได้มองไปทางสองคนนั้น มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ร้อนผะผ่าว ยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่คันหนึ่ง

หลังจากขึ้นรถ เธอก็มองเท้าของตัวเอง ตอนที่ล้มลงเท้าเธอกระแทกถูกกับแผ่นหินที่นูนออกมานิ้วเท้าเลยเลือดออก

ไม่เพียงเท่านั้น ก้นกบของเธอก็เจ็บ ข้อศอกถลอกเป็นวงใหญ่

เธอเช็กคราบสกปรกและคราบเลือดด้วยกระดาษทิชชู ความเจ็บแปลบทำเอาเธอถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ แม้จะกัดฟันแล้วก็ยังกลั้นเสียงร้องไม่อยู่

เดือนสุดท้ายแล้ว ซูมั่วคิดในใจ เหลืออีกเดือนเดียว เธอก็จะเป็นอิสระ

โทรศัพท์ข้างกายพลันสั่นสะเทือน มันปรากฏข้อความหนึ่ง และยังคงเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยเบอร์นั้น

[ขอโทษนะมั่วมั่ว อี้ชวนพาฉันมาตรวจเท้า แถมยังทิ้งเธอไว้อีก เขาอาจจะต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันสักพัก เธอคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหม]

ซูมั่วมองเล็กน้อย แล้วเมินไปเสีย

พวกเขาเลิกรากันมาสองปีแล้ว แต่ฟู่อี้ชวนก็ยังรักเย่ซินหย่าขนาดนั้น ขอแค่เย่ซินหย่ายืนอยู่ตรงนั้น ฟู่อี้ชวนก็จะเลือกเธอโดยไม่ลังเล

ซูมั่วสับเปลี่ยนแอปพลิเคชันอื่น เห็นข้อความจากรุ่นพี่โจวจิ่งอันที่ส่งมาหาเธอเมื่อวานนี้ เขาถามเธอว่าจะกลับประเทศเมื่อไร

ใช่แล้ว เธอปิดบังเรื่องการแต่งงานของตัวเอง และบอกอีกฝ่ายไปว่าเธอไปต่างประเทศ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เธอยังคงอยู่ที่เมืองหลวง

เมืองหลวง จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก คนภายนอกรู้เพียงแค่ว่าฟู่อี้ชวนแต่งงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าภรรยาของเขาเป็นใคร นี่ก็คือความต้องการของเขาในตอนนั้น

ส่วนเธอนั้น ระยะเวลาสองปีมานี้ต้องคอยวนเวียนอยู่รอบตัวฟู่อี้ชวนมาตลอด ไปมาอยู่แค่สองที่เท่านั้น ไม่เคยเปิดเผยหน้าตา

[อีกหนึ่งเดือนก็กลับแล้ว รอฉันจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จก่อนนะ] ซูมั่วตอบอีกฝ่าย

ปิดฉาก จบสิ้นทุกอย่างกับฟู่อี้ชวน

รุ่นพี่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าถึงตอนนี้จะให้เธอไปรับหน้าที่ผู้อำนวยการที่บริษัทเขา

เธอตอบรับคำเชิญของรุ่นพี่ แต่ไม่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ เพราะตั้งแต่เรียนจบเธอก็แต่งงานกับฟู่อี้ชวนเลย แม้จะบอกว่าเป็นคุณนายเต็มตัว ทว่าในความเป็นจริงนั้นเป็นแม่บ้านเต็มตัวเสียมากกว่า

เธอยังคงต้องฟื้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นที่ได้เรียนจากมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นคงจะปรับตัวไม่ได้แม้กระทั่งงานพื้นฐานทั่วไป

[ไม่เอาน่า ให้ตำแหน่งผู้อำนวยการกับเธอยังถือว่าใช้คนไม่เหมาะกับงานด้วยซ้ำ ตอนนั้นในสาขาน่ะ เธอเป็นคนที่ได้รับเงินทุนทุกปีเลยนะ ตอนปีสองก็นำทีมคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้ด้วยตัวเอง เป็นคนเก่งสุด ๆ คนหนึ่งเลย]

ซูมั่วถึงกับตกอยู่ในอยู่ห้วงภวังค์เมื่อได้อ่านข้อความจากอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

คะแนนของเธอโดดเด่นเกินใครมาตลอด นำทีมคว้ารางวัลมาแล้วหลายครั้ง ก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้มีวาสนาพบกับคุณปู่ฟู่อยู่สองสามครั้ง

สายตาหยุดอยู่ที่คำว่า “เก่งสุด ๆ ” คำนี้ ความรู้สึกมันเหมือนกับเพิ่งได้ตื่นจากฝันอย่างไรอย่างนั้น

ใช่แล้ว เธอเป็นคนเก่งมาก ๆ

ต่อให้ไม่ได้ช่วยรุ่นพี่สร้างธุรกิจ ตอนนี้ก็คงจะเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ในโรงงานใหญ่มีชื่อเสียงสักแห่ง

ทว่าตลอดสองปีที่ผ่านมานี้... เธอทรมานตัวเองจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว?

เพื่อความรักแล้ว เอาใจคนอื่นอย่างต้อยต่ำเหมือนฝุ่นผง ละทิ้งตัวเองและศักดิ์ศรี แม้แต่เธอยังรู้สึกแปลกหน้ากับตัวเธอเองที่เป็นแบบนี้ ช่างต่ำต้อยเหลือเกิน

หลังตอบกลับรุ่นพี่ไปแล้ว ซูมั่วก็ปิดโทรศัพท์ที่หล่นจนหน้าจอแตก เอนหลังพิงพนักที่นั่งรถแล้วหลับตาพักผ่อน

เรื่องในตอนนั้นผุดขึ้นมาในความทรงจำ

ตอนนั้นรุ่นพี่พาเธอมาสร้างธุรกิจด้วย เธอออกไปเสาะหาเงินทุน จนเจอเข้ากับคุณท่านฟู่

อีกฝ่ายยอมตกลง ทว่าเงื่อนไขก็คือการให้เธอแต่งงานกับฟู่อี้ชวน เพราะไม่อยากให้เย่ซินหย่าเข้ามาอยู่ในตระกูล

กับข้อเสนอนี้ สำหรับเธอในตอนนี้เรียกว่า “ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” มันมึนงงเหมือนกับถูกอะไรฟาดเข้าให้

เพราะเธอแอบรักฟู่อี้ชวนมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แม้ว่าต่อมาเขาจะไปคบกับเย่ซินหย่า แต่ว่าความรักนี้ยังคงถูกฝังกลบอยู่ในส่วนลึกของหัวใจตลอดมา

เธอโลภเกินไป หาเงินทุนมาได้แล้วยังไม่พอ เธอยังโลภไปถึงเรื่องความรัก จนตอบตกลงไป

ทว่าตอนนี้...

เธอนึกเสียใจแล้ว เสียใจอย่างที่สุด

มันไม่ใช่ลาภลอยที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า แต่เป็นน้ำล้างจานค้างปีต่างหาก

ของที่ได้มาฟรี มักมีราคาที่ต้องจ่ายสูงกว่าเสมอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Aom
เหอะ นางเอกแอบรักพระเอกอีกล่ะ
goodnovel comment avatar
Aom
เนื้อเรื่องคล้ายๆกับเรื่องอื่นๆที่อ่านมานะ เปลี่ยนตัวละคร เปลี่ยนสถานการณ์แค่นั้น
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status