Share

บทที่ 3

Author: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนชะงักไปเล็กน้อย เขาเม้มปากแน่นพลางมองอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

ซูมั่วได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เธอกระตุกยิ้มเย้ยหยันบริเวณมุมปาก

เธอเป็นภรรยาของฟู่อี้ชวน กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นคู่สามีภรรยากัน ส่วนตัวเธอเองเป็นมือที่สาม

ฟู่อี้ชวนเดินอยู่ด้านหน้า เย่ซินหย่าเดิมตามอยู่ข้างกายเขา แม้ว่าซูมั่วจะไม่สนใจหญิงใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ ทว่าความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้ว ผู้หญิงที่ทำตัวใส ๆ คนนี้มีแต่ก่อเรื่องต่อ

“มั่วมั่วต้องเจ็บมากแน่เลย ขอโทษนะ ตอนนั้นอี้ชวนนึกถึงชีวิตหน้าที่การงานของฉัน เลยพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลก่อน เธออย่าไปโทษเขาเลย” เย่ซินหย่าพูดกับซูมั่ว

ซูมั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่ได้ว่าอะไร ถึงยังไงเธอก็สำคัญที่สุดในใจเขาอยู่แล้ว”

สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ทว่าฟู่อี้ชวนกลับรู้สึกว่ามันฟังดูเหมือนเหน็บแนมอยู่นิด ๆ เลยเอ่ยปากออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“นี่เธอพูดยังไง ต่อให้ซินหย่าจะถือไม่ดี แต่การที่เธอไม่ได้ปิดฝาให้แน่นมันเป็นความรับผิดชอบของเธอ”

ซูมั่วไม่ได้แก้ต่างอะไรอีก เพราะต่อให้เธอจะอธิบายเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ฟู่อี้ชวนก็ไม่เชื่อ เธอจึงได้แต่เงยหน้ามองไปด้วยสายตาราบเรียบไร้ความรู้สึก

ฟู่อี้ชวนก้มหน้า ส่งสายตาจ้องมองเข้าไปในดวงตาสงบเงียบคู่นั้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าซูมั่วจะเย็นชาแข้งกร้าวขึ้นมานิดหน่อย

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไร อี้ชวนอย่าไปโทษว่ามั่วมั่วอีกเลย” เย่ซินหย่าพูดออกมาในเวลาที่เหมาะสมและใจกว้าง

“อีกอย่าง มั่วมั่วเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย อี้ชวน นายอย่าดุกับเธอขนาดนั้นสิ~”

ซูมั่วได้ยินคำพูดนี้ของเย่ซินหย่าแล้วอยากจะอ้วก ทั้งที่เธอเป็นผู้เคราะห์แท้ ๆ สุดท้ายดันถูกทำให้กลายเป็นตัวการเสียอย่างนั้น แถมเธอยังทำเป็นให้อภัย พูดคำพูดนั้นออกมาอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย

“คราวหน้าก็ระวังหน่อย” ฟู่อี้ชวนพูดกับซูมั่ว

คราวหน้า? ซูมั่วยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

ไม่มีคราวหน้าแล้วละ

ครั้นเดินมาถึงริมถนน อยู่ ๆ เสียงร้องตกใจพลันดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของทั้งสองคน

ฟู่อี้ชวนรีบหันขวับ เห็นเย่ซินหย่าล้มลงไปกองอยู่กับพื้น มือข้างหนึ่งกุมข้อเท้าไว้ พลางเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา

“ซินหย่า!” ฟู่อี้ชวนตะโกนด้วยความร้อนรน

เขาปล่อยมือโดยไม่คิด ซูมั่วถูกวางลงอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ทำให้ล้มลงไปกองที่พื้น จนเธอถึงกับสูดลมหายใจเพราะความเจ็บ

ฟู่อี้ชวนวิ่งไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล เขาอุ้มเธอวิ่งไปทางคลินิก

ทว่าเพิ่งเดินไปได้เพียงสองก้าว อยู่ ๆ ก็หันหน้ากลับไป

ที่ด้านหลัง ซูมั่วกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนย่างยากลำบาก

ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเย่ซินหย่าดังขึ้นข้างหู

“เจ็บจัง เท้าฉันเหมือนจะเคล็ดเลย ทำยังไงดี วันมะรืนฉันยังต้องไปเดินแบบด้วย”

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะพาเธอไปรักษาเดี๋ยวนี้แหละ” ฟู่อี้ชวนว่า จากนั้นก็รีบดึงสายตากลับ และเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด

คนเดินจากไปแล้ว ซูมั่วออกแรงยืนขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว ความเจ็บปวดทำให้แม้แต่จะยืดเอวให้ตรงก็ยังทำไม่ได้

เธอไม่ได้มองไปทางสองคนนั้น มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ร้อนผะผ่าว ยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่คันหนึ่ง

หลังจากขึ้นรถ เธอก็มองเท้าของตัวเอง ตอนที่ล้มลงเท้าเธอกระแทกถูกกับแผ่นหินที่นูนออกมานิ้วเท้าเลยเลือดออก

ไม่เพียงเท่านั้น ก้นกบของเธอก็เจ็บ ข้อศอกถลอกเป็นวงใหญ่

เธอเช็กคราบสกปรกและคราบเลือดด้วยกระดาษทิชชู ความเจ็บแปลบทำเอาเธอถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ แม้จะกัดฟันแล้วก็ยังกลั้นเสียงร้องไม่อยู่

เดือนสุดท้ายแล้ว ซูมั่วคิดในใจ เหลืออีกเดือนเดียว เธอก็จะเป็นอิสระ

โทรศัพท์ข้างกายพลันสั่นสะเทือน มันปรากฏข้อความหนึ่ง และยังคงเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยเบอร์นั้น

[ขอโทษนะมั่วมั่ว อี้ชวนพาฉันมาตรวจเท้า แถมยังทิ้งเธอไว้อีก เขาอาจจะต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันสักพัก เธอคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหม]

ซูมั่วมองเล็กน้อย แล้วเมินไปเสีย

พวกเขาเลิกรากันมาสองปีแล้ว แต่ฟู่อี้ชวนก็ยังรักเย่ซินหย่าขนาดนั้น ขอแค่เย่ซินหย่ายืนอยู่ตรงนั้น ฟู่อี้ชวนก็จะเลือกเธอโดยไม่ลังเล

ซูมั่วสับเปลี่ยนแอปพลิเคชันอื่น เห็นข้อความจากรุ่นพี่โจวจิ่งอันที่ส่งมาหาเธอเมื่อวานนี้ เขาถามเธอว่าจะกลับประเทศเมื่อไร

ใช่แล้ว เธอปิดบังเรื่องการแต่งงานของตัวเอง และบอกอีกฝ่ายไปว่าเธอไปต่างประเทศ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เธอยังคงอยู่ที่เมืองหลวง

เมืองหลวง จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก คนภายนอกรู้เพียงแค่ว่าฟู่อี้ชวนแต่งงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าภรรยาของเขาเป็นใคร นี่ก็คือความต้องการของเขาในตอนนั้น

ส่วนเธอนั้น ระยะเวลาสองปีมานี้ต้องคอยวนเวียนอยู่รอบตัวฟู่อี้ชวนมาตลอด ไปมาอยู่แค่สองที่เท่านั้น ไม่เคยเปิดเผยหน้าตา

[อีกหนึ่งเดือนก็กลับแล้ว รอฉันจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จก่อนนะ] ซูมั่วตอบอีกฝ่าย

ปิดฉาก จบสิ้นทุกอย่างกับฟู่อี้ชวน

รุ่นพี่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าถึงตอนนี้จะให้เธอไปรับหน้าที่ผู้อำนวยการที่บริษัทเขา

เธอตอบรับคำเชิญของรุ่นพี่ แต่ไม่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ เพราะตั้งแต่เรียนจบเธอก็แต่งงานกับฟู่อี้ชวนเลย แม้จะบอกว่าเป็นคุณนายเต็มตัว ทว่าในความเป็นจริงนั้นเป็นแม่บ้านเต็มตัวเสียมากกว่า

เธอยังคงต้องฟื้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นที่ได้เรียนจากมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นคงจะปรับตัวไม่ได้แม้กระทั่งงานพื้นฐานทั่วไป

[ไม่เอาน่า ให้ตำแหน่งผู้อำนวยการกับเธอยังถือว่าใช้คนไม่เหมาะกับงานด้วยซ้ำ ตอนนั้นในสาขาน่ะ เธอเป็นคนที่ได้รับเงินทุนทุกปีเลยนะ ตอนปีสองก็นำทีมคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้ด้วยตัวเอง เป็นคนเก่งสุด ๆ คนหนึ่งเลย]

ซูมั่วถึงกับตกอยู่ในอยู่ห้วงภวังค์เมื่อได้อ่านข้อความจากอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

คะแนนของเธอโดดเด่นเกินใครมาตลอด นำทีมคว้ารางวัลมาแล้วหลายครั้ง ก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้มีวาสนาพบกับคุณปู่ฟู่อยู่สองสามครั้ง

สายตาหยุดอยู่ที่คำว่า “เก่งสุด ๆ ” คำนี้ ความรู้สึกมันเหมือนกับเพิ่งได้ตื่นจากฝันอย่างไรอย่างนั้น

ใช่แล้ว เธอเป็นคนเก่งมาก ๆ

ต่อให้ไม่ได้ช่วยรุ่นพี่สร้างธุรกิจ ตอนนี้ก็คงจะเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ในโรงงานใหญ่มีชื่อเสียงสักแห่ง

ทว่าตลอดสองปีที่ผ่านมานี้... เธอทรมานตัวเองจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว?

เพื่อความรักแล้ว เอาใจคนอื่นอย่างต้อยต่ำเหมือนฝุ่นผง ละทิ้งตัวเองและศักดิ์ศรี แม้แต่เธอยังรู้สึกแปลกหน้ากับตัวเธอเองที่เป็นแบบนี้ ช่างต่ำต้อยเหลือเกิน

หลังตอบกลับรุ่นพี่ไปแล้ว ซูมั่วก็ปิดโทรศัพท์ที่หล่นจนหน้าจอแตก เอนหลังพิงพนักที่นั่งรถแล้วหลับตาพักผ่อน

เรื่องในตอนนั้นผุดขึ้นมาในความทรงจำ

ตอนนั้นรุ่นพี่พาเธอมาสร้างธุรกิจด้วย เธอออกไปเสาะหาเงินทุน จนเจอเข้ากับคุณท่านฟู่

อีกฝ่ายยอมตกลง ทว่าเงื่อนไขก็คือการให้เธอแต่งงานกับฟู่อี้ชวน เพราะไม่อยากให้เย่ซินหย่าเข้ามาอยู่ในตระกูล

กับข้อเสนอนี้ สำหรับเธอในตอนนี้เรียกว่า “ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” มันมึนงงเหมือนกับถูกอะไรฟาดเข้าให้

เพราะเธอแอบรักฟู่อี้ชวนมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แม้ว่าต่อมาเขาจะไปคบกับเย่ซินหย่า แต่ว่าความรักนี้ยังคงถูกฝังกลบอยู่ในส่วนลึกของหัวใจตลอดมา

เธอโลภเกินไป หาเงินทุนมาได้แล้วยังไม่พอ เธอยังโลภไปถึงเรื่องความรัก จนตอบตกลงไป

ทว่าตอนนี้...

เธอนึกเสียใจแล้ว เสียใจอย่างที่สุด

มันไม่ใช่ลาภลอยที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า แต่เป็นน้ำล้างจานค้างปีต่างหาก

ของที่ได้มาฟรี มักมีราคาที่ต้องจ่ายสูงกว่าเสมอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status