Share

บทที่ 4

Author: อิงเซี่ย
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกถึงห้ามทุ่มแล้ว

ซูมั่วไม่ได้เปิดไฟในห้องรับแขกทิ้งไว้ เพราะไม่แน่ว่าคืนนี้ฟู่อี้ชวนอาจจะไปเอาอกเอาใจเย่ซินหย่าอยู่ที่ไหน อาจจะไม่กลับบ้าน

เธอคว้ากล่องปฐมพยายามขึ้น คอยประคองร่างกายที่ปวดร้าวค่อย ๆ เดินไปยังห้องนอนเล็ก ๆ ของตัวเอง

แต่งงานกันมาสองปี มันไม่ต่างอะไรกับการแต่งงานแค่ในนามเลย ฟู่อี้ชวนหวงครองตัวบริสุทธิ์เพื่อเย่ซินหย่าไม่ยอมให้เธอเข้าไปกล้องห้องนอนใหญ่แม้แต่ครึ่งก้าว

ดีแล้วละ ซูมั่วมาคิดในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพอนึกถึงว่าตัวเองเคยถูกแตะต้องมาก่อน ตอนนี้คงมีแต่ความสะอิดสะเอียนอย่างเป็นที่สุดแน่

หลังทำความสะอาดและทายาที่บริเวณข้อศอกกับหลังเท้าอย่างลวก ๆ ซูมั่วก็ไม่มีแรงแม้แต่เก็บยาใส่กล่องปฐมพยาบาล เธอจึงวางไว้บนหัวเตียงทั้งแบบนั้น คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเก็บให้เรียบร้อย

เธอเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วเอนตัวลง ผลก็คือแค่เพียงงอตัวเล็กน้อย ความเจ็บที่ก้นกบก็ทำให้เธอถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เสียแล้ว

เธอขยับตัวให้เบาที่สุด หลับตาแล้วละทิ้งทุกอย่างในหัวสมอง ไม่นานความง่วงก็เข้าครอบงำ

ทางเธอเพิ่งจะเข้าสู่ห้วงฝัน ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น ฟู่อี้ชวนกำลังพาเย่ซินหย่ากลับโรงแรม

“ฟู่ชวน เดี๋ยวนายไปส่งฉันที่ห้องนะ?” บริเวณที่นั่งข้างคนขับ เย่ซินหย่าดวงตาระยับ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความออดอ้อนเล็ก ๆ

ฟู่อี้ชวนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาขับรถพลางเหลือบมองหน้าจอในรถ รู้สึกกระสับกระส่ายบนโมโหอย่างไม่มีสาเหตุ

นี้เขาโทรศัพท์ไปเป็นครั้งที่ยี่สิบแล้ว กลับไม่มีใครรับสายเลยสักครั้ง

เย่ซินหย่าที่อยู่ด้านข้างไม่ได้รับการตอบความนัยที่เธอแฝงไว้จากฟู่อี้ เพียงแต่มองหน้าจอในรถบ่อย ๆ

เธอมองเบอร์นั้น มันไม่มีการใส่ชื่อ ทว่าคุ้นตาอยู่บ้าง

เธอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ปัดไปหน้าข้อความ มองข้อความที่เธอส่งไปหาซูมั่ว เบอร์โทรศัพท์นั่น...

เหมือนกันไม่มีผิด

เย่ซินหย่าลอบกัดฟันตัวเอง ความริษยาเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตา

ตอนนี้มาถึงโรงแรมที่เธอพักแล้ว รถหยุดตัวลง เย่ซินหย่าก็พูดขึ้นอีกว่า

“อี้ชวน พวกเราสองคนไม่ได้เจอกันตั้งสองปีแล้ว นายขึ้นไปส่งฉันที่ห้องได้ไหม?”

ขณะที่พูด เธอก็วางมือลงไปหลังมือของเขา ปลายนิ้วสอดเข้าไปในปลายแขนเสื้อเชิ้ตของเขา แสดงท่าทีที่เปี่ยมล้นไปด้วยความคลุมเครือ

ฟู่อี้ชวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? แต่เขามองที่มือนั้นแล้ว ทำเพียงแต่ดึงมือออก จากนั้นก็ลงจากรถไปเปิดประตูให้เย่ซินหย่า พลางว่า

“เธอขึ้นไปก่อนนะ ฉันจะไปหาซูมั่ว โทรหาเธอไม่ติดเลย”

เย่ซินหย่าลุกขึ้น เธอสบตากับอีกฝ่ายตรง ๆ กัดริมฝีปากไว้ บนดวงหน้าเผยสีหน้าเจ็บปวด

“นายหลงรักซูมั่วแล้วเหรอ? ไม่อย่างงั้นจะใส่ใจเธอขนาดนี้ทำไม? ตั้งแต่ฉันรักษาเท้า นายก็เอาแต่โทรศัพท์หาเธอ” ดวงตาของเย่ซินหย่าเคล้าคลอไปด้วยน้ำตา เธอถามอย่างน้อยใจ

ฟู่อี้ชวนได้ยินก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่มีทางหลงรักคนที่ทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก”

“ที่ฉันหาเธอ เพราะกลัวว่าซูมั่วจะฟ้องปู่ ปู่จะต้องมาเอาเรื่องกับเธอแน่” เขาอธิบาย ด้วยคิดว่าเหตุผลนี้สมเหตุสมผลที่สุด

เย่ซินหย่าหยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา แย้มยิ้มบริเวณมุมปากอีกครั้ง เธอรู้อยู่แล้วว่าอี้ชวนรักเธอเสมอ

“งั้นนายก็จูบก่อนสิ ฉันถึงจะเชื่อ” เธอออดอ้อนอีกครั้ง

ฟู่อี้ชวนมองเธอ พลางเม้มปากเล็กน้อย

เย่ซินหย่าคล้องคอเขาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง เตรียมพร้อมรอจุมพิตดูดดื่มแบบฝรั่งเศสแสนโรแมนติก สุดท้าย...

ฟู่อี้ชวนทำเพียงแค่ประทับจูบลงบนหน้าผากเธออย่างฉาบฉวยเหมือนกับแมลงปอบินระน้ำ

เย่ซินหย่าไม่พอใจกับจูบนี้ เธอเป็นฝ่ายเข้าไปหาเพื่อจะจูบริมฝีปาก ทว่าถูกฟู่อี้ชวนเบี่ยงตัวหลบ

“อี้ชวน นี่นายหมายความว่า...” หยาดน้ำตาคลอเคลียอยู่ในดวงตาของเย่ซินหย่าอีกครั้ง

“นายไม่ได้รักฉันแล้วจริง ๆ หรือว่ายังแค้นฉันที่ตอนนี้ฉันไปจากนาย? แต่นายก็รู้นี่ว่าฉันบริสุทธิ์ คุณปู่ของนาย...” เธออธิบายอย่างน้อยอกน้อยใจ

“คิดมากไปแล้ว ตอนนี้อยู่ด้านนอกโรงแรม เป็นที่สาธารณะ เกิดมีปาปารัซซีแอบถ่ายเข้ามันจะไม่ดีกับเธอ” ฟู่อี้ชวนพูดตัดบท พน้อมผลักเย่ซินหย่าออกจากอ้อมแขน

เย่ซินหย่าพอถูกผลักออก ความผิดหวังพลันฉายอยู่เต็มดวงหน้า เธอจะจับฟู่อี้ชวนไว้ให้มั่นอีกครั้งได้อย่างไร? เขาชอบซูมั่วขึ้นมาจริง ๆ แล้วเหรอ?

ตอนนี้ฟู่อี้ชวนขึ้นไปอยู่บนรถแล้ว เขามองหญิงสาวที่ร้องไห้ปวดใจ แล้วกล่าวว่า

“พรุ่งนี้เที่ยงจะมารับเธอไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้เธอลำบากมาไม่น้อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เย่ซินหย่ายิ้มออกมา พลางกล่าวอย่างเอาใจใส่รู้ความ “ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะ ขับรถบนถนนก็ระวังด้วย รักนายนะ”

ฟู่อี้ชวนยิ้มเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดคำนั้นออกไป ทำเพียงแค่พยักหน้า แล้วขับรถจากไปเท่านั้น

[ฉันก็รักเธอ]

ทั้งที่เมื่อก่อนเขาพูดกับเย่ซินหย่ามาเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้อยู่ ๆ ก็รู้สึกกระดากจะเอ่ยปากออกไป เป็นเพราะแยกจากกันมาสองปีเหรอ?

มองรถที่เคลื่อนตัวออกไปไกล เย่ซินหย่าที่ยืนอยู่ที่เดิมได้แต่กำหมัดแน่น ความโหดเหี้ยมและความอยากชนะช่วงชิงมาให้ได้ทอประกายอยู่ในดวงตา

ตอนนี้กำลังขับรถอยู่บนถนน

ฟู่อี้ชวนโทรศัพท์ออกไปหาเบอร์นั้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็กระวนกระวายร้อนใจจนเขาเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนความเร็วเกือบเกินกำหนด

ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาล เขากวาดสายตามองไปบริเวณรอบ ๆ แล้ว ทว่าไม่เห็นเงาคน ดังนั้นตอนนี้อาจจะกลับบ้านไปแล้ว

ขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ เขาแทบจะวิ่งเหยาะไปขึ้นลิฟต์ สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตู เดิมทีคิดว่าจะเห็นโคมไฟในห้องรับแขก ทว่าคราวนี้กลับมืดสนิท

ทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะกลับมาดึกแค่ไหน ซูมั่วมักจะเปิดไฟทิ้งไว้ให้เขาเสมอ หากง่วงก็จะนอนหลับอยู่บนโซฟา พอเห็นเขากลับมาถึงจะลุกขึ้นไปเตรียมซุปสร่างเมาให้เขา

นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ห้องรับแขกมืดสนิท ฟู่อี้ชวนรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในใจคือ ‘ซูมั่วยังไม่กลับ?’

เขาเปิดไฟ เหลือบตามองไปยังรองเท้าบนพื้นแถวหน้าประตู ฟู่อี้ชวนจำได้ว่านี่เป็นรองเท้าที่ซูมั่วใส่ ขณะเดียวกันสลิปเปอร์ก็หายไปหนึ่งคู่

เธอน่าจะกลับมาแล้ว

แล้วทำไมเธอถึงไม่เปิดไฟทิ้งไว้? ทำไมถึงไม่รับสายเขา?

ฟู่อี้ชวนโมโห เขาพุ่งตัวไปทางห้องนอนแขกโดยไม่เปลี่ยนรองเท้าด้วยซ้ำ จับลูกบิดประตูไว้ เปิดไม่ออก เขาเริ่มทุบประตูพลางตะโกนเรียก

“ซูมั่ว! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้! ได้เป็นคุณนายฟู่อยู่สองปีจนลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาทำตัววางอำนาจ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 254

    กระดูกก้นกบ...บริเวณนั้นคงผ่าตัดยากสินะ?กระดูกร้าว...นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?ตำแหน่งนั้น หรือว่าฟู่อี้ชวนตั้งใจจะใช้เท้าเตะท้องซูมั่ว แต่ซูมั่วพลิกตัวหลบ เลยถูกเตะเข้าที่ก้นกบ?มือที่ยันคางของหลีเชินกำแน่นขึ้นเขารู้ว่าซูมั่วผอมแค่ไหน ถ้าว่ากันตามแรงของฟู่อี้ชวน แค่เตะอย่างเดียว หากเตะอีกสักสองทีก็คงตายคาที่ได้เลย“เดี๋ยวนะ ทำไมนายใส่ใจอาการบาดเจ็บของลูกความฉันขนาดนี้” คำพูดของเจิ้งเซวียนดังขึ้นอย่างกะทันหันโดยเฉพาะคำว่า ‘ใส่ใจ’ สองพยางค์นี้ที่เตือนสติเขา เพราะเมื่อครู่หลีเชินก็เพิ่งใส่ใจผู้หญิงบางคนไป แถมก่อนจะพูดถึงเธอยังพูดเบี่ยงไปถึงน้องสาวเขาก่อนด้วยทันใดนั้น เจิ้งเซวียนที่มีประสบการณ์โชกโชนด้านความรักก็เข้าใจทันที และเบิกตากว้างพลางพูด“คนที่นายชอบคือซูมั่วเหรอ??”คำพูดนี้เสียงดังลั่น ดึงสติของหลีเชินกลับมา จากนั้นก็ปฏิเสธทันที“นายพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย เป็นทนายกลับปล่อยข่าวลือ รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย”“งั้นนายบอกฉันมาสิว่าผู้หญิงที่นายนึกถึงจนว้าวุ่นเมื่อกี้คือเธอหรือเปล่า?” เจิ้งเซวียนหรี่ตา และถามหลีเชินชะงักไปครึ่งวินาที และช่องว่างในจังหวะนั้น เจิ้งเซวียนก็ชี้ข

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 253

    หลีเชินมองเขา สีหน้านิ่งค้าง จากนั้นเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นหลายส่วน“รีบบอกฉันเร็วสิ พี่สะใภ้ชื่ออะไร? เป็นคนจากวงการไหน? ฉันรู้จักไหม?” เจิ้งเซวียนตื่นเต้นขึ้นมา จิตวิญญาณความอยากรู้อยากเห็นลุกโชนได้ยินคำพูดนี้ หลีเชินก็เหมือนมีเส้นขีดสีดำที่หน้าผาก พูดอย่างจริงจัง“พี่สะใภ้อะไรกัน พวกเราเคยเจอกันแค่สองสามครั้งเอง”“แสดงว่าเป็นรักแรกพบน่ะสิ~” เจิ้งเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ดูท่าอีกฝ่านจะรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยสิ? เป็นสาวสวย มีเสน่ห์โดดเด่น” เจิ้งเซวียนพูดต่อหลีเชิน “...”ในหัวเขาผุดใบหน้าของซูมั่วขึ้นมา ความจริงแล้วเจิ้งเซวียนก็เดาไม่ผิด เพียงแต่...“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด” หลีเชินพูดแก้ทันทีเจิ้งเซวียนยิ้มโดยไม่พูด ยักคิ้วขึ้น ดวงตาคล้ายสุนัขจิ้งจอกยกขึ้น สีหน้าแสดงความรู้สึกว่า ‘ฉันรู้ ฉันเข้าใจฉัน รับทราบแล้ว’หลีเชิน “...”“ไม่ใช่จริง ๆ ฉันกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็แค่ช่วงนี้ได้ติดต่อกันทางอ้อมบ่อยขึ้น” หลีเชินพูดอีกครั้งจาก ‘อดีตภรรยาของฟู่อี้ชวน’ มาจนถึง ‘เพื่อนของน้องสาว’ และยังเป็นพนักงานของบริษัทคู่ค้า กระทั่งงานที่เจิ้งเซวียนรับมาด้วยถึงยั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 252

    หลีเชินสั่งอาหารแล้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทอดถอนใจอะไรนักเพราะในมุมมองของเขาต่อให้เจิ้งเซวียนไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจแล้ว แต่ตราบใดที่อยากเจอหลีโย่ว ก็ไปหาที่บ้านเขาโดยตรงได้นี่?พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเหมือนกัน เพื่อนเก่ากลับมาพบกันจึงดื่มไปหลายแก้วเจิ้งเซวียนเล่าเรื่องการก่อตั้งธุรกิจตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา หลีเชินก็ฟังไป สำนักงานกฎหมายปั๋วเหวินในตอนนี้ถือว่าอยู่ในอันดับท็อปสามของเมืองจิงจากหนุ่มคาสโนวาที่เริ่มต้นจากศูนย์ มีผลงานได้แบบนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเจิ้งเซวียนก็รู้จักแต่จีบสาวและสำมะเลเทเมา“แล้วนายล่ะ หลังจากเรียนต่อต่างประเทศแล้วกลับมารับช่วงต่อธุรกิจของตระกูล ทั้งยังไม่มีพี่น้องมาแก่งแย่งกัน หลังจากตั้งหลักได้แล้วก็ควรสร้างครอบครัวนะ” เจิ้งเซวียนพูด“นายคิดแทนฉันไกลไปหน่อยนะ” หลีเชินกล่าว“ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันยังต้องทำงานล่วงเวลาอยู่เลยเหรอ? ตระกูลหลีต้องก้าวไปอีกขั้น ส่วนเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่ได้คิด”เจิ้งเซวียนได้ยินก็ยิ้ม หลีเชินเป็นเพื่อนที่มีความพยายามที่จะก้าวหน้าที่สุดของเขา เป็นแบบอย่างของทายาทที่ยอดเยี่ยมของตระกูล เมื่อก่อนเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 251

    [เธอพูดอะไรเนี่ย? ขายหน้าอะไร? ฉันทำอะไร?]หลีโย่วเห็นข้อความนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเวียนหัวขึ้นมานี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอีคิวของพี่ชายเธอน่าเป็นห่วง ไม่เคยมีความรักไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นชายแท้แบบนี้ได้นะ!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสัปดาห์ก่อนที่ติ่งเซิ่งไม่ใช่ว่าไปแกล้งหยอกล้อมั่วมั่วอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำเหรอ??นี่มันขัดแย้งเกินไปจริง ๆ เธอจึงตอบกลับ[ซูมั่วเป็นผู้หญิงนะ! พี่แช่งให้เธอเป็นริดสีดวงเนี่ยนะ? นี่มันสมเหตุสมผลเหรอ? นี่มันสุภาพเหรอ? นี่เป็นคำที่พี่พูดได้เหรอ?]ภายในห้องทำงานหลีเชินมองโทรศัพท์ แล้วเม้มปากเงียบ ๆเขาไม่ได้แช่งเสียหน่อย ก็แค่วิเคราะห์จากมุมมองทางการแพทย์ ว่านั่งชักโครกนาน ๆ เสี่ยงเป็นริดสีดวงได้ง่ายจริง ๆ ซึ่งไม่ค่อยดีต่อผู้หญิงหลีโย่วคิดว่านี่ไม่สุภาพเหรอ? แต่เรื่องอาการป่วยแบบนี้ เกี่ยวอะไรกับความสุภาพล่ะ?เขาก็ไม่ได้พูดคำหยาบอะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาตรงไหนเขาส่งข้อความอธิบายสิ่งที่คิดออกไปครั้งหนึ่ง กลับทำให้หลีโย่วอึ้งไปเลยเธออ่านครั้งที่สองแบบคำต่อคำ เพื่อยืนยันความคิดของพี่ชาย“มั่วมั่ว...” หลีโย่วเงยหน้าขึ้นมาพูด“ดูเห

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 250

    พี่ชายเธอกระเหี้ยนกระหือรือจะมาเต๊าะคนอื่น เธอรู้สึกขายขี้หน้าเพื่อนสนิทจะตายอยู่แล้ว สามารถคัดชื่อเขาออกจากทะเบียนบ้านได้ไหมเนี่ย!“ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง นี่ก็ผ่านมาสิบหกนาทีแล้ว” เสียงของหลีเชินดังมาหลีโย่ว “!!!”เธอใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าพี่ชายของเธอช่างเป็นที่อัปยศต่อชื่อเสียงของตระกูลหลี ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย!ยังไม่ทันจะได้สวนกลับไป ผู้ชายที่ปลายสายก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังแฝงความห่วงใยอยู่หลายส่วน“ถ้ายังไม่ออกมาจริง ๆ ลองพาเธอไปโรงพยาบาลดูสิว่าอาหารเป็นพิษหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นนั่งนาน ๆ เดี๋ยวก็เป็นริดสีดวงกันพอดี”ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินดังนั้น ซูมั่วก็กำหมัดแน่นในทันที ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ แทบจะขาดอากาศหายใจนี่มันคนประเภทไหนกัน!เธอก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้คนสารเลวหลีเชินคนนี้ถ้าไม่ได้แขวะเธอสักหน่อยคงไม่ยอมเลิกรา!เธอรู้สึกว่าขณะที่ฟ้องหย่า ก็น่าจะฟ้องหลีเชินขึ้นศาลไปพร้อมกันได้เลย ในข้อหาก่อกวนโดยไม่มีเหตุอันควรและล่วงเกินทางวาจา!“ภูตผีปีศาจจงหายไป! ออกไปจากร่างพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้!” หลีโย่ว

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 249

    “ใช่สิคะ พี่มันพวกหัวขโมย” หลีโย่วสวนพี่ชายกลับหลีเชินไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึงตัดเข้าประเด็นทันทีว่า“แล้วซูมั่วล่ะ? เธออยู่ข้าง ๆ หรือเปล่า?”หลีโย่วเงยหน้าขึ้นไปมอง ซูมั่วสบตากับเธอแล้วรีบโบกมือและส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความต่อต้านและไม่ยอมรับเธอเข้าใจความหมายของเพื่อนสนิท จึงพูดว่า“มั่วมั่วไปเข้าห้องน้ำพอดี”หลีเชินได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปสองวินาที แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ไปจริงเหรอ? หรือว่าไม่อยากจะพูด”ซูมั่ว “...”ทำไมถึงถามคำถามนี้ออกมา ในเมื่อคุณก็พูดเหตุผลออกมาเองแล้วไม่ใช่เหรอ?นี่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอไม่อยากจะยุ่งกับเขา หรือจะต้องมาปะทะคารมกันตรงนี้?เมื่อเข้าใจสายตาที่พูดไม่ออกของเพื่อนสนิท หลีโย่วก็ยกมือขึ้นเคาะประตูกระจกห้องครัว แกล้งทำเป็นเรียกคน แล้วตอบพี่ชายกลับไปว่า“ไปจริง ๆ ค่ะ พี่มีธุระอะไรรีบพูดมาเลย เดี๋ยวฉันเอาไปบอกให้”“เรื่องเต๊าะไม่ต้องพูดถึงเลยนะคะ มันขายขี้หน้าตระกูลหลี แล้วตอนนี้ฉันก็เปิดอัดเสียงอยู่ ถ้าพี่กล้าพูดฉันจะส่งให้พ่อกับแม่”หลีเชิน “...”เขาอยากจะถามว่าเขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ? แต่พอคิดถึง ‘ประวัติ’ ที่ตัวเองเคยก่อไว้ ก็ไม่ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status