Share

บทที่ 4

Author: อิงเซี่ย
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกถึงห้ามทุ่มแล้ว

ซูมั่วไม่ได้เปิดไฟในห้องรับแขกทิ้งไว้ เพราะไม่แน่ว่าคืนนี้ฟู่อี้ชวนอาจจะไปเอาอกเอาใจเย่ซินหย่าอยู่ที่ไหน อาจจะไม่กลับบ้าน

เธอคว้ากล่องปฐมพยายามขึ้น คอยประคองร่างกายที่ปวดร้าวค่อย ๆ เดินไปยังห้องนอนเล็ก ๆ ของตัวเอง

แต่งงานกันมาสองปี มันไม่ต่างอะไรกับการแต่งงานแค่ในนามเลย ฟู่อี้ชวนหวงครองตัวบริสุทธิ์เพื่อเย่ซินหย่าไม่ยอมให้เธอเข้าไปกล้องห้องนอนใหญ่แม้แต่ครึ่งก้าว

ดีแล้วละ ซูมั่วมาคิดในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพอนึกถึงว่าตัวเองเคยถูกแตะต้องมาก่อน ตอนนี้คงมีแต่ความสะอิดสะเอียนอย่างเป็นที่สุดแน่

หลังทำความสะอาดและทายาที่บริเวณข้อศอกกับหลังเท้าอย่างลวก ๆ ซูมั่วก็ไม่มีแรงแม้แต่เก็บยาใส่กล่องปฐมพยาบาล เธอจึงวางไว้บนหัวเตียงทั้งแบบนั้น คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเก็บให้เรียบร้อย

เธอเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วเอนตัวลง ผลก็คือแค่เพียงงอตัวเล็กน้อย ความเจ็บที่ก้นกบก็ทำให้เธอถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เสียแล้ว

เธอขยับตัวให้เบาที่สุด หลับตาแล้วละทิ้งทุกอย่างในหัวสมอง ไม่นานความง่วงก็เข้าครอบงำ

ทางเธอเพิ่งจะเข้าสู่ห้วงฝัน ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น ฟู่อี้ชวนกำลังพาเย่ซินหย่ากลับโรงแรม

“ฟู่ชวน เดี๋ยวนายไปส่งฉันที่ห้องนะ?” บริเวณที่นั่งข้างคนขับ เย่ซินหย่าดวงตาระยับ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความออดอ้อนเล็ก ๆ

ฟู่อี้ชวนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาขับรถพลางเหลือบมองหน้าจอในรถ รู้สึกกระสับกระส่ายบนโมโหอย่างไม่มีสาเหตุ

นี้เขาโทรศัพท์ไปเป็นครั้งที่ยี่สิบแล้ว กลับไม่มีใครรับสายเลยสักครั้ง

เย่ซินหย่าที่อยู่ด้านข้างไม่ได้รับการตอบความนัยที่เธอแฝงไว้จากฟู่อี้ เพียงแต่มองหน้าจอในรถบ่อย ๆ

เธอมองเบอร์นั้น มันไม่มีการใส่ชื่อ ทว่าคุ้นตาอยู่บ้าง

เธอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ปัดไปหน้าข้อความ มองข้อความที่เธอส่งไปหาซูมั่ว เบอร์โทรศัพท์นั่น...

เหมือนกันไม่มีผิด

เย่ซินหย่าลอบกัดฟันตัวเอง ความริษยาเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตา

ตอนนี้มาถึงโรงแรมที่เธอพักแล้ว รถหยุดตัวลง เย่ซินหย่าก็พูดขึ้นอีกว่า

“อี้ชวน พวกเราสองคนไม่ได้เจอกันตั้งสองปีแล้ว นายขึ้นไปส่งฉันที่ห้องได้ไหม?”

ขณะที่พูด เธอก็วางมือลงไปหลังมือของเขา ปลายนิ้วสอดเข้าไปในปลายแขนเสื้อเชิ้ตของเขา แสดงท่าทีที่เปี่ยมล้นไปด้วยความคลุมเครือ

ฟู่อี้ชวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? แต่เขามองที่มือนั้นแล้ว ทำเพียงแต่ดึงมือออก จากนั้นก็ลงจากรถไปเปิดประตูให้เย่ซินหย่า พลางว่า

“เธอขึ้นไปก่อนนะ ฉันจะไปหาซูมั่ว โทรหาเธอไม่ติดเลย”

เย่ซินหย่าลุกขึ้น เธอสบตากับอีกฝ่ายตรง ๆ กัดริมฝีปากไว้ บนดวงหน้าเผยสีหน้าเจ็บปวด

“นายหลงรักซูมั่วแล้วเหรอ? ไม่อย่างงั้นจะใส่ใจเธอขนาดนี้ทำไม? ตั้งแต่ฉันรักษาเท้า นายก็เอาแต่โทรศัพท์หาเธอ” ดวงตาของเย่ซินหย่าเคล้าคลอไปด้วยน้ำตา เธอถามอย่างน้อยใจ

ฟู่อี้ชวนได้ยินก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่มีทางหลงรักคนที่ทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก”

“ที่ฉันหาเธอ เพราะกลัวว่าซูมั่วจะฟ้องปู่ ปู่จะต้องมาเอาเรื่องกับเธอแน่” เขาอธิบาย ด้วยคิดว่าเหตุผลนี้สมเหตุสมผลที่สุด

เย่ซินหย่าหยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา แย้มยิ้มบริเวณมุมปากอีกครั้ง เธอรู้อยู่แล้วว่าอี้ชวนรักเธอเสมอ

“งั้นนายก็จูบก่อนสิ ฉันถึงจะเชื่อ” เธอออดอ้อนอีกครั้ง

ฟู่อี้ชวนมองเธอ พลางเม้มปากเล็กน้อย

เย่ซินหย่าคล้องคอเขาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง เตรียมพร้อมรอจุมพิตดูดดื่มแบบฝรั่งเศสแสนโรแมนติก สุดท้าย...

ฟู่อี้ชวนทำเพียงแค่ประทับจูบลงบนหน้าผากเธออย่างฉาบฉวยเหมือนกับแมลงปอบินระน้ำ

เย่ซินหย่าไม่พอใจกับจูบนี้ เธอเป็นฝ่ายเข้าไปหาเพื่อจะจูบริมฝีปาก ทว่าถูกฟู่อี้ชวนเบี่ยงตัวหลบ

“อี้ชวน นี่นายหมายความว่า...” หยาดน้ำตาคลอเคลียอยู่ในดวงตาของเย่ซินหย่าอีกครั้ง

“นายไม่ได้รักฉันแล้วจริง ๆ หรือว่ายังแค้นฉันที่ตอนนี้ฉันไปจากนาย? แต่นายก็รู้นี่ว่าฉันบริสุทธิ์ คุณปู่ของนาย...” เธออธิบายอย่างน้อยอกน้อยใจ

“คิดมากไปแล้ว ตอนนี้อยู่ด้านนอกโรงแรม เป็นที่สาธารณะ เกิดมีปาปารัซซีแอบถ่ายเข้ามันจะไม่ดีกับเธอ” ฟู่อี้ชวนพูดตัดบท พน้อมผลักเย่ซินหย่าออกจากอ้อมแขน

เย่ซินหย่าพอถูกผลักออก ความผิดหวังพลันฉายอยู่เต็มดวงหน้า เธอจะจับฟู่อี้ชวนไว้ให้มั่นอีกครั้งได้อย่างไร? เขาชอบซูมั่วขึ้นมาจริง ๆ แล้วเหรอ?

ตอนนี้ฟู่อี้ชวนขึ้นไปอยู่บนรถแล้ว เขามองหญิงสาวที่ร้องไห้ปวดใจ แล้วกล่าวว่า

“พรุ่งนี้เที่ยงจะมารับเธอไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้เธอลำบากมาไม่น้อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เย่ซินหย่ายิ้มออกมา พลางกล่าวอย่างเอาใจใส่รู้ความ “ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะ ขับรถบนถนนก็ระวังด้วย รักนายนะ”

ฟู่อี้ชวนยิ้มเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดคำนั้นออกไป ทำเพียงแค่พยักหน้า แล้วขับรถจากไปเท่านั้น

[ฉันก็รักเธอ]

ทั้งที่เมื่อก่อนเขาพูดกับเย่ซินหย่ามาเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้อยู่ ๆ ก็รู้สึกกระดากจะเอ่ยปากออกไป เป็นเพราะแยกจากกันมาสองปีเหรอ?

มองรถที่เคลื่อนตัวออกไปไกล เย่ซินหย่าที่ยืนอยู่ที่เดิมได้แต่กำหมัดแน่น ความโหดเหี้ยมและความอยากชนะช่วงชิงมาให้ได้ทอประกายอยู่ในดวงตา

ตอนนี้กำลังขับรถอยู่บนถนน

ฟู่อี้ชวนโทรศัพท์ออกไปหาเบอร์นั้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็กระวนกระวายร้อนใจจนเขาเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนความเร็วเกือบเกินกำหนด

ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาล เขากวาดสายตามองไปบริเวณรอบ ๆ แล้ว ทว่าไม่เห็นเงาคน ดังนั้นตอนนี้อาจจะกลับบ้านไปแล้ว

ขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ เขาแทบจะวิ่งเหยาะไปขึ้นลิฟต์ สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตู เดิมทีคิดว่าจะเห็นโคมไฟในห้องรับแขก ทว่าคราวนี้กลับมืดสนิท

ทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะกลับมาดึกแค่ไหน ซูมั่วมักจะเปิดไฟทิ้งไว้ให้เขาเสมอ หากง่วงก็จะนอนหลับอยู่บนโซฟา พอเห็นเขากลับมาถึงจะลุกขึ้นไปเตรียมซุปสร่างเมาให้เขา

นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ห้องรับแขกมืดสนิท ฟู่อี้ชวนรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในใจคือ ‘ซูมั่วยังไม่กลับ?’

เขาเปิดไฟ เหลือบตามองไปยังรองเท้าบนพื้นแถวหน้าประตู ฟู่อี้ชวนจำได้ว่านี่เป็นรองเท้าที่ซูมั่วใส่ ขณะเดียวกันสลิปเปอร์ก็หายไปหนึ่งคู่

เธอน่าจะกลับมาแล้ว

แล้วทำไมเธอถึงไม่เปิดไฟทิ้งไว้? ทำไมถึงไม่รับสายเขา?

ฟู่อี้ชวนโมโห เขาพุ่งตัวไปทางห้องนอนแขกโดยไม่เปลี่ยนรองเท้าด้วยซ้ำ จับลูกบิดประตูไว้ เปิดไม่ออก เขาเริ่มทุบประตูพลางตะโกนเรียก

“ซูมั่ว! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้! ได้เป็นคุณนายฟู่อยู่สองปีจนลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาทำตัววางอำนาจ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status