Share

บทที่ 4

Author: อิงเซี่ย
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกถึงห้ามทุ่มแล้ว

ซูมั่วไม่ได้เปิดไฟในห้องรับแขกทิ้งไว้ เพราะไม่แน่ว่าคืนนี้ฟู่อี้ชวนอาจจะไปเอาอกเอาใจเย่ซินหย่าอยู่ที่ไหน อาจจะไม่กลับบ้าน

เธอคว้ากล่องปฐมพยายามขึ้น คอยประคองร่างกายที่ปวดร้าวค่อย ๆ เดินไปยังห้องนอนเล็ก ๆ ของตัวเอง

แต่งงานกันมาสองปี มันไม่ต่างอะไรกับการแต่งงานแค่ในนามเลย ฟู่อี้ชวนหวงครองตัวบริสุทธิ์เพื่อเย่ซินหย่าไม่ยอมให้เธอเข้าไปกล้องห้องนอนใหญ่แม้แต่ครึ่งก้าว

ดีแล้วละ ซูมั่วมาคิดในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพอนึกถึงว่าตัวเองเคยถูกแตะต้องมาก่อน ตอนนี้คงมีแต่ความสะอิดสะเอียนอย่างเป็นที่สุดแน่

หลังทำความสะอาดและทายาที่บริเวณข้อศอกกับหลังเท้าอย่างลวก ๆ ซูมั่วก็ไม่มีแรงแม้แต่เก็บยาใส่กล่องปฐมพยาบาล เธอจึงวางไว้บนหัวเตียงทั้งแบบนั้น คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเก็บให้เรียบร้อย

เธอเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วเอนตัวลง ผลก็คือแค่เพียงงอตัวเล็กน้อย ความเจ็บที่ก้นกบก็ทำให้เธอถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เสียแล้ว

เธอขยับตัวให้เบาที่สุด หลับตาแล้วละทิ้งทุกอย่างในหัวสมอง ไม่นานความง่วงก็เข้าครอบงำ

ทางเธอเพิ่งจะเข้าสู่ห้วงฝัน ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น ฟู่อี้ชวนกำลังพาเย่ซินหย่ากลับโรงแรม

“ฟู่ชวน เดี๋ยวนายไปส่งฉันที่ห้องนะ?” บริเวณที่นั่งข้างคนขับ เย่ซินหย่าดวงตาระยับ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความออดอ้อนเล็ก ๆ

ฟู่อี้ชวนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาขับรถพลางเหลือบมองหน้าจอในรถ รู้สึกกระสับกระส่ายบนโมโหอย่างไม่มีสาเหตุ

นี้เขาโทรศัพท์ไปเป็นครั้งที่ยี่สิบแล้ว กลับไม่มีใครรับสายเลยสักครั้ง

เย่ซินหย่าที่อยู่ด้านข้างไม่ได้รับการตอบความนัยที่เธอแฝงไว้จากฟู่อี้ เพียงแต่มองหน้าจอในรถบ่อย ๆ

เธอมองเบอร์นั้น มันไม่มีการใส่ชื่อ ทว่าคุ้นตาอยู่บ้าง

เธอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ปัดไปหน้าข้อความ มองข้อความที่เธอส่งไปหาซูมั่ว เบอร์โทรศัพท์นั่น...

เหมือนกันไม่มีผิด

เย่ซินหย่าลอบกัดฟันตัวเอง ความริษยาเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตา

ตอนนี้มาถึงโรงแรมที่เธอพักแล้ว รถหยุดตัวลง เย่ซินหย่าก็พูดขึ้นอีกว่า

“อี้ชวน พวกเราสองคนไม่ได้เจอกันตั้งสองปีแล้ว นายขึ้นไปส่งฉันที่ห้องได้ไหม?”

ขณะที่พูด เธอก็วางมือลงไปหลังมือของเขา ปลายนิ้วสอดเข้าไปในปลายแขนเสื้อเชิ้ตของเขา แสดงท่าทีที่เปี่ยมล้นไปด้วยความคลุมเครือ

ฟู่อี้ชวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? แต่เขามองที่มือนั้นแล้ว ทำเพียงแต่ดึงมือออก จากนั้นก็ลงจากรถไปเปิดประตูให้เย่ซินหย่า พลางว่า

“เธอขึ้นไปก่อนนะ ฉันจะไปหาซูมั่ว โทรหาเธอไม่ติดเลย”

เย่ซินหย่าลุกขึ้น เธอสบตากับอีกฝ่ายตรง ๆ กัดริมฝีปากไว้ บนดวงหน้าเผยสีหน้าเจ็บปวด

“นายหลงรักซูมั่วแล้วเหรอ? ไม่อย่างงั้นจะใส่ใจเธอขนาดนี้ทำไม? ตั้งแต่ฉันรักษาเท้า นายก็เอาแต่โทรศัพท์หาเธอ” ดวงตาของเย่ซินหย่าเคล้าคลอไปด้วยน้ำตา เธอถามอย่างน้อยใจ

ฟู่อี้ชวนได้ยินก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่มีทางหลงรักคนที่ทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก”

“ที่ฉันหาเธอ เพราะกลัวว่าซูมั่วจะฟ้องปู่ ปู่จะต้องมาเอาเรื่องกับเธอแน่” เขาอธิบาย ด้วยคิดว่าเหตุผลนี้สมเหตุสมผลที่สุด

เย่ซินหย่าหยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา แย้มยิ้มบริเวณมุมปากอีกครั้ง เธอรู้อยู่แล้วว่าอี้ชวนรักเธอเสมอ

“งั้นนายก็จูบก่อนสิ ฉันถึงจะเชื่อ” เธอออดอ้อนอีกครั้ง

ฟู่อี้ชวนมองเธอ พลางเม้มปากเล็กน้อย

เย่ซินหย่าคล้องคอเขาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง เตรียมพร้อมรอจุมพิตดูดดื่มแบบฝรั่งเศสแสนโรแมนติก สุดท้าย...

ฟู่อี้ชวนทำเพียงแค่ประทับจูบลงบนหน้าผากเธออย่างฉาบฉวยเหมือนกับแมลงปอบินระน้ำ

เย่ซินหย่าไม่พอใจกับจูบนี้ เธอเป็นฝ่ายเข้าไปหาเพื่อจะจูบริมฝีปาก ทว่าถูกฟู่อี้ชวนเบี่ยงตัวหลบ

“อี้ชวน นี่นายหมายความว่า...” หยาดน้ำตาคลอเคลียอยู่ในดวงตาของเย่ซินหย่าอีกครั้ง

“นายไม่ได้รักฉันแล้วจริง ๆ หรือว่ายังแค้นฉันที่ตอนนี้ฉันไปจากนาย? แต่นายก็รู้นี่ว่าฉันบริสุทธิ์ คุณปู่ของนาย...” เธออธิบายอย่างน้อยอกน้อยใจ

“คิดมากไปแล้ว ตอนนี้อยู่ด้านนอกโรงแรม เป็นที่สาธารณะ เกิดมีปาปารัซซีแอบถ่ายเข้ามันจะไม่ดีกับเธอ” ฟู่อี้ชวนพูดตัดบท พน้อมผลักเย่ซินหย่าออกจากอ้อมแขน

เย่ซินหย่าพอถูกผลักออก ความผิดหวังพลันฉายอยู่เต็มดวงหน้า เธอจะจับฟู่อี้ชวนไว้ให้มั่นอีกครั้งได้อย่างไร? เขาชอบซูมั่วขึ้นมาจริง ๆ แล้วเหรอ?

ตอนนี้ฟู่อี้ชวนขึ้นไปอยู่บนรถแล้ว เขามองหญิงสาวที่ร้องไห้ปวดใจ แล้วกล่าวว่า

“พรุ่งนี้เที่ยงจะมารับเธอไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้เธอลำบากมาไม่น้อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เย่ซินหย่ายิ้มออกมา พลางกล่าวอย่างเอาใจใส่รู้ความ “ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะ ขับรถบนถนนก็ระวังด้วย รักนายนะ”

ฟู่อี้ชวนยิ้มเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดคำนั้นออกไป ทำเพียงแค่พยักหน้า แล้วขับรถจากไปเท่านั้น

[ฉันก็รักเธอ]

ทั้งที่เมื่อก่อนเขาพูดกับเย่ซินหย่ามาเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้อยู่ ๆ ก็รู้สึกกระดากจะเอ่ยปากออกไป เป็นเพราะแยกจากกันมาสองปีเหรอ?

มองรถที่เคลื่อนตัวออกไปไกล เย่ซินหย่าที่ยืนอยู่ที่เดิมได้แต่กำหมัดแน่น ความโหดเหี้ยมและความอยากชนะช่วงชิงมาให้ได้ทอประกายอยู่ในดวงตา

ตอนนี้กำลังขับรถอยู่บนถนน

ฟู่อี้ชวนโทรศัพท์ออกไปหาเบอร์นั้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็กระวนกระวายร้อนใจจนเขาเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนความเร็วเกือบเกินกำหนด

ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาล เขากวาดสายตามองไปบริเวณรอบ ๆ แล้ว ทว่าไม่เห็นเงาคน ดังนั้นตอนนี้อาจจะกลับบ้านไปแล้ว

ขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ เขาแทบจะวิ่งเหยาะไปขึ้นลิฟต์ สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตู เดิมทีคิดว่าจะเห็นโคมไฟในห้องรับแขก ทว่าคราวนี้กลับมืดสนิท

ทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะกลับมาดึกแค่ไหน ซูมั่วมักจะเปิดไฟทิ้งไว้ให้เขาเสมอ หากง่วงก็จะนอนหลับอยู่บนโซฟา พอเห็นเขากลับมาถึงจะลุกขึ้นไปเตรียมซุปสร่างเมาให้เขา

นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ห้องรับแขกมืดสนิท ฟู่อี้ชวนรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในใจคือ ‘ซูมั่วยังไม่กลับ?’

เขาเปิดไฟ เหลือบตามองไปยังรองเท้าบนพื้นแถวหน้าประตู ฟู่อี้ชวนจำได้ว่านี่เป็นรองเท้าที่ซูมั่วใส่ ขณะเดียวกันสลิปเปอร์ก็หายไปหนึ่งคู่

เธอน่าจะกลับมาแล้ว

แล้วทำไมเธอถึงไม่เปิดไฟทิ้งไว้? ทำไมถึงไม่รับสายเขา?

ฟู่อี้ชวนโมโห เขาพุ่งตัวไปทางห้องนอนแขกโดยไม่เปลี่ยนรองเท้าด้วยซ้ำ จับลูกบิดประตูไว้ เปิดไม่ออก เขาเริ่มทุบประตูพลางตะโกนเรียก

“ซูมั่ว! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้! ได้เป็นคุณนายฟู่อยู่สองปีจนลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาทำตัววางอำนาจ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status