Share

บทที่ 5

Author: อิงเซี่ย
ภายในห้อง

เดิมทีซูมั่วหลับสนิทไปแล้ว ทว่าถูกเสียงทุบประตูและเสียงตะโกนโหวกเหวกปลุกให้ตื่น เธอขมวดคิ้ว พลางลุกขึ้นไปเปิดไฟ เดินกะเผลกไปทางประตู

“ซู...” ด้านนอกประตู ฟู่อี้ชวนตบประตูอย่างแรงอีกครั้ง สุดท้ายมือก็ทุบลงบนความว่างเปล่า

“นายกลับมาทำไม เป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้มาทุบประตูตอนดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้” ซูมั่วพูดน้ำเสียงไม่เป็นมิตร ทั้งยังแฝงความรำคาญไว้ด้วย

ฟู่อี้ชวนมองท่าทีแบบนี้ของเธอแล้ว ก็ยิ่งพาลโมโห เขายื่นมือออกไปคว้าแขนของเธอไว้ในทันที พลางพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันกลับมาทำไมน่ะเหรอ? ฉันกลับมาบ้านตัวเองมันผิดปกติตรงไหน?”

ไฟที่เกิดจากความหงุดหงิดของซูมั่วเมื่อครู่นี้หายวับไปทันที เธอก้มหน้าพลางขมวดคิ้ว เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา

ฟู่อี้ชวนคิดว่าเพราะเขาตะคอกใส่ เธอจึงมีท่าทางว่าง่ายขึ้นมาแบบนั้น ทว่าสุดท้ายเมื่อมืออีกข้างหนึ่งของอีกฝ่ายกลับจับข้อมือของเขาออก ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ในตอนนี้เองว่าความรู้สึกจากกลางฝ่ามือของเธอดูไม่ปกติ

เขาเป็นฝ่ายปล่อยมือออกเอง แล้วมองฝ่ามือ...

เลือด?

ฟู่อี้ชวนบีบแรง บาดแผลของซูมั่วถูกบีบจนเจ็บไปหมด หยาดน้ำตาร่วงหล่น เธอถลึงตาจดจ้องผู้ชายที่ทำตัวบ้าคลั่งกลางดึกแบบนี้

“เธอบาดเจ็บเหรอ?” ฟู่อี้ชวนอยากเข้าไปดูแขนของเธอ แต่อีกฝ่ายกลับหลบเขาด้วยท่าทีเย็นชา

“นายถามฉัน? นี่ไม่ใช่ฝีมือนายหรือไง?” ซูมั่วถามกลับ

ฟู่อี้ชวนชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตัวเขาเองโยนเธอลงข้างทาง

เคลื่อนสายตาไปอีกทาง บนข้อศอกของซูมั่วผิวถลอกเป็นปื้นใหญ่ และเพราะแรงบีบของเขา เลือดถึงได้เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง

ไม่เพียงเท่านั้น ฟู่อี้ชวนเลื่อนสายตามองลงไป นอกจากตุ่มน้ำบนหลังเท้าแล้ว ที่ข้อเท้าของซูมั่วก็ถูกพันเอาไว้ ซึ่งด้านบนมีเลือดซึมอยู่ด้วย

ริมฝีปากสั่นไหว เขาอยากพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ซูมั่วกลับหมุนตัวและจะปิดประตู

“ปล่อย” ซูมั่วปิดประตูไม่ได้ จึงขมวดคิ้วพลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

สุดท้ายแล้วฟู่อี้ชวนก็พูดคำว่าขอโทษไม่ออก ทว่ากลับโพล่งออกมาว่า

“ทำไมไม่รับสายฉัน? เธอรู้ไหมว่าฉัน...”

ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็กระตุกมุมปาก เหอะ ๆ ที่แท้ที่เขาเกิดบ้ามาทุบประตูห้องกลางดึกแบบนี้เพราะไม่รับสายเขา?

ช่างเป็นเหตุผลที่แสนจะสำคัญเหลือเกิน

เธอกะเผลก ๆ ไปทางหัวเตียง ฟู่อี้ชวนมองแผ่นหลังของเธอ พลันเกิดความอึดอัดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“โทรศัพท์ตกพื้นจนหน้าจอแตกยับ มันพังจนเปิดเครื่องไม่ได้ เหตุผลนี้นายพอใจหรือยัง?” ซูมั่วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพลางทำทียื่นให้ฟู่อี้ชวน

มองหน้าจอที่แตกละเอียด ฟู่อี้ชวนก็ไม่มีคำใดจะพูดออกมาได้แล้ว

“ซูมั่ว...” เขาเอ่ยปาก ทว่าประตูห้องกลับปิดลงดังปังในทันที เขาถูกกันไว้ด้านนอกประตูทั้งอย่างนั้น

สุดท้ายหลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูนานหลายวินาที ฟู่อี้ชวนถึงได้ค่อย ๆ หมุนตัวเดินจากไป

ภายในห้อง ซูมั่วที่ถูกปลุกให้ตื่นรู้สึกหงุดหงิดมาก เธอนึกถึงที่ฟู่อี้ชวนบอกว่าโทรศัพท์มาหาเธอจึงเปิดเครื่องโทรศัพท์ดู ซึ่งก็มีการโทรศัพท์เข้ามาสามสิบสี่สิบสายจริงๆ

บ้าชัด ๆ ในเมื่อโยนเธอทิ้งแล้วไปอยู่กับเย่ซินหย่าแล้วแท้ ๆ จะโทรศัพท์เข้ามาหลายสายแบบนี้ทำไม?

เธอปิดเครื่องอีกครั้ง แล้วล้มตัวนอนโดยไม่คิดอะไรให้มากความอีก

ห้องนอนหลัก

ฟู่อี้ชวนอาบน้ำอย่างลวก ๆ แล้วขึ้นเตียงนอน

หน้าจอโทรศัพท์พลันสว่างวาบ เป็นข้อความที่เย่ซินหย่าส่งมาหาเขา เธอถามว่าซูมั่วเป็นอะไรหรือเปล่า เขากลับถึงบ้านปลอดภัยดีไหม และขอให้เขาไม่ทำให้ซูมั่วลำบากใจ

เมื่อฟู่อี้ชวนอ่านจบ ความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ต่อซูมั่วที่เดิมทีเกิดขึ้นในใจนั้นมลายหายไปไม่หลงเหลือแม้แต่น้อยในยามนี้ นึกขึ้นได้ว่าถ้าไม่ใช่ซูมั่วที่จงใจจะให้น้ำซุปลวกเย่ซินหย่าก่อน ก็คงไม่เกิดเรื่องพวกนี้ตามมา

[จะไปสนใจเขาทำไม เธอรีบนอนเถอะ กู๊ดไนท์]

ภายในโรงแรม หลังส่งข้อความออกไป

เย่ซินหย่ากระตุกยิ้มมุมปาก เห็นท่าทีเอือมระอาที่ฟู่อี้ชวนมีให้ซูมั่วแล้ว เธอทั้งดีใจทั้งพอใจมาก

ตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว พรุ่งนี้ฟู่อี้ชวนยังต้องไปทำงาน เขาจึงปิดไฟนอน ทว่าผ่านไปไม่นาน ความแสบร้อนจากกระเพาะก็ทำให้เขาจำเป็นต้องลุกขึ้นมา

เขาเริ่มเป็นโรคกระเพาะตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายแล้ว ตอนนั้นมีซินหย่าคอยกำชับให้เขากินข้าวทุกวัน คอยมอบความเป็นห่วงเป็นใยแก่เขาทุกอย่าง

ต่อมาเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย โรคกระเพาะก็ไม่มีอาการกำเริบใด ๆ อีก ทว่าพอได้ทำงานก็มีงานเลี้ยงให้เข้าร่วม ทำให้อาการกลับมากำเริบอีกครั้ง ซึ่งซูมั่วจะคอยเตรียมซุปสร่างเมาและบำรุงกระเพาะไว้ให้เขาทุกวัน ถึงได้นอนหลับสบายจนถึงเช้า

เขาไปถึงห้องครัว เดิมทีคิดว่าซูมั่วจะเก็บไว้อีกสักชุด ทว่าบนเตากับในตู้เย็นกลับว่างเปล่า

ครั้นนึกถึงน้ำซุปร้อน ๆ ที่หกรดอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวแล้ว เขาพลันนึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็โมโหซูมั่วอีกครั้งที่ไม่รู้จักเตรียมไว้ให้มากหน่อย

เขาคิดจะไปปลุกให้เจ้าตัวลุกขึ้นมาทำให้ใหม่อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ทว่าทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้าอีกครั้ง

เม้มปากเงียบไปเล็กน้อย ฟู่อี้ชวนจะไปเปิดกล่องปฐมพยาบาลควานหายามากิน แต่ก็ต้องมาเจอว่ากล่องปฐมพยาบาลหายไป

ขณะที่กำลังขมวดคิ้วนั้น เขาพลันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนอยู่หน้าประตูห้องเขาเหลือบไปเห็นหัวเตียงของเธอ กล่องปฐมพยาบาลอยู่ที่นั่น

อาจจะเป็นเพราะมโนธรรมที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เขาจึงไม่ได้ทุบประตูอีก แต่ไปหากุญแจห้องสำรองมา พอหาเจอก็เอาไปไขเปิดประตู

ลูกบิดประตูขยับเบา ๆ เสียง “แกร๊ก” ทำเอาฟู่อี้ชวนอดสูดลมหายใจไม่ได้ เขาวางฝีเท้าเบา ๆ

สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขันเหลือเกิน บ้านของเขาแท้ ๆ แต่กลับต้องทำตัวเหมือนขโมย

ภายในห้องมืดสลัว กลิ่นน้ำหอลอยอบอวลจาง ๆ ขณะเดียวกันก็พ่วงมาด้วยกลิ่นยา

คนบนเตียงกำลังนอนตะแคงข้าง คลุมตัวไว้ด้วยมุมผ้าห่มบาง ๆ เพียงมุมเดียว ฟู่อี้ชวนไม่ได้มองนานนัก เขาเตรียมหยิบกล่องปฐมพยาบาลแล้วก็ออกไป

ทว่ายามยืดตัวขึ้นนั้น หางตาพลันเหลือไปเห็นบริเวณหลังเอวของคนบนเตียงที่ถูกแสงไฟที่ลอดมาจากทางประตูส่องเข้ามาพอดิบพอดี

ปลายเสื้อม้วนขึ้นมาเล็กน้อย รอยช้ำสีม่วงปื้นใหญ่ปรากฏอยู่บนผิว แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแสงสลัว ๆ แต่ยังคงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

การเคลื่อนไหวของฟู่อี้ชวนหยุดชะงักเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่เดิมสองวินาที ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังยืดตัวขึ้นเดินออกไป และปิดประตูห้องเบา ๆ

มันก็แค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตอะไรสักหน่อย

และถ้าเธอไม่ได้อิจฉาซินหย่า ไม่ทำให้หลังเท้าของตัวเองบาดเจ็บจากการถูกลวกแบบนั้น แล้วเขาจะไปอุ้มเธอทำไม? แล้วเธอจะล้มลงไปจนบาดเจ็บแบบนั้นได้ที่ไหน?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status