Share

บทที่ 5

Author: อิงเซี่ย
ภายในห้อง

เดิมทีซูมั่วหลับสนิทไปแล้ว ทว่าถูกเสียงทุบประตูและเสียงตะโกนโหวกเหวกปลุกให้ตื่น เธอขมวดคิ้ว พลางลุกขึ้นไปเปิดไฟ เดินกะเผลกไปทางประตู

“ซู...” ด้านนอกประตู ฟู่อี้ชวนตบประตูอย่างแรงอีกครั้ง สุดท้ายมือก็ทุบลงบนความว่างเปล่า

“นายกลับมาทำไม เป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้มาทุบประตูตอนดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้” ซูมั่วพูดน้ำเสียงไม่เป็นมิตร ทั้งยังแฝงความรำคาญไว้ด้วย

ฟู่อี้ชวนมองท่าทีแบบนี้ของเธอแล้ว ก็ยิ่งพาลโมโห เขายื่นมือออกไปคว้าแขนของเธอไว้ในทันที พลางพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันกลับมาทำไมน่ะเหรอ? ฉันกลับมาบ้านตัวเองมันผิดปกติตรงไหน?”

ไฟที่เกิดจากความหงุดหงิดของซูมั่วเมื่อครู่นี้หายวับไปทันที เธอก้มหน้าพลางขมวดคิ้ว เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา

ฟู่อี้ชวนคิดว่าเพราะเขาตะคอกใส่ เธอจึงมีท่าทางว่าง่ายขึ้นมาแบบนั้น ทว่าสุดท้ายเมื่อมืออีกข้างหนึ่งของอีกฝ่ายกลับจับข้อมือของเขาออก ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ในตอนนี้เองว่าความรู้สึกจากกลางฝ่ามือของเธอดูไม่ปกติ

เขาเป็นฝ่ายปล่อยมือออกเอง แล้วมองฝ่ามือ...

เลือด?

ฟู่อี้ชวนบีบแรง บาดแผลของซูมั่วถูกบีบจนเจ็บไปหมด หยาดน้ำตาร่วงหล่น เธอถลึงตาจดจ้องผู้ชายที่ทำตัวบ้าคลั่งกลางดึกแบบนี้

“เธอบาดเจ็บเหรอ?” ฟู่อี้ชวนอยากเข้าไปดูแขนของเธอ แต่อีกฝ่ายกลับหลบเขาด้วยท่าทีเย็นชา

“นายถามฉัน? นี่ไม่ใช่ฝีมือนายหรือไง?” ซูมั่วถามกลับ

ฟู่อี้ชวนชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตัวเขาเองโยนเธอลงข้างทาง

เคลื่อนสายตาไปอีกทาง บนข้อศอกของซูมั่วผิวถลอกเป็นปื้นใหญ่ และเพราะแรงบีบของเขา เลือดถึงได้เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง

ไม่เพียงเท่านั้น ฟู่อี้ชวนเลื่อนสายตามองลงไป นอกจากตุ่มน้ำบนหลังเท้าแล้ว ที่ข้อเท้าของซูมั่วก็ถูกพันเอาไว้ ซึ่งด้านบนมีเลือดซึมอยู่ด้วย

ริมฝีปากสั่นไหว เขาอยากพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ซูมั่วกลับหมุนตัวและจะปิดประตู

“ปล่อย” ซูมั่วปิดประตูไม่ได้ จึงขมวดคิ้วพลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

สุดท้ายแล้วฟู่อี้ชวนก็พูดคำว่าขอโทษไม่ออก ทว่ากลับโพล่งออกมาว่า

“ทำไมไม่รับสายฉัน? เธอรู้ไหมว่าฉัน...”

ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็กระตุกมุมปาก เหอะ ๆ ที่แท้ที่เขาเกิดบ้ามาทุบประตูห้องกลางดึกแบบนี้เพราะไม่รับสายเขา?

ช่างเป็นเหตุผลที่แสนจะสำคัญเหลือเกิน

เธอกะเผลก ๆ ไปทางหัวเตียง ฟู่อี้ชวนมองแผ่นหลังของเธอ พลันเกิดความอึดอัดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“โทรศัพท์ตกพื้นจนหน้าจอแตกยับ มันพังจนเปิดเครื่องไม่ได้ เหตุผลนี้นายพอใจหรือยัง?” ซูมั่วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพลางทำทียื่นให้ฟู่อี้ชวน

มองหน้าจอที่แตกละเอียด ฟู่อี้ชวนก็ไม่มีคำใดจะพูดออกมาได้แล้ว

“ซูมั่ว...” เขาเอ่ยปาก ทว่าประตูห้องกลับปิดลงดังปังในทันที เขาถูกกันไว้ด้านนอกประตูทั้งอย่างนั้น

สุดท้ายหลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูนานหลายวินาที ฟู่อี้ชวนถึงได้ค่อย ๆ หมุนตัวเดินจากไป

ภายในห้อง ซูมั่วที่ถูกปลุกให้ตื่นรู้สึกหงุดหงิดมาก เธอนึกถึงที่ฟู่อี้ชวนบอกว่าโทรศัพท์มาหาเธอจึงเปิดเครื่องโทรศัพท์ดู ซึ่งก็มีการโทรศัพท์เข้ามาสามสิบสี่สิบสายจริงๆ

บ้าชัด ๆ ในเมื่อโยนเธอทิ้งแล้วไปอยู่กับเย่ซินหย่าแล้วแท้ ๆ จะโทรศัพท์เข้ามาหลายสายแบบนี้ทำไม?

เธอปิดเครื่องอีกครั้ง แล้วล้มตัวนอนโดยไม่คิดอะไรให้มากความอีก

ห้องนอนหลัก

ฟู่อี้ชวนอาบน้ำอย่างลวก ๆ แล้วขึ้นเตียงนอน

หน้าจอโทรศัพท์พลันสว่างวาบ เป็นข้อความที่เย่ซินหย่าส่งมาหาเขา เธอถามว่าซูมั่วเป็นอะไรหรือเปล่า เขากลับถึงบ้านปลอดภัยดีไหม และขอให้เขาไม่ทำให้ซูมั่วลำบากใจ

เมื่อฟู่อี้ชวนอ่านจบ ความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ต่อซูมั่วที่เดิมทีเกิดขึ้นในใจนั้นมลายหายไปไม่หลงเหลือแม้แต่น้อยในยามนี้ นึกขึ้นได้ว่าถ้าไม่ใช่ซูมั่วที่จงใจจะให้น้ำซุปลวกเย่ซินหย่าก่อน ก็คงไม่เกิดเรื่องพวกนี้ตามมา

[จะไปสนใจเขาทำไม เธอรีบนอนเถอะ กู๊ดไนท์]

ภายในโรงแรม หลังส่งข้อความออกไป

เย่ซินหย่ากระตุกยิ้มมุมปาก เห็นท่าทีเอือมระอาที่ฟู่อี้ชวนมีให้ซูมั่วแล้ว เธอทั้งดีใจทั้งพอใจมาก

ตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว พรุ่งนี้ฟู่อี้ชวนยังต้องไปทำงาน เขาจึงปิดไฟนอน ทว่าผ่านไปไม่นาน ความแสบร้อนจากกระเพาะก็ทำให้เขาจำเป็นต้องลุกขึ้นมา

เขาเริ่มเป็นโรคกระเพาะตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายแล้ว ตอนนั้นมีซินหย่าคอยกำชับให้เขากินข้าวทุกวัน คอยมอบความเป็นห่วงเป็นใยแก่เขาทุกอย่าง

ต่อมาเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย โรคกระเพาะก็ไม่มีอาการกำเริบใด ๆ อีก ทว่าพอได้ทำงานก็มีงานเลี้ยงให้เข้าร่วม ทำให้อาการกลับมากำเริบอีกครั้ง ซึ่งซูมั่วจะคอยเตรียมซุปสร่างเมาและบำรุงกระเพาะไว้ให้เขาทุกวัน ถึงได้นอนหลับสบายจนถึงเช้า

เขาไปถึงห้องครัว เดิมทีคิดว่าซูมั่วจะเก็บไว้อีกสักชุด ทว่าบนเตากับในตู้เย็นกลับว่างเปล่า

ครั้นนึกถึงน้ำซุปร้อน ๆ ที่หกรดอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวแล้ว เขาพลันนึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็โมโหซูมั่วอีกครั้งที่ไม่รู้จักเตรียมไว้ให้มากหน่อย

เขาคิดจะไปปลุกให้เจ้าตัวลุกขึ้นมาทำให้ใหม่อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ทว่าทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้าอีกครั้ง

เม้มปากเงียบไปเล็กน้อย ฟู่อี้ชวนจะไปเปิดกล่องปฐมพยาบาลควานหายามากิน แต่ก็ต้องมาเจอว่ากล่องปฐมพยาบาลหายไป

ขณะที่กำลังขมวดคิ้วนั้น เขาพลันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนอยู่หน้าประตูห้องเขาเหลือบไปเห็นหัวเตียงของเธอ กล่องปฐมพยาบาลอยู่ที่นั่น

อาจจะเป็นเพราะมโนธรรมที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เขาจึงไม่ได้ทุบประตูอีก แต่ไปหากุญแจห้องสำรองมา พอหาเจอก็เอาไปไขเปิดประตู

ลูกบิดประตูขยับเบา ๆ เสียง “แกร๊ก” ทำเอาฟู่อี้ชวนอดสูดลมหายใจไม่ได้ เขาวางฝีเท้าเบา ๆ

สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขันเหลือเกิน บ้านของเขาแท้ ๆ แต่กลับต้องทำตัวเหมือนขโมย

ภายในห้องมืดสลัว กลิ่นน้ำหอลอยอบอวลจาง ๆ ขณะเดียวกันก็พ่วงมาด้วยกลิ่นยา

คนบนเตียงกำลังนอนตะแคงข้าง คลุมตัวไว้ด้วยมุมผ้าห่มบาง ๆ เพียงมุมเดียว ฟู่อี้ชวนไม่ได้มองนานนัก เขาเตรียมหยิบกล่องปฐมพยาบาลแล้วก็ออกไป

ทว่ายามยืดตัวขึ้นนั้น หางตาพลันเหลือไปเห็นบริเวณหลังเอวของคนบนเตียงที่ถูกแสงไฟที่ลอดมาจากทางประตูส่องเข้ามาพอดิบพอดี

ปลายเสื้อม้วนขึ้นมาเล็กน้อย รอยช้ำสีม่วงปื้นใหญ่ปรากฏอยู่บนผิว แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแสงสลัว ๆ แต่ยังคงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

การเคลื่อนไหวของฟู่อี้ชวนหยุดชะงักเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่เดิมสองวินาที ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังยืดตัวขึ้นเดินออกไป และปิดประตูห้องเบา ๆ

มันก็แค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตอะไรสักหน่อย

และถ้าเธอไม่ได้อิจฉาซินหย่า ไม่ทำให้หลังเท้าของตัวเองบาดเจ็บจากการถูกลวกแบบนั้น แล้วเขาจะไปอุ้มเธอทำไม? แล้วเธอจะล้มลงไปจนบาดเจ็บแบบนั้นได้ที่ไหน?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status