หญิงสาวผู้เพียบพร้อมที่กัมปนาทหมายมั่นว่าอยากจะคบหาดูใจ มองไกลไปถึงการแต่งงานก็คือวริศรา เธอคนนี้อายุยี่สิบแปดปี มีรูปร่างหน้าตาสวยสะกด เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่ดี วริศรานั้นเพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้ว ฐานะทางการเงินก็ถือว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี เพราะเธอเป็นหลานสาวคนเดียวของเจ้าสัวกษิดิศ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อต้น ๆ ของประเทศ เรื่องการศึกษาก็ไม่ต้องพูดถึง วริศราเป็นดีไซเนอร์ที่กำลังทำแบรนด์ของตัวเอง และ Varis Varis แบรนด์ของเธอก็กำลังไปได้สวย โดยมีกัมปนาทเข้าไปร่วมลงทุนเมื่อหกเดือนก่อน
“คุณบอกว่ามีแผนการตลาดอยากคุยกับศรา แต่พอศรามาถึงคุณกลับเงียบแล้วก็เอาแต่ยิ้ม” วริศราเป็นหญิงสาวที่โดดเด่น เธอเก่งและมีความมั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ไม่วิ่งตามผู้ชาย ที่ยอมให้กัมปนาทมาร่วมลงทุนทำแบรนด์ด้วยก็เพราะคุณปู่แนะนำมา และเพราะเธอเล็งเห็นว่ากัมปนาทจะพาแบรนด์ของเธอให้ไปได้ไกล อย่างที่บอกว่าผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องมองกราฟและอนาคตมาก
“ยอมรับก็ได้ครับว่าผมโกหก ที่จริงมีเรื่องอื่นที่อยากพูดกับคุณ แต่กลัวว่าถ้าไม่อ้างเรื่องงานแล้วคุณจะไม่ยอมมาเจอผมน่ะสิ” กัมปนาทเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มของเขามีไว้เฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าวริศราเท่านั้น เขาตามตื๊อเธอคนนี้มาหกเดือนแล้วก็จริง แต่คนแบบเขา…อยากจะเจอผู้หญิงทั้งที ไม่มีหรอกที่จะไปหาถึงที่ ไปเฝ้ารอ เขาใช้วิธีเรียกเธอมา
“สมกับเป็นคุณดีค่ะ ตกลงว่าอยากพูดอะไรกับฉันคะ?” ถามว่าวริศราคิดยังไงกับกัมปนาท ตอบได้เลยว่าเธอมองเขาออกอยู่ประมาณหนึ่ง รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากเข้าหาเธอนัก รู้ว่าลึก ๆ แล้วในใจเขาไม่ได้พิศวาสอะไรเธอด้วย เขามีเหตุผลของเขา ส่วนเธอก็มีเหตุผลของตัวเอง อาจพูดได้ว่าความสัมพันธ์นี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วน ๆ
“เรารู้จักกันมาหกเดือนแล้ว…ผมว่าผมเห็นอะไรหลายอย่างในตัวคุณ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่ผมว่าเราสองคนเข้ากันได้ดี” กัมปนาทเอ่ยพร้อมยกช่อดอกกุหลาบสีขาวจำนวนหนึ่งร้อยแปดสิบดอกขึ้นมา ใช่…ในที่สุดฟาติมาก็ไปตามหาสิ่งที่เขาต้องการมาจนได้
“แล้ว?” รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของดีไซเนอร์สาว คิ้วสวยได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อย ช่อดอกไม้มาพร้อมกับคำที่บอกว่า ‘เราสองคนเข้ากันได้ดี’ แค่นี้หญิงสาวก็พอจะมองออกว่าชายหนุ่มกำลังจะพูดอะไร
“เป็นแฟนกันไหม?”
“ฮะ ๆ” วริศราหัวเราะลั่น กัมปนาทคนนี้ทำเธอประหลาดใจมาแล้วหลายเรื่อง จริงอยู่ที่ไม่แปลกใจว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมา แต่ที่แปลกใจคือ…เขาเรียกเธอมาหาเพื่อขอคบ สถานที่คือห้องทำงานของเขา มีแค่ช่อดอกกุหลาบสีขาวที่เธอไม่ได้ชอบมันเลย ไม่มีการคุกเข่า ไม่มีคำสารภาพรัก ไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรทั้งนั้น สมกับเป็นกัมปนาทจริง ๆ ทุกอย่างมันดูแข็งทื่อไร้อารมณ์ ไร้ชีวิตชีวาไปเสียหมด และที่สำคัญ…ที่มุมห้องนั้นยังมีคนอื่นอยู่ด้วย!
“หัวเราะอะไรครับ?” ไม่บ่อยนักที่จะมีใครสามารถทำให้ไอ้คุณกั้งคนนี้เสียเซลฟ์ได้
“คุณปู่บอกให้คุณมาทำแบบนี้เหรอคะ?”
“ไม่ครับ ผมขอคุณคบเพราะอยากคบกับคุณจริง ๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับปู่คุณเลย” ไม่จริง เขาโกหก เรื่องนี้มันเกี่ยวกับกษิดิศ ปู่ของวริศราเต็ม ๆ
“งั้นเหรอคะ? แต่คุณมาขอฉันคบเป็นแฟนทั้งที่ในห้องนี้มีเลขาของคุณอยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” วริศราหันไปมองฟาติมาที่ยืนก้มหน้างุดอยู่มุมห้องแล้วหันมามองหน้ากัมปนาท
“ทำไมครับ? คุณไม่ชอบเหรอ? จะให้ผมไล่เขาออกไปไหม?”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันแค่คิดว่ามันไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไหร่”
“อย่าคิดแบบนั้นเลย ผู้หญิงคนนั้นน่ะถ้าผมไม่เรียกใช้ก็ถือว่าไม่มีตัวตน เป็นได้แค่มนุษย์ล่องหน ดูสิครับ…ขนาดเราพูดถึงเขาอยู่ เขายังนิ่งทำเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจเลย”
“…” แม้อยู่ต่อหน้าคนอื่นฟาติมาก็ยังถูกด่าทอ ยังถูกกัมปนาทถากถางได้ตลอด เธอน่ะหรือไม่มีชีวิตจิตใจ เธอมี…แต่เขาไม่ให้ค่าต่างหาก ที่ก้มหน้ายืนนิ่งไม่ไหวติงแบบนี้มันเป็นเพราะกำลังพยายามจนสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้และแสดงออกว่าเสียใจ การต้องมายืนมองผู้ชายที่รักเท่าชีวิตขอผู้หญิงคนอื่นคบเป็นแฟน มันไม่ใช่เรื่องง่าย กัมปนาทเก่งเหลือเกินเรื่องทำลายหัวใจเธอ เขาเก่งมากจริง ๆ ที่ทำให้เธอทุกข์ทรมาน และที่เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้มันก็เป็นเพราะเขาบังคับให้ทำ!
“นั่นเลขาคุณนะคะคุณกั้ง พูดกับเขาดี ๆ หน่อยสิ จะบอกว่าเขาไม่มีชีวิตจิตใจได้ยังไง?”
“ไม่มีค่า ต้องใช้คำนี้ถึงจะถูก…ถ้าผมไม่ให้ค่า ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีค่าอะไรเลย”
“ฉันไม่ชอบที่คุณพูดแบบนี้ คนเราทุกคนมีค่าค่ะ ผู้หญิงทุกคนมีค่า…คุณฟ้าอาจไม่มีค่าสำหรับคุณ แต่เขามีค่าสำหรับคนอื่นแน่นอน และคงต้องพูดตามตรงว่าฉันคิดว่ามันเร็วเกินไป” วริศรามีคำตอบของเธอมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนแรกไม่อยากปฏิเสธกัมปนาทตรง ๆ เพราะเห็นว่ามีฟาติมาอยู่ในห้องด้วย ไม่อยากทำให้เขาต้องอับอายลูกน้องตัวเอง แต่ในเมื่อเขาแสดงนิสัยเหยียดคนอื่นออกมาแบบนี้ เห็นทีว่าเธอคงไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าเขา
“หมายความว่าไงครับ? ที่บอกว่าเร็วเกินไป…”
“ก็หมายความว่าฉันยังไม่พร้อมจะคบกับคุณไง หกเดือนน่ะ…เราแค่รู้จักกันเอง คุณยังไม่เคยจีบฉันด้วยซ้ำ แล้วเราจะคบกันเป็นแฟนได้ยังไงคุณกั้ง?”
“…” เดี๋ยว! ไม่เคยจีบอะไรวะ? ที่ช่วยลงทุนให้ ทำแบรนด์ให้ใหญ่โต ที่พาไปกินข้าวตั้งหลายมื้อ ซื้อของแพง ๆ ให้ก็เยอะ นี่ยังไม่เรียกว่าจีบอีกหรือ?!
“ดอกไม้นี่…ฉันจะรับไว้นะคะ แต่ก็คงต้องบอกตามตรงว่าจริง ๆ แล้วฉันชอบดอกคามิเลียมากกว่าดอกกุหลาบ” วริศราส่งรอยยิ้มให้กัมปนาท หยิบช่อดอกกุหลาบมาแล้วก็ออกไปจากห้องทำงานของเขา
กัมปนาทถูกปฏิเสธต่อหน้าฟาติมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขายอมรับมันไม่ได้
และที่มากกว่านั้นคือ…เขาเห็นจากหางตาว่าคนไร้ค่าในสายตาเขาแอบขำ!
“ตลกมากเหรอ?!” เมื่อในห้องทำงานเหลือเพียงเขาและเธอ คนเจ้าอารมณ์ก็ตะคอกถามขึ้นมาทันที “ฉันถาม! ว่าตลกมากเหรอฟาติมา?!”
“…” เขาคิดไปเอง ฟาติมาไม่ได้ขำอะไรทั้งนั้น แม้แต่ยิ้มเธอก็ไม่ได้ยิ้มด้วย การที่เขาถูกปฏิเสธมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีเลยสักนิด
“มานี่! ฉันสั่งให้เธอเดินมาตรงนี้!” พอมีอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะมาลงกับเธอ ออกคำสั่งให้เธอเดินจากมุมห้องแล้วเข้ามาใกล้ ๆ พอเธอทำตามคำสั่งเขาก็ลุกจากเก้าอี้ ผลักเธอให้เซไปนั่งบนโต๊ะทำงาน
“อ๊ะ! คุณกั้ง…”
“ฉันถาม…ว่าเธอขำอะไร?! ตลกมากหรือไงที่ฉันถูกศราปฏิเสธ?!”
“อ๊ะ!” ฟาติมาหลุดเสียงร้องออกมาอีกครั้งเมื่อกัมปนาทแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างขาเธอ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังล้วงเข้ามาในกระโปรง ตรงเข้ามาสัมผัสเธอถึงด้านใน ใช้มือกระทำเรื่องหยาบกระด้างกับเธอ “คะ คุณกั้ง…ฟ้าไม่ได้ขำค่ะ”
“ก็ฉันเห็นเธอขำ! สะใจงั้นสิ…ที่ฉันไม่ได้คบกับศรา?!” ยิ่งฟาติมาพยายามบิดตัวหนี กัมปนาทก็ยิ่งรุกล้ำเข้าหาเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาเริ่มสอดมือหนาเข้าด้านในชั้นใน ตรงเข้าไปสัมผัสเธออย่างรุนแรง ไม่สนว่าความแห้งผากจะทำให้เธอเจ็บยังไง
“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่ได้…อ๊ะ! คุณกั้งฟ้าเจ็บ!”
“เตรียมตัวโดนกระแทกจนระบมได้เลยฟาติมา!”
“มะ ไม่ได้นะคะ! อีกเดี๋ยวคุณกั้งต้องเข้าประชุม!”
“ไม่สน! ฉันโกรธ…ฉันต้องการระบายอารมณ์!”
“อ๊ะ!” ต่อให้วันนี้วริศราตอบรับและยอมคบกับเขาเป็นแฟน กัมปนาทก็คิดจะทำเรื่องแบบนี้อยู่ดี คงจะใช้ข้ออ้างว่าดีใจจนอยากฉลองกับเรือนร่างของฟาติมา
ปากเขาบอกว่าเกลียดเธอ แต่ก็ยังเสพสมเธอไม่หยุด
ใจเขาไม่เคยคิดจะให้อภัยเธอ แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยเธอให้หลุดมือไปไหน
เขาบอกว่าหมดรักเธอไปนานแล้ว แต่โคตรไม่ชอบเลยที่วริศราบอกว่าถึงฟาติมาจะไม่มีค่าสำหรับเขา แต่อาจมีค่าสำหรับคนอื่น ใครกัน…ใครที่จะเข้ามาให้คุณค่าผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เป็นนางบำเรอของเขา!
เจ็ดวันเจ็ดชุดมีอยู่จริงหนึ่งคืนสี่ยกก็มีอยู่จริงเช่นกันฟาติมาคิดได้ก็วันที่เจ็ด ว่าเธอไม่น่าเอาเรื่องชุดนอนไม่ได้นอนมาหลอกล่อสามีจอมหื่นกระหายเลย เธอลืมไปเสียสนิทว่าสามีนั้นเจ้าเล่ห์แค่ไหน แค่เพราะเธอบอกว่าจะยอมให้ชุดแสนวาบหวิวที่เขาซื้อให้ เพียงเท่านั้นเขาก็สั่งเพิ่มมาอีกเป็นสิบ ๆ ชุด ยกเอาคำสัญญาของเธอขึ้นมาอ้าง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมเธอ ออดอ้อนเธอสารพัด ส่งสายตาน่าสงสาร บอกรักไม่หยุดปากเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการและใช่…ไอ้พี่กั้งมันได้ไปแล้วหกวัน ได้เห็นฟาติมาสวมชุดนอนไม่ได้นอนจนครบหกสีแล้ว คืนนี้เป็นคืนวันอาทิตย์ก็เป็นคืนที่เจ็ด เธอสวมชุดนอนผ้าลูกไม้สีแดงซีทรูที่บางแสนบาง บางจนแทบไม่ปกปิดอะไรเลย เดินออกจากห้องน้ำมาหยุดยืนที่ด้านหลังสามี เขานั่งหันหลังอยู่เตียง กอดอกทำท่าทีกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจเพราะกำลังงอนงอนที่ฟาติมาจะไม่ยอมสวมชุดสีแดงที่เขาชอบที่สุด งอนที่เธอจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เขางอนที่เธอบอกว่าเหนื่อย ทั้ง ๆ ที่หกวันที่ผ่านมาเป็นเขาที่ทำอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้พี่กั้งมันรอยคอยคืนนี้แบบใจจดใจจ่อ เพราะสีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีฟ้า สีม่วงมันไม่เร้าใจเขามากกว่าสีแดง
งานแต่งงานของฟาติมาและกัมปนาทจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในวันที่มีท้องฟ้าเปิดโล่งแจ่มใส แสงแดดแรกของวันส่องผ่านกิ่งไม้และดอกไม้หลากสี เจ้าบ่าวยืนอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานเพียงสี่คนเท่านั้นคือบุรธัช ผู้เป็นพ่อบุญธรรม ภวัตพี่ชายนอกสายเลือดคนที่เป็นเหมือนผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เขา อิทธิ เพื่อนที่คอยร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา สุดท้ายก็คือชัชวินทร์ ชายหนุ่มที่มาในฐานะเพื่อนและพี่ชายที่แสนดีของเจ้าสาวสวนดอกไม้ถูกจัดเตรียมอย่างสวยงามด้วยแถบดอกไม้สีสันสดใส เสียงนกร้องเบา ๆ เป็นบรรยากาศที่เงียบสงบและงดงาม ฟาติมาเดินเข้ามาในชุดเจ้าสาวสีขาว เธอสวยสะกดหยุดทุกสายตา เพียงแวบแรกที่ได้เห็น ดวงตาของกัมปนาทก็เปล่งประกายขึ้นมาทันตาเห็น เขาเคยมีภาพนี้อยู่ในความคิดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันดับสลายไปในวันที่ต้องเข้าไปนอนระทมอยู่ในคุก จากที่ไม่คิดไม่ฝันแล้วว่าจะได้กลับมารักและแต่งงานกับฟาติมา สุดท้ายมันก็เกิดขึ้น…เขาที่ไม่เคยหมดรักเธอได้ ตอนนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเธอในวันงานแต่งงานแล้วฟาติมาเดินเข้ามาใกล้ชิดกับกัมปนาท พอเขายื่นมือมาให้เธอก็รับมือนั้นไว้ทันที สัญญาด้วยชีวิตและหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุข
เกือบสองเดือนมานี้ ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่กัมปนาทมีความสุขที่สุด เพราะฟาติมาคนเดิมได้กลับมานอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว เพราะบทพิสูจน์จากเบื้องบน หรือกรรมเก่าที่เขาต้องชดใช้ได้จบลงแล้ว ตอนนี้เขาได้เมียกลับมานอนกอดที่บ้านอย่างสบายใจ ได้หอมได้จูบเธอโดยไม่ต้องกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ ตอนนี้เขาพูดได้เต็มปากเลยว่าโคตรมีความสุขเลยจุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ!เขาจูบแก้มเธอ จูบหน้าผาก จูบที่ดวงตาคู่สวย จูบแล้วจูบเล่าหลังจากที่ต้องอดกลั้นมานานสองเดือน กอดเธอแน่นจนเธอแทบหายใจไม่ได้ รัดตัวเธอไว้แนบกายราวกับว่ากลัวเธอจะหายไปจากเขาอีก“งื้อ! พี่กั้งจูบฟ้าไม่เลิกเลย ไม่กลัวฟ้าช้ำหมดหรือไง?”“ไม่กลัว ช้ำก็ไม่เป็นไร…รู้ไหมว่าพี่รอคอยวันนี้มานานขนาดไหน จุ๊บ!” ว่าแล้วเขาก็จูบแนบปากเธออีกที“สองเดือนไง พี่กั้งพูดตั้งหลายครั้งแล้วว่าต้องดูแลฟ้าเวอร์ชันทั้งดื้อทั้งซนมาสองเดือนเต็ม ๆ”“สำหรับคนอื่นมันอาจจะแค่สองเดือน แต่พี่น่ะ…พี่รู้สึกเหมือนมันยาวนานชั่วชีวิตเลย ช่วงเวลาที่ยาวนานและทรมานใจพี่มากที่สุดคือตอนที่ฟ้าอยู่ในห้องผ่าตัดกับห้อง ICU ตอนที่ฟ้าอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย ตอนนั้นพี่คิดแต่ว่าขอให้เป็นพี่เถอะ ขอให้พี่ตายแท
“แต่ทำไมพี่กั้งใส่ชุดเจ้าบ่าว?”นึกสงสัยขึ้นมาฟาติมาก็หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับกัมปนาท เธอไล่สายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ…เพราะคิดว่าวันนี้จะมีแค่เธอคนเดียวที่ได้ถ่ายรูปสวย ๆ“เอ่อ…ก็ถ้ามีเจ้าสาว ก็ต้องมีเจ้าบ่าวด้วยไม่ใช่เหรอ? หรือฟ้าไม่อยากให้พี่ถ่ายรูปด้วย?”“ก็แล้วพี่กั้งจะมาเป็นเจ้าบ่าวของน้องฟ้าได้ยังไง?”“ก็แล้วทำไมจะเป็นไม่ได้? พี่เป็น…” เวร! เวรอีกแล้ว! เขาจะพูดได้ยังไงว่าเป็นแฟนเธอ พูดได้หรือว่าเป็นผัวเธอด้วย “ช่างเถอะ ถ้าฟ้าไม่อยากให้พี่ถ่ายรูปด้วย พี่ไม่ถ่ายก็ได้ ฟ้าคงอยากให้พี่ชัชมาเป็นเจ้าบ่าวมากกว่าพี่!”“น้องฟ้าไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย น้องฟ้าแค่สงสัยว่าพี่กั้งอยากแต่งงานกับน้องฟ้าเหรอ? ถึงได้ใส่ชุดเจ้าบ่าวแบบนี้”“แล้วถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ ฟ้าจะแต่งงานกับพี่ไหม? ถ้าพี่บอกว่าพี่อยากจูบฟ้าจนแทบบ้าแล้ว ฟ้าจะยอมให้พี่ทำไหม?” เออ! ทุกวันนี้เขาต้องรอให้เธอหลับก่อน ถึงจะเข้าไปนอนกอดเธอได้ ทุกคืนต้องลักลอบกอดเมีย หอมเมีย แล้วก็ทำได้แค่นั้น เช้าขึ้นมาก็ต้องรีบตื่นเพราะกลัวว่าเธอจะตื่นก่อนแล้วตกใจที่เห็นว่าเขาไปนอนกอดแบบนั้น“จูบเหรอ? แบบที่เอาปากกับปากมาชน
ตามจริงแล้ววันนี้กัมปนาทจะต้องพาฟาติมาออกไปหาชัชวินทร์ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไปไม่ไหวแล้ว เพราะเธอไม่สบายตัว รู้สึกปวดท้องประจำเดือนจนไม่เป็นอันทำอะไร เห็นเมียนอนซมอยู่แต่บนโซฟา ไอ้พี่กั้งมันก็กระวนกระวายคล้ายจะเป็นบ้า ออกไปหายาแก้ปวดประจำเดือนมาให้เธอกิน ประคบประหงมเธอจนเกินเบอร์ อบอุ่นยิ่งกว่าถุงน้ำร้อนบนท้องฟาติมาตอนนี้เสียอีก“ดีขึ้นบ้างหรือยัง? ยังปวดท้องอยู่ไหม?” เขาเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ จับแขนเธอบ้าง ลูบแก้มเธอบ้าง ไม่ชอบเลยที่ต้องมาเห็นเมียนอนปวดท้องแบบนี้“ไม่ปวดแล้ว น้องฟ้าหายปวดแล้ว น้องฟ้าเพิ่งเปลี่ยนผ้าอนามัยไป ตอนนี้น้องฟ้าออกไปหาพี่ชัชได้หรือยัง?” ยังปวดอยู่ ลุกเดินแทบไม่ไหวด้วยซ้ำ แต่ว่าอยากออกไปเที่ยว อยากออกไปลองชุดเจ้าสาวที่ร้านพี่ชัช“ไม่จริงเลยสักนิด พี่เห็นอยู่ว่าฟ้ายังปวดท้อง ฟ้าเดินไปเข้าห้องน้ำจะไม่ไหวด้วยซ้ำ ต้องให้พี่อุ้มไปด้วยซ้ำ พักไปเล่นกับพี่ชัชก่อนนะ ค่อยไปวันหลังดีไหม?”“แต่พี่ชัชบอกว่าจะให้น้องฟ้าใส่ชุดเจ้าสาวถ่ายรูป!”“วันอื่นก็ได้ครับ”“แต่น้องฟ้าจะไปวันนี้! ถ้าน้องฟ้าตายล่ะ? ปวดท้องมาก ๆ อาจจะตายก็ได้นะ ถ้าน้องฟ้าตายก็จะไม่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสวย ๆ นะ!” ฟา
ตั้งแต่ที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฟาติมาวัยเจ็ดขวบ มีหลายสิ่งอย่างที่กัมปนาทต้องเรียนรู้ เขาต้องหาความรู้ใหม่ราวกับว่าตัวเองเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสาวอยู่ในวัยกำลังโต ถึงแม้จะพร่ำบอกฟาติมาอยู่หลายครั้งว่าความจริงแล้วเธออายุยี่สิบแปด เธอไม่ใช่เด็กเจ็ดขวบอย่างที่เข้าใจ เธอไม่จำเป็นต้องไปเรียนหนังสือ แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนลมที่เข้าหูซ้าย ทะลุออกหูขวาทุกวันฟาติมาก็ตกใจกับเรือนร่างของตัวเอง บางวันเธอเคยนั่งร้องไห้เพราะตกใจหน้าอกที่โตผิดหูผิดตา เคยถึงขั้นร้องกรี๊ดเพราะกลัวไรขนอ่อน ๆ ที่ตรงส่วนนั้น กัมปนาทต้องนั่งสอน นั่งคุย ต้องพะเน้าพะนออยู่ตลอด พอไม่ต้องนั่งวีลแชร์ฟาติมาก็ชอบวิ่งเล่นไปทั่วเพนท์เฮาส์ ทุกเช้าหลังอาบน้ำเสร็จจะต้องรีเควสให้กัมปนาททำผมทรงต่าง ๆ ที่เธออยากได้ ไอ้เขาที่ไม่เคยมีลูก ไม่เคยทำผมให้ใครเลยต้องมานั่งหัดถักเปีย หัดผูกผม แล้วที่เคยทำอาหารเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งเดือนมานี้เขาหัดทำเพิ่มขึ้นมาจนทำเป็นหลายอย่างแล้วใช่…ตอนนี้ฟาติมาอยู่ในสภาวะความทรงจำถดถอยมาหนึ่งเดือนเต็มแล้ว“วันนี้เอาทรงอะไรครับ?” วันนี้กัมปนาทเหนื่อยแต่เช้า เพราะกว่าจะเล่นวิ่งไล่จับกับเด็กน้อยแ