Masuk“มึงว่าอะไรนะไอ้มาลิค มึงพูดอีกครั้งซิวะ”
ค่ำคืนอันแสนเงียบสงบที่ท่าเรือส่วนตัวของตระกูลเอสเซียโนที่มีเซนต์เป็นผู้กุมอำนาจและดูแลกิจการทั้งหมด
ธุรกิจสีดำของเขากำลังดำเนินไปด้วยเรียบร้อยตามปกติ แต่คำรายงานของลูกน้องผู้เป็นมือขวากำลังทำให้ธุรกิจสีดำของเขาสะดุด จนเขานั้นต้องเอ่ยถามออกไปอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าได้ยินไม่ผิด
“พวกของแกรนด์เดย์ขายของตัดหน้าเราครับนาย พวกมันยอมลดราคาลงเพื่อให้ลูกค้ายอมซื้อกับพวกมัน”
มาลิครายงานสถานการณ์ที่ได้ข่าวมาจากลูกน้องที่เป็นสายข่าวให้เขาอีกทีให้เจ้านายได้ฟัง
พวกตระกูลแกรนด์เดย์ที่เดิมทีก็เป็นศัตรูกับเจ้านายของเขาอยู่แล้ว มันกำลังอวดดีขายของตัดหน้าเจ้านายของเขา
“ไอ้เวร”
เสียงหนาสบถด่าเสียงดังลั่นห้องทำงานที่อยู่ภายในโกดังริมท่าเรือ มือหน้าหยิบเอาแก้วเหล้าที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาปาไปยังประตูห้องทำงานอย่างแรงจนแก้วนั้นแตกกระจายไปทั่วบริเวณ
“และกำลังจะมีลูกค้ารายอื่นๆหันหน้าไปหามันกันครับ”
เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้นเมื่อความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ลูกค้ารายเดียว แต่กำลังจะเกิดขึ้นกับลูกค้าอีกหลายราย เมื่อทางฝั่งนั้นลดราคาของเป็นว่าเล่นราวกับเป็นสิ่งของในตลาดนัด
“ไอ้เหี้ยอัลวินมึงไม่อยากตายดีใช่ไหม ได้ถ้ามึงอยากเล่นกับกูแบบนี้ กูก็จะเล่นกับมึงกลับไป”
“นายจะให้ผมจัดการยังไงดีครับ”
“ใครหน้าไหนที่ไปซื้อของกับมันถือเป็นศัตรูกับกู ถ้ามันกล้ามากระจายของในถิ่นกูยิงทิ้งให้หมด”
“ครับนาย”
“คืนนี้พวกมันมีส่งของกันที่ไหน”
สายตาคมจ้องมองไปยังรูปของเพียงพอใจที่ถูกกรีดด้วยมีดจนไม่เหลือชิ้นดี ที่ยังคงถูกวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเขาโดยมีมีดปักอยู่กับรูปนั้น
เธอต้องเป็นผู้รับกรรมที่พ่อของเธอก่อเอาไว้ และเป็นที่ระบายความคับแค้นใจของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“พวกมันยังไม่ขยับตัวเลยครับ ยังคงนิ่งกันอยู่”
มาลิคในฐานะที่ทำงานกับเซนต์มานานเอ่ยรายงานสถานการณ์อย่างรู้ใจเจ้านาย เพราะก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาภายในห้องทำงานนี้ เขาติดตามสถานการณ์ของอีกฝ่ายมาอย่างใกล้ชิดแล้ว เรียกได้ว่าเขาแทบจะย้ายตัวเองไปอยู่ทางฝั่งนั้นเพื่อจะได้ข่าวมารายงานเจ้านายทางนี้
“จับตาดูให้ดี ได้สถานที่เมื่อไหร่รีบมารายงานกู”
“ครับนาย”
“ได้เรื่องหรือยัง”
เซนต์นั่งรออยู่ภายในห้องทำงานของเขาราวครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ พอยังไม่ได้รับข่าวจากลูกน้องก็ออกมาตามเรื่องนั้นด้วยตัวเอง ด้วยนิสัยใจร้อนที่ไม่เคยนั่งรออะไรได้นานเลย
“ได้แล้วครับนาย พวกมันใช้ท่าเรือของรัฐบาล ใช้ข้ออ้างจัดงานการกุศลบังหน้าครับนาย”
มาลิคที่กำลังติดต่อกับสายข่าวของเขาอยู่ รีบเดินเข้ามารายงานในทันทีหลังจากที่คุยกับสายข่าวของเขาเรียบร้อยแล้ว
พวกแกรนด์เดย์กำลังออกหน้าออกตาทางสังคมด้วยการจัดงานการกุศลที่มีแต่พวกลูกค้าของมันกับหญิงสาวขายบริการมาร่วมงาน โดยที่พวกมันอาศัยท่าเรือที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานนั้นเป็นที่ซื้อขายสินค้ากันในคืนนี้
“ไปเหมาโรงแรมที่อยู่ตรงกันข้ามกับท่าเรือนั้น แล้วลากตัวลูกของมันตามไปหากูที่นั้น”
เซนต์ออกคำสั่งกับลูกน้องเรียบร้อยแล้วก็เดินไปขึ้นรถ เขาว่าจะไปนั่งรถเล่นเข้าไปบริเวณงานรื่นเริงนั้นซะหน่อย ก่อนจะเข้าไปที่โรงแรมที่สั่งให้ลูกน้องไปเหมาทั้งชั้นเพื่อใช้สนุกในค่ำคืนนี้
“ครับนาย”
“สายเลือดของแกรนด์เดย์มันต้องชดใช้ ไอ้อัลวินมันต้องได้กระอักเลือดจนตายเมื่อรู้ว่าลูกสาวของมันต้องเจอกับอะไรบ้าง หึ”
เสียงหนาสบถทิ้งท้ายเอาไว้อย่างเลือดเย็น เพราะคนที่รับกรรมไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน แต่เป็นสาวน้อยผู้น่าสงสารลูกสาวเพียงคนเดียวของไอ้อัลวิน แถมเธอยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลที่ผู้ชายมักเป็นหมันเมียมักตายก่อนวัยอันควรอีกตั้งหาก
“รีบๆเดินเข้าซิวะ”
มาลิคพาตัวหญิงสาวออกจากบ้านพักตามคำสั่งของเจ้านาย พามายังโรงแรมหรูริมแม่น้ำที่อยู่ตรงกันข้ามกับท่าเรือที่พ่อของเธอใช้ขนของเถื่อน
“พวกคุณจะพาฉันไปไหน”
ร่างเล็กถูกพาตัวออกมาจากบ้านโดยที่เธอไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดจนกระทั่งมาถึงยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่เธอเองก็ไม่ได้รู้จักหรือเคยมา
ทำเอาเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความสงสัย แม้จะหวาดกลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายเธอกลับก็ตาม
“ไม่ต้องมาทำตัวปากมาก กูบอกให้เดินก็เดินไปซิวะ”
มาลิคไม่ได้ตอบคำถามโง่ๆของเธอแต่เขากลับยกมือขึ้นมาหมายจะตบหน้าเธอด้วยซ้ำเพื่อระบายความคับแค้นใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นนางบำเรอของเจ้านายเขาก็เลยยั้งมือเอาไว้ แล้วผลักไสร่างเล็กนั้นให้เดินต่อไปให้ถึงยังห้องที่เจ้านายรออยู่
“มานี่ซิ”
เซนต์นั่งรอหญิงสาวอยู่ที่โซฟาริมหน้าต่างกระจกบ้านใหญ่อยู่สักพักแล้วเพราะเขาเดินทางมาถึงก่อนเธอ
พอเธอกับลูกน้องของเขาเปิดประตูเข้ามา เขาก็รีบเชื้อเชิญเธอให้มาหาเขาในทันทีเพื่อจะได้เห็นอะไรดีๆในแบบที่เขากำลังเห็น
“ให้ฉันถอดเสื้อผ้าเลยใช่ไหมคะ”
หญิงสาวถามออกไปตรงๆเมื่อพอจะเดาออกได้แล้วว่าพวกเขาพาเธอมาทำอะไร และเธอก็ควรจะเต็มใจรีบทำให้เพื่อแลกกับการไม่ต้องเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นอีก
“ออกไปให้หมด”
เมื่อเธอพูดถึงเรือนกายของเธอที่มันอยู่ใต้เสื้อผ้านั้น เซนต์ก็รีบไล่ลูกน้องออกไปจากห้องพักของเขาก่อนอย่างไม่มีเหตุผล ใจเขามันร้อนรนจนไม่อยากให้มีใครอยู่ในห้องมากกว่าเขาและก็เธอ
“ครับนาย”
“ฉันถามว่าให้ฉันถอดเสื้อผ้าเลยใช่ไหม”
เพียงพอใจถามย้ำอีกครั้งเพื่อที่เธอจะได้เร่งมือทำทุกอย่างตามใจเขาให้มันจบๆไปสักทีจะได้กลับออกไป เธอไม่อยากเห็นตัวเองต้องไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรีในสภาพนั้นให้นานอีกแล้ว
“ชู่ว์ ไม่ต้องรีบ เธอได้สนุกกับฉันแน่แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“แล้วคุณจะทำอะไร”
“มานั่งตรงนี้ซิ”
เขาจะเล่นสนุกกับเธออย่างแน่นอนแต่ยังไม่ใช่เวลานี้ เขาอยากให้เธอเห็นอะไรดีๆก่อนเพื่อว่าเธอจะได้เกิดอารมณ์ขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นอนร้องไห้น่าเบื่อแบบที่ผ่านๆมาแบบนั้น
“จำไอ้นี่ได้ใช่ไหม”
แล้วเขาก็ยื่นกล้องส่องทางไกลที่มองเห็นในเวลากลางคืนให้กับเธอ
“ค่ะ”
“มองดูคนที่เธอรู้จัก พวกมันอยู่ตรงนั้น”
ก่อนจะชี้นิ้วไปยังจุดที่อยากให้เธอใช้ไอ้กล้องนั้นมองออกไป
“เขา...คนนั้น”
เพียงพอใจทำตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย แล้วเธอก็ได้เห็นกับคนที่เธอคิดว่าเขาคืออดีตสามีของเธออีกครั้ง
“ใช่ เขา....คนนั้นของเธอ”
“เขาขายฉันให้คุณทำไม”
คำถามคำเดิมวนเวียนกลับมาหาเธออีกครั้งเมื่อได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น ความรู้สึกสนิทสนมเริ่มก่อเกิดขึ้นเมื่อได้เห็นหนากันอีก
เธออยากรู้นักหนาว่าผู้ชายท่าทางใจดีคนนั้นที่มีแต่ผู้คนรายล้อมเขาอยู่ตรงนั้น ขายเธอมาให้กับซาตานตัวร้ายนี้ทำไมกัน
“ก็คนอย่างมันไร้ศักดิ์ศรีหน้าด้านหน้าทนเหมือนหมาไง มันเลยขายเธอกิน จำเอาไว้”
“ฉันขอคุยกับเขาได้ไหม”
“กับผัวเก่าเธออ่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“ฝันไปเถอะ”
มือหนาคว้าเอาลำคอเล็กมาไว้ในเงื้อมมืออย่างรวดเร็ว ออกแรงบีบเต็มแรงมือราวกับหมายจะเอาชีวิตของเธอ
“อื้อ”
หญิงสาวตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดจนแทบตกจากโซฟาที่นั่งอยู่ ริมฝีปากเปิดยกขึ้นเพื่อหวังหายใจเอาอากาศเข้าไปภายในร่างกาย
ความใกล้ตายมาเยือนเธออีกครั้ง จนร่างเล็กนั้นเริ่มหมดแรงจะดิ้นหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
โชคของเธอยังดีอยู่ เขายอมปล่อยมือออกจากลำคอของเธอ คืนลมหายใจให้เธออีกครั้ง
“หายหัวไปไหนวะ”เซนต์ตื่นขึ้นในช่วงเย็นของวัน นับเป็นเวลาปกติของเขาที่จะนอนในตอนเช้าและตื่นขึ้นในตอนเย็นเพื่อจะออกไปทำงานแต่ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปเมื่อเขาไม่ได้จะรีบตื่นขึ้นไปทำงาน แต่กลับตื่นขึ้นเพราะรู้สึกว่าคนที่นอนกอดมาหลายชั่วโมงนั้นหายไป“คิดหนีเหรอวะ”คนตัวโตรีบหยิบฉวยเอาผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้มือมากที่สุดมาห่อคลุมร่างกายท่อนล่างเอาไว้ แล้วรีบเดินออกจากห้องไปในทันทีที่พอจะรวบรวมสติในตอนที่เพิ่งจะตื่นนอนได้ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายดังออกไป เมื่อคิดว่านางบำเรอชั้นดีจะหนีไปจากสังเวียนบนเตียงนอนนั้น“นายครับๆ ตื่นหรือยังครับ”โจและลูกน้องอีกสองสามคนย่องเบาขึ้นมายังชั้นบนของบ้านเพื่อจะปลุกเจ้านายเมื่อเห็นว่าเมื่อเช้าเจ้านายเมาหนักแล้วก็หายตัวขึ้นมานอนข้างบนเลย และไม่ลงไปยังข้างล่างอีกเลย ดูผิดปกติเกินไปจนลูกน้องอย่างพวกเขานึกเป็นห่วง“ไอ้เหี้ย!!!”เซนต์ได้ยินเสียงเหมือนลูกน้องเรียกก็เลยหันหน้าไปตามเสียงเรียกนั้น ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าลูกน้องนั้นพากันไปยืนอยู่หน้าห้องนอนของตัวเองแล้วเป็นตัวเขาที่มานอนค้างห้องของนางบำเรอทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะนอนค้างกับผู้หญิงหน้าไหนมาก่อน ด้วยเข
“เธออยู่ไหน”เซนต์กลับถึงบ้านหลังใหญ่ของเขาในเวลาหกโมงเช้าพอดิบพอดี เขานั้นเดินลงจากรถเข้าไปในบ้านเองได้ด้วยอาการเซไปข้างหน้าสามก้าวถอยหลังมาข้างหลังสองก้าว สลับกันไปมาจนกระทั่งก้าวเข้าไปภายในบ้านได้สำเร็จ“ในห้องครับ”ลูคัสผู้รับหน้าที่เฝ้าบ้านในค่ำคืนที่ผ่านมาและยังไม่ได้สับเปลี่ยนเวรกลับใครเป็นคนรายงานเรื่องที่อยู่ของเธอให้กับเจ้านาย ด้วยในเช้าวันนี้หญิงสาวผู้นั้นยังไม่ตื่นนอน“กูไม่เรียกไม่ต้องให้ใครขึ้นมา”เขาสั่งลูกน้องให้ออกห่างจากบริเวณชั้นสองของบ้านทั้งหมดเมื่อเขานั้นต้องการสนุกกับนางบำเรอของเขาให้เต็มที่แล้วร่างหนาแสนกำยำนั้นก็เดินขึ้นชั้นสองของบ้านด้วยอาการเมาแทบยืนไม่อยู่ เกาะราวบันไดขึ้นไปอย่างทุลักทุเลพอสมควร แต่ทว่าก็ไม่ได้ให้ลูกน้องเข้าช่วยเหลือเพราะเขาก็เมาแบบนี้บ่อยๆและก็ดูแลตัวเองได้ดีไม่เคยล้มลงไปให้ต้องเสียชื่อเสียงแม้แต่นิดเดียว“ครับนาย”“ตื่นหรือยัง”กว่าเขาจะเดินมาถึงยังห้องของนางบำเรอก็ใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่นานกว่าปกติค่อนไปทางมากเลยล่ะพอมาถึงเขาก็เปิดประตูห้องเข้าไปภายในห้องที่ไม่ได้ถูกสั่งให้ล็อกเอาไว้เนื่องจากคนภายในห้องไม่ได้คิดหนีเลยไม่มีความจำเป็น
“กลัวเด็กมันแจ้งความจับเอาอีกหรือไงวะ”เสียงแซวดังมาจากปากของบอนเนอร์ที่ในตอนนั้นเขาเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยเพื่อนจากการนอนคุกมาได้“ไม่ได้กลัวโว้ย แค่กูอยากจะกินเหล้าให้สบายใจก็แค่นั้นเอง”ออสตินปฏิเสธการกลัวเมียเสียงแข็ง แต่เขาก็แค่เกรงใจไม่อยากทำอะไรที่มันจะทำให้เด็กมันไม่สบายใจก็แค่นั้นเอง“อืม”“นายขา เหล้าค่ะ”ส่วนเซนต์เขาก็ให้สาวๆหุ่นอวบๆบริการเขาได้อย่างเต็มที่ เพราะก็มีแต่สาวๆหน้าเดิมๆที่เคยถูกใจเขาเข้ามาบริการทั้งนั้นเลย“อืม”“ให้หนูนวดให้นะคะ นายจะได้สบายตัว”“อืม”“ใส่น้ำหอมอะไรมาวะ เหม็นฉิบหาย”แต่พอสาวๆพวกนั้นมานัวเนียกับเขาเข้าจริงๆเขากลับแทบอ้วกพุ่งออกมา เมื่อเหม็นน้ำหอมที่พวกเธอประโคมใส่บนตัวนั้น“ก็กลิ่นเดิมไงคะ ที่นายเคยชอบ”“กูเคยบอกหรือไง”“เปลี่ยนคนเข้ามาใหม่”เห็นเพื่อนเหมือนจะไม่ถูกใจสาวๆในชุดแรก บอนเนอร์ก็เรียกหาสาวๆชุดใหม่ให้เข้ามาแล้วเอาคนเก่าออกไประดับเจ้าของผับดังใจกลางเมืองอย่างเขาแล้วจะไม่มีวันเสียชื่อด้านบริการแม้แต่นิดเดียว“ครับนาย”“หนูรินเหล้าให้นะคะ”สาวๆชุดใหม่เข้ามาก็รีบเข้ามาบริการมาเฟียใหญ่อย่างเซนต์ในทันทีเพราะคาดหวังว่าคืนนี้จะได้ไปสาน
“ใครเป็นสายให้ไอ้เวรอัลวิน จับพวกมันตัดลิ้นให้หมดแล้วส่งคืนไอ้อัลวินมันไป เพื่อว่ามันจะอยากใช้ประโยชน์จากไอ้พวกเหี้ยนี่อีก”เขาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านนานนับเดือนจนแผลหายสนิทถึงได้ออกจากบ้าน และกลับไปทำงานในทันทีงานแรกที่เขากลับมาเริ่มทำคือลากตัวไอ้พวกที่กล้าเป็นหนอนบ่อนไส้ที่เขาจับขังเอาไว้อย่างทรมานตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่เขาพักรักษาตัวออกมาลงโทษทีละคนอย่างสาสม ก่อนจะปล่อยพวกมันให้ไปหาเจ้านายของมันและไม่ต้องเดาว่าจุดจบของไอ้พวกสารเลวพวกนั้นจะเป็นยังไง พวกมันได้รับความทรมานจนร้องขอความตายจากเขาไปแล้ว ก็คงได้ไปตายต่อหน้าไอ้อัลวินที่มันฆ่าได้ทุกคนที่หมดประโยชน์กับมัน“ครับนาย”“แล้วมึงก็อย่าลืม เอาลิ้นของพวกมันส่งไปด้วยเป็นของขวัญให้ไอ้อัลวินมันด้วย”“ครับนาย”“เตรียมคนให้พร้อมเอาไว้ด้วย อีกไม่นานกูจะไปเอาคืนมันแน่นอน คราวนี้ต้องถึงตาย”แล้วเขาก็ไม่พลาดที่จะเตรียมตัวสำหรับการล้างแค้นอย่างสาสมที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเอาไว้ด้วยไอ้อัลวินมันทำเขาต้องนอนพักอยู่บ้านสนุกกับลูกสาวของมันอยู่เป็นเดือน มันจะต้องได้ชดใช้ทุกอย่างที่มันทำกับเขาเอาไว้และครั้งนี้จะเป็นการล้างแค้นครั้งสุดท
“ค่ะๆ”เพียงพอใจรีบหันหลังให้กับเขาแล้วค่อยๆถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยความเขินอาย ไม่เคยชินเลยสักครั้งที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาแม้ทุกครั้งที่เจอหน้าเขาก็มักจะถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้าออกตลอดก็ตามอาจจะพูดได้เต็มปากก็เป็นได้ว่าเธอนั้นไม่ได้ใจกล้าเท่ากับเขาที่จะแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นได้โดยไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วหญิงสาวก็ค่อยๆก้าวเท้าลงไปในอ่างอาบน้ำที่ไม่ได้มีน้ำอย่างช้าๆโดยการหันหลังลงไปเพื่อจะได้ไม่ต้องประจันหน้ากับเขาให้ต้องเกิดความอับอายไปมากกว่าที่กำลังเผชิญอยู่“มานี่ดิ”มือหนาคว้าเอาเอวบางๆของหญิงสาวด้วยความว่องไว ดึงให้เธอนั้นลงมานั่งบนต้นขาของเขาด้วยความใจร้อนรอไม่เป็น ทำเอาเธอนั้นนั่งลงไปเกือบจะโดนแผลของเขาเสียให้ได้ แต่ทว่าก็ยังไม่โดนเพราะเขานั้นเบี่ยงหลบได้ทัน“ว้าย อืม”คนตัวเล็กร้องเสียงหลงด้วยความตกใจแต่ทว่ายังไม่ทันร้องได้สุดเสียงก็ถูกริมฝีปากหนาประกบเข้าหาริมฝีปากบางเข้าให้เสียแล้วจูบนั้นเริ่มต้นด้วยความอ่อนนุ่มอย่างที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน ดูดดื่มเสียจนร่างกายของเธอสั่นสะท้านรับบทจูบนั้นไปทั้งตัว“อืม”ริมฝีปากหนาลิ้มรสหวานของริมฝีปากบางจนมันบวมเจ่อก็ดูจะเป็นที่พออก
“พาเธอกลับไปขังไว้ที่ห้อง ถึงเวลาล้างแผลค่อยพาออกมา”มาลิคเป็นผู้ออกคำสั่งในฐานะที่เขาเป็นมือขวาของเจ้านาย เขาสั่งให้ลูคัสและโจพาตัวเธอที่เพิ่งจะรอดตายมาได้อีกครั้งกลับไปยังห้องนอนของเธอซะ ก่อนที่เธอจะต้องตายอีกรอบเมื่อเจ้านายของเขายังอยู่ในช่วงอารมณ์ไม่คงที่เพิ่งหนีจากดงของศัตรูมาได้ไม่กี่ชั่วโมงแถมเฉียดความเป็นความตายมาอีกตั้งหาก“อืม”ลูคัสเป็นฝ่ายเสียสละพาตัวหญิงสาวกลับไปขังที่ห้องนอนของเธอตามเดิม โดยที่เขาก็ตามไปเฝ้าเธอเอาไว้ด้วย เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น เมื่อพ่อของเธอเพิ่งจะมาเอาคืนเจ้านายของพวกเขาไม่แน่พ่อของเธออาจรู้เรื่องของเธอแล้วและเตรียมจะมาบุกบ้านหลังนี้เพื่อชิงตัวเธอ พวกเขาต้องป้องกันเฝ้าเธอเอาไว้ก่อนต้องรอบคอบเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ชะล่าใจซ้ำรอยเดิม“กูอยากอาบน้ำ”เซนต์หลับยาวไปตลอดทั้งคืนจนกระทั่งตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่ แผลที่ถูกผ่าตัดเอากระสุนออกค่อนข้างดีขึ้นเรื่อยๆเหลือเพียงความเจ็บเท่านั้นที่ยังคงอยู่ไม่ได้จางหายไปไหน ความเจ็บนั้นก็อยู่ในขั้นที่ว่าเขาพอจะทนได้ ไม่ต้องร้องขอหายาแก้ปวดมาช่วยให้วุ่นวายแต่ที่เขาร้องขอให้ลูกน้







