LOGIN“นึกว่ามึงจะไม่กลับมาซะแล้ว”
ออสตินเอ่ยทักทายต้อนรับแขกคนสำคัญของผับเขาด้วยความเป็นกันเอง เมื่อคนผู้นั้นเป็นทั้งเพื่อนและก็หุ้นส่วนของกิจการหลายอย่างของเขาที่ทำร่วมกันในฐานะเพื่อน หลังจากที่อีกฝ่ายหายหน้าหายตาไปร่วมเดือนเพราะเดินทางไปดูแลกิจการที่ต่างประเทศ
นี่เขานึกว่ามันไม่คิดจะกลับมาเสียแล้ว เห็นหายหน้าไปนานขนาดนี้ราวกับไม่มีห่วงอะไรที่เมืองไทยอีกแล้ว
“ทำไม มึงคิดจะฮุบหุ้นของกูหรือไง”
เซนต์มองหน้าเพื่อนรักของเขาตอบกลับไปแบบกวนส้นตีนตามแบบฉบับของเขา พร้อมกับยกส้นเท้าขึ้นมาวางพาดเอาไว้บนโต๊ะ วางมาดนักเลงหัวไม้เต็มขั้นหวังให้อีกฝ่ายพูดมากอีกนิดเขาจะได้เตะมันสักทีสองที
“เปล่าๆ กูก็แค่คิดถึงมึงมากก็เท่านั้นเอง”
ออสตินยิ้มตอบกลับไปตามแบบฉบับหน้าตาใจดีแต่นิสัยร้ายเหมือนปีศาจของเขา พร้อมกับยกส้นเท้าขึ้นมาวางขู่ออกไปเหมือนกัน
“คิดถึงเหี้ยอะไรล่ะ วันๆเอาแต่กกเมียอยู่บ้าน ไม่เคยโผล่หัวมาเที่ยวผับสักวัน นี่ถ้ากูไม่ได้โทรไปชวนมันให้ออกมา มันก็คงไม่โผล่หัวออกมาหรอก”
บอนเนอร์ผู้เป็นเจ้าของผับตัวจริงเพราะถือหุ้นมากกว่าใครๆอยู่นิดหน่อยเดินเข้ามาร่วมสมทบวงสนทนาพร้อมกับเหล้ามากมายอีกตามเคย
ก็เขาเป็นเจ้าของผับจะเลี้ยงเหล้าเพื่อนเท่าไหร่ก็ได้ อีกอย่างเขากินด้วยก็ต้องเอาให้คุ้มกันไปเลย
“เมีย?”
เซนต์เป็นผู้เปิดขวดเหล้าก่อนใครด้วยนั่งคอแห้งมาสักพักได้แล้ว พร้อมกันนั้นก็พลางสงสัยไปด้วยว่าไอ้ออสตินมันไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย
มาเฟียหนุ่มถึงกับเอียงคอถามเพื่อนอย่างอยากรู้อยากเห็นจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
“ก็เออดิ ไอ้ออสตินมันมีเมียแล้ว แม่มันหามาให้แล้วมันก็ดันติดเมียมากด้วยจนลืมเพื่อน”
บอนเนอร์ที่เหงามาสักพักเพราะขาดเพื่อนกินเหล้าด้วยรีบเอ่ยฟ้องไอ้เซนต์เสียยกใหญ่หวังให้ไอ้ออสตินมันคิดได้ออกมาพบปะเพื่อนบ้างไม่ใช่พบปะแต่กับเมียของมัน
“ไอ้บอนเนอร์หุบปากไปเลยมึง”
ออสตินตัวต้นเรื่องถึงกับทนฟังไม่ได้เริ่มโวยวายเสียงดังออกมาทั้งที่ยังไม่เมา ด้วยเขาไม่ได้ติดเมียเด็กนั้นแต่ทว่ามีเรื่องจำเป็นที่ทำให้ออกมานอกบ้านบ่อยๆไม่ได้แค่นั้นเอง
“หรือไม่จริงว่ะ ถ้ามึงไม่ติดเมียแล้วมึงหายหัวไปไหนมา”
“ก็น้องเขายังเรียนอยู่ กูก็แค่อยู่ช่วยสอนการบ้านน้องเขาหลังเลิกเรียน แค่ทำให้แม่กูด่าก็แค่นั้นเอง มึงจะโวยวายทำไม”
“สอนการบ้านแล้วต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำแต่งตัว ส่งเข้านอนด้วยหรือไง มึงถึงได้หายหัวไป”
“มึงหุบปากเหอะ คนอย่างมึงจะไปรู้อะไร”
“เลิกพล่ามกันได้หรือยัง จะแดกไหมเหล้าอ่ะ”
เซนต์ฟังเพื่อนทะเลาะกันไปได้สักพักก็นึกรำคาญ เพราะพวกมันสองคนเริ่มไร้สาระจนเขาทนฟังไม่ได้ ถึงขั้นต้องตะเพิดเสียงดังออกไปให้คนทั้งคู่หุบปากลง
“เออ แดกก็แดกวะ”
บอนเนอร์จำยอมจบเรื่องทะเลาะลง ด้วยเถียงไปเขาก็คงไม่ชนะไอ้ออสตินเพราะยังไงมันก็ติดเมียจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว เอาเวลาไปกินเหล้าให้เมาดีกว่า
เพื่อนทั้งสามคนนั่งดื่มกันไปสักพักพร้อมกับคุยงานกันไปด้วย เพราะไม่ใช่มีเพียงธุรกิจผับเท่านั้นที่ทำร่วมกันแต่ยังมีธุรกิจอื่นอีกมากมายที่ทำร่วมกัน
และก็ผลัดกันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อเป็นเจ้าของกิจการกันทั่วหน้า อย่างไม่มีใครได้น้อยหน้าใครเลยสักนิดเดียว
“แล้วนี่มึงกลับบ้านหรือยัง”
จนกระทั่งเริ่มเมาได้ที่ บอนเนอร์ก็กล้าที่จะพูดถึงบ้านของไอ้เซนต์ทั้งที่ปกติเขาแทบจะไม่แตะต้องทรัพย์สินของมันสักเท่าไหร่ เพราะไอ้นี่มันหวงของจะตายห่าไป
“ยัง”
เซนต์ที่มักจะพักผ่อนในเพ้นท์เฮ้าส์หรูมากกว่าบ้านตอบปฏิเสธออกไป เขายังไม่ได้กลับบ้านเลยแม้จะเดินทางถึงเมืองไทยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เขาเข้าพักที่เพ้นท์เฮ้าส์เป็นหลักอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องรีบกลับบ้าน
“เอ้า มึงไม่รีบไปดูแลนางบำเรอของมึงหรือไง มึงหายหน้าไปเป็นเดือนแบบนี้น้องเขาแห้งตายไปแล้วมึง ไม่รีบกลับไปเติมน้ำหรือไง”
“แคร่กๆ”
เซนต์สำลักเหล้าออกมาอย่างรุนแรงทั้งที่กำลังดื่มเพียงอึกเล็กๆเท่านั้น เหล้าถึงกับพุ่งกระจายออกมาจากปากเลอะเทอะเต็มโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงด้านหน้าเต็มไปหมด แค่เพียงเพื่อนเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่เคยบอกใครเท่านั้นเอง
“ไอ้เซนต์ ตายห่าแล้วมั้งมึง ตกใจถึงกับสำลักน้ำออกมา”
ออสตินเข้าลูบหลังเพื่อนด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะต้องวุ่นวายเรื่องธุรกิจอีกถ้าเกิดมีคนใดคนหนึ่งตายก่อนวัยอันควรและยังไม่มีทายาทเข้ามารับช่วงธุรกิจต่อ
“ใครบอกพวกมึง”
เซนต์มองเพื่อนๆของเขาด้วยอาการตาขวางเตรียมพร้อมจะฆ่าทุกคนถ้าเกิดมีใครพูดมากขึ้นมาอีก
เรื่องนางบำเรอของเขาถือเป็นความลับเมื่อเธอไม่ใช่เพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปแต่เป็นถึงลูกสาวของศัตรู
“สาวๆของกูไง ฮือฮากันน่าดูเลยวะ มีคนแสดงหนังสดให้ดู”
“ไอ้บอนเนอร์”
“เหอะๆ ขอโทษวะ”
“สั่งปิดปากคนของมึงให้หมด ก่อนที่กูจะฆ่าล้างโคตรพวกมัน”
เซนต์ถึงกับนั่งไม่ลง ลุกขึ้นยืนแล้วอาละวาดออกมาใส่หน้าเพื่อนๆภายในห้องกินเหล้าแบบวีไอพีที่มีไว้สำหรับพวกเขาสามคนเท่านั้น
“เออๆ กูจัดการเรียบร้อยแล้ว ใจเย็นๆนั่งลงก่อน”
บอนเนอร์รู้ดีว่าถ้าใครกล้าพูดถึงเรื่องของไอ้เซนต์คนผู้นั้นเตรียมจบชีวิตเอาไว้ได้เลย เขาก็เลยจัดการปิดปากสาวๆพวกนั้นไปหมดแล้วด้วยการจ่ายเงินซื้อชีวิตพวกเธอ และส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศ ทำบุญทำทานไปหลายล้านเลยล่ะ
“ค่าเหล้าส่งบิลไปเก็บก็แล้วกัน”
“เออๆ เอาไว้เจอกันวันหลังนะ”
“ไอ้พวกเหี้ย”
แล้วเขาก็เดินออกจากผับไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวจนหายเมา รีบกลับไปที่บ้านในทันทีหลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่คิดจะกลับมาก่อน
“มึงเสือกปากหมาเองไอ้บอนเนอร์ มึงซวยแน่”
ออสตินเอ่ยกระซิบกระซาบกับไอ้บอนเนอร์หลังจากที่ตัวต้นเรื่องเดินออกไปแล้ว เพราะความปากมากของไอ้บอนเนอร์แท้ๆที่ทำให้การพบเจอกันในรอบหนึ่งเดือนเกือบได้นองเลือด
“กูไม่ซวยหรอก เพราะถ้าคนอย่างไอ้เซนต์มันโมโหมันคงเผาผับกูไปตั้งแต่เมื่อตะกี้นี้แล้ว นี่มันแค่รีบกลับไป”
“มันคิดถึงคนของมันเหรอวะ”
“กูไม่รู้ มึงคิดเอาเองเหอะ”
“รอดูต่อไปก็แล้วกัน”
“หึๆ”
สองคนกระซิบกระซาบกันเสร็จก็ต่างพากันแยกย้ายกันไป เพราะถ้าขืนอยู่นานแล้วไอ้เซนต์มีสายสืบแฝงตัวคอยจับดูแล้วล่ะก็ อาจมีคนกลับมาซวยก็เป็นได้ พวกเขาไม่เสี่ยงจะดีกว่า
“มีข่าวอะไรบ้างวะ”มาเฟียหนุ่มยังคงใช้ชีวิตของเขาเหมือนเดิม ตื่นกลางคืนนอนกลางวันสลับกับชีวิตมนุษย์ทั่วๆไปแต่ในวันนี้เขาตื่นขึ้นเร็วกว่าทุกวันเป็นการตื่นนอนตอนเกือบจะเที่ยงเพราะเมื่อคืนเมาหนักก็เลยกลับมานอนเร็วกว่าปกติทำให้ตื่นเร็วขึ้นอีกและดูเหมือนช่วงนี้ชีวิตของเขามันเงียบเหงาเกินไป งานก็ราบรื่นร่ำรวยกำไลเป็นอย่างดี ศัตรูก็หายหัวไปกันหมด จนเขานึกอยากหาเรื่องใครสักคนจนถึงขั้นเรียกลูกน้องมาถามหาข่าว“สายของเรารายงานมาว่า ไอ้อัลวินกำลังจะแต่งงานใหม่ครับ”มาลิคที่ได้ข่าวเรื่องนี้มาพอดีรีบรายงานออกไป เพราะเรื่องของคนในตระกูลแกรนด์เดย์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ว่าคนพวกนั้นจะขยับตัวทำอะไรเจ้านายของเขาต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวในทันที“ห๊ะ”เซนต์ตกใจไม่น้อยกับข่าวที่ได้ยินผ่านหูเมื่อตะกี้ เพราะเท่าที่เขาจำได้ไอ้อัลวินมันยังทำท่าเศร้ากับหลุมศพลูกสาวของมันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ผ่านมายังไม่ถึงปีมันจะแต่งงานใหม่“นี่ข้อมูลที่สายของเราส่งมาครับ”มาลิคยื่นข้อมูลที่สายของเขาส่งผ่านมือถือให้เจ้านายได้ดู เป็นภาพถ่ายของว่าที่คู่บ่าวสาวที่กำลังเตรียมงานแต่งด้วยกันและภาพถ่ายชุดแต่งงานที่
“พระจันทร์จ๋า ครอบครัวของหนูอยู่ที่ไหนเหรอ ทำไมหนูถึงยังจำพวกเขาไม่ได้อีกล่ะ มันนานมากแล้วนะ หนูชักเริ่มคิดถึงพวกเขาแล้วซิ”ร่างเล็กของเพียงพอใจหย่อนก้นนั่งลงกับพื้นตรงริมระเบียงของห้องนอนที่เธอแอบอ้างสิทธิ์ว่าเป็นพื้นที่ของเธอนั้นอย่างเรียบง่าย ไม่มีแม้กระทั่งเสื่อปูรองพื้นใดๆเพราะเธอคงไม่อาจหาญไปถามหากับชายฉกรรจ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของเธอหรอกในหน้าสวยที่แม้จะไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มก็ยังสวยสดใสด้วยได้เลือดของผู้เป็นแม่ที่สวยระดับเคยเป็นนางงามมาก่อนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เงยขึ้นมองดวงจันทร์ที่ในวันนี้ทอแสงสีทองอร่ามไปทั่วฟ้าตั้งแต่หัวค่ำผู้หญิงตัวคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนกำลังรู้สึกเหงาจนต้องมานั่งพูดกับดวงจันทร์ที่อยู่ไกลแสนไกลนั้นเมื่อเธอยังคงเฝ้าอยากจะได้ความจำที่สูญเสียไปกลับคืนมา อยากจะจำครอบครัวที่เคยจากมาให้ได้สักครั้งแม้อาจไม่มีโอกาสจะได้กลับไปหาพวกเขาก็ไม่เป็นไรแต่เมื่อหนทางในการที่เธอจะพบเจอความจำที่หายไปมันจะมืดมน ยิ่งพยายามคิดถึงมันก็ยิ่งไปกระตุ้นให้หยดน้ำตามันไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ“อืม ไปนอนดีกว่า”เพียงพอใจปาดน้ำตาให้หมดไปจากใบหน้าในทันทีที่มันไหลออ
“หายหัวไปไหนวะ”เซนต์ตื่นขึ้นในช่วงเย็นของวัน นับเป็นเวลาปกติของเขาที่จะนอนในตอนเช้าและตื่นขึ้นในตอนเย็นเพื่อจะออกไปทำงานแต่ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปเมื่อเขาไม่ได้จะรีบตื่นขึ้นไปทำงาน แต่กลับตื่นขึ้นเพราะรู้สึกว่าคนที่นอนกอดมาหลายชั่วโมงนั้นหายไป“คิดหนีเหรอวะ”คนตัวโตรีบหยิบฉวยเอาผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้มือมากที่สุดมาห่อคลุมร่างกายท่อนล่างเอาไว้ แล้วรีบเดินออกจากห้องไปในทันทีที่พอจะรวบรวมสติในตอนที่เพิ่งจะตื่นนอนได้ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายดังออกไป เมื่อคิดว่านางบำเรอชั้นดีจะหนีไปจากสังเวียนบนเตียงนอนนั้น“นายครับๆ ตื่นหรือยังครับ”โจและลูกน้องอีกสองสามคนย่องเบาขึ้นมายังชั้นบนของบ้านเพื่อจะปลุกเจ้านายเมื่อเห็นว่าเมื่อเช้าเจ้านายเมาหนักแล้วก็หายตัวขึ้นมานอนข้างบนเลย และไม่ลงไปยังข้างล่างอีกเลย ดูผิดปกติเกินไปจนลูกน้องอย่างพวกเขานึกเป็นห่วง“ไอ้เหี้ย!!!”เซนต์ได้ยินเสียงเหมือนลูกน้องเรียกก็เลยหันหน้าไปตามเสียงเรียกนั้น ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าลูกน้องนั้นพากันไปยืนอยู่หน้าห้องนอนของตัวเองแล้วเป็นตัวเขาที่มานอนค้างห้องของนางบำเรอทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะนอนค้างกับผู้หญิงหน้าไหนมาก่อน ด้วยเข
“เธออยู่ไหน”เซนต์กลับถึงบ้านหลังใหญ่ของเขาในเวลาหกโมงเช้าพอดิบพอดี เขานั้นเดินลงจากรถเข้าไปในบ้านเองได้ด้วยอาการเซไปข้างหน้าสามก้าวถอยหลังมาข้างหลังสองก้าว สลับกันไปมาจนกระทั่งก้าวเข้าไปภายในบ้านได้สำเร็จ“ในห้องครับ”ลูคัสผู้รับหน้าที่เฝ้าบ้านในค่ำคืนที่ผ่านมาและยังไม่ได้สับเปลี่ยนเวรกลับใครเป็นคนรายงานเรื่องที่อยู่ของเธอให้กับเจ้านาย ด้วยในเช้าวันนี้หญิงสาวผู้นั้นยังไม่ตื่นนอน“กูไม่เรียกไม่ต้องให้ใครขึ้นมา”เขาสั่งลูกน้องให้ออกห่างจากบริเวณชั้นสองของบ้านทั้งหมดเมื่อเขานั้นต้องการสนุกกับนางบำเรอของเขาให้เต็มที่แล้วร่างหนาแสนกำยำนั้นก็เดินขึ้นชั้นสองของบ้านด้วยอาการเมาแทบยืนไม่อยู่ เกาะราวบันไดขึ้นไปอย่างทุลักทุเลพอสมควร แต่ทว่าก็ไม่ได้ให้ลูกน้องเข้าช่วยเหลือเพราะเขาก็เมาแบบนี้บ่อยๆและก็ดูแลตัวเองได้ดีไม่เคยล้มลงไปให้ต้องเสียชื่อเสียงแม้แต่นิดเดียว“ครับนาย”“ตื่นหรือยัง”กว่าเขาจะเดินมาถึงยังห้องของนางบำเรอก็ใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่นานกว่าปกติค่อนไปทางมากเลยล่ะพอมาถึงเขาก็เปิดประตูห้องเข้าไปภายในห้องที่ไม่ได้ถูกสั่งให้ล็อกเอาไว้เนื่องจากคนภายในห้องไม่ได้คิดหนีเลยไม่มีความจำเป็น
“กลัวเด็กมันแจ้งความจับเอาอีกหรือไงวะ”เสียงแซวดังมาจากปากของบอนเนอร์ที่ในตอนนั้นเขาเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยเพื่อนจากการนอนคุกมาได้“ไม่ได้กลัวโว้ย แค่กูอยากจะกินเหล้าให้สบายใจก็แค่นั้นเอง”ออสตินปฏิเสธการกลัวเมียเสียงแข็ง แต่เขาก็แค่เกรงใจไม่อยากทำอะไรที่มันจะทำให้เด็กมันไม่สบายใจก็แค่นั้นเอง“อืม”“นายขา เหล้าค่ะ”ส่วนเซนต์เขาก็ให้สาวๆหุ่นอวบๆบริการเขาได้อย่างเต็มที่ เพราะก็มีแต่สาวๆหน้าเดิมๆที่เคยถูกใจเขาเข้ามาบริการทั้งนั้นเลย“อืม”“ให้หนูนวดให้นะคะ นายจะได้สบายตัว”“อืม”“ใส่น้ำหอมอะไรมาวะ เหม็นฉิบหาย”แต่พอสาวๆพวกนั้นมานัวเนียกับเขาเข้าจริงๆเขากลับแทบอ้วกพุ่งออกมา เมื่อเหม็นน้ำหอมที่พวกเธอประโคมใส่บนตัวนั้น“ก็กลิ่นเดิมไงคะ ที่นายเคยชอบ”“กูเคยบอกหรือไง”“เปลี่ยนคนเข้ามาใหม่”เห็นเพื่อนเหมือนจะไม่ถูกใจสาวๆในชุดแรก บอนเนอร์ก็เรียกหาสาวๆชุดใหม่ให้เข้ามาแล้วเอาคนเก่าออกไประดับเจ้าของผับดังใจกลางเมืองอย่างเขาแล้วจะไม่มีวันเสียชื่อด้านบริการแม้แต่นิดเดียว“ครับนาย”“หนูรินเหล้าให้นะคะ”สาวๆชุดใหม่เข้ามาก็รีบเข้ามาบริการมาเฟียใหญ่อย่างเซนต์ในทันทีเพราะคาดหวังว่าคืนนี้จะได้ไปสาน
“ใครเป็นสายให้ไอ้เวรอัลวิน จับพวกมันตัดลิ้นให้หมดแล้วส่งคืนไอ้อัลวินมันไป เพื่อว่ามันจะอยากใช้ประโยชน์จากไอ้พวกเหี้ยนี่อีก”เขาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านนานนับเดือนจนแผลหายสนิทถึงได้ออกจากบ้าน และกลับไปทำงานในทันทีงานแรกที่เขากลับมาเริ่มทำคือลากตัวไอ้พวกที่กล้าเป็นหนอนบ่อนไส้ที่เขาจับขังเอาไว้อย่างทรมานตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่เขาพักรักษาตัวออกมาลงโทษทีละคนอย่างสาสม ก่อนจะปล่อยพวกมันให้ไปหาเจ้านายของมันและไม่ต้องเดาว่าจุดจบของไอ้พวกสารเลวพวกนั้นจะเป็นยังไง พวกมันได้รับความทรมานจนร้องขอความตายจากเขาไปแล้ว ก็คงได้ไปตายต่อหน้าไอ้อัลวินที่มันฆ่าได้ทุกคนที่หมดประโยชน์กับมัน“ครับนาย”“แล้วมึงก็อย่าลืม เอาลิ้นของพวกมันส่งไปด้วยเป็นของขวัญให้ไอ้อัลวินมันด้วย”“ครับนาย”“เตรียมคนให้พร้อมเอาไว้ด้วย อีกไม่นานกูจะไปเอาคืนมันแน่นอน คราวนี้ต้องถึงตาย”แล้วเขาก็ไม่พลาดที่จะเตรียมตัวสำหรับการล้างแค้นอย่างสาสมที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเอาไว้ด้วยไอ้อัลวินมันทำเขาต้องนอนพักอยู่บ้านสนุกกับลูกสาวของมันอยู่เป็นเดือน มันจะต้องได้ชดใช้ทุกอย่างที่มันทำกับเขาเอาไว้และครั้งนี้จะเป็นการล้างแค้นครั้งสุดท







