“เซอร์ไพรส์”
ร่างเล็กอิ่มไปทุกส่วนโถมเข้ามาเต็มอกแกร่งหลังจากธิติเปิดประตูห้องโดยลืมมองดูผ่านกล้องด้านหน้าเสียก่อน ชายหนุ่มชะงักนิ่งไป มือทั้งสองข้างแนบลำตัว ไม่ได้ยกขึ้นโอบกอดตอบกลับ ด้วยไม่ทันคาดคิดว่าริกะจะมาหาเขาถึงห้อง แถมยังมาได้ถูกเวลาจนน่าหวั่นใจ
“นี่แทนเซอร์ไพรส์มากเลยเหรอ ดูหน้าสิ”
ริกะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตนเองกอด ขณะอาศัยจังหวะอึ้งระคนแปลกใจของชายหนุ่มดันร่างสูงที่หนากว่าตนให้ถอยหลัง พาอีกฝ่ายไปยืนพิงผนังโดยมีร่างอิ่มตามแนบชิด มือเล็กบางยกขึ้นลูบแก้มสากที่มีไรเคราเขียว เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้โกนในตอนเช้า หากเธอก็ชอบในลุคนี้ของเขาไม่แพ้กับลุคหล่อเนี้ยบที่เห็นจนชินตา ใบหน้าขาวคมเข้มมองเธอนิ่ง แต่สายตาคู่ดำคมกริบเหมือนจะลอยพิกล ทำเอาเธออมยิ้มก่อนจะจุ๊บเบาๆ ที่ปากหยักได้รูปสีสดด้วยความพอใจ
“ไม่คิดว่าริกะจะมาหาที่นี่เหรอที่รัก”
“เอ่อ ครับ”
ธิติตอบรับหลังจากสลัดความงุนงงที่ไม่ทันตั้งตัวทิ้งไปได้เมื่อถูกปลุกด้วยการประทับริมฝีปาก ในหัวเริ่มคิดไปถึงคนที่ยังอยู่ในห้องนอน เขาควรจะจัดการกับผู้หญิงสองคนนี้อย่างไรดี
“ก็ริกะคิดถึงคุณจะแย่ อยากมาหาตั้งแต่เมื่อคืนด้วยซ้ำ แต่ว่าไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ดื่มหนักไปหน่อย แต่พอรู้สึกตัวริกะก็รีบอาบน้ำแล้วมาหาคุณทันทีเลยนะคะ”
พร้อมคำบอกใบหน้าใสน่ารักก็ลอยสูง สองแขนโอบรอบคอเขาให้โน้มลงมาหา ร่างอิ่มบดเบียดเข้ากับเรือนกายแกร่งทุกส่วนแทบเป็นเนื้อเดียว หากแต่ก่อนที่ปากอิ่มเล็กจะแตะกับปากได้รูปชายหนุ่มก็ยับยั้งหญิงสาวด้วยการดันไหล่เล็กทั้งสองข้างเบาๆ
“ริกะกินอะไรมาหรือยังครับ”
“ริกะอยากกินคุณก่อน”
เสียงหวานพร่ากระเส่าบอกความหมายชัดเจน แต่เวลานี้ธิติคงปล่อยเลยตามเลยเหมือนครั้งก่อนๆ ที่ริกะเรียกร้องไม่ได้
“แต่ผมหิวมากเลย เราไปหาอะไรกินกันก่อนนะ แล้วต่อจากนั้นผมจะตามใจริกะทุกอย่าง”
ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง แถมยังเกลี่ยนิ้วหัวแม่มือบนปากอิ่มขณะส่งสายตาคมวอนขอเคลือบแฝงแววเร่าร้อนอย่างน้อยครั้งนักที่เขาจะทำ แต่รู้ว่ามันใช้ได้ผลเสมอกับผู้หญิงทุกคน แม้ริกะก็ไม่ยกเว้น ไม่มีใครปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มจะมอบความสำราญให้พวกเธอจนสุดเหวี่ยง
ปากอิ่มเผยอขบปลายนิ้วเขาหยอกล้อเบาๆ แววตาคู่โตวาววามอย่างวาดหวัง
“ถ้าแทนหิวมากขนาดนี้ ริกะจะใจดำลงได้ยังไง”
เธอบอกเมื่อจับมือข้างนั้นของเขาไล่จูบเล่นไปด้วย ทั้งที่สายตายั่วยวนนั้นไม่ได้ละไปจากใบหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
“แต่ว่า...โทรสั่งขึ้นมาน่าจะทันใจกว่านะ ระหว่างรอจะได้ไม่เสียเวลาของเรา”
“ไม่ได้...”
คำสวนทันควันของธิติหยุดลงเพราะรู้ตัวว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายสะดุดใจ ใบหน้าน่ารักที่คลอเคลียกับมือเขาหยุดลง ตากลมโตมองนิ่ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
“ทำไมไม่ได้ ปกติเราก็ทำแบบนี้บ่อยๆ นี่นา”
แววตาของริกะแสดงความสงสัยออกมาอย่างชัดเจน เพราะแม้ไม่อยากทำในสิ่งที่เธอต้องการแต่ธิติไม่เคยขัดหรือเถียงในทันที เขาจะหาเหตุผลที่ดีมาแย้งอย่างใจเย็นให้เธอคล้อยตามในที่สุด
ความคิดจากสมองอันชาญฉลาดกระตุกเป็นช่วงๆ เขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
“คือ...ผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง กินอาหารที่นี่ทุกมื้อตั้งแต่วันแรก เปลี่ยนจนแทบครบเมนูแล้ว ไม่ต้องออกไปไกลก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลามาก นะครับ”
เสียงทุ้มนุ่มกลับมาอีกครั้งขณะที่มือหนาวนกลับมาเกลี่ยแก้มใสนุ่มมือ ไม่แค่นั้น ปากได้รูปยังตามลงไปแนบที่แก้มอีกข้าง แล้วเลื่อนไปกระซิบกับใบหูเล็ก
“รีบๆ ไปกันเถอะ ผมเองก็แทบจะอดใจไม่อยู่แล้วเหมือนกัน แต่ทำไงได้ ไม่อยากหมดแรงซะก่อน เติมพลังแล้วจะได้มีเวลาสนุกกันนานๆ”
บอกแล้วชายหนุ่มยังไม่ลืมขบเม้มใบหูเล็กแสดงให้เห็นถึงความต้องการภายในส่วนลึก จนร่างอิ่มสั่นน้อยๆ ครางแผ่วเบาอย่างพออกพอใจ เมื่อใบหน้าขาวคมผละออกเธอก็ยิ้มหวานพยักหน้ารับ
“งั้นเดี๋ยวริกะรอผมตรงนี้นะ ขอไปเอากระเป๋ากับกุญแจรถในห้องนอนแป๊บเดียว”
“ค่ะ”
หลังจากอีกฝ่ายรับคำร่างสูงก็ก้าวยาวๆ ไม่ให้ดูเร่งรีบจนเกินเหตุกลับเข้าไปในห้อง ทว่าพอเขาเปิดประตูก็เห็นร่างงามของผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ตรงหน้า ทำเอาเขาต้องรีบปิดมันลงพร้อมก้าวพรวดเข้ามา
เฌอเอมสะดุ้งตกใจกำลังจะกรีดร้องออกมาก็ถูกรวบเข้าไปปะทะกายแข็งแกร่ง มือหนาข้างหนึ่งปิดปากเธอ อีกข้างโอบเอวแน่น ใบหน้าหล่อโฉบวูบลงมาทำเอาเธอผงะแต่ริมฝีปากได้รูปสวยกลับเลื่อนเลยไปข้างใบหู
“ผมจะออกไปข้างนอก ระหว่างที่ผมไม่อยู่คุณก็รีบกลับห้องตัวเองไปซะ แล้วหวังว่า...เราจะไม่เจอกันอีก”
ปากเขาที่ขยับบางจังหวะก็แตะที่ติ่งหูเธอ แก้มสากไรเคราเฉียดแก้มเธอเมื่อสันกรามเขาขยับ เสียงทุ้มกระซิบเบาเป็นโทนที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต ฉุดกระชากใจสาวให้เต้นระรัวขึ้นทีละน้อยจนกระทั่งถี่เร็วจับจังหวะไม่ได้ ความแข็งแกร่งจากสรีระร่างกายที่แตกต่างของชายหญิงใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากเรือนร่างหนา ผิวเนื้อบางจุดแตะต้องกันในบางจังหวะที่หายใจหรือขยับตัวกำลังก่อกระแสประหลาดที่ผิวกายอ่อนนุ่มและเริ่มลุกลามแทรกเข้าไปในอวัยวะของร่างกายจนเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่น ทุกสิ่งอย่างเป็นผลมาจากธิติทั้งสิ้น
ทว่าประโยคสุดท้ายหยุดอาการแปลกๆ ของเธอได้ชะงัด มือบางสองข้างที่กุมแนบอกตามปฏิกิริยาป้องกันตัวกำเข้าหากันแน่นขึ้น เฌอเอมพยายามควบคุมท่าทางของตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตได้ ใบหน้าสวยซีดพยักเบาๆ เหมือนคนที่มีสติดี ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่มีผลต่อจิตใจของเธอเช่นกัน
จากนั้นมือหนาก็เคลื่อนห่างจากปากเธอ ใบหน้าขาวคมถอยออกจากการแนบชิดแต่ไม่ห่างมาก เพราะเธอยังรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขา
“ฉัน...ได้ยินเสียงผู้หญิง”
ดูเหมือนเธอยังควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนักเพราะเสียงทั้งเบาทั้งสั่นเหลือเกิน
“ใช่ เอ่อ...ริกะน่ะ”
ธิติยังกระซิบเช่นเดิม โล่งอกที่เขากลับเข้ามาทันก่อนที่เธอจะเดินออกไป ดูจากท่าทางของเธอเขาก็เดาได้ทันทีว่าหญิงสาวกำลังจะเปิดประตู แม้เฌอเอมจะไม่ได้แคร์ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมาหาเขา แต่ริกะไม่ใช่แน่ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจบอกไปตามตรง เพราะสองสาวรู้จักกันดี ด้วยเคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แถมยังมาทำงานที่เดียวกันอีกด้วย ฉะนั้นเฌอเอมย่อมรู้ว่าไม่ควรปรากฏตัวให้เพื่อนเก่าได้เห็นหรือเข้าใจผิด ถึงจะเลิกราไปแล้วแต่หลายครั้งที่ริกะยังแสดงความหึงหวงเขากับผู้หญิงคนอื่นแม้เธอเหล่านั้นเพียงแค่มองมา นั่นทำให้ธิติไม่อยากเสี่ยง
คำบอกเล่าของชายหนุ่มทำให้ความรู้สึกปั่นป่วนที่ตีวนอยู่ในร่างกายของเฌอเอมแผ่วลงกระทั่งหยุดนิ่งได้ แต่หญิงสาวกลับหูแว่วเหมือนมีเสียงวิ้งๆ น่ารำคาญมารบกวน ไม่ทันรู้ตัวว่าขณะที่ถามเขาไปเสียงเธอแข็งขึ้น
“ไม่คิดว่านายจะยังติดต่อกับริกะอยู่”
เมื่อระดับเสียงของหญิงสาวดังขึ้นมากว่าเดิมธิติก็รีบยกนิ้วชี้แตะที่ปากตนเอง เป็นสัญญาณบอกว่าอย่าเสียงดัง
คิ้วเรียวสวยกระตุกเล็กน้อย ใบหน้างดงามแม้ซีดเซียวดูเรียบขึ้น ปากอิ่มสวยเม้มนิดๆ มือบางสองข้างขยับปัดแขนที่โอบตนเองออกเบาๆ ตาคู่สวยเมินมองไปทางอื่น ท่าทีกลับไปเย่อหยิ่งเหมือนปกติ
“กลัวแฟนนายได้ยินเสียงฉันเหรอ”
“คุณก็รู้ว่าริกะเป็นคนยังไง”
ธิติพูดด้วยความระอา เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็คร้านที่จะใส่ใจความเอาแต่ใจไม่ชอบให้ใครมาสั่งของเฌอเอม
หญิงสาวเบ้ปาก กอดอก เชิดหน้าขึ้นสูง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แคร์แต่ก็ไม่ดังนัก
“ริกะคงไม่สมองฝ่อจนลืมหรอก ว่าฉัน...”
“คุณไม่สนใจผม เพราะอย่างผมไม่ใช่สเปกคุณ ผมรู้...แต่กันไว้ดีกว่าแก้ ที่สำคัญ...การที่มีคนรู้เห็นว่าคุณมาอยู่ในห้องกับผู้ชายมันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าคุณไม่แคร์ เพราะสมัยนี้ใครจะนอนกับใครก็ได้ มันก็แค่เป็นข่าวเดี๋ยวเดียวก็เงียบ ผมก็โอเคนะ ไม่มายด์ ผมไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไร แต่คุณกับริกะทำงานด้วยกัน เจอกันบ่อยๆ ถ้ามองหน้ากันไม่ติด ถึงขั้นตบตีกันแย่งผมให้อายชาวก็ช่วยอะไรไม่ได้”
เขาบอกเสียงเข้มกว่าเดิม หากยังสามารถคุมให้ไม่ดังได้ ก่อนจะเดินผ่านร่างสวยไปหยิบของแล้วเดินกลับไปที่ประตู เปิดออกไปแล้วปิดลงโดยไม่หันกลับมามองหรือพูดอะไรกับหญิงสาวอีก
เฌอเอมได้แต่มองตามคนที่ว่าใส่เธอเป็นชุดแล้วจากไป ปากอิ่มสวยเผยอขึ้นน้อยๆ คิดจะตะโกนตามหลังเขาว่าเธอไม่แคร์ แต่ก็ต้องปิดฉับลงแล้วกัดริมฝีปากล่างด้วยความไม่พอใจ มือบางสองข้างที่กอดอกสะบัดทิ้ง ร่างงดงามหันขวับเดินไปทางห้องน้ำ สองเท้าเรียวลงน้ำหนักทุกย่างก้าวอย่างอารมณ์เสีย รู้สึกเคืองคนที่เมินเธอ รีบแจ้นออกไปหาแฟนเก่าทั้งที่เพิ่งเกิดเรื่องระหว่างเขากับเธอ มันน่าหงุดหงิดที่คงมีแค่เธอรู้สึกถึงไอ้ความปั่นป่วนบ้าๆ นั่น ส่วนธิติคงไม่รู้สึกอะไรเลยถึงได้ทำหน้าเฉยขนาดนั้น
ความจริงเธออยากโต้กลับ ว่าช่วงนี้เห็นริกะควงผู้ชายคนอื่นอยู่แท้ๆ แต่ก็ช่างเถอะ มาคิดอีกทีคอยดูต่อไปดีกว่า วันนี้ปล่อยไปก่อน อยากรู้นักว่าถ้าหมอนั่นได้รู้ทีหลังเรื่องผู้ชายอีกคนของริกะจะทำหน้ายังไง
เฌอเอมคิดขณะมือนิ้วเรียวสวยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่บนร่างตน ใบหน้าสวยงอในแบบที่ยากจะมีคนได้เห็น ดวงตาคู่สวยล้ำลึกดุจห้วงทะเลจ้องเนื้อตัวทีมีผิวสวยงดงามสะท้อนในกระจก ยิ่งกวาดมองจากใบหน้าจรดปลายเท้าก็ยิ่งตอกย้ำให้เจ็บลึกในใจ ด้วยอดคิดไปถึงคนที่ได้เห็นเต็มสองตา สัมผัสด้วยสองมือ พร้อมกับพรมริมฝีปากได้รูปสวยของเขาบนเรือนร่างเธอ แถมปากร้ายกาจนั่นยังแนบสนิทลึกซึ้งเกินกว่าจินตนาการที่เธอเคยคิดฝัน แม้แต่เธอเองยังไม่คิดว่าสัมผัสหวามที่ได้รับการปรนเปรอจากธิติจะฝังแน่นหยั่งรากตีตราเหนือร่างกายพิสุทธิ์จนหมดจด พออีกฝ่ายโอบกอด ชิดใกล้ เนื้อตัวเธอก็ไหวหวั่นสั่นรัวราวกับเตรียมพร้อมรับมือหรือไม่ก็ต้องการให้เขาแตะต้องอีกครั้ง
ความกังวลฉาบวาบขึ้นมาในดวงตาคู่งามทันควันเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ร่างกายเธอมีปฏิกิริยาตอบรับเขาอย่างที่ไม่เคยเกิดกับใครมาก่อน แม้เคยถ่ายแบบแนบเนื้อในบางครั้งกับนายแบบหล่อล่ำ เธอยังไม่รู้สึกสั่นไหวจนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ใจเธอมันเต้นแรงโลดแทบทะลุมานอกอกชนิดที่ระงับไม่อยู่ด้วยซ้ำ
เพียงข้ามคืน ธิติ...ผู้ชายที่เธอมองเห็นว่าต่ำต้อยกว่าเสมอ เสกเวทมนตร์อะไร เหตุใดอยู่ๆ เขาถึงได้มีอิทธิพลเหนือร่างกายเธอมากมายถึงเพียงนี้
=====
คนที่ผล็อยหลับไปช่วงบ่ายจนถึงเย็นเดินลงบันไดบ้านอย่างมึนหัว เฌอเอมนอนเกือบเช้ามาแล้วสามคืนติดทำให้มักจะง่วงตอนบ่ายเสมอ นั่นเพราะรอว่าใครบางคนอาจจะกลับมาในตอนดึกทว่าเขาก็ไม่กลับมาเลยสักคืน หญิงสาวขยับบิดไปมาอย่างหงุดหงิด แต่แล้วเสียงพูดคุยห้าวทุ้มคุ้นหู้ก็ทำให้ต้องรีบผลุนผลันตรงไปยังห้องรับแขก แล้วก็เห็นชายหนุ่มนั่งพูดคุยกับบิดามารดาของเธอและเขาอยู่ สีหน้าท่าทางเคร่งเครียดของแต่ละคนทำให้คนที่อ้าปากจะโวยวายหุบฉับ รู้ว่าตัวเองไม่ควรแสดงอาการแปลกๆ ต่อหน้าผู้ใหญ่จึงสูดลมหายใจระงับอารมณ์กรุ่น ก้าวช้าๆ อย่างสงบเสงี่ยมเข้าไปนั่งลงข้างมารดาของตนเอง“เอมมาก็ดีแล้ว แทนเขากำลังสรุปคร่าวๆ เรื่องคดีของเรากับผู้ชายคนนั้นให้พ่อฟัง”“ค่ะ”เฌอเอมรับคำพยายามตีหน้านิ่งโดยไม่มองหน้าธิติแม้แต่น้อย“อย่างที่แม่บอกแหละลูก แม่กับพ่อต้องกลับพรุ่งนี้แล้วเพราะคุณพ่ออยู่นานไม่ได้ คุณพ่อก็เลยอยากรู้ว่าคดีไปถึงไหนแล้ว เป็นยังไง มีปัญหารึเปล่า”“แต่เท่าที่ฟังแทนบอกก็ไม่มีปัญหาอะไรมาถึงตัวลูกแล้ว แบบนี้พ่อก็วางใจได้สักหน่อย แต่ยังไงคงต้องให้แทนเป็นธุระบอกอีกทีเป็นระยะๆ ก็แล้วกัน”“ครับท่าน ผมทราบครับว่าท่านทั้งสองเป็
"เราคบกันอยู่ครับ"การยอมรับความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งที่ไม่ใช่ความจริงทำให้เฌอเอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับตาโต หญิงสาวกำลังจะปฏิเสธอีกฝ่ายก็ไม่เปิดโอกาส"ผมต้องกราบขอโทษท่านกับคุณหญิงด้วยครับที่ทำตัวไม่เหมาะสม"ร่างสูงทรุดลงจากโซฟา ขยับเข้าไปไหว้ขอขมาใกล้ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง"เรื่องนี้ผมขอรับผิดคนเดียว อย่าตำหนิเอมเลยนะครับ"ทุกสายตาส่งตรงมาที่เฌอเอม หญิงสาวขยับปากแต่พูดอะไรไม่ออก ถ้าปฏิเสธออกไปเธอก็หาเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบายกับพ่อแม่ไม่ได้ โดยเฉพาะพ่อของเธอที่ยังยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอยู่หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยสักพักคุณอาลิธาจึงให้เด็กมาเคาะประตูเรียกลงไปทานข้าว เฌอเอมตามลงมาด้วยจิตใจหวั่นไหวและเห็นว่าทุกคนพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอรับรู้ได้ว่าบรรยากาศทานข้าวค่อนข้างเกร็งๆ และแล้วลางสังหรณ์ของเธอก็กลายมาเป็นความจริงตอนที่ย้ายมานั่งทานของว่างกับผลไม้ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นซึ่งบิดาของเธอเปิดประเด็นที่คุณอาวิธานขอสู่ขอเธอกับท่านขึ้นมา จากนั้นการไล่บี้สอบถามความเป็นมาเป็นไปก็ตามมา สุดท้ายเธอก็ต้องมานั่งก้มหน้ายอมจำนนอยู่แบบนี้"เอม...เอม...จะไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจอีกแล้วค
จากที่ตั้งใจขึ้นมานอนแต่กลับหลับตาต่อไม่ลง มารดาของธิติจึงเอาซุปมาให้ คุณหญิงอาลิธานั่งอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวไม่ยอมห่างไปไหนกระทั่งกินยาเสร็จ“เอมผอมลงกว่าครั้งก่อนที่ไปหาแม่นะลูก”“นิดหน่อยค่ะแม่ เดือนที่ผ่านมาหนูทำงานแล้วก็เดินทางตลอด แถมสองวันมานี้ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง คงดูซูบหน่อยน่ะค่ะ”เฌอเอมอ้อนผู้เป็นมารดา ขณะที่นาตาชาปล่อยให้แขกอยู่กันตามลำพัง เมื่อเปิดประตูออกไปท่านอภิชาติก็เข้ามาด้านในเพื่อดูลูกสาวหลังจากเลี่ยงไปคุยงานจนเสร็จ ท่านมองลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดูระคนโล่งใจ อย่างน้อยตอนนี้ลูกสาวก็หลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว“พ่อยังไม่อยากพูดอะไรมากตอนนี้นะลูก แต่ลูกก็เห็นแล้วว่าแม่เขาเป็นห่วงมากแค่ไหน พ่อเองก็เหมือนกัน หนูทำงานนี้มาพักหนึ่งอย่างที่บอกพ่อกับแม่ไว้แล้ว พ่อว่าน่าจะถึงเวลาที่ลูกต้องลองคิดเรื่องงานใหม่แล้วนะ งานนี้อยู่ไม่เป็นที่ ห่างไกลพ่อแม่ด้วย เกิดเรื่องขึ้นอีกแบบครั้งนี้จะทำยังไง”ท่านอภิชาติอดที่จะพูดเรื่องเดิมๆ ไม่ได้ และก็ทำเอาลูกสาวคนสวยหน้างอง้ำดวงตาคู่สวยหม่นเศร้า เธอรู้สึกกลัวมากจริงๆ ยอมรับว่าการบังคับตัวเองไม่ให้สั่นไหวร้องไห้จนกระทั่งมาเจอหน้าพ่อกับแม่ได้ก
“แทนบอกว่าจะมาถึงเมื่อไรเหรอ”ชายไทยค่อนข้างมีอายุรูปร่างสูงใหญ่ถามเพื่อนเก่าที่เพิ่งวางสายจากลูกชาย“ใกล้ถึงแล้วครับ”วิธานพ่อของธิติตอบอย่างนอบน้อม“บอกแล้วว่าไม่ต้องระวังคำพูดขนาดนั้น ยังไงเราก็เพื่อนกัน แล้วนายก็ไม่ได้เป็นลูกน้องฉันแล้ว”ท่านอภิชาติบอกพร้อมตบไหล่อีกฝ่ายที่ยังยิ้มรับอย่างนอบน้อมเช่นเคย“ว่ายังไงบ้างคะ ฉันเป็นห่วงลูกจัง”คุณหญิงอาลิธาที่นั่งอยู่ข้างๆ กับนาตาชาภรรยาของวิธานเอ่ยถามด้วยสีหน้าวิตกเพราะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจทุกคำ“เท่าที่คุยกับแทนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวทนายของเราจะจัดการต่อ”วิธานตอบ เข้าใจถึงความห่วงใยของคนเป็นพ่อแม่อย่างดี“ฉันสงสารลูกจริงๆ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้”พูดไปก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ ลูกที่อุตส่าห์เฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่ให้ต้องเจอเรื่องกระทบกระเทือนหรือปัญหาอะไร กลับต้องมาเจอปัญหาหนักหนาจนใจหายใจคว่ำต้องรีบบินตรงจากกรีซมาลอนดอนทันทีเสียงรถที่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านทำให้ทุกคนหันไปมองด้านนอก แล้วก็รีบมุ่งหน้าออกไปข้างนอกทันทีธิติจอดรถเรียบร้อยแล้วหันมองคนข้างตัวที่หลับอยู่ก็คิดว่าควรจะปลุกดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่เลี้
แม้เป็นคำตอบสั้นๆ บางเบา แต่มันกลับดังหนักแน่นในใจหญิงสาว เธอไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมาจับข้อมือแล้วพาเดินออกจากตรงนั้นราวกับไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ทว่าเพียงพ้นประตูด้านหน้าสำนักงานออกมาความโกลาหลก็พุ่งเข้ามาหาคนทั้งสองจากทุกทิศทาง ทั้งคำถามมากมาย ทั้งเสียงกดชัตเตอร์ถาโถมมาพร้อมๆ กันทำเอาเฌอเอมตั้งตัวไม่ติดก้าวขาไม่ออก แม้จะอยากไปให้พ้นจากที่นี่ก็ตามในช่วงเธอสับสนวุ่นวายหญิงสาวรับรู้ได้ถึงมืออบอุ่นที่โอบไหล่เธอเข้าหาตัวเขารั้งให้ก้าวเดินไปพร้อมกันโดยไม่หยุดตอบคำถามใครทั้งสิ้น ทางจากบันไดสำนักงานตำรวจมาถึงรถของชายหนุ่มไม่ไกลนัก ทว่ามันนานเหลือเกินสำหรับเฌอเอม หากไม่มีแขนแข็งแกร่งโอบประคองเธอคงทรุดลงหรือจมอยู่ท่ามกลางกองนักข่าวแล้วธิติส่งให้หญิงสาวเข้าไปในรถก่อนที่เขาจะอ้อมมาทางคนขับแล้วขึ้นตามไป ชายหนุ่มเอ่ยขอทางกับทีมนักข่าวที่ตามมาเป็นพรวนสุดท้ายคนพวกนั้นก็จำต้องหลีกทางให้รถเคลื่อนออกไปเมื่อเห็นชัดว่านางแบบสาวไม่มีทางให้สัมภาษณ์แน่นอนเฌอเอมเหลือบมองกระจกข้างและกระจกมองหลังกระทั่งรถออกมาไกลแล้ว“พวกเขาจะตามมาไหม”“อาจจะ”ชายหนุ่มตอบพร้อมกับมองกระจกหลังเล็กน้อยแล้วเหลือบดูค
เธออยู่ห้องสอบสวนมานานมากแล้ว และได้แต่ตอบคำถามคล้ายๆ เดิมวนกลับไปมาหลายรอบ เฌอเอมไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเพราะในห้องนี้ไม่มีสิ่งที่บ่งบอกเวลาเลย ผู้สอบสวนเธอมีโน้ตบุ๊กตรงหน้าหนึ่งเครื่อง นอกจากถามเธอแล้วเขาก็เหมือนกำลังรออะไรบางอย่างด้วยเหมือนกัน เพราะเหลือบมองประตูบ่อยครั้ง“เมื่อไรฉันจะได้ออกไปสักที หรือต้องรอทนายก่อน ฉันไม่ได้ฆ่าเขาจริงๆ ฉันบอกคุณไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะ”ในใจส่วนลึกเฌอเอมกลัวว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุให้โจชัวเสียชีวิตจริงๆ ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจและมันเป็นการป้องกันตัวก็ตาม“คุณขอติดต่อสำนักกฎหมายแล้ว อีกไม่นานคงมีทนายมาที่นี่”“บอกตามตรงฉันเบื่อจะตอบคำถามเดิมๆ วกวนของพวกคุณจะแย่อยู่แล้วนะ บอกว่าไม่รู้ๆ ตั้งกี่ครั้งก็ไม่ยอมเชื่อ ตอนฉันลงบันไดยังเห็นเขาพยายามลุกตามมาอยู่เลย แต่พอออกจากตึกเขาก็ไม่ได้ตามมา ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากหนีออกมาแล้ว ฉันบอกพวกคุณไปหมดแล้ว ถึงจะทำร้ายเขาแต่ฉันก็ไม่ได้เจตนาฆ่าเขา”“คุณอาจจะโกรธกลัวแล้วก็ตั้งใจฆ่าแต่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ได้นี่ครับ”“ฉันป้องกันตัว แล้วฉันก็เป็นฝ่ายถูกทำร้าย ฉันบอกคุณไปแล้วไงว่าโดนโจชัววางยาแล้วพาไป