INICIAR SESIÓN“อย่าบอกนะครับ ว่านายรู้และเห็นตัวจริงของเหล่าขุนพลของตระกูลนี้แล้ว...”
“เรื่องราวที่ถูกปิดบังไว้ และไม่ชัดเจนในข้อเท็จจริง น่าจะชัดเจนมากขึ้น ว่า อดัม เบนเน็ต กับ อลัน ซาวันเดอร์ น่าจะเกี่ยวข้องกันในแบบที่เราคาดไม่ถึงเลยล่ะ”
“ให้ลงรายงานมั้ยครับ?” ครูก้าถามกลับทันที เพราะถ้าถึงขั้นลูส เอ่ยออกมาขนาดนี้นั้นเขาต้องมั่นใจในเรื่องนี้อย่างมาก
“ไม่...เรื่องนี้มีแต่ฉันและนายเท่านั้นที่รู้” ครูก้ารับคำอย่างเข้าใจ เพราะตั้งแต่ที่เขาติดตามลูส ลูเธอร์มา ไม่เคยเห็นลูสเอาอารมณ์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับงาน นี้เป็นครั้งแรกที่ลูส ดูจะจริงจังกับอนาสตาเซีย ลูกสาวคนเดียวของอดัม เบนเน็ตเจ้าพ่อมาเฟียแห่งฟิลาเดลเฟีย
“ครับ!”
“ฉันมีงานให้นายช่วย และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภาระกิจอะไรทั้งนั้น”
“ครับ” ลูส ยิ้มออกมา ครูก้าไม่ถามเหตุผล เขาจงรักภักดีมาโดยตลอด
“ฉันต้องการช่วงเวลาส่วนตัว กับ อนาสตาเซีย”
“ครับ...” คำตอบรับของครูก้า ทำให้ลูสยิ้มออกมา
ไอเดน ซาวันเดอร์ & เชือกฟาง ธรรมบุตร
‘ประเทศไทย’
“ไอเดน ไอเดน” เชือกฟางตะโกนเรียกไอเดนจากข้างสนามฟุตบอล ที่ไอเดนกำลังเลี้ยงลูกบอลเพื่อที่จะยิงประตูฝ่ายตรงข้าม และ เชือกฟางวิ่งตามไอเดนเรียบไปกับข้างสนาม พร้อมโบกมือส่งสัญญาณว่าเรื่องด่วน
“ไม่นะ!!!” ไอเดน ร้องออกมาอย่างเสียดาย เมื่อเขาเสียสมาธิจึงทำให้เขาพลาดการยิงประตูได้ เพื่อนๆต่างร้องเสียดายกัน และนั้นทำให้ ไอเดนหันมาทางเชือกฟางที่เป็นสาเหตุ “หวังว่าคงมีอะไรที่สำคัญมากพอ ที่ทำให้เธอมาทำลายสมาธิของฉัน ยายคนใช้”
เชือกฟางไม่ถือสาสรรพนามแทนตัวของเธอที่ไอเดนมักจะเปลี่ยนไปตลอดเวลาตามแต่อารมณ์ของเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอารมณ์ในด้านลบ แต่เนื่องจากเรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ตอนที่เชือกฟางย้ายมาอยู่เมืองไทยใหม่ๆ เธอเป็นที่ถูกจับตามองตลอดเวลา เพียงเพราะเธออยู่ข้างกายไอเดน ซาวันเดอร์ มากเกินไป แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไป เพียงแค่ประโยคที่ออกมาจากปากของเขาคนนี้ที่ประกาศกร้าวด้วยแววตาแข็งกร้าวและเอาจริง เชือกฟางไม่เคยลืมมันเลย...
“…ยายเด็กผู้หญิงคนนี้คือคนใช้ประจำตัวของฉัน...ใครหน้าไหนทั้งหญิงและชายกล้ารังแกเธอ...ฉันไอเดน ซาวันเดอร์คนนี้...พร้อมมีเรื่องกับทุกคน...”
“พี่เอริค โทร.มา และบอกว่าให้นายมาคุยให้ได้ ตอนนี้” ไอเดน หันไปส่งสัญญาณกับเพื่อนๆว่าเขาต้องขอตัวกลับบ้านแล้ว ไอเดนวิ่งออกจากสนามไปยังเป้ที่วางไว้ เชือกฟางส่งผ้าขนหนูผืนเล็กให้
ไอเดนรับผ้า สะพายเป้และขยับเดินทันที โดยที่เชือกฟางเดินตามพร้อมกับสะพายเป้ของตน
“ครับพี่...” ไอเดนหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาเอริคทันที ช่วงเวลาที่ต่างกันแต่นั้นไม่ใช่ปัญหา
“ไอเดน เลื่อนการเดินทางมาที่ลอนดอนออกไปก่อน”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ยัง ยังไม่เกิดขึ้น แต่ไอเดนอยู่ที่นั้นจะปลอดภัยมากกว่า พี่โดนสอดแนมแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร”
“ครับ พี่เอาอยู่ใช่มั้ย?”
“แน่นอน แล้วจะบอกอีกทีว่ามาได้เมื่อไหร่ ออ! เชือกฟางทำตามที่พี่ขอร้อง...เข้าใจตรงกันนะ”เอริคย้ำเตือนไอเดนเรื่องเชือกฟาง เพราะทุกคนรู้ดีว่าไอเดนมักจะชอบอาละวาดใส่เชือกฟางตลอดตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ในความดูแลของคุณตา(เอกวุฒิ)และคุณยาย(นีออน)
เชือกฟางเดินตามไอเดนเงียบๆอย่างที่ทำมาโดยตลอดสองปีที่เธอมาอยู่ที่นี่ แต่เดิมเชือกฟางอยู่ที่ซอล เลค ซิตี้ ในความดูแลของคุณย่าหนูนา กับคุณปู่พีท เธอมาอยู่กับท่านทั้งสองได้แค่ไม่กี่เดือน หลังจากที่ไอเดนเดินทางไปเยี่ยมพวกท่านหลังจากนั้นไม่นานคุณย่าหนูนาก็เรียกเธอมาคุย
“เชือกฟาง หนูโกรธไอเดนมั้ย ที่เขาเอาแต่แกล้งหนูตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี่”
“ไม่ค่ะ เขาไม่ได้ทำร้ายเชือกฟางนะคะคุณย่า” หนูนายิ้มและเธอก็รู้ดีว่านั้นเป็นเรื่องจริง
“ย่าดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เชือกฟางจะโกรธย่ามั้ย ถ้าย่าจะให้เชือกฟางไปอยู่ที่ประเทศไทยภายใต้การดูแลของคุณยายนีออน”
“ไม่ค่ะ เชือกฟางไม่มีทางโกรธคุณย่า หลายเดือนที่เชือกฟางมาอยู่กับคุณย่า คุณย่ากับคุณปู่ใจดีกับเชือกฟางมาก จนเชือกฟางคิดว่าตัวเองเป็นหลานแท้ๆของคุณย่ากับคุณปู่”
“สำหรับย่าและคุณปู่แล้ว เชือกฟางเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรานะจ๊ะ...ย่าอยากให้เชือกฟางรู้สึกแบบนั้นไปตลอด ซึ่งมันดีต่อย่าและคุณปู่มาก” เชือกฟางยิ้มและกอดคุณย่าหนูนา เธอแสนจะดีใจกับความโชคดีของตัวเองเหลือเกิน
“เชือกฟางถามได้มั้ยคะ ว่าทำไมคุณย่าถึงต้องการให้เชือกฟางไปอยู่ที่ประเทศไทย” หนูนายิ้มก่อนจะตอบ
“ที่นั้นมีเพียงไอเดน ที่คอยดูแลคุณยายนีออนกับคุณตาวุฒิ ถึงจะมีกายที่เป็นคนติดตามไอเดนอยู่ด้วยก็ตาม แต่ย่าคิดว่าถ้าที่นั้นมีหนูอีกสักคนน่าจะดีกว่า”
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







