Masukใจดวงน้อยเต้นตึกตักถี่ยิบ แม้จะพยายามเป่าปากเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายแค่ไหนก็ไม่เป็นผล เธอกำลังเดินเข้าสู่ประตูนรก ความรู้สึกบอกอย่างนั้น ที่นี่ไม่ปลอดภัย เต็มไปด้วยเงื้อมเงาทะมึนแห่งความหดหูและน่ารังเกียจ
นาเดียฝืนตัวเองให้ก้าวตามทุกคนเข้าไปในห้องหนึ่งอย่างเกร็งๆ ทุกคนต่างเงียบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรแม้ตอนที่ผู้จัดการออกไปแล้ว ราวกับต่างก็ยอมจำนนต่อโชคชะตา รอแขกที่ต้องรับรองเข้ามาในบรรยากาศแสนกดดัน
“ซูจิน”
หญิงสาวกระซิบกับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกัน อีกฝ่ายกุมมือแน่นบนหน้าตัก เหลือบมองเธอด้วยสายตาสับสนหวาดหวั่นระคนกัน แล้วกวาดมองพี่ๆ ในวงอีกสามคน แต่ละคนสีหน้าไม่ดีเอาเสียเลย นั่นทำให้นาเดียเม้มปากอย่างขุ่นเคืองใจ
เธอจะไม่ให้อภัยคนพวกนี้เด็ดขาด!
หากหาทางออกไปได้ ซีอีโอและผู้จัดการที่หากินใต้กระโปรงผู้หญิงพวกนี้ต้องจบไม่สวยแน่
นาเดียมองนาฬิกาที่มือถือของตนเอง ขณะเดียวกันประตูก็เปิดขึ้น หญิงสาวเงยหน้ามองพร้อมความรู้สึกใจหาย เพื่อนร่วมวงเองก็สะดุ้งไปตามๆ กันเหมือนเธอ
ผู้จัดการพาแขกที่มีทั้งชาวต่างชาติและเกาหลีเข้ามาในห้องสี่คน แล้วก็มีคนยกเครื่องดื่มกับอาหารตามมาในทันที
เธอกับเพื่อนต่างก็นั่งตัวแข็งเพราะแขกแต่ละคนมานั่งลงข้างๆ ผู้จัดการมองพวกเธอตาดุอย่างบังคับ หัวหน้าวงของเธอกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปรินเหล้าชงให้พวกเขา นาเดียพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดทั้งที่ในใจร้อนรน เมื่อดูความเรียบร้อยและพฤติกรรมของพวกเธอครู่หนึ่งผู้จัดการก็ออกไป
“ชงให้ผมบ้างสิ”
คนต่างชาติที่นั่งข้างตัวเอ่ยกับเธอจนริมฝีปากแทบจะชิดลำคอทำเอาร่างเล็กสะดุ้งนิดๆ ทว่าก็ข่มใจพูดออกไปเสียงเบา
“ฉันชงไม่เป็นน่ะ”
เธอกับซูจินคล่องภาษาอังกฤษ ผู้จัดการจึงให้แขกต่างชาตินั่งข้างพวกเธอ
“เดี่ยวฉันจัดการเอง”
ซูจินรีบบอก หลังจากชงให้แขกที่นั่งข้างตนเองแล้วก็ชงให้แขกของเธอด้วย
นาเดียรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องเธอบ่อยครั้งแม้พวกเขาจะหันไปคุยกันเองอย่างสนุกสนานก็ตาม
“ตักปลาดิบมาหน่อย”
อีกฝ่ายกระซิบชิดคอเธออีกครั้ง นาเดียรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็ทำตามที่เขาขออย่างฝืนใจ ทว่าอีกฝ่ายกลับอ้าปากรอ นาเดียขมวดคิ้วมุ่น หากสุดท้ายก็กัดฟันป้อนเขาไปด้วยความแสลงในใจ ทั้งอีกฝ่ายยังเอ่ยขอบคุณใกล้ๆ แล้วยังวางมือลงบนหน้าขาของเธอ หญิงสาวสะดุ้งขยับหนีในทันใดแม้จะมีกระโปรงยาวเหนือเข่าปกคลุมอยู่แต่ก็สร้างความรู้สึกน่าขยะแขยงให้เต็มทน
ร่างหนาของชาวต่างชาติขยับตามมาจนนาเดียต้องเอนหนี ขณะที่เขามองเธออย่างไม่พอใจ
“ทำไมทำหน้าแบบนี้ รังเกียจหรือไง”
“ปละ...เปล่า”
นาเดียปฏิเสธทั้งที่ในใจกรีดร้องว่า ‘รังเกียจที่สุด!’
“ฉันมึนหัวน่ะ ฉันแพ้กลิ่นเหล้า”
เธออ้างไปก่อนจะเอ่ยขอตัวเพราะไม่อาจทนอยู่ในนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
“ฉันขออีกไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”
หลังบอกกับแขกแล้วนาเดียก็เอ่ยกับซูจิน
“ซูจิน ฉันไปเข้าห้องน้ำนะ”
เพื่อนสาวของเธอชะงักมือที่กำลังชงเหล้า แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเธอนิ่งชั่วอึดใจ ทว่าไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไรนอกจากยิ้มบางและพยักหน้ารับเล็กน้อย
ร่างเล็กในชุดแสกพอดีตัวลุกขึ้น มือกำโทรศัพท์แน่น หยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กออกจากห้องนั้นมาด้วย
=====
เสียงเล็กสั่นตะกุกตะกัก ตัวเธอเกร็งจนต้องหยุดหายใจไปด้วย สัมผัสจากปากกระด้างไม่เพียงนาบลงมา เข้ายังเม้มผิวเนื้ออ่อน ทั้งยังส่งลิ้นเย็นชื้นออกมาแตะสลับอีกด้วย รอยจูบปะพรมไปทั่วคอข้างหนึ่งของเธอ ทำเอานาเดียสะดุ้งน้อยๆ เป็นระยะ งอตัวหดคอหนีแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขายังสามารถเปลี่ยนมาซุกไซ้อีกด้านได้อีก นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งท้ายทอย“หยะ...อย่า”เธอพยายามห้าม ทว่าก็ไม่เป็นผล แขนกำยำข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเธอ ร่างหนาเบียดกดให้เธอชิดผนังยิ่งขึ้นจนแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากร้อนเล็มสลับไล้เลียแล้วไล่ระเรื่อยลงต่ำผ่านเสื้อยืด ฝังปากกับจมูกสูดดมซุกเบียดทรวงงาม มืออีกข้างวางเกาะหมับบนก้อนเนื้ออวบอิ่มเต็มกำมือ ก่อนจะเคล้นเบาๆ ทำเอาร่างเล็กถึงกับผวาขึ้น ทว่าก็ราวกับนำเสนอตัวเองให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วยแม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่การแตะต้องของอีกฝ่ายก็ทำให้นาเดียร้อนไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็น ทว่าก่อนจะทรุดลงเข่าแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาระหว่างหน้าขาขวางไม่ให้ตัวเธอต่ำลง“อื้อ”หญิงสาวอดที่จะปล่อยเสียงสั่นแปลกๆ ออกมาได้ ความรู้สึกบางอย่างพลุ่งขึ้นจากสัมผัสแปลกใหม่กลางร่าง ทั้งยังรับรู้ได้ถึงมือ
คลินตันเงียบตั้งแต่มาขึ้นมอเตอร์ไซค์กระทั่งมาถึงเซฟเฮาส์ วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ให้คีย์การ์ดกับเธอ นาเดียจึงต้องยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าบ้าน เขากลับมาหลังจอดรถที่ส่วนจอดรถและเก็บหมวกเรียบร้อย บ้านหลังนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เธอทึ่ง ที่จอดรถแยกเป็นสัดส่วน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายมีเครื่องเล่นหลายชนิดติดกระจกอยู่ริมสระว่ายน้ำ ประตูก็สามารถใช้คีย์การ์ดหรือกดรหัสก็ได้ ทว่านาเดียไม่รู้รหัสจึงต้องรอชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วนาเดียก็เข้ามาก่อน แม้ปกติคลินตันจะพูดน้อยอยู่แล้วทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงความอึมครึมกดดันแปลกๆ จึงคิดว่าเลี่ยงไปก่อนน่าจะดีกว่า ทว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น“แปลกนะ ทั้งที่กลัวเวลาซ้อนมอเตอร์ไซค์ผม แต่คุณกลับอยากขึ้นรถแข่งซูเปอร์คาร์”หญิงสาวชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตามเธอเข้ามา ชายหนุ่มจ้องเธอด้วยแววตาเย็นชาทว่ากลับดูเชือดเฉือนผิดปกติ“ฉันก็แค่อยากลองดู”เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะจะปฏิเสธว่าไม่อยากลองนั่งมันก็ขัดกับสิ่งที่ทำไปแล้ว“ทำไม เพราะซูเปอร์คาร์มันแพง แรงเร้าใจกว่าอย่างนั้นเหรอ”คิ้วเรียวสวยขมวดกับคำพูดกวนชวนหาเรื่องของชายหนุ่ม“ค
“ว่าไงนะ”“นาเดียอยากลองนั่งซูเปอร์คาร์กับเจมมี่น่ะ”ไมลี่ตอบหลังคลินตันถามย้ำพวกเธอมายังโรงรถแล้วก็เห็นคลินตันกับช่างสามคนกำลังตรวจเช็กรถแข่งคันหรูอยู่ ทั้งหมดเดินเข้าไปแล้วเจมมี่ก็ถามเกี่ยวกับรถของตนว่าเรียบร้อยหรือไม่จะได้ลองขับเลย พอคลินตันตอบว่าตามสบาย เจมมี่บอกต่อทันที‘งั้นฉันขอพาสาวน้อยคนนี้ไปลองรถด้วยก็แล้วกันนะ’คลินตันถึงกับหันมองหนุ่มหล่ออีกคนในทันที คิ้วเข้มขมวดพร้อมถามซ้ำไมลี่จึงเป็นฝ่ายตอบ ทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายมายังเธอแทน นาเดียอึกอักขยับปากจะพูดแต่ไมลี่ก็แทรกขึ้นอีกครั้ง“แหม อย่ามองน้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นสิคลิน ดุแบบนี้ใครจะไปกล้าตอบล่ะ เอางี้ ฉันเองก็อยากรู้ว่ารถปรับแต่งเครื่องใหม่ของเจมมี่จะแรงดีสักแค่ไหนเหมือนกัน งั้นเรามาแข่งกับเขาดีไหม นาเดียไปกับเจมมี่ ฉันจะไปกับคุณเอง”หญิงสาวจัดการเองเสร็จสรรพ ซึ่งนาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากหาโอกาสอยู่ใกล้กับคลินตัน และอยากให้เธอสนับสนุน เพราะไมลี่เหลือบมาทางด้วยสายตาขอร้อง เธอจึงได้แต่กระอักกระอ่วนใจแล้วพึมพำเสียงเบา“เอ่อ...ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะคะ”คำพูดของเธอทำให้คลินตันตาวาววับ แววตาคมดุฉายออกมาอย่างชัดเ
นาเดียมองตอบสาวสวยด้วยสายตามึนงงว่างเปล่า ไม่รู้ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้เพราะรับรู้ได้ถึงไอบางอย่างแผ่จากแววตาหญิงสาวอีกคนเมื่อได้ยินว่าเธอเป็นใคร แม้จะลำบากใจแต่เธอก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายอย่างไร จะแก้ตัวก็คงแปลกๆ เหมือนเธอร้อนตัวอาจจะเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจและอึดอัดของเธอ สุดท้ายคนที่พูดขึ้นมาก่อนก็เป็นอีกฝ่าย“ไฮ ฉันไมลี่”“นาเดียค่ะ”ไมลี่ส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันไปบอกสองหนุ่มที่คุยกันเรื่องงานด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกคุณทำงาน ให้นาเดียไปกับฉันดีกว่า รออยู่ในนี้เธอคงเบื่อ”“จะไปไหน”คลินตันหันมาถาม ใบหน้าคมนิ่งแต่มีรังสีดุจากแววตา เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกลับไปจ้องเอาคำตอบจากไมลี่“ฉันจะพาเธอนั่งเล่นกินขนมกับน้ำที่คาเฟ่ข้างหน้านี่แหละ”“อืม ไปเถอะ”เมื่อรู้พิกัดแล้วเขาก็พยักหน้ารับง่ายๆ แล้วกลับไปสนใจเรื่องงานต่อนาเดียเดินตามไมลี่ออกไปอย่างไม่คิดมากเช่นกันเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไร นั่นน่าจะหมายความว่าปลอดภัยสำหรับเธอ“เธอรู้จักกับคลินได้ยังไงเหรอ”หลังจากสั่งเครื่องดื่มกับเค้กของทั้งสองคนเรียบร้อย ไมลี่ก็ถามขึ้นทันที นาเดียเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต
เช้าวันต่อมานาเดียอ่านข้อความตอบกลับจากซูจิน แล้วก็พิมพ์ตอบอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำซูจินบอกว่าสำนักข่าวให้ความสนใจในการตีแผ่ข่าวบริษัทของพวกเธอ และช่วยเหลือในการหาสำนักกฎหมายให้ด้วย บรรดาแฟนคลับต่างก็รวมตัวกันแท็กข้อความให้กำลังใจพวกเธอและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าเธอบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเพื่อนร่วมวง จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับเกาหลีได้ในตอนนี้ และต่างก็แท็กขอให้เธอหายเร็วๆ ด้วยเช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับไม่มากนักแต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีและอุ่นใจไม่น้อยจนถึงกับน้ำตาซึมหลังจากนาเดียเข้าไปอ่านแท็กนั้นมีค่ายติดต่อเข้ามาสองสามค่ายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแต่ซูจินกับพี่ๆ ในวงอยากคุยกันในตอนที่เธออยู่ด้วย จึงขอเวลาจัดการเรื่องการฟ้องร้องให้เรียบร้อยเสียก่อนสาวร่างเล็กลงไปข้างล่างก็พบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังจะกลับเข้าห้องของเขา“วันนี้เราจะไปที่ทำงานของผม”ชายหนุ่มบอกทันทีที่เห็นเธอ แต่แม้นาเดียจะทำหน้าแปลกใจเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากเอ่ยสั่ง“กินอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสีย”พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนตัดสีดำเปียกจ
คลินตันกลับมาอีกครั้งในลุคที่นาเดียต้องนึกอ่อนใจกับตัวเอง เพียงแค่ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มตัวเดิมเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเซ็กซี่อย่างไม่น่าให้อภัยแล้ว หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงใหญ่เพียงนิดแล้วปอกมันฝรั่งในมือต่อ ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจิตใจเธอไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อยคงเพราะได้เห็นกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย โดยไม่เคยได้เห็นของจริงเต็มๆ มาก่อนนั่นแหละ เธอจึงสติฟุ้งซ่านแบบนี้ไม่แฟร์เลยสักนิด ทั้งที่เขาไม่ให้เธอใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นออกนอกห้อง แต่ตัวเองกลับถอดเสื้อเดินไปเดินมาเสียอย่างนั้นหญิงสาวคิดขณะมองชายหนุ่มล้างชิ้นปลาที่แพ็คมา และราวกับรู้ว่าเธอมองคลินตันเองก็หันมาทางเธอเช่นกัน เขาเหลือบมองมันฝรั่งก่อนจะพูดขึ้น“หั่นเสร็จแล้วก็เตรียมจานเตรียมซอส ผมทอดเอง”“มีซอสเหรอคะ”“ใช่ ผมซื้อสำเร็จรูปมาแล้ว อยู่ในตู้เย็นนั่นแหละ”เธอพยักหน้าเข้าใจ“งั้นฉันทำสลัดเพิ่มด้วยดีกว่า”“เยี่ยม”คลินตันยกนิ้วให้นาเดียจึงยิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาตินาเดียหั่นมันฝรั่งในขนาดที่คิดว่าพอดี แล้วก็เอาผักในตู้เย็นที่พอทำสลัดได้มาล้างหั่นเสร็จก็โรยเกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก







