แชร์

ตอนที่16 ปริศนาคำนาย

ผู้เขียน: คุณแม่แฝดสาม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-23 22:43:16

 หลังจากเรื่องราวคลี่คลาย ทุกอย่างก็กลับมาปกติอีกครั้ง วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง การแต่งตั้งท่านหญิงจวินจู่ ซึ่งฝ่าบาทจัดงานนี้เพื่อนางโดยเฉพาะ ตระกูลต่างๆ มาพร้อมฮูหยินและคนในครอบครัว แม้จะไม่ยินดีที่จะมาร่วมงาน แต่ก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ของฝ่าบาทได้ 

 พองานใกล้เริ่มทุกคนก็พากันไปนั่งประจำที่ ที่ทางวังหลวงจัดเอาไว้ตามตำแหน่งของแต่ละคน วันนี้ท่านหญิงจวินจู่มาในชุดอาภรณ์สีขาวขลิบสีชมพูอ่อน ประดับด้วยปิ่นหยกสีขาวเข้าชุด นางไม่ได้ประโคมแต่งมากจนเกินไป ตั้งใจให้ดูเรียบๆ แต่ดูดี ถึงจะเป็นเจ้าของงาน แต่ก็ไม่อยากโดดเด่นจนเกินไป พอนางมาถึงบริเวณจัดงาน ก็เห็นวิญญาณของพระสนมกุ้ยเฟยยืนรออยู่ นางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 “วันนี้เจ้าดูงดงามมาก”

 “ขอบพระทัยเพคะ” ว่านชิงอียิ้มหวานให้พระสนม และก้าวเดินเข้างานไปพร้อมกับนาง ก่อนจะไปยอบกายถวายความเคารพฮ่องเต้ต่อหน้าพระที่นั่ง

 “ท่านหญิงวันนี้ท่านดูงดงามมากจริงๆ เอาละไปนั่งที่ของท่านเถิดงานจะเริ่มแล้ว” ฮ่องเต้เจินเฉินหลงกล่าวอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี พอนางนั่งลงดนตรีก็เริ่มบรรเลง เหล่านางกำนัลก็เริ่มทำหน้าที่ ยกอาหารและสุรามาวาง ว่านชิงอีมองอาหารอย่างสนใจ อาหารในวังหลวงทำออกมาได้น่ากินมาก คนทำอาหารของวังหลวงคงคัดสรรมาอย่างดี ชิงอีชิมนั่นชิมนี่ไปเรื่อยด้วยความพอใจ ก่อนจะบอกให้ปิงปิงลองกินดู

 “อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ”

 “แน่ละอาหารในวังเลยเชียวนะ แต่ข้าก็ยังนึกอยากกินบะหมี่ข้างทางอยู่ดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปกินตอนออกไปสืบคดี”

 ว่านชิงอีแอบปรายตามองผู้คนในงานก็ต้องสะดุ้งกับสายตาไม่เป็นมิตรของทุกคน อะไรกันพวกเขาไม่เก็บอาการกันเลย เปิดเผยชัดเจนขนานนี้เลยหรือ จู่ๆ ก็มีสตรีที่แต่งกายคล้ายบุรุษท่าทางทะมัดทะแมงเข้ามาทำความเคารพนาง 

 “ถวายบังคมท่านหญิง หม่อมฉันฮุ่ยเจียงเป็นองครักษ์หญิงประจำพระองค์เพคะ”

 ว่านชิงอีฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะสายตาของแต่ละคนในงาน ดูไม่มีใครชอบนางกันเลย พอการแสดงจบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้น ก่อนไทเฮาที่นั่งข้างฮ่องเต้จะเอ่ยขึ้น

 “วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง การแต่งตั้งท่านหญิงจวินจู่ ทางเหล่าขุนนางจึงส่งบุตรสาว มาทำการแสดงถวาย หวังว่าท่านหญิงจะชื่นชอบ” ไทเฮาเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน

 ว่าแล้วต้องมีอะไรแบบนี้ นางละเบื่อฉากแบบนี้เสียจริง ดูซีรีย์อ่านนิยายมาก็เยอะ ส่วนใหญ่มักมีฉากนี้อยู่เสมอ

 “ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันจะตั้งใจชมอย่างเต็มที่”

 ขันทีผู้ทำหน้าที่ประกาศความเป็นไปของงาน ก็ตะโกนบอกทุกคนด้วยเสียงอันดังว่า “คุณหนูตระจาง จางเจียอี จะมาทำการแสดงดีดพินกู่เจิง คุณหนูกู้ กู้ผิงอันจะแสดงการเป่าขลุ่ย คุณหนูตระกูลซู ซูโม่หลันจะมาร่ายรำ”

 สามสตรีผู้แสนงดงามกิริยาท่าทาง การเดินการนั่งงดงามไร้ที่ติ ก้าวไปนั่งตรงลานการแสดง ตรงกลางเว้นไว้สำหรับการร่ายรำ ก่อนเสียงเพลงจะบรรเลงขึ้นอย่างไพเราะ เสียงดีดกู่เจิงผสมผสานเสียงขลุ่ยอย่างลงตัว ทำเอาผู้คนในงานเคลิบเคลิ้ม ว่านชิงอีเองก็นึกชื่นชมที่พวกนางเล่นดนตรีได้อย่างไพเราะ การร่ายรำก็แสนอ่อนช้อยละมุนละไมงดงามยิ่ง

 จู่ๆ ฮุ่ยเจียงก็ถือถาดมายืนข้างนาง พอนางมองดูก็เห็นกำไลหยกที่ดูก็รู้ว่าล้ำค่ามาก อีกชิ้นเป็นปิ่นหยกห้อยระย้าด้วยนกยูง อีกอันเป็นสร้อยทับทิมราคาแพงและงดงามมาก ชิงอีขมวดคิ้วมองฮุ่ยเจียงอย่างไม่เข้าใจ ก่อนนางจะแอบกระซิบว่า นางต้องมอบรางวัลให้กับพวกนางที่ทำการแสดง ว่านชิงอีจึงพยักหน้าเข้าใจ แต่ว่าใครเป็นคนเตรียมของพวกนี้กันนะ

 พอจบการแสดงทุกคนปรบมือให้อย่างกึกก้อง สตรีสามนางก้าวออกมายืนเรียงกัน ก่อนจะยอบกายทำความเคารพให้กับผู้สูงศักดิ์ หลังจากนั้นฮ่องเต้จึงเอ่ย

 “ไพเราะและงดงามมาก คุณหนูทั้งสามไปรับรางวัลจากท่านหญิงเถิด” ว่านชิงอียื่นของแต่ละชิ้นให้พวกนาง ก่อนจะคิดในใจคงเป็นฝ่าบาทที่เตรียมการไว้ มิเช่นนั้นนางคงต้องขายหน้าที่ไม่มีของรางวัลให้ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงของเสนาซูโม่เฉิงเอ่ยขึ้น

 “ทูลฝ่าบาท ในเมื่อวันนี้เป็นงานฉลองการแต่งตั้งท่านหญิง เหตุใดไม่ให้ท่านหญิง แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์พ่ะย่ะค่ะ” พอมีคนเสนอแน่นอนย่อมมีคนสนับสนุนตามมา

 ฮ่องเต้มองพวกเขาอย่างเย็นชาและเยียบเย็น เจ้าพวกลูกเต๋าเจ้าเล่ห์คงกะจะเล่นงานนางให้ได้เลยสินะ แล้วเขาจะช่วยนางได้อย่างไรดี เหว่ยอ๋องคิ้วกระตุกหันไปมอง เจินซีห่าว และรัชทายาท ที่ยามนี้มีสีหน้าเป็นกังวล ก่อนฮองเฮาที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น

 “ข้าก็อยากจะชมการแสดงของท่านหญิงเช่นกัน ฝ่าบาทแต่งตั้งเป็นท่านหญิง ฝีมือและความสามารถคงไม่ธรรมดากระมัง” ฮองเฮาแย้มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เด็กน้อยวันนี้ข้าก็อยากจะรู้ ว่าใครจะกางปีกปกป้องเจ้าได้

 ว่านชิงอีมองเห็นสายตายิ้มเยาะและเหยียดหยามของทุกคน ในใจก็ฮึดสู้และพยายามคิดหาวิธี นางไม่ถนัดดนตรี นางเต้นรำไม่เป็น นางเขียนกาพย์กลอนไม่เป็น แล้วนางจะทำอะไรดีละ แต่แล้วจู่ๆ นางก็มีความคิด คนจีนชอบเล่นการพนันเป็นที่สุดได้การละ ว่านชิงอีกระซิบบอกฮุ่ยเจียง ก่อนฮุ่ยเจียงจะรีบไปเตรียมสถานที่ ที่ลานการแสดง ก่อนว่านชิงอีขยับลุกขึ้น และก้าวเดินตรงไปยังลานการแสดง

 ฮ่องเต้ เหว่ยอ๋อง เจินซีห่าว รัชทายาทเฟยเทียน มองตามนางตาไม่กะพริบ นางจะทำการแสดงอะไรกันนะ

 “ข้าร่ายรำไม่เป็น ดนตรีก็ยิ่งไม่ถนัด กาพย์กลอนก็ไม่ได้เลย แต่มีที่ข้าถนัดและอยากเชิญทุกคนมาร่วมเล่น นั่นก็คือการเล่นคำทายปริศนา หากผู้ใดตอบได้ภายในเวลาที่กำหนด ก็จะได้รับรางวัล การละเล่นนี้จะวัดภูมิปัญญาว่าฉลาดมากน้อยเพียงใด” ว่านชิงอีเน้นคำว่าภูมิปัญญาและความฉลาด เพราะนางอยากกดดันเหล่าขุนนาง 

 พอนางกล่าวจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น นางกล้าท้าทายภูมิปัญญาของเหล่าขุนนาง! เช่นนี้จะยอมได้อย่างไรกัน! ฮ่องเต้ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ นางช่างฉลาดเฉลียววิธีนี้มองผิวเผินก็เป็นการละเล่น แต่ถ้ามองให้ลึกหากพวกเขาตอบไม่ได้นั้นหมายถึง พวกเขาไร้ซึ่งปัญญา และพวกเขานั้นดำรงตำแหน่งเป็นถึงขุนนาง

 “เอาละเรามาเริ่มกันเลย ข้าจะเริ่มจากคำถามง่ายๆ ไปก่อน รางวัลคำทายนี้อยู่ที่อยู่ที่500ตำลึง คำตอบข้าให้ฝ่าบาทเก็บเอาไว้” กล่าวจบนางก็ให้ฮุุ่ยเจียงเอาคำตอบไปเก็บไว้กับฝ่าบาท พอมีรางวัลมาหลอกล่อ เหล่าขุนนางก็เริ่มคึกคัก

 “คำทายมีอยู่ว่า อะไรเอ่ย หัวโต ตัวยาว คอเล็ก มันชอบไปเรียนศิลปะที่เรือกสวนไร่นา ฆ่าคนของโจโฉตายหมดบ้าน เหลือเพียงต้นอ่อนของผักเต็มไปหมด ข้ามีเวลาให้ครึ่งก้านธูป หากใครได้คำตอบ ให้เขียนใส่กระดาษ ข้าจะเอาไปให้ฝ่าบาทตรวจ”

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่ 51 วันแต่งงาน

    แล้ววันที่เหว่ยอ๋องรอคอยก็มาถึง วันนี้เขาแต่งอาภรณ์สีแดงได้อย่างหล่อเหล่าและสง่างาม ตามมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามเพื่อมารับเจ้าสาว และขบวนสินสอดที่ยาวเป็นทาง ผู้คนมายืนรอชมกันอย่างเนืองแน่นพอมาถึงจวนสกุลว่าน เสนาว่านจื่อหยวนและฮูหยินว่านซูอวี้ ก็ช่วยประคองว่านชิงอีออกมาส่งที่หน้าประตูจวน เหว่ยอ๋องกระโดดลงจากหลังม้า เพื่อมารับนางให้ขึ้นเกี้ยว เสนาว่านจับมือของว่านชิงอี วางลงบนมือของเหว่ยอ๋อง ด้วยใจที่ปลาบปลื้มปิติยินดีจนน้ำตาไหล ว่านชิงอีก้าวขึ้นเกี้ยวด้วยความตื่นเต้นยินดี สุดท้ายเขากับนางก็ได้แต่งงานกัน บุรุษที่นางจะฝากชีวิตไว้ด้วยตลอดชีวิตสินเจ้าสาวที่แต่งออกก็มากมายไม่ต่างกับสินเจ้าบ่าว ผู้คนต่างกล่าวชื่นชมถึงความเหมาะสม บางคนก็ยังกล่าวอย่างมีอคติว่า ตำแหน่งชายาอ๋องนั้นไม่คู่ควรกับนาง ว่านชิงอีนั่งฟังในเกี้ยวอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาจะพูดอย่างไรก็ช่าง อย่างไรนางก็ได้แต่งกับเขาอยู่ดี บุรุษผู้นี้เป็นของข้าผู้เดียว ว่านชิงอีระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อมาถึงจวนของเหว่ยอ๋อง เขาก็เดินมายื่นมือให้นางจับเพื่อเดินเข้าไปในจวน เพื่อเริ่มพิธีการตามประเพณี วันนี้ฮ่องเต้มาร่วมงานด้วยตัวเอง และองค์รัชทายา

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่50 ประกาศความผิด

    ว่านชิงอีและเหว่ยอ๋องรีบเร่งมาที่เหมืองหลวงอย่างเร่งรีบ แต่ก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า เมื่อมีทหารหลายพันนายยืนรออยู่หน้าประตูเมือง แต่ที่ทำให้ว่านชิงอีใจกระตุกจนใจเจ็บ เมื่อร่างที่ถูกจับมัดห้อยไว้บนกำแพงเมืองนั้น คือคนในครอบครัวของนาง ว่านจื่อหยวน ว่านซูอวี้ ว่านชิงหลิน ว่านชิงหลาน เหนือขึ้นไปมีบนกำแพงเมือง มีร่างของฮ่องเต้ถูกจับมัดไว้เช่นกัน เหว่ยอ๋องโกรธจนดวงตาแดงก่ำ สองมือกำแน่นกับอารมณ์ที่ปะทุภายในใจ ฮองเฮาและรัชทายาทก้าวออกมา ปรายตาลงมองด้านล่าง ที่มีเหว่ยอ๋องและว่านชิงอี นั่งอยู่บนหลังม้า สายตาที่มองมานั้นเย็นชาและเย้ยหยัน รัชทายาทเฟยหยาง ภายในใจเจ็บปวดไม่แพ้กัน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อก่อนเขาเคยมีความคิดอยากขึ้นครองบัลลังก์ แต่หลังจากได้รู้จักว่านชิงอี ได้ทำงานร่วมกันกับ เหว่ยอ๋องและองค์ชายซีห่าว ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป แต่ว่าทุกอย่างมันไม่ง่าย เมื่อขึ้นบนหลังเสือก็ยากที่จะลง มารดาของเขานั้นก็คือฮองเฮา วางแผนร่วมมือกับตระกูลโจวมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งดึงสามตระกูลขุนนางมาร่วมด้วย แลกกับผลประโยชน์มากมาย เมื่อเขาขึ้นครองราชย์ อำนาจทุกอย่างก็จะตกเป็นของฮองเฮาและตระกูลโจว และอ

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่49 จัดการขั้นเด็ดขาด

    ทางด้านองค์ชายซีห่าว ยามนี้กำลังต่อสู้กับคนร้ายอย่างดุเดือด เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนร้าย มาดักรอเพื่อฆ่าเขามากขนาดนี้ องครักษ์ที่เขาพามาด้วยสิบคน ก็พยายามต่อสู้และปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ แต่นักฆ่าที่มาดักรอก็มีจำนวนไม่น้อย ทำให้ฝ่ายขององค์ชายซีห่าวเสียเปรียบพลาดท่าเสียที ได้รับบาดเจ็บกันอย่างสาหัส เรี่ยวแรงก็เริ่มถดถอย เพราะต่อสู้กันมาได้สักพัก องครักษ์ทั้งสิบยามนี้ เลือดอาบไปทั่วทั้งร่างแต่ก็สู้ไม่ถอย เพื่อปกป้องชีวิตขององค์ชาย องค์ชายซีห่าวเองก็ถูกดาบฟันที่แขนเลือดอาบเช่นกัน แต่เขาก็คิดว่าแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากเทียบกับพวกเขาที่ีมีแผลเต็มตัว องค์ชายซีห่าวมององครักษ์ด้วยความซาบซึ้งใจ พวกเขายอมต่อสู้แลกชีวิตเพื่อปกป้องเขา บุญคุณครั้งนี้เขาไม่มีทางลืมได้อย่างแน่นอน แต่เขาจะไม่ยอมหลบอยู่ข้างหลังแบบนี้ ยามนี้พวกเขาเริ่มอ่อนแรง เขาจะต้องปกป้องชีวิตพวกเขา “พระองค์จะทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ?” หนึ่งในองครักษ์เดาความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี จึงรีบเอ่ยทักเขาเอาไว้ “อย่าแม้แต่จะคิดพ่ะย่ะค่ะ ถึงพวกกระหม่อมจะตาย ก็ต้องปกป้องชีวิตองค์ชายให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” เจินซีห่าวได้ฟังก็ถึงกับพูดไม่ออก ในความจงร

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่48 ความสุขมาไวไปไว

    ว่านชิงอีมองเหว่ยอ๋องกับองครักษ์ ที่พากันไปหาฟืนแล้วแบกกลับมาอย่างเอ็นดู ไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นมุมนี้ของเขา เมื่อก่อนเขาดูเงียบขรึมและเย็นชา แต่ทว่าเดี๋ยวนี้เขากลับดูอ่อนโยน และเริ่มเป็นกันเองกับคนใต้บังคับบัญชามากขึ้น ที่จริงก็ใช้ว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้ หากมีแรงจูงใจที่มากพอและคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงมัน นางคิดว่าความรักก็มีส่วนทำให้คนอ่อนโยนลงได้ เพราะหากเรารักใครสักคน เราก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก ว่านชิงอีและฮุ่ยเจียงช่วยกันทำอาหาร อย่างสนุกสนาน ว่านชิงอีเริ่มสังเกตว่าองครักษ์สาวข้างกาย ช่วงนี้เริ่มทำตัวเหมือนสตรีขึ้นมาบ้าง อย่างเช่นเรื่องการแต่งกาย เมื่อก่อนนางทำตัวคล้ายกับบุรุษทุกอย่าง ยามนี้เสื้อผ้าอาภรณ์เปลี่ยนเป็นสวมใส่ดั่งสตรีทั่วไป ว่านชิงอีหรี่ตามองฮุ่ยเจียงอย่างจับผิด หรือว่านางจะมีความรัก ใครกันนะ? หรือว่า? “ฮุ่ยเจียงเจ้าดูสิ อู่ถงแบกฟืนกองใหญ่ขนาดนั้น เดี๋ยวก็ปวดหลังเอาได้หรอก สงสัยจะทำอวดสาว ๆ แถวนี้” ว่านชิงอีแกล้งพูดออกไปแต่ว่าก็ได้ผล แก้มของฮุ่ยเจียงขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ว่านชิงอียกยิ้มหากทั้งสองชอบพอกัน นางก็พร้อมสนับสนุน ความรักเป็น

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่47 วิญญาณผีพราย

    วันรุ่งขึ้นเหว่ยอ๋องก็มารับว่านชิงอีที่จวน การไปในครั้งนี้นางและเหว่ยอ๋อง ไปในฐานะพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปทั่วแคว้น การแต่งกายจึงต้องเหมือนคนธรรมดาทั่วไปคือเรียบ ๆ ไร้สีสันใด ๆ องครักษ์ที่นำไปด้วยก็แต่งกายเหมือนบ่าวรับใช้ บนเกวียนว่านชิงนำสิ่งของเครื่องใช้ใส่ไปมากพอสมควร เพราะนางไม่รู้ว่าจะไปกี่วัน นางจึงบอกให้องครักษ์เตรียมผ้าห่ม และผ้าสำหรับกางกระโจม หากว่าต้องได้นอนตามป่าเขาจะได้ไม่ยุ่งยาก ว่านชิงอีรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะเหมือนกับว่านางจะได้ไปท่องเที่ยวเดินป่า และนอนตามป่าเขา ซึ่งในยุคก่อนเป็นสิ่งที่นางใฝ่ฝันและอยากจะทำสักครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าพอได้ทำขึ้นมาจริง ๆ กลับเป็นคนละยุคกัน ภูเขาตงซานหากเดินทางจริง ๆ จะใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่ว่าว่านชิงอีอยากใช้เวลาท่องเที่ยวไปด้วย ซึ่งเหว่ยอ๋องก็เห็นด้วย ดีเหมือนกันเขากับนางจะได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง เพราะส่วนใหญ่เจอกันที่สำนักงาน ก็มีคุยกันบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องงานเสียมากกว่า พอรถม้าพ้นเขตเมืองหลวง ก็เป็นไร่นาเรือกสวนของชาวบ้าน ต้นไม้ปกคลุมเขียวขจีไปทั่วบริเวณ ว่านชิงอีเปิดม่านหน้าต่างรถม้า มองธรรมชา

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่46 สอบสวนต่อหน้าทุกคน

    เหว่ยอ๋องก้าวเดินลงไปหาชายนักบวชที่ถูกผูกติดไว้กับเสา จากนั้นเขาก็เดินเลือกว่าจะใช้อุปกรณ์สอบสวนอันใดเป็นสิ่งแรก ผู้คนมองตามทุกอิริยาบถของเหว่ยอ๋องอย่างลุ้นระทึก และหวาดหวั่นกับท่าทางเย็นชาของเขา ก่อนที่เขาจะหยิบตะขอ ที่มีปลายแหลมคมขึ้นมา จากนั้นก็ให้ทหารมาจับเขาอ้าปาก เขาปรายตามองกลุ่มคนที่เป็นนักพรตก็แสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามชายนักบวชตรงหน้า แต่ว่าก็มีเอ่ยถามขึ้นมาก่อนด้วยความสงสัย “ทูลท่านอ๋องเหตุใดต้องสอบปากคำเขาด้วยละพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อคำทำนายของเขา กล่าวได้ดี และคล้ายกับท่านโหรหลวงทำนายทุกอย่าง และไม่มีคำกล่าวร้ายต่อท่านหญิงเลยพ่ะย่ะค่ะ?” เหว่ยอ๋องยกยิ้ม “เจ้าพูดถูกทหารไปจับท่านนักพรตมามัดอีกคน ข้าจะไต่สวนพร้อมกัน” คราวนี้ทุกคนยิ่งไม่เข้าใจ กับการกระทำของเหว่ยอ๋อง ในเมื่อชายที่เป็นนักบวช ทำนายออกมาได้ดี แล้วเหตุใดยังคงต้องสอบสวน เขาจะไร้เหตุผลเกินไปหรือไม่ เหว่ยอ๋องเหลือบตามองทหารที่จับนักพรตมามัดไว้กับเสา คู่กันกับชายนักบวช ก่อนจะวางตะขอในมือลง แล้วหยิบกระบี่ยาวเฟื้อยขึ้นมา ก่อนจะจับกระบี่ลากไปกับพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยถามนักบวชที่ถูกมัดอยู่กับเสา “ท่านนักบวชคำทำนายของท่านไม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status