บทที่ 2 มิติของมู่หนิงชิง
ข้อกำหนดและกฎเกณฑ์การใช้มิติแห่งนี้ - ท่านสามารถเข้าออกมิติได้ทุกเวลาไม่จำกัดจำนวนครั้ง - สินค้าทุกชิ้นในมิติแห่งนี้ขายตามราคาที่ระบุไว้ จะมีการลดราคาเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งทางเราจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า - สินค้าทุกชิ้นรับประกันคุณภาพและความสดใหม่ ไม่สดยินดีคืนเงิน! - สินค้าทุกชิ้นมีรหัสพิเศษควบคุม อย่าคิดจะขโมยออกไป หากทำผิดกฏท่านจะถูกยกเลิกมิติแห่งความอิ่มหนำทันที - สินค้าที่จะนำออกจากมิติได้คือสินค้าที่ชำระเงินแล้วเท่านั้น หมายเหตุ : ท่านสามารถนำสินค้าเข้ามาขายให้มิติแห่งความอิ่มหนำได้ แต่ต้องผ่านการประเมินและตรวจสอบคุณภาพจากระบบเสียก่อน เนื่องจากท่านเป็นลูกค้าใหม่ ทางเราจึงขอสมนาคุณด้วยการมอบสินค้าทุกชนิดในมิติแห่งนี้ ให้ท่านฟรีชนิดละสิบชิ้นไม่จำกัดระยะเวลา จำกัดเพียงจำนวนสินค้าที่มอบให้ หมายเหตุ : ทางมิติแห่งความอิ่มหนำได้จัดกิจกรรมท้าทายทุกสิบวัน ท่านจะเข้าร่วมการท้าทายวันไหนก็ได้ตามที่ท่านสะดวกเพื่อรับรางวัลพิเศษ แต่ต้องอยู่ในระยะเวลาสิบวันที่กำหนดไว้ตามรอบ กิจกรรมท้าทายของรอบนี้ ต้มไข่ให้เป็นระดับยางมะตูมสิบใบ ระยะเวลาที่กำหนดคือสิบนาที รางวัลที่ได้รับหากทำสำเร็จ : แม่ไก่พันธุ์ไข่สายดุ จำนวนสามตัว ความพิเศษ : ออกไข่เบอร์หนึ่งวันละสองฟองต่อหนึ่งตัว หากไม่ใช่เจ้าของมาสัมผัสตัวแม่ไก่หรือเก็บไข่ของมัน แม่ไก่ของเราจะกลายร่างเป็นไก่ปีศาจไล่จิกคนผู้นั้นจนหน้าแหกทันที!! “…” นั่นไก่หรือหมา ล้มเหลว : ถูกปรับตามราคาสินค้าที่ท่านใช้ทำกิจกรรม พรืดดด…มู่หนิงชิงแอบขำคุณสมบัติของแม่ไก่ ดุสมชื่อสายพันธุ์จริงๆ! ขอนางเดินดูมิติแห่งนี้จนทั่วก่อนเถอะ แล้วนางจะร่วมกิจกรรมท้าทายของรอบนี้ทีหลัง สิ่งที่มู่หนิงชิงทำถัดมา คือรีบมุ่งหน้าไปยังมุมในสุดของห้องแช่เย็น เอื้อมมือไปกดก้อนอิฐหลายก้อนบนผนังหลังตู้แช่แข็งอย่างตื่นเต้น เมื่อใส่รหัสถูกต้อง ผนังทางด้านซ้ายมือก็แง้มออก ตู้เซฟใบหนึ่งถูกซ่อนไว้ในนั้น มู่หนิงชิงดันผนังให้เปิดกว้างขึ้น กดใส่รหัสบนตู้เซฟอย่างคุ้นเคย เสียงประตูตู้เซฟเปิดออก กริ๊ก! ดวงตาเมล็ดซิ่งของหญิงสาววาวโรจน์ อุปกรณ์จารกรรมสุดล้ำยุคแสนรักของนางยังอยู่ครบ รวมถึงทองคำอีกหลายแท่งที่ทอประกายสว่างจนแสบตา!!! หุหุหุ จะใช้เมื่อไหร่ค่อยแวะมาหยิบก็แล้วกัน ติ้ง!! หน้าจอดิจิตอลปรากฏขึ้นอีกครั้ง - วัตถุที่อยู่ในตู้เซฟใบนี้ให้ถือว่าเป็นสินค้านอกข้อตกลง ท่านสามารถนำไปใช้ได้ตามสะดวก ไม่เกี่ยวข้องกับทางมิติแห่งความอิ่มหนำ ฟู่ววว “ค่อยยังชั่ว นึกว่าต้องจ่ายเงินซื้อด้วยซะแล้ว” มู่หนิงชิงพรูลมหายใจด้วยความโล่งอก นางปิดตู้เซฟโดยไม่ได้ใส่รหัส จากนั้นจึงก้าวตรงไปหาเนื้อวากิวทันที “ทุกอย่างหยิบได้สิบชิ้น ถ้าอย่างนั้น…” ครู่ต่อมา กลิ่นหอมยั่วน้ำลายของอาหารที่เรียกว่า สเต็กเนื้อวากิวระดับมีเดี่ยมแรร์ ก็ลอยฟุ้งอยู่ในห้องครัวมิติ โจ๊กที่กินไปก่อนหน้านี้ไม่ต่างจากน้ำ ไม่รู้สึกอยู่ท้องเลยสักนิด มู่หนิงชิงนั่งกินเนื้อสเต็กชิ้นใหญ่ มีมันฝรั่งและถั่วลันเตาผัดเนยเป็นเครื่องเคียงอย่างหิวโหย ระหว่างที่กินก็ครุ่นคิดไปด้วย หากต้องการนำอาหารเหล่านี้ ออกไปให้ครอบครัวได้กิน นางสมควรยกเหตุผลใดมาอ้างกับพวกเขาดี มู่หนิงชิงยังมีความคิดที่จะใช้สินค้าสมนาคุณนี้ เริ่มต้นหาเงินให้กับครอบครัว จะนำทองคำแท่งที่มีออกไปขาย ก็เกรงว่าทุกคนจะแตกตื่นกันเสียก่อน เรื่องนี้ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ หลังจากกินเสร็จและเก็บล้างอุปกรณ์เรียบร้อย นางจึงเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเชฟใหญ่ ซึ่งมีห้องอาบน้ำฝักบัวและห้องสุขาอยู่ในนั้น เมื่ออาบน้ำทำธุระส่วนตัวส่วนตัวเสร็จจึงออกมาจากมิติ สภาพภายในห้องนอนซ่อมซ่อของนาง ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ มือผอมบางลองวัดอุณหภูมิน้ำในอ่าง ที่ซูซื่อยกมาให้ ปรากฏว่ามันยังคงอุ่นมิต่างจากก่อนหน้านี้ “เวลาข้างในมิติผ่านไปเกือบสองชั่วโมง แต่ข้างนอกนี่กลับยังเป็นเวลาเดิม เยี่ยมไปเลย” หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า มู่หนิงชิงจึงออกมาจากห้อง ซูซื่อและมู่หนิงอันกำลังช่วยกันเตรียมแป้ง เพื่อทำอาหารเย็นอยู่ในครัว มู่เฟิงและมู่หนิงเฉิงออกไปตกปลาที่ลำธาร "ท่านแม่นวดแป้งจะทำอาหารอะไรหรือเจ้าค่ะ" มู่หนิงชิงก้าวเข้าไปในครัว มองซูซื่อที่กำลังนวดแป้งเนื้อหยาบอย่างตั้งใจ ข้างๆกันคือผักกาดขาวและผักป่าที่ถูกหั่นไว้เป็นชิ้นเล็กๆ "อ้าว ชิงเอ๋อร์ออกมาทำไมล่ะลูก น่าจะนอนพักอีกสักหน่อยระวังเวียนหัว อันเอ๋อร์เอาเก้าอี้ตัวนั้นให้พี่ใหญ่นั่งที" เจ้าตัวเล็กรีบกุลีกุจอ ไปยกเก้าอี้หัวโล้นมาให้พี่สาวตามคำสั่งมารดา "พี่ใหญ่นั่งเจ้าค่ะ" "ขอบใจนะ น้องกับท่านแม่กำลังนวดแป้ง สำหรับทำอาหารอะไรกันหรือเจ้าหัวผักกาดน้อย” ผู้เป็นพี่สาวยกมือลูบศีรษะทุยของน้องสาวที่ถูกเรียกว่า เจ้าหัวผักกาดน้อยอย่างเอ็นดู มู่หนิงอันหัวเราะคิกคัก ชอบใจคำเรียกขานของพี่สาว "คิกๆๆ ซาลาเปาไส้ผักเจ้าค่ะ ท่านพ่อกับพี่รองจะได้เอาไปกินเป็นมื้อกลางวันพรุ่งนี้ด้วย" รอยยิ้มบางประดับใบหน้าของมู่หนิงชิง ยามมองเห็นช่องทาง ที่จะช่วยให้คนสกุลมู่บ้านรองอิ่มท้อง 'เยี่ยม! คนสวยรู้แล้วว่าจะเอาอาหารออกมาจากมิติในรูปแบบไหน‘ หากเอาของสดออกมา เวลาทำให้สุกก็จะส่งกลิ่นไปถึงบ้านอื่น จนอาจเป็นที่สงสัย แต่ถ้าเอาอาหารที่ปรุงสุกแล้ว ทว่าคุณภาพยอดเยี่ยมเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารมาให้ทุกคนได้กินก็จะง่ายขึ้น ในเมื่อปาฏิหาริย์ส่งนางมายังมิตินี้ นางก็ใช้ปาฏิหาริย์นี่แหละมาเป็นข้ออ้าง!!! มู่หนิงชิงยิ้มในหน้าให้กับความคิดอันฉลาดล้ำของตน เริ่มจากคืนนี้เลยแล้วกัน...บทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนปลาย) หญิงสาวปรือตาฉ่ำน้ำตอบรับเขาอย่างลืมตัว "เจ้าเก่งเหลือเกิน อื้ออ ถูกใจข้ายิ่งนัก แรงอีกหน่อย อ๊าา ข้าเกือบถึงอีกแล้ว" เสียงครวญครางด้วยความสุขสมของหญิงสาว ดังเข้าหูชายหนุ่มอีกคนที่นั่งรออยู่ข้างห้อง มือแกร่งกำเข้ากันแน่นจนข้อนิ้วลั่น ถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ก่อนยกจอกสุราขึ้นกระดกจนหมดในรวดเดียว ผู้ติดตามที่มาด้วยยืนก้มหลุบตาต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ผ่านไปแล้วสามเค่อ การเคลื่อนไหวในห้องข้างๆ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง อีกทั้งเสียงเนื้อกระทบกันเคล้าเสียงครวญครางด้วยความเมามันกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ช่างเสียดแทงหูของผู้ได้ยินยิ่งนัก ปัง! "มันจะทำกันนานเกินไปแล้วนะ!" เขาตบโต๊ะด้วยความขุ่นเคือง เค้นเสียงเอ่ยลอดไรฟัน ใบหน้าหล่อเหลาดำทะมึนอย่างหงุดหงิด ผู้ติดตามยังคงเงียบงันไร้ซึ่งวาจา ทว่าต่างแอบคิดเหมือนกันไม่มีผิด 'ดูท่าเจ้าหนุ่มนั่นคงมีฝีไม้ลายมือเรื่องอย่างว่าน่าดู นางถึงได้ครางเสียงหลงขนาดนี้…' ราวสองเค่อต่อมาเสียงการเคลื่อนไหวก็เงียบลง ร่างกายเปลือยเปล่าขาวผ่องของหญิงสาว นอนทับอกแกร่งของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม นางหอบหายใจจากความเหนื่อยอ่
บทที่ 79 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนต้น) "หัวหน้าหมอหลวงฟ่งปรุงยาถอนพิษได้หรือไม่" สุรเสียงของซวินเหิงเยว่เต็มไปด้วยความกังวลขณะรับสั่งถาม หวายกงกงส่ายหน้า “ท่านหมอฟ่งกำลังตรวจสอบหาที่มาของพิษอยู่พะย่ะค่ะ หากไม่ทราบว่าเป็นพิษชนิดใด ก็มิอาจปรุงยาถอนได้ ระหว่างนี้จึงได้ทำการฝังเข็มเพื่อชะลอการแพร่กระจายของพิษไว้ก่อน“ "กงกงโปรดรออยู่ที่นี่สักครู่" รับสั่งเสร็จก็เดินหายไปยังห้องนอน และกลับออกมาพร้อมกล่องใบเล็กในมือ ก้มลงกระซิบบางอย่างกับหวายกงกง วันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องฮ่องเต้ประชวรได้ถูกแจ้งแก่ขุนนางที่มารอประชุมเช้า ราชกิจทั้งหลายถูกโอนไปให้องค์รัชทายาทรับผิดชอบแทนชั่วคราว ตำหนักหวงหยาง องค์ชายห้าซวินเหอเยี่ยนสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม หลังจากกลับออกมาจากวังหลวง ทั้งที่ปกติพระบิดาของเขามีพระวรกายแข็งแรงมาตลอด นานๆครั้งถึงจะเป็นหวัดเพราะต้องลมเย็นสักครา ทว่าจู่ๆกลับทรงประชวรหนักจนถึงขั้นมิอาจเข้าประชุมเช้า ครั้นจะขอเข้าเยี่ยมพระอาการ กลับถูกหวายกงกงห้ามไว้ โดยอ้างว่าที่ฝ่าบาทประชวร เป็นเพราะทรงเสียพระทัยเรื่องการสิ้นพระชนม์ของไทเฮา รวมทั้งเรื่องของฮองเฮาและตระกูลหลิน หัวหน้าหมอหลวงฟ่งกำชับให
บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนปลาย) "หรานซิง พวกเราไม่มีเวลาแล้ว หากเจ้าไม่ยอมร่วมมือกับข้า ตำแหน่งฮองเฮาที่เจ้าใฝ่ฝันคงกลายเป็นของผู้อื่น รีบตัดสินใจเสีย!" รับสั่งสุรเสียงเด็ดขาดจนคนฟังสะดุ้งเฮือก พระชายาหลินหรานซิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น สูดหายใจลึกหลุบดวงเนตรลงต่ำ พยักหน้ารับปากคำขอของสวามีอย่างจำใจ "ขอบใจเจ้ามากชายารัก ขอบใจจริงๆ" ซวินเทียนอวิ๋นดึงร่างระหงของชายาเอกมากอดแนบอก พร่ำบอกขอบใจนางซ้ำไปซ้ำมาด้วยความโล่งอก "แต่ว่า…จะไปหาคนผู้นั้นมาจากที่ไหนหรือเพคะ" หลินหรานซิงเอ่ยถามสวามีด้วยความกังวล แม้ภายในใจไม่ยินยอมแต่เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว นางก็ต้องให้ความร่วมมือ แม้ว่าหนทางนี้จะอันตราย "เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก็พอ" ช่วงสายของวันเดียวกันนั้น รถม้าไร้สัญลักษณ์จอดอยู่หน้าจวนเพื่อรอรับเอ้อร์หลิง ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีขาวมีเสื้อคลุมกันหนาวสีดำคลุมทับ หันมาโบกมือร่ำลานายเหนือหัว และว่าที่นายหญิงด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนก้าวขึ้นรถม้าไป ราวหนึ่งครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าคันดังกล่าวได้จอดเทียบประตูทางเข้าด้านข้างหออ้ายเสิน หอโคมแดงชื่อดังของเมือ
บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนต้น) จิตสังหารแผ่ออกรอบพระวรกายฮ่องเต้ กดข่มหลินฮองเฮาจนแทบหายใจไม่ออก ดวงเนตรนางหงส์สั่นระริกรูม่านตาหดเล็กจากความกลัวที่ผุดขึ้นจากจิตใต้สำนึก โอรสสวรรค์ละพระหัตถ์จากดวงหน้าของหลินเจาถิง ยืนฟังนางแก้ตัวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน "ฝ่า ฝ่าบาททะ ทรงรับสั่งเรื่องอะไรเพคะ นักพรตอะไรกัน ทรงไปฟังใครที่ไหนมาเพคะ เรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อนอะไรกันหม่อมฉันไม่เข้าใจ" ท่าทางของนางลนลานเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง ตัวนักพรตหวู่หุนเองตายไปนานแล้ว ถึงครอบครัวอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ แต่จะเอาหลักฐานอะไรมาปรักปรำนาง หนำซ้ำตอนที่ครอบครัวของนักพรตหวู่หุนเดินทางออกจากเมืองหลวง นางสั่งให้คนของสำนักคุ้มภัยตระกูลหลิน ตรวจค้นข้าวของที่พวกเขานำติดตัวไปรวมถึงค้นตัวของทุกคน ไม่มีจดหมายหรือเอกสารใดๆ ซุกซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ทว่าสิ่งที่หลินฮองเฮาไม่รู้ นั่นคือเรื่องที่นักพรตหวู่หุนได้แอบส่งภาพวาดสำคัญ ฝากพ่อค้าที่รู้จักกันกลับไปยังแดนเหนือเพื่อมอบให้หลานชาย ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะล้มป่วย "หลินเจ้าถิง ข้ามีคำสารภาพผิดของนักพรตหวู่หุนอยู่ในมือ ถึงเจ้ายืนกรานปฏิเสธก็หนีไม่พ้น ชีวิตคนบริสุทธิ์มากมายเจ้าต้องชดใช้ให
บทที่ 76 ปริศนาฆาตกรรมในวังหลัง (ตอนปลาย) ตำหนักเฟิ่งอัน ห้องบรรทมหลินฮองเฮา หน้าต่างห้องบรรทมถูกแง้มออก ร่างบางปีนเข้ามาด้านในโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ตามมาตรฐานจารชนมือฉกาจ แคปซูลยาสลบถูกจ่อใต้จมูกของฮองเฮา ราวห้าลมหายใจต่อมาเสียงฝ่ามือกระทบเนื้อก็ดังขึ้นต่อเนื่อง เพียะ! เพียะ! เพียะ!…เพียะ! เมื่อเห็นว่าใบหน้าของศัตรูบวมฉึ่งกลายเป็นหัวหมูเรียบร้อย กริชของเผ่าฮวาล่าที่ด้ามทำจากเขาสัตว์ฝังอัญมณี ซึ่งองค์หญิงลี่นาซามอบให้เป็นของขวัญ ถูกกรีดลงบนใบหน้าด้านขวาของหลินเจาถิง บริเวณเดียวกันกับใบหน้าของเฉินชิงเหอ ถือเป็นการเอาคืนเล็กน้อยให้บิดาของนาง ก่อนกลับมาจัดการให้สมน้ำสมเนื้ออีกทีที่หลัง จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนเตียง ดึงเอาร่างไร้ศีรษะของว่านไทเฮาออกมาจากมิติ วางลงข้างกายหลินเจาถิง จัดท่าให้ฮองเฮานอนกอดร่างไร้วิญญาณของคู่แค้นราวกับกำลังโอบกอดคนรัก…พรุ่งนี้ตื่นมาคงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นในวังหลังอย่างไม่ต้องสงสัย ยามรุ่งอรุณของวันถัดมา ท้องฟ้าสีครามปราศจากเมฆหมอกบดบัง แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องโลมไล้หิมะสีขาว เกิดประกายระยิบระยับพร่างพรางราวอัญมณีล้อแสง พาให้จิตใจผ่องใสสดชื่นในเช
บทที่ 76 ปริศนาฆาตกรรมในวังหลัง (ตอนต้น) หลังจากถูกเซียวหนิงชิงเล่นงานปางตายในคืนนั้น ว่านไทเฮาก็ย้ายตำหนักมาอยู่อีกฝากฝั่งของวังหลัง นางไม่กล้าพำนักอยู่ ณ ตำหนักเดิมอีกต่อไป ด้วยเพราะกลัววิญญาณร้ายจะตามมาหลอกหลอน นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ซู่หมัวมัวและนางกำนัลคนสนิทอีกสองนาง จึงถูกสั่งให้มานอนเฝ้าหน้าเตียงเป็นเพื่อนว่านไทเฮา เซียวหนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจกวาดตามองไปทั่ววังหลัง เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆนางก็พบห้องบรรทมใหม่ของว่านซวงเถียน "ชิ คิดว่าหนีพ้นเงื้อมมือข้าไปได้อย่างนั้นรึยัยแก่ เตรียมตัวลงนรกไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวเสียเถอะ ซีซี พวกเราไปหายายแก่ว่านซวงเถียนกันเถอะนะ" เมี้ยวววว แมวทิพย์ตอบรับเสียงหวาน มันไม่เคยขัดใจนางทาสอยู่แล้ว ไปไหนไปกันซีซีพร้อมเสมอ หน้าต่างห้องบรรทมที่ลงกลอนจากภายใน ถูกแมวทิพย์ที่สามารถเดินทะลุผนังได้ปลดกลอนออก ผู้มาเยือนยามวิกาลย่องมาเข้าอย่างเงียบเชียบ จ่อแคปซูลยาสลบไปที่ใต้จมูกของซู่หมัวมัวและนางกำนัลอีกสองคน "เรียบร้อย จะได้ไม่มีใครมาขัดจังหวะช่วงเวลาเยี่ยมผู้ป่วยของคนสวย" ร่างบางก้าวข้ามตัวของหมัวมัวและปีนขึ้นไปบนเตียงของว่านไทเฮา ดวงตาเมล็