Home / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 7 หอโอสถเสียนเย่า (ตอนต้น)

Share

บทที่ 7 หอโอสถเสียนเย่า (ตอนต้น)

last update Last Updated: 2025-05-13 00:36:40

บทที่ 7 หอโอสถเสียนเย่า

สองฝั่งฟากถนนของเมืองอี้เฉิง เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ตามหน้าร้านเหล่านั้นล้วนแขวนโคมประดับสีสันแตกต่างกันไป เพิ่มความสดใสมีชีวิตชีวาให้กับย่านการค้าของเมือง

ประชาชนมากมายเดินจับจ่ายใช้สอยกันขวักไขว่ เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจจากการพูดคุย ผสานกับเสียงร้องเรียกลูกค้า จากบรรดาลูกจ้างหรือพ่อค้าแม่ค้าแผงลอย กลิ่นอาหารปรุงสุกใหม่ลอยกรุ่น บันดาลให้บรรยากาศถนนฝั่งทิศเหนือของเมืองอี้เฉิงคึกคักเป็นพิเศษ

ดวงตาเมล็ดซิ่งของมู่หนิงชิงพราวระยับ สว่างไสวตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพที่เห็น ตึกรามบ้านช่องรวมถึงผู้คนทั้งหมดล้วนเป็นของจริง มิใช่ฉากหรือตัวประกอบในซีรีย์อย่างที่เคยเห็น! นางคงต้องหาเวลามาเดินเล่นในเมืองอี้เฉิงแห่งนี้บ่อยๆแล้ว

มู่เฟิงบอกนางว่า ตลาดแห่งนี้คือตลาดทางทิศเหนือ ตั้งอยู่บนถนนที่มีชื่อว่า เสินเป่ย

นอกจากตลาดที่นางได้ประจักษ์กับตา บนถนนเสินเป่ยยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ และสถานศึกษาของเมืองนี้ หอโอสถซึ่งใหญ่และดีที่สุดของเมืองอี้เฉิง ก็ตั้งอยู่บนถนนเสินเป่ยเช่นเดียวกัน

ส่วนทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยของบรรดาขุนนางและคหบดีใหญ่ของเมือง ตลาดของที่นั่นจึงมีแต่ร้านค้าและสินค้าราคาแพง…

ตลาดทางทิศตะวันตกและทิศใต้ อยู่ติดกับท่าเรือและแหล่งที่อยู่อาศัยของประชาชนฐานะปานกลาง รวมถึงแหล่งชุมชนแออัด สินค้าที่ขายส่วนใหญ่จึงเป็นจำพวกอาหารทะเล และสินค้าจากโพ้นทะเลซึ่งบรรทุกมากับเรือสำเภา

มู่หนิงชิงวางแผนเรื่องการไปเยือนตลาดท่าเรือในคราวหน้า ภาพของอาหารทะเลสดล่องลอยอยู่ในความคิด ทุกอย่างน่ากินจนนางต้องลอบกลืนน้ำลาย

และเมื่อเดินถึงหน้าร้านขายสมุนไพรที่เป็นจุดหมาย ตั้งอยู่ใกล้กับร้านขายตำราขนาดใหญ่

"ถึงแล้วชิงเอ๋อร์ ที่นี่แหละ หอโอสถเสียนเย่า" เบื้องหน้าครอบครัวสกุลมู่บ้านรอง คืออาคารสูงห้าชั้นสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน รูปแบบเรียบง่ายทว่าสง่างาม

พื้นที่ด้านหน้ากว้างราวสามสิบจั้ง ถือว่าเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สุดในย่านการค้าบนถนนเสินเป่ย

หน้าหอโอสถมีปี่เซียะแกะสลักจากหินสูงราวหนึ่งจั้งตั้งอยู่สองตัว ตัวอักษรชื่อร้านสีทองที่อยู่บนป้ายไม้สักทองงดงามอ่อนช้อยทว่าทรงพลังยิ่ง มู่หนิงชิงรู้สึกทึ่งในลายมือ เงยหน้ามองตัวอักษรสองตัวนั้นด้วยแววตาชื่นชมเต็มเปี่ยม นางอยากรู้เหลือเกินว่าใครกันคือเจ้าของฝีพู่กันงดงามนี้!

หญิงสาวซึ่งในเวลานี้สวมผ้าคาดปิดหน้าเพื่อปิดบังความโทรม! แผ่นหลังของนางเหยียดตรงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองประสานไว้ที่หน้าท้อง เหมือนอย่างในซีรีย์จีนที่เคยเห็น ขยับขาก้าวเข้าไปในหอโอสถเพียงลำพัง…

คราแรกมู่เฟิงไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลของบุตรสาว เขาจึงยอมพาซูเหม่ยและเจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสอง ไปนั่งรอที่ม้านั่งหินใต้ต้นซิ่งข้างหอโอสถ

“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าอยากให้ท่านเชื่อใจข้า ถึงเวลาที่ข้าต้องเติบโตและต้องเริ่มทำหลายสิ่งด้วยตนเองบ้างแล้ว ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ หากหอโอสถแห่งนี้ ให้ราคายุติธรรมอย่างที่สหายของท่านพ่อกล่าวจริง พวกเราก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล และข้าก็จะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบแน่นอนเจ้าค่ะ!“

ชั้นแรกของหอโอสถเป็นห้องโถงเปิดกว้างสะอาดสะอ้าน กลิ่นสมุนไพรลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ ทว่ากลับมิได้ฉุนจนแสบจมูก หลงจู๊ชายที่คอยดูแลลูกค้า ก้าวมาหามู่หนิงชิงด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม ยามเห็นว่ามีลูกค้ามาใหม่

"แม่นางน้อยท่านนี้ ไม่ทราบว่าวันนี้มาซื้อหรือมาขายสมุนไพรขอรับ"

คำทักทายจากปากหลงจู๊ สร้างความประทับใจกึ่งประหลาดใจให้มู่หนิงชิงไม่น้อย ทั้งที่นางแต่งกายซอมซ่อ ร่างกายผ่ายผอม มองมุมไหนก็รู้ว่าเป็นคน..จน แต่กลับได้รับการต้อนรับที่ดีเช่นนี้

"ข้ามาขายสมุนไพรเจ้าค่ะ" เสียงไพเราะเป็นเอกลักษณ์ของนางดังขึ้น ลอบเพ่งมองกำแพงซึ่งเต็มไปด้วยชั้นใส่สมุนไพรสูงจรดเพดาน ทว่าด้านหลังกลับมีห้องลับซ่อนอยู่…น่าสนใจจริงๆ

"วันนี้เอาสมุนไพรชนิดไหนมาขายหรือขอรับ ข้าจะได้ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมิน"

มือบางปลดถุงผ้าที่สะพายมาด้วย ยกริมผ้าที่ปิดทับหลินจือแดงออกเล็กน้อย และยื่นให้หลงจู๊ผู้นั้นดู

"สิ่งนี้เจ้าค่ะ"

ครั้นได้เห็นสิ่งที่อยู่ในห่อผ้า หลงจู๊รีบพานางขึ้นไปยังชั้นสามทันที

หน้าห้องประเมิน มีองครักษ์รูปร่างสูงท่าทางแข็งแรงยืนเฝ้าประตูอยู่สองนาย มู่หนิงชิงลอบมองด้วยความสนใจ เพียงแค่ห้องประเมินสมุนไพรต้องคุ้มกันขนาดนี้เชียวหรือ

"เชิญแม่นางรอสักครู่ ข้าจะเชิญผู้ประเมินมาพบท่านเดี๋ยวนี้ขอรับ" หลงจู๊ผละไปหลังจากพานางไปนั่งยังเก้าอี้รับรอง

คล้อยหลังหลงจู๊ มู่หนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจ กวาดมองสำรวจรายละเอียดภายในห้อง ตามประสาดรุณีขี้สงสัย…

ภายในห้องประเมิน เครื่องเรือนทุกชิ้นทำขึ้นจากไม้จันทร์ สลักเสลาลวดลายฝีมือประณีต นางชื่นชมคนออกแบบ จัดวางของตกแต่งในห้องด้วยใจจริง ถึงขั้นอยากรู้จักคนผู้นั้น

'รสนิยมใช้ได้เลยนะเนี่ย ใครกันนะที่เป็นนักออกแบบภายในของหอโอสถแห่งนี้ เผื่ออนาคตจะจ้างไปออกแบบให้ข้าบ้าง'

มู่หนิงชิงกวาดตามองเครื่องเรือนทีละชิ้น จนกระทั่งสายตาไปตกอยู่ที่หลังตู้วางของตกแต่ง ซึ่งด้านหลังปิดทึบ…

บุรุษรูปร่างสูงสง่าหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดีปักดิ้นสีทองแดง ถือพัดในมือยืนหลบซ่อนอยู่หลังตู้ใบนั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ ดำเนินแผนการ (ตอนปลาย)

    บทที่ 78 ดำเนินแผนการ (ตอนปลาย) หลินฮองเฮานั่งชันเข่าหลังชิดผนังเตียง แขนสองข้างโอบกอดตนเองจากความเหน็บหนาว เสียงที่ดังรบกวนในตำหนักเย็นยามค่ำคืน ประหนึ่งเสียงของผีร้ายกรีดร้องคอยหลอกหลอน รบกวนสภาพจิตใจของนางจนแทบเสียสติอยู่รอมร่อ ดวงตาของนางแดงช้ำ จากการร้องไห้คร่ำครวญมาสองวันสองคืน จนน้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือด จากที่เคยดูอ่อนเยาว์มีสง่าราศี บัดนี้ดูทรุดโทรมและแก่ขึ้นสิบปีภายในระยะเวลาสั้นๆ บาดแผลฉกรรจ์บนดวงหน้าสร้างความเจ็บปวดไม่น้อยในฤดูหนาว นางพยายามฝืนทนต่อความง่วงงุนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าสุดท้ายแล้วร่างกายก็มิอาจต้านทานต่อความเหนื่อยล้า หลินเจาถิงผล็อยหลับในที่สุด เซียวหนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจสำรวจตำหนักเย็นอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นพบเป้าหมายที่ตามหา ดวงตาคู่งามทอประกายชั่วร้ายวาวโรจน์ในบัดดล เอี๊ยดดด เสียงบานประตูห้องของหลินฮองเฮาเปิดออก ตามด้วยเสียงแแมวร้องฟังดูวังเวง เมี้ยวววว เมี้ยววววว…คนบนเตียงสะดุ้งตื่นอย่างเสียขวัญ รู้สึกถึงสัมผัสจากมือผอมแห้งเย็นยะเยือก กำลังลูบไล้ลงบนแก้มซ้ายของนาง "หลินเจาถิงงง หลินเจาถิงงงง" เสียงเยียบเย็นยานคางฟังแล้วขนหัวลุก คล้ายดังแว่วมาจาก

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ ดำเนินแผนการ (ตอนต้น)

    บทที่ 78 ดำเนินแผนการ (ตอนต้น) หากคำกล่าวของแม่เล้าเป็นเรื่องจริง บุรุษผู้นี้อาจเป็นตัวช่วยที่เขากำลังมองหา "พานักสังคีตคนนั้นมาให้นายท่านของข้าดูตัวทันที หลังจากที่เขาเล่นดนตรีเสร็จ" ผู้ติดตามโยนถุงเงินให้แม่เล้า อีกฝ่ายรับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง คาดเดาจากน้ำหนัก ก็พอรู้ว่าจำนวนเงินในถุงคงไม่ใช่น้อยๆ "แน่นอนเจ้าค่ะนายท่าน" ครึ่งชั่วยามถัดมา แม่เล้าก็เดินมาเคาะประตูห้องรับรองส่วนตัวของลูกค้าเงินหนัก เพื่อขออนุญาตพาเอ้อร์หลิงเข้าไปพบตามที่รับปากไว้ "นายท่าน ข้าน้อยพาคนมาแล้วเจ้าค่ะ" ผู้ติดตามเปิดประตูออก แม่เล้าก้าวเข้าไปก่อน ตามด้วยร่างสูงของเอ้อร์หลิงในชุดสีขาวบริสุทธิ์ สวมหน้ากากสีขาวเข้ากันกับชุดปิดบังใบหน้าครึ่งบน เพียงแค่ได้เห็นรูปร่างและท่วงท่าอันสง่างามราวคุณชายจากตระกูลใหญ่ บุรุษหลังฉากพยักหน้าอย่างพอใจ เอ่ยปากสั่งให้เขาถอดเสื้อคลุมและหน้ากากออก ทว่าคำตอบที่ได้รับ คนฟังถึงกับคิ้วกระตุก "ข้าน้อยต้องขออภัยนายท่านด้วยจริงๆขอรับ เนื่องจากตัวข้าน้อย ขายเพียงความสามารถทางดนตรีและการร่ายรำ หาใช่ขายเรือนกาย ขอนายท่านโปรดอภัยให้ด้วยขอรับ" เอ้อร์หลิงประสานมือค้อมเอวอย่างน

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนปลาย)

    บทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนปลาย) หญิงสาวปรือตาฉ่ำน้ำตอบรับเขาอย่างลืมตัว "เจ้าเก่งเหลือเกิน อื้ออ ถูกใจข้ายิ่งนัก แรงอีกหน่อย อ๊าา ข้าเกือบถึงอีกแล้ว" เสียงครวญครางด้วยความสุขสมของหญิงสาว ดังเข้าหูชายหนุ่มอีกคนที่นั่งรออยู่ข้างห้อง มือแกร่งกำเข้ากันแน่นจนข้อนิ้วลั่น ถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ก่อนยกจอกสุราขึ้นกระดกจนหมดในรวดเดียว ผู้ติดตามที่มาด้วยยืนก้มหลุบตาต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ผ่านไปแล้วสามเค่อ การเคลื่อนไหวในห้องข้างๆ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง อีกทั้งเสียงเนื้อกระทบกันเคล้าเสียงครวญครางด้วยความเมามันกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ช่างเสียดแทงหูของผู้ได้ยินยิ่งนัก ปัง! "มันจะทำกันนานเกินไปแล้วนะ!" เขาตบโต๊ะด้วยความขุ่นเคือง เค้นเสียงเอ่ยลอดไรฟัน ใบหน้าหล่อเหลาดำทะมึนอย่างหงุดหงิด ผู้ติดตามยังคงเงียบงันไร้ซึ่งวาจา ทว่าต่างแอบคิดเหมือนกันไม่มีผิด 'ดูท่าเจ้าหนุ่มนั่นคงมีฝีไม้ลายมือเรื่องอย่างว่าน่าดู นางถึงได้ครางเสียงหลงขนาดนี้…' ราวสองเค่อต่อมาเสียงการเคลื่อนไหวก็เงียบลง ร่างกายเปลือยเปล่าขาวผ่องของหญิงสาว นอนทับอกแกร่งของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม นางหอบหายใจจากความเหนื่อยอ่

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนต้น)

    บทที่ 79 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนต้น) "หัวหน้าหมอหลวงฟ่งปรุงยาถอนพิษได้หรือไม่" สุรเสียงของซวินเหิงเยว่เต็มไปด้วยความกังวลขณะรับสั่งถาม หวายกงกงส่ายหน้า “ท่านหมอฟ่งกำลังตรวจสอบหาที่มาของพิษอยู่พะย่ะค่ะ หากไม่ทราบว่าเป็นพิษชนิดใด ก็มิอาจปรุงยาถอนได้ ระหว่างนี้จึงได้ทำการฝังเข็มเพื่อชะลอการแพร่กระจายของพิษไว้ก่อน“ "กงกงโปรดรออยู่ที่นี่สักครู่" รับสั่งเสร็จก็เดินหายไปยังห้องนอน และกลับออกมาพร้อมกล่องใบเล็กในมือ ก้มลงกระซิบบางอย่างกับหวายกงกง วันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องฮ่องเต้ประชวรได้ถูกแจ้งแก่ขุนนางที่มารอประชุมเช้า ราชกิจทั้งหลายถูกโอนไปให้องค์รัชทายาทรับผิดชอบแทนชั่วคราว ตำหนักหวงหยาง องค์ชายห้าซวินเหอเยี่ยนสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม หลังจากกลับออกมาจากวังหลวง ทั้งที่ปกติพระบิดาของเขามีพระวรกายแข็งแรงมาตลอด นานๆครั้งถึงจะเป็นหวัดเพราะต้องลมเย็นสักครา ทว่าจู่ๆกลับทรงประชวรหนักจนถึงขั้นมิอาจเข้าประชุมเช้า ครั้นจะขอเข้าเยี่ยมพระอาการ กลับถูกหวายกงกงห้ามไว้ โดยอ้างว่าที่ฝ่าบาทประชวร เป็นเพราะทรงเสียพระทัยเรื่องการสิ้นพระชนม์ของไทเฮา รวมทั้งเรื่องของฮองเฮาและตระกูลหลิน หัวหน้าหมอหลวงฟ่งกำชับให

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนปลาย)

    บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนปลาย) "หรานซิง พวกเราไม่มีเวลาแล้ว หากเจ้าไม่ยอมร่วมมือกับข้า ตำแหน่งฮองเฮาที่เจ้าใฝ่ฝันคงกลายเป็นของผู้อื่น รีบตัดสินใจเสีย!" รับสั่งสุรเสียงเด็ดขาดจนคนฟังสะดุ้งเฮือก พระชายาหลินหรานซิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น สูดหายใจลึกหลุบดวงเนตรลงต่ำ พยักหน้ารับปากคำขอของสวามีอย่างจำใจ "ขอบใจเจ้ามากชายารัก ขอบใจจริงๆ" ซวินเทียนอวิ๋นดึงร่างระหงของชายาเอกมากอดแนบอก พร่ำบอกขอบใจนางซ้ำไปซ้ำมาด้วยความโล่งอก "แต่ว่า…จะไปหาคนผู้นั้นมาจากที่ไหนหรือเพคะ" หลินหรานซิงเอ่ยถามสวามีด้วยความกังวล แม้ภายในใจไม่ยินยอมแต่เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว นางก็ต้องให้ความร่วมมือ แม้ว่าหนทางนี้จะอันตราย "เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก็พอ" ช่วงสายของวันเดียวกันนั้น รถม้าไร้สัญลักษณ์จอดอยู่หน้าจวนเพื่อรอรับเอ้อร์หลิง ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีขาวมีเสื้อคลุมกันหนาวสีดำคลุมทับ หันมาโบกมือร่ำลานายเหนือหัว และว่าที่นายหญิงด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนก้าวขึ้นรถม้าไป ราวหนึ่งครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าคันดังกล่าวได้จอดเทียบประตูทางเข้าด้านข้างหออ้ายเสิน หอโคมแดงชื่อดังของเมือ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนต้น)

    บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนต้น) จิตสังหารแผ่ออกรอบพระวรกายฮ่องเต้ กดข่มหลินฮองเฮาจนแทบหายใจไม่ออก ดวงเนตรนางหงส์สั่นระริกรูม่านตาหดเล็กจากความกลัวที่ผุดขึ้นจากจิตใต้สำนึก โอรสสวรรค์ละพระหัตถ์จากดวงหน้าของหลินเจาถิง ยืนฟังนางแก้ตัวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน "ฝ่า ฝ่าบาททะ ทรงรับสั่งเรื่องอะไรเพคะ นักพรตอะไรกัน ทรงไปฟังใครที่ไหนมาเพคะ เรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อนอะไรกันหม่อมฉันไม่เข้าใจ" ท่าทางของนางลนลานเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง ตัวนักพรตหวู่หุนเองตายไปนานแล้ว ถึงครอบครัวอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ แต่จะเอาหลักฐานอะไรมาปรักปรำนาง หนำซ้ำตอนที่ครอบครัวของนักพรตหวู่หุนเดินทางออกจากเมืองหลวง นางสั่งให้คนของสำนักคุ้มภัยตระกูลหลิน ตรวจค้นข้าวของที่พวกเขานำติดตัวไปรวมถึงค้นตัวของทุกคน ไม่มีจดหมายหรือเอกสารใดๆ ซุกซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ทว่าสิ่งที่หลินฮองเฮาไม่รู้ นั่นคือเรื่องที่นักพรตหวู่หุนได้แอบส่งภาพวาดสำคัญ ฝากพ่อค้าที่รู้จักกันกลับไปยังแดนเหนือเพื่อมอบให้หลานชาย ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะล้มป่วย "หลินเจ้าถิง ข้ามีคำสารภาพผิดของนักพรตหวู่หุนอยู่ในมือ ถึงเจ้ายืนกรานปฏิเสธก็หนีไม่พ้น ชีวิตคนบริสุทธิ์มากมายเจ้าต้องชดใช้ให

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status