“นับว่าการรอคอยไม่เสียเปล่า หนูงดงามมากจ้ะทรายทอง” บุรุษเสียงทุ้มวัยสี่สิบต้นๆ เอ่ยทักทายทรายทองพร้อมยิ้มกว้าง เขาลุกขึ้น ทำให้เห็นพุงน้อยๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะหุ่นสูงใหญ่ก็ตาม
“ยังปากหวานเหมือนเดิมนะคะเฮีย เข้าใจเลือกสถานที่นะคะ” เอ่ยแซวแล้วกวาดตามองรอบห้องอาหารขนาดใหญ่ ที่นี่มักมีสายข่าวมาตามเก็บภาพพวกดารานักร้องเสมอ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกนักข่าวสายบันเทิงรู้กันว่าจะต้องได้ข่าว ‘เฮียจิว’ แม้ไม่ใช่ดาราแต่เขาก็เป็นไฮโซ เวลาปรากฏตัวในที่สาธารณะจึงมักเป็นที่จับตามองอยู่เสมอ “แหม...คนเราก็ต้องมีหน้าที่ไม่ใช่เหรอ นั่งลงก่อน หิวไหม” “เปรี้ยวปากมากกว่าค่ะ ขอวิสกี้เข้มๆ หรือไม่ก็ออเดิร์ฟเป็นไวน์แพงๆ สักแก้วเถอะค่า” จิวยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ เขาสั่งไวน์ให้ทรายทองหนึ่งขวดใหญ่ ระหว่างนั่งรอก็ปัดหน้าจอสมาร์ตโฟนไปมาเพื่อโอนเงินค่าตัวให้ทรายทอง หญิงสาวล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าใบเล็กมาดูบ้าง มีข้อความจากแบงก์ที่ตนใช้อยู่ประจำถูกส่งเข้ามา “โอ...ให้เกินตั้งหมื่นหนึ่งแน่ะ” ท้วงแล้วยกมือไหว้ขอบคุณคนที่เพิ่งโอนเงินเข้ามา “เห็นชุดหนูแล้วเฮียเกรงใจ กลัวหนูจะหมดตัวซะก่อน” “โธ่เฮีย...ก็เฮียนัดซะหรูขนาดนี้ จะให้ใส่เกาะอกกางเกงขาสั้นเป็นโคโยตี้มาหรือคะ ไม่ไหวอะ” บอกแล้วยิ้มขัน การมีเฮียจิวเป็นลูกค้าเป็นสิ่งที่ทรายทองไม่ได้มีความอึดอัดเลย ตรงกันข้าม เหมือนว่าเธอได้มาเอาอกเอาใจคนที่สนิทด้วย เหมือนญาติสนิทที่สามารถคุยเล่นกันได้มากกว่า “หึๆ ดีๆ ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้หนูเฮียคงแย่” “ไม่แย่หรอกค่ะ สาวไซด์ไลน์มีออกเกลื่อน” “แต่มีไม่กี่คนนี่นาที่เข้าอกเข้าใจและพูดเก่งเหมือนหนู” “เฮียว่าหนูพูดมากหรือคะ” ทรายทองเอ่ยเย้าหน้าเง้า รีบยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเมื่อบริกรนำมันมาส่งถึงที่ “กินอะไรดี วันนี้เฮียเป็นป๋า” หนุ่มใหญ่ตาเล็กเรียวถามแล้วยิ้ม ผิวที่นานทีได้เจอแสงแดดแทบจะกลายเป็นสีเดียวกับผ้าปูโต๊ะ จิวเป็นแพทย์สมัยใหม่ รักษาโรคทั่วไป รวมถึงการฝากครรภ์และโรคสำหรับเด็ก เขาไม่ได้ทำงานในโรงพยาบาล แต่เปิดคลินิกขนาดใหญ่อยู่ในย่านที่ผู้ดีมีอันจะกินอาศัยอยู่ พื้นฐานครอบครัวของชายหนุ่มนับว่าฐานะดี มันทำให้เขากลายเป็นไฮโซเนื้อหอม แม้ว่าอายุจะมากแล้วก็ตาม สาวๆ เรียงหน้าเข้าหาเขาไม่เว้นแต่ละวัน แต่หนุ่มใหญ่ยังคงมุ่งมั่นอยู่กับงาน และออกมาพบปะสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ชื่อทรายทองเดือนละหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น และเป็นทุกครั้งที่ต้องมีภาพลงกรอบเล็กๆ ในนิตยสารซุบซิบดาราเสมอไป “ขออะไรก็ได้ ง่ายๆ แต่แพงๆ ค่า” “หึๆ ร้ายจริงๆ” จิวยิ้มขัน เขาเอ็นดูทรายทองเหมือนน้องนุ่งคนหนึ่ง อีกทั้งทรายทองว่าง่าย มีคุณสมบัติตามที่พวกนักข่าวต้องการ หล่อนสวย ดูแพง ดูสง่า แม้ว่าภูมิหลังของหล่อนจะไม่ได้สวยงามก็ตาม ทั้งสองนั่งรับประทานมื้อค่ำไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่มีแสงแฟลชแยงเข้าตาแต่ทรายทองก็ทำเป็นไม่เห็น มื้อค่ำผ่านไป เป็นเวลาของสิ่งที่หญิงสาวโปรดปราน การเติมแอลกอฮอล์เข้าในเส้นเลือดเป็นสิ่งที่น่าภิรมย์ยิ่งสำหรับทรายทอง “เอาอีกขวดไหมหนู” “พอแล้วค่ะ เมื่อคืนยังเอาออกไม่หมดเลย ทรายจะเป็นโรคแอลกอฮอล์ลิซึมแล้ว” “ดื่มหนักๆ ไม่ดีต่อสุขภาพนะทราย” คุณหมอผู้คงแก่เรียนเอ่ยติง เขาเองก็ดื่ม แต่นานๆ จะดื่มสักครั้ง “ทำยังไงได้ละคะ ดื่มแล้วมันหลับสบาย...แทบไม่ฝันเลยนี่นา” ใบหน้างามสลดลงในตอนท้ายๆ ความฝันเป็นสิ่งหนึ่งที่เธอกลัว “ออกกำลังกายสิ จะช่วยให้เราหลับสบายขึ้น” “หึๆๆ ออกแทบจะทุกคืนค่ะขอบอก” คุณหมอกลั้นยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น ด้วยอาชีพของทรายทอง เขาพอรู้ละว่าหล่อนจะออกกำลังกายอย่างไรในทุกคืน “ไม่เบื่อบ้างหรือหนูกับสิ่งที่ทำอยู่” “ไม่ค่ะ มันได้เงิน” ทรายทองบอกยิ้มๆ รู้ว่าเฮียจิวคงเข้าใจไปแล้วว่าเธอเปลี่ยนคู่นอนทุกคืน แต่ไม่ใช่ธุระที่เธอต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ มันไร้สาระ จิวพยักหน้าเข้าใจ กวาดตามองไปรอบๆ ห้องอาหาร และก็สะดุดตากับโต๊ะหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป ผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งมากับผู้หญิง จากการแต่งตัวของคนทั้งสอง ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นผู้มีอันจะกิน ฝ่ายหญิงที่แต่งหน้าแต่งตาฉูดฉาดเป็นฝ่ายจ้อไม่หยุด ดูได้จากริมฝีปากเจ้าหล่อนที่ไม่ยอมหุบลงเลย ส่วนฝ่ายชายนั้นหรือ เอาแต่มองมาทางนี้...มองแบบตาขุ่นขวางเสียด้วย “รู้จักคนนั้นไหม” ทรายทองหันไปมองแวบหนึ่งด้วยอยากรู้ เธอมุ่นคิ้วเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ตรงนั้นกับแม่สาวทรงเสน่ห์ที่แต่งตัวโป๊ยิ่งกว่าสาวไซด์ไลน์อย่างเธอเสียอีก “ไหนบอกว่าไปต่างประเทศ?” “หือ...หนูว่าไงนะ” “อ่า...ปะ...เปล่าๆ เปล่าค่ะ แค่เอ่อ...ลูกค้าทรายน่ะ” “ลูกค้า? แต่เหมือนเขาจะไม่พอใจนะที่เห็นหนูมากับเฮีย” จิวเอ่ยอย่างคนที่เดาอะไรๆ ได้จากสีหน้าของฝ่ายตรงข้าม “เขาก็ไม่พอใจผู้ชายทุกคนที่เป็นลูกค้าทรายนั่นแหละ” เธอประชดคนที่ไม่ได้รู้เรื่องแล้วสาดไวน์ลงคอแก้วใหญ่ๆ จิวมุ่นคิ้ว “เขาหวง” “โอย...ไม่หรอกค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ ก็แค่ลูกค้า พอจบงานก็จ่ายเงิน” “จริงเหรอ แต่เฮียว่า...” “ฮื่อ...อย่าไปสนใจเลยค่ะ เสียบรรยากาศ เปลี่ยนร้านดีกว่าค่ะเฮีย ไปหาที่ฟังเพลงต่อกัน หรือว่าเฮียอยากเสี่ยงดวงคะ ทรายกำลังอยากไปเลย” เมื่อเอ่ยถึงการเสี่ยงดวง แม่สาวนักล่าโชคก็เกิดอาการกระตือรือร้นทันใด “ให้มันนอนอยู่ในบัญชีสักวันก็ได้น่าคนสวย เก็บไว้ใช้บ้างเถอะ” “โธ่เฮีย...เกลียดคนรู้ทันอะ” คนสวยหน้ามุ่ยเมื่อโดนคุณหมอรู้ทัน นอกจากรสแอลกอฮอล์แล้วเธอยังพิสมัยการเสี่ยงโชค และมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอแทบไม่เหลือเงินเก็บเลย มีเข้ามาแค่พอใช้จ่าย แต่ไม่เคยได้เก็บเป็นกอบเป็นกำ “เคลียร์บิลดีกว่านะ” “ค่ะ ทรายขอไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะรอตรงทางออกเลยนะคะจะได้ไม่เสียเวลา” “โอเคจ้า” เฮียจิวยิ้มรับพร้อมควักเอากระเป๋าสตางค์ออกมาบทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ