“เธอทำได้ยังไง ทั้งไปเรียน ทั้งทำงาน” ถามขึ้นอย่างทึ่งในตัวสาวเจ้า
“ลองมาเป็นฉันดูสิ เดี๋ยวคุณก็ทำได้ พ่อแก่ แม่ไม่มี บ้านก็จะพังมิพังแหล่ เครื่องมือหากินก็สามวันดีสี่วันไข้ ฉันหมายถึงไอ้เจ้าเรือยนต์ของพ่อน่ะ ทุกอย่างมันคือความรับผิดชอบ ต้องหาเงินให้พอกับสิ่งที่ต้องจ่าย บางทีก็หาไม่ทันหรอก ขอพี่ทรายอยู่เรื่อย แต่ฉันโชคดีที่มีพี่ทราย” “เด็กดริงก์บางคนที่ DC บอกว่าทรายทองเลี้ยงเธอไว้เป็นเบ๊” เขาเอ่ยตามที่เคยได้ยินมา บ้างก็ว่าทรายทองจิกหัวใช้ปรายรุ้งยิ่งกว่าทาสเสียอีก ทรายทองมีความสวยเป็นอาวุธ หล่อนเป็นสาวนั่งดริงก์ที่ไม่ได้มาประจำที่ DC แต่แขกประจำส่วนใหญ่มาเพื่อจะได้นั่งคุยกับเจ้าหล่อนกันทั้งนั้น ค่าตัวของทรายทองนั้นถือว่ามากอยู่ สำหรับเกรดสาวไซด์ไลน์ระดับเดียวกันที่เป็นแค่เพื่อนกินเพื่อนเที่ยว ไม่ใช่เพื่อนนอน “ฉันเต็มใจเป็นเบ๊ ฉันยอมดูแลคนที่ฉันรัก ฉันไม่แคร์คำคนหรอก คุณพักผ่อนเถอะ อ้อ...อย่าคิดทำอะไรฉันเชียวนะ” คนสวยพลิกหน้าไปหาคนที่นอนอยู่ห่างๆ “จะบ้าเหรอ นี่มันกลางวันแสกๆ” เขาเอ่ยขำๆ “ไม่รู้ละ ฉันหลับลึกด้วย ถ้าตื่นมาเสื้อผ้าหายละก็จะจับทำพ่อของลูกซะให้เข็ด” “โอย....น่ากลัวชะมัด” เขาเอ่ยอย่างแขยง ส่วนปรายรุ้งหัวเราะขบขันในท่าทีของชายหนุ่ม “หึๆ นอนแล้วนะ ห้ามเรียก จะดูทีวีก็ดูไป” บอกเขาแล้วพลิกหันหลังให้ และไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย ชลกรยังไม่หลับ เขานอนมองแผ่นหลังบางที่กำลังขยับขึ้นลง อดใจไม่ไหวก็เปลี่ยนที่นอน หยิบหมอนมานอนใกล้ปรายรุ้ง นอนตะแคงมองคนที่อ้าปากน้อยๆ แล้วหลับอย่างเป็นสุข เขายิ้มออกมาไม่รู้ตัว ก็ดูหล่อนสิ เหมือนเด็กหญิงปรายรุ้งไม่มีผิด และแล้วหัวใจเขาก็เต้นผิดจังหวะ มันเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็น “ทำไมใจฉันเต้นแรงอย่างนี้นะปรายรุ้ง ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของเธอ มันทำอะไรกับใจของฉันกันนะ” ถามตัวเองแล้วยื่นนิ้วออกไปแตะแก้มเนียนของปรายรุ้ง มันนุ่มจนเขาต้องเผลอยิ้ม เขาลูบมันเล่นเบาๆ ด้วยไม่อยากให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมา กระทั่งพอใจจึงได้ดึงมือกลับคืน กลิ่นหอมจากหมอนหนุนชวนให้เขาต้องสูดดมแรงๆ ราวกับว่ากลิ่นที่ได้สูดเข้าไป คือกลิ่นแก้มบางของปรายรุ้งนั่นเอง หกโมงเย็น “ตื่นๆๆ ตื่นได้แล้ว!” เสียงกัมปนาทที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาชลกรต้องงัวเงียลุกขึ้นนั่ง ยอมรับว่าหลับอย่างสบายเหลือเกินบนพื้นไม้แข็งๆ ไร้ฟูกนุ่มนิ่ม เขาลืมไปแล้วว่าเมื่อคืนนี้ตัวเองก็แทบไม่ได้นอนเช่นกัน “อะไรของเธอเนี่ย ฉันง่วง” “ง่วงอะไรล่ะ ตื่นได้แล้ว ไปเล่นน้ำกัน” “โอย...ไม่เล่น ขี้เกียจ ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน” “มี! ฉันซื้อมาให้แล้ว นี่ไง” ว่าแล้วเทเสื้อผ้าในถุงที่ซื้อมาจากตลาดนัดให้ชายหนุ่มดู เขามองแล้วเบะปากพลางส่ายหัว “ฉันไม่ใส่กางเกงลายช้างเด็ดขาด” “เถอะน่า หรือจะใส่กางเกงเลของพ่อ นุ่งเป็นเหรอ เดี๋ยวได้ทำหลุดอายพ่อนะ” เธอแนะ ดูท่าแล้วเขาไม่น่าจะนุ่งกางเกงเลเป็น ชลกรทำหน้ายู่นิดๆ ก่อนจะหยิบกางเกงลายช้างหนึ่งในสองตัวขึ้นมา ลายนี่พร้อยเชียว โอย...อยากจะบ้าตาย “ใส่ๆ ไปเถอะน่า ใส่ไปเล่นน้ำกัน” เร่งเร้าชลกรพร้อมรอยยิ้มสดใส ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆ แล้วก้มมองกางเกงตัวหนึ่งที่เพิ่งคลำเจอ “เฮ้ย! กางเกงชั้นใน?” “ใช่ ซื้อมาจากตลาดนัด ไม่รู้ว่าคุณใส่แล้วจะคันไหม แต่ก็คงดีกว่าไม่เลยเนอะ แหะๆ” บอกเขาอย่างอายๆ ก็นะ เป็นผู้หญิงยิงเรือเที่ยวซื้อกางเกงชั้นในผู้ชายก็กระไรอยู่ มันน่าอายจะตาย แต่พอคำนึงถึงความเป็นจริงเลยต้องกัดฟันซื้อมา ชลกรอมยิ้ม หล่อนเป็นผู้หญิงคนแรกถ้าไม่นับมารดาเขาละนะที่ซื้อกางเกงชั้นในมาให้ มันจะขำก็ขำไม่ออก รู้สึกเอ็นดูมากกว่าในความพยายามของหล่อน “โอเค ใส่ก็ได้ แล้วเสื้อผ้าชุดนี้ของฉันล่ะ” “กลับมาฉันจะซักเอง ซักพร้อมกับเสื้อผ้าของพวกเราที่เปียกน่ะ ไปเถอะคุณ คิดถึงน้ำทะเลจะแย่แล้ว” แล้วปรายรุ้งก็ลากชลกรไปเล่นน้ำ ทว่าคิดผิดหรือคิดถูกก็ไม่รู้ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะจงใจอวดแผงอกขาวๆ ล่ำๆ ให้เธอได้มอง ตอนแรกที่กะว่าจะมาเล่นน้ำเสียให้เปรม เลยกลายเป็นว่าเล่นไปเกร็งไปเพราะแอบมองผู้ชายหุ่นล่ำหน้าขาวตาตี๋ โอย...งานดีเกาหลีเหลือเกินพ่อคุณ! “กรี๊ดดด!!!” ปรายรุ้งกรีดร้องเมื่อจู่ๆ ก็มีอะไรสักอย่างดึงขาเธออยู่ใต้น้ำ มันดึงพรวดลงไปแล้วปล่อยเธอแต่โดยดี เธอรีบพุ้ยน้ำขึ้นมาถึงผิวน้ำด้วยความตื่นตระหนก “ฮ่าๆๆ กลัวละสิปราย ฮ่าๆ” “นี่แกล้งฉันเหรอ!? ตายซะเถอะ! ย๊า!!!” ร้องพลางพุ่งตัวเข้าหาชลกร เขารีบหันหลังให้ เป็นจังหวะให้ปรายรุ้งขึ้นขี่หลังเขาได้ หญิงสาวกอดคอนั้นไว้แล้วทุบไหล่เขาแรงๆ ทั้งสองปล้ำกันอยู่ในน้ำ ทั้งเสียงหัวเราะ เสียงกรีดร้องของปรายรุ้งดังมาเป็นระยะ มองเผินๆ เหมือนคู่แต่งงานใหม่กำลังหยอกล้อกันก็มิปาน ____________________ กรุงเทพฯ ยามราตรี รองเท้าส้นสูงสีทองวาววับ ก้าวออกมาจากลิฟต์ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงฯ ทรายทองในชุดราตรีสีเดียวกับรองเท้า กำลังเดินอย่างสง่าด้วยมาดนางพญาไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมลายสวย ชุดที่สวมไม่ได้เปิดเปลือยเนื้อหนังมากมาย แต่รัดรึงทุกทรวดทรงองค์เอวด้วยการตัดเย็บและเนื้อผ้า หน้าผมที่ตกแต่งมาอย่างพิถีพิถันไม่ได้มากเกินไปแต่อยู่ในความพอเหมาะพอดี ผมที่ยาวสลวยถูกเกล้าเป็นมวยหลวมๆ มันหลุดลุ่ยลงมาระต้นคอ ให้คนมองแล้วต้องแอบพิจารณาต้นคออันขาวผ่อง ด้วยว่ามันน่าจับน่าจูบเสียนี่กระไร หญิงสาวก้าวเข้าไปภายในห้องอาหารสุดหรูที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม มันมีโดมแก้วสูงอยู่เหนือศีรษะช่วยกันหมอกน้ำค้างยามค่ำคืน เสียงเพลงบรรเลงเป็นจังหวะสุดคลาสสิกดังเข้ามาในหู พอๆ กับเสียงแก้วไวน์เคลื่อนเข้ากระทบกัน ทรายทองเดินเข้าไปยังตำแหน่งแรกที่สะดุดตา คนผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น และกำลังส่งยิ้มมาให้อย่างใจดีบทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ