Masuk‘นี่มันนิยายแนวตำราแพทย์ บิดาและบุตรสาวค้นพบความลับของยาสมุนไพรหลากหลายชนิด บุตรสาวตัวร้ายกลับตัวกลับใจเพราะตำราลับและการรักษาชีวิตผู้คน ได้โปรดเข้าใจข้าด้วย อีตาคุณชายหลิว!’
“ท่านหมอหลวงเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของข้า ตระกูลจางล้วนให้ความเคารพท่านพ่อของเจ้า ผู้ใหญ่หวังให้เจ้าปรองดองเช่นครอบครัวเดียวกัน ข้าผูกพันกับเจ้า...”
“เดี๋ยวนี้ข้าไม่ชอบเดินทางไกล ข้าไม่สนใจเรื่องชายหญิง ขอท่านอย่าได้เดือดร้อนเพราะข้า ไม่ใคร่บังคับจิตใจผู้ใด ข้าเพียง...” นางเงียบไป นึกทีเด็ดขึ้นได้เพราะว่าเป็นแก่นเรื่อง สำคัญที่สุดในประเด็นนี้ “ปรารถนาการเป็นข้ารับใช้แผ่นดิน หัวใจข้า ร่างกายข้า ยินดีเสียสละทั้งหมดนั้นเพื่อต้าเหลียง ต่อแต่นี้ไปขอให้เราคงไว้ซึ่งมิตรภาพที่ดีต่อกันฉันพี่น้อง เป็นมิตรสหายย่อมดีกว่า หากมีบุตรสาวผู้ดีบ้านไหนรับเงื่อนไขของท่านได้ ขอท่านอย่าได้ลังเลใจที่จะผูกสัมพันธ์กับนาง ข้าลาเจ้าค่ะ ใต้เท้า”
เหม่ยฉียกมือทำความเคารพอดีตคนรักอย่างนอบน้อม หลังตัดสัมพันธ์อย่างไม่มีเหลือเยื่อใย นางลุกขึ้นเดินหายเข้าโรงปรุงยาไป คุณชายหลิวยืนนิ่งอึ้ง ทั้งสับสน เศร้าเสียใจเพราะคำพูดจาโหดร้ายของนาง
ให้ตายเถอะ! นางทะลุมิติเข้ามาในนิยายเพื่อบอกเลิกหนุ่มจีนโบราณหรือนี่
แต่นางไม่ชอบบุรุษรูปลักษณ์สะอาดสะอ้านเกินจำเป็น ท่าทางหน่อมแน้มอย่างนี้ปกป้องนางได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ต่อให้เป็นผู้ตรวจการอาจจับกระบี่เป็น เขาดูเรียบร้อยมีมารยาทกว่านางผู้เป็นสตรีขี้เล่นเสียอีก
นักเขียนผู้นี้ช่างเลือดเย็นเสียจริง
ไม่ใช่สิ...
นางต่างหากเล่าเหม่ยฉี นางเอกเลือดเย็น
แถมเรื่องมากจะเลือกพระเอกของนางเองด้วยอีกต่างหาก!
------------
น่าแปลกที่เยว่ฉีคนนี้มีความยับยั้งชั่งใจมากกว่า นางไม่ทำตัวร้ายกาจ ตราบใดที่ไม่มีใครขัดใจนาง
หลายวันมานี้คุณหนูรองไม่ได้สั่งโบยบ่าวรับใช้ที่พูดจาไม่เข้าหูนาง จับพวกเขาไปขังไว้ในกระท่อมร้างหรือห้องเก็บของชั้นใต้ดิน สั่งให้อดอาหารและน้ำ ทั้งที่ผ่านมานางรู้ดีแก่ใจ บ่าวรับใช้ล้วนหวังดีต่อนาง กลัวนางเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะขลุกตัวอยู่แต่ในโรงยา
เดี๋ยวนี้บ่าวสตรีมาเรียกนางไปกินข้าวนางก็ไป นางขอบคุณจากใจที่พวกเขายอมอยู่ดูแลคุณหนูเอาแต่ใจอย่างนาง แม้ว่านางจะตอบแทนด้วยการทำร้ายพวกเขา
“Antioxidant[1], Sodium citrate[2], Glycerin[3]”
คุณหนูรองพูดจาประหลาดหน้าชามข้าว ทำบ่าวรับใช้งุนงงไปตาม ๆ กัน แต่เมื่อนางอารมณ์ดีผิดเป็นคนละคน เพียงพอแล้วสำหรับผู้มีความจงรักภักดีต่อตระกูลหยาง
ซูหนี่ว์เรียกบ่าวสตรีข้างนอกให้เข้ามาเก็บจานข้าวของคุณหนู ก่อนนำอ่างล้างมือเข้ามาพร้อมชาและขนม ซิงอีมีสีหน้าไม่สบายใจ พวกนางนั่งอยู่บนพื้นเรือน
“คุณหนูรองจะไม่ไปพบท่านผู้ตรวจการจริงหรือเจ้าคะ เขายืนตากฝนอยู่หน้าเรือนมาสองชั่วยามแล้ว...”
“อยากตากฝนเป็นพระเอกละครนักก็ตามสบาย ข้าพูดกับเขาแล้วว่าข้าจะไม่ใส่ใจเรื่องใดนอกจากเรื่องยา”
“โธ่... คุณหนู น่าสงสารออก ใช่ไหม? ซีซวน”
“เกรงว่าคุณชายจะไม่สบายเอานะเจ้าคะ”
“เจ้าก็ไปสิ ไปเลย เจ้าสงสารนักก็ไป หรือจะให้ข้าอาละวาดพวกเจ้าไหม?”
“ไม่เจ้าค่ะ!”
บ่าวรับใช้มีความเห็นพ้องต้องกัน ไม่กล้าขัดใจคุณหนูรอง นางเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย พูดจาประหลาด แถมท่านหมอหลวงไม่อยู่เรือนวันนี้ เดินทางไปราชสำนักตั้งแต่รุ่งฟ้าสาง หมายความว่าไม่มีคนกลางไกล่เกลี่ย มิฉะนั้นบิดาคงมาขอให้บุตรสาวออกไปปรับความเข้าใจกับคุณชายสามแน่
เหม่ยฉีสบโอกาสนั่งจิบชารสชาติดี คาดว่าเป็นชาหอมหมื่นลี้ นางว่าอีกสักพักเขาก็ไป คนฉลาดอย่างผู้ตรวจการไม่ยืนตากลมฝนอย่างคนโง่เง่านาน ๆ ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน นางพูดเสียงเข้ม ออกคำสั่งเคร่งครัด
“ถ้าท่านพ่อไม่มาเรียกข้า ข้าจะอยู่ในโรงยา ห้ามไม่ให้ใครมารบกวนเวลาทำงานของข้า”
บ่าวสตรีคนสนิทรับปากนาง แจ้งบ่าวคนอื่น ๆ อย่างครบถ้วนทุกประการว่าคุณหนูจะทำงาน ห้ามไม่ให้ใครรบกวนเป็นอันขาด
“ดีล่ะ ข้าจะทุ่มเททั้งชีวิตไปกับตำราสมุนไพร วิชาการแพทย์ ไม่ต่างจากบัณฑิตเตรียมสอบเข้ารับข้าราชการทีเดียว”
พูดถึงการสอบในสมัยราชวงศ์ชิง การสอบประเภทฉังเคอแบ่งเป็นสองสาขา สาขาเหวินเคอเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น สาขาอู่เคอเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ นางจำวิชาที่เรียนมาในช่วงมัธยมได้พอสมควร นางลุกขึ้นเดินพูดคนเดียวอย่างมาดมั่น หยิบถุงเงินติดเอวไปด้วย ผู้คนที่นี่ใช้เงินหยวนเป่า[4] นักเขียนไม่ได้พูดถึงว่านี่อยู่ในยุคสมัยอะไร
“คงเป็นหลังราชวงศ์ถัง ประยุกต์ให้เข้ากับเรื่องราวในนิยายร่วมสมัย?”
คำถามมากมายรุมเร้าในหัวนาง เปิดประตูเข้ามาหยุดยืนหน้าหม้อดินเผาเรียงรายในโรงปรุงยา บริเวณมุมห้องมีตำราเก่ามากมาย เป็นตำราคัดเขียนด้วยลายมือ การปาดพู่กันของคนโบราณช่างงดงามยิ่งนัก
การที่นางหลงใหลในตำรายาและสมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลก นางเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์ นางร่ำเรียนทั้งการแพทย์พื้นบ้านและแพทย์จีนปัจจุบัน นางหลงใหลในทุกเรื่องตำรายา นางเป็นนักเรียนทุนมาตั้งแต่อายุยังน้อย นางได้ทุนเรียนดีทุกปี
มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วนางตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะทุ่มชีวิตไปกับสมุนไพรอันน่าอัศจรรย์ ตำราที่นางเฝ้าฝันว่าจะได้อ่านมันโดยไม่ต้องเดินทางไปห้องเก็บตำราเก่า ซึ่งส่วนหนึ่งก็โดนปลวกกิน หากว่านางไม่พบบุรุษที่ตรงใจ หัวเด็ดตีนขาด! ใครมาคลุมถุงชนนางไม่ได้ นางจะไม่แต่งงาน
-------------
[1] สารต้านออกซิเดชัน ยับยั้งอนุมูลอิสระ
[2] โซเดียมซิเตรท วัตถุเจือปนอาหาร
[3] กลีเซอริน ของเหลวในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวปัจจุบัน ใช้เป็นที่แพร่หลาย
[4] เงินตำลึงจีน : เงินหยวนเป่า หรือสำเนียงแต้จิ๋วว่า “ง้วนป้อ”
มารดาหลอกเด็กน้อยเพื่อไม่ให้พวกเขาแตกกลุ่ม เด็ก ๆ กอดกันตัวกลมในอ้อมแขนผู้เฒ่าชรา ในกระท่อมมืดแคบท่ามกลางกองฝุ่นควันอันที่จริงมนุษย์น่ากลัวกว่าปีศาจเสียอีก...เมื่อค่ำวานนี้สมรภูมิเลือดในหนานไห่ หัวหน้ากลุ่มโจรหัวรุนแรงอาวุธครบมือถูกจับกุมแล้วส่งตัวถวายต่อองค์ฮ่องเต้เพื่อรับโทษทัณฑ์ หลังจากที่แม่ทัพเจี้ยนหยู่เข้าช่วยเหลือชาวหนานไห่อย่างทันท่วงที แต่เขายังคงมีคำถามในใจ...ไยผู้เฒ่าชราแต่งนิทานหลอกเด็กน้อย ใครเป็นผู้กุเรื่องภูตผีปีศาจเป็นคนแรกน่าขันสิ้นดี! เวลาปีศาจสูบวิญญาณจากเหยื่อน่ะ เหลือเพียงหนังติดกระดูก เบ้าตากลวงโบ๋ ไม่เสียเวลาฉีกแขนขาเพื่อความบันเทิงหรอกพลทหารใต้บังคับบัญชาไม่มีผู้ใดกล้ามองครึ่งอสรพิษสูบวิญญาณจากเหยื่อ แม้แต่ทหารคนสนิทของท่านแม่ทัพตงฟาง ทหารหนุ่มอายุสามสิบห้าปี มู่หยางอายุสี่สิบกว่าปี ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาไม่เคยเชื่อเรื่องปีศาจอสรพิษที่ฮ่องเต้องค์ก่อนกักขังเอาไว้ทำศึก กระทั่งได้พบด้วยสองตาตนในวันผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน‘...มายืนจ้องข้ากินอาหาร จะกินอิ่มท้องหรือไม่?’เจี้ยนหยู่เคยเอ่ยไล่ทหารผู้อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง จากนั้นทั้
ณ เมืองหนานไห่ เสียงดินปืนดังสนั่นสร้างความโกลาหล ประชาชนแตกตื่นวิ่งไปคนละทิศทาง เมื่อชนเผ่าเร่ร่อนบุกปล้นสังหารกลางตลาดร้านค้าอย่างไร้ความกลัวเกรง โจรชั่วครอบครองอาวุธและกระทำการอุกอาจกลางวันแสก ๆ แม้รู้ดีกว่าเมืองหนานไห่เป็นหนึ่งในเขตการปกครองของต้าเหลียงหญิงสาวถูกลากพาตัวไปด้วยเงื้อมมืออมนุษย์ กระชากดึงผ้าโพกศีรษะมามัดมืออุดปากพวกนาง ใช้กำลังเข้าข่มเหงจนไร้หนทางสู้ในกระท่อมคับแคบอัตคัดทางการหนานไห่และต้าเหลียงสืบทราบมาว่าไม่ใช่ชนเผ่าเร่ร่อนทั่วไป เป็นกลุ่มนักโทษฉกรรจ์อาวุธครบมือทั้งปืนใหญ่และระเบิด มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองที่เพิ่งสิ้นสุดไปไม่นานจากแคว้นสวี ชายฉกรรจ์นับร้อยไปเข้าพรรคพวกกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเจิ้นจู้[1]โจรชั่วช้าสามานย์เจ็ดคนส่งเสียงหัวเราะ พวกมันใช้มือสกปรกกดศีรษะบุรุษร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีครามให้คุกเข่าลงเจ้าเมืองถูกจับเป็นตัวประกัน ‘รุ่ยยี่เหยา’ ถูกปลายกระบี่พาดคอรอให้ยอมจำนน ทว่าเขากลับเสียงหัวเราะ เหลือกตามองผู้บุกรุกอย่างเคียดแค้น “มีโอกาสให้หนี ก็รีบไป พวกเจ้าเอาชีวิตมาทิ้งเปล่า ๆ”“โอ้... ใครช่างแต่งนิทานหลอกเด็ก ในกลุ่มของพวกข้า ปล้นฆ่ามานับ
เดินเลาะเรือนทิศอุดรถัดจากโรงปรุงยาไปก็ถึงเรือนหลังใหญ่ร่มรื่น รายล้อมด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน แม้เล็กกว่าเรือนท่านหมอหลวง ทว่าแบ่งแยกเป็นสัดส่วนเหม่ยฉีเดินตามเสียงชื่นชม ‘น่ารักน่าชัง’ เข้าไปถึงด้านในเรือนไม้กว้างขวาง ครอบครัวใหญ่อาศัยร่วมกัน ช่วยเหลือจุนเจือกัน เสียงทารกหัวเราะให้ความรู้สึกกระชุ่มกระชวย นางเข้าไปในห้องนอนซึ่งกลายเป็นสถานที่คลอดบุตร“น่ารักจริง ๆ ขอให้เจ้าเป็นเด็กเลี้ยงง่าย อวี้ซือ อวี้ซิน” นางเอ่ยชมทารกอวบอ้วน ผิวขาวผุดผ่องดั่งหยก หยอกล้อทารกน้อยฝาแฝด ใช้ปลายนิ้วจิ้มแก้มป่อง ๆ ของทั้งสองเล่นทีละคนสายตาเอ็นดูนับสิบคู่จ้องมองเด็กน้อย หันไปถามเยว่ฉีเมื่อไรจะมีบุตรให้บิดาอุ้ม นางตอบพวกเขา “ว่าแต่ข้าเมื่อไรจะมีบุตร ข้ายังไม่มีสามีเลยเจ้าค่ะ”ตามด้วยเสียงหัวเราะขบขันของครอบครัว พวกเขาพูดกับนางอย่างจริงจัง ไยไม่แต่งงานกับท่านผู้ตรวจการไปเสีย บุตรของนางและเขาจะต้องหน้าตาดีเหมือนบิดามารดาแน่นอน นางรีบบ่ายเบี่ยงประเด็นไป ส่งตะกร้ายาบำรุงผ่านมือบ่าวรับใช้“เยว่ฉี ข้าสามารถแนะนำผู้ดีให้เจ้า ลองออกไปเปิดหูเปิดตาในเมืองบ้าง เทพผู้เฒ่าจันทรามิอาจผูกด้ายแดงให้เจ้าได้ สามีเจ้าคงจะอยู
บิดาเรียกบุตรสาวเหม่ยฉี หากมีใครถามขึ้นมา เขาเพียงแก้ตัวว่าเป็นนามใหม่ ขนาดผู้คนในเมืองยังตั้งสมญานามผู้อื่นได้ พวกเขาเรียกสกุลหยางว่า ‘หยางเย่าฟาง’ [杨药坊][1] ยกให้เป็นห้องยาแห่งต้าเหลียง บิดาจะเปลี่ยนชื่อให้บุตรสาวบ้างจะเป็นไรไป อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรีของเขาอยู่วันยังค่ำท่านหมอไท่ซือจิ่วย้อนถามคนรอบกายว่า เหม่ยฉี เยว่ฉี มีความหมายถึงคำว่างาม ลูกสาวของเขาก็งามดุจนางฟ้านางสวรรค์จริงไหมเล่า?“ข้ามีเรื่องจะถามท่านพ่อ...” ร่างบางในชุดขาวนั่งอยู่ข้างบิดาหน้าเตาปรุงยา นางเอาถั่วมานั่งกินหนึ่งหยิบมือ “เรื่องตำราผสานจิตใจ ท่านพอจะรู้หรือไม่? ข้าจำไม่ได้ชัดเจนนัก”“ไม่รู้”บิดาไม่บอกนางต่างหาก! เหม่ยฉีมองค้อนเสื้อขาวสะอาดผ่านแผ่นหลังกว้างไป บิดาลุกขึ้นหนีนางไปหยิบสมุนไพรตากแดดด้านหลังมาหย่อนใส่หม้อต้ม มือพัดควันพวยพุ่งขึ้นฟ้าเปิดโล่ง“เจ้าจะจับผิดอะไรข้าอีก เหม่ยฉี ข้าบอกไม่รู้ก็คือไม่รู้” เขาเอ่ยพลางชำเลืองมองบุตรสาว นางเปิดประตูเข้า ๆ ออก ๆ ชะโงกหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียด บิดาทำเมินเฉยกับบุตรสาวราวกับว่านางไม่มีตัวตน‘คอยดูเถิด ข้าต้องรู้ความจริงให้ได้!’ นางหรี่ตาเล็กจนเป็นเส้นตรง เด
สตรีผู้เดียวในต้าเหลียง สำคัญที่สุดสำหรับแม่ทัพเจี้ยนหยู่คือคุณหนูเยว่ นางเป็นจุดอ่อนของเขา การมีอยู่ของเขาในฐานะแม่ทัพก็เพื่อปกป้องนาง แต่ดูเข้าสิ... ท่านแม่ทัพจะมาจะไป นางเคยสนใจเสียที่ไหน“ตอนเล็ก ๆ ข้าเคยพูดว่าจะตามติดเขาไปทุกที่เป็นวิญญาณร้าย ถ้าหากว่าเขาหนีข้าไป ดังนั้นข้าย่อมสำคัญที่สุด แม่ทัพเจี้ยนหยู่เป็นคนของข้า ข้าก็เป็นคนของเขาน่ะสิ” คุณหนูเอ่ยเรื่องในวันวานอย่างที่นางไม่เคยเปิดเผยกับใคร นางหัวเราะเสียงดังไปถึงข้างนอก บ่าวในเรือนสะดุ้ง เว้นเพียงซูหนี่ว์ซึ่งได้รับความเอ็นดู เพราะนางประจบประแจงเก่ง“ขอบใจเจ้าที่กล้าพูดออกมา ซูหนี่ว์ เด็กดี ข้าจะไม่ทำโทษเจ้า ข้าไว้ใจเจ้าที่สุดรู้ไหม? พวกเจ้าก็เอาอย่างซูหนี่ว์ อย่าขัดใจข้านะซิงอี ซีซวน”“เจ้าค่ะ!” สาวน้อยทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียง ซูหนี่ว์ขยับมาใกล้ ๆ คุณหนู“คุณหนูรองไว้ใจข้าแล้วต้องกินข้าวกินยาด้วยนะเจ้าคะ พวกข้าไม่อยากโดนท่านแม่ทัพดุ”“กินสิ...”อย่างไรนางก็ต้องกิน เพราะถ้านางไม่กินข้าวครบมื้อ ทั้งซูหนี่ว์และบ่าวรับใช้บ้านนี้คงถูกแม่ทัพคนดีตามมาเอาเรื่อง หลังจากที่เขาเสร็จธุระแน่นับตั้งแต่วันที่ออกจากบ้านเด็กกำพร้า นางก็ปา
กว่าเยว่ฉีจะรู้ตัวว่าหลงกลพวกงูลิ้นสองแฉกเข้าแล้ว คมกระบี่เย็บวาบพาดลงบนลำคอ บุรุษร่างกำยำที่นั่งอยู่ใต้แสงเทียนสลัวตะคอกนาง ‘ยาอะไร!?’การสังหารเด็กไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแม่ทัพปีศาจ หากไม่ติดว่าเขาดันนึกขึ้นได้ นางเป็นคนคนเดียวกับที่เคยพบในหอไท่หยาง เขาพอรู้ว่าเมื่อไรที่บิดาเลี้ยงเดี่ยวเข้ามาทำธุระในวังหลวง เด็กสาวตัวน้อยจะมุดช่องส่งอาหารเข้ามา นำขนมและยาสมุนไพรมาให้เขา นางเป็นบุตรีแพทย์หลวงผู้หนึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ เหตุใดแม่ทัพเจี้ยนหยู่ยอมให้เยว่ฉีจดบันทึกอาการโดยละเอียด แถมยอมดื่มยาต้มสมุนไพรผสมฝิ่น เป็นผู้ป่วยในความดูแลของนางอย่างว่าง่าย ฮ่องเต้อำมหิตก็เช่นกัน พอรู้ว่าคุณหนูเยว่ฉี บุตรีหมอหลวงกระทำผิดมหันต์ กลับถามความสมัครใจของนางว่าจะรับหน้าที่นี้หรือไม่อาการผู้ป่วยเสพติดฝิ่นมักง่วงซึม สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ตัวซีดเหลือง ซูบผอม ดวงตาเหม่อลอย แต่เมื่อครึ่งปีศาจเสพติดสมุนไพรให้โทษเหล่านี้ กลับกลายเป็นกระปรี้กระเปร่า มีบ้างที่เขาจะปิดตานอนเกียจคร้าน ปวดหัวปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ปากซีดมือสั่น เขาอารมณ์แปรปรวนอย่างมนุษย์ กินอาหารมากขึ้น ช่วงนี้เขาก็มีอาการเช่นนั้น‘ระหว่างที่ข้







![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)