Masuk“ท่านผู้ตรวจการหายหน้าหายตาไปร่วมสองเดือน แต่ยังให้ม้าเร็วมาส่งจดหมายทุกอาทิตย์ ไม่เคยตกหล่น สาวใช้ที่จวนเสนาบดีบอกพวกข้าว่าคุณชายสามเขียนจดหมายถึงคุณหนูรองตั้งหลายฉบับเจ้าค่ะ”
“จดหมาย...” นางเงียบไป มือหยิบกล่องไม้ฉลุลายบุปผชาติงาม เปิดมันออกแล้วขยุ้มเศษกระดาษเป็นหยิบข้าวสาร นางกำกระดาษเปื้อนหมึกจนยับเยิน “จดหมายรักผ่านนักกวี นี่เขาแต่งมันด้วยตัวเองไหมนะ?”
“จดหมายให้คนรัก ย่อมเขียนด้วยตนเอง ทำไมคุณหนูจึงคิดเช่นนั้นเจ้าคะ?” ซูหนี่ว์มีสีหน้าสงสัย ซิงอี ซีซวนยกน้ำชาและเครื่องประดับสวยงามเข้ามาในห้องนอน ลองบนเกล้าผมคุณหนู อันนี้สวยอันนี้ดี คุณหนูรองสวมอะไรก็งาม ก่อนที่พวกนางจะหันไปสนใจจดหมาย น่าแปลกที่คุณหนูไม่มีท่าทางตื่นเต้นเหมือนเคย นางเอากระดาษโบกลมต่างพัด
“ข้าหลวงผู้ตรวจราชการติดภารกิจเดินทางไปต่างแคว้น ตรวจตราเรื่องการบริหารงาน คุณชายสามงานยุ่งวุ่นวายเท่าไร ไม่เคยละเลยคุณหนูรอง”
ซีซวนชื่นชมท่านผู้ตรวจการเป็นอย่างมาก พอ ๆ กับสาวใช้คนอื่น อาจเพราะพวกเขาได้รับของฝากมากมายเป็นสินน้ำใจ
เหม่ยฉีแค่นหัวเราะ นางรู้... เรื่องที่เขาชอบติดสินบนบ่าวรับใช้ในเรือน!
“องครักษ์คนสนิทของเขาช่วยเขียนจดหมายพวกนี้มากกว่ากระมัง ตัวเขารึจะมีเวลาเขียนจดหมายรัก เวลาขึ้นรถม้าเดินทางข้ามเมือง จะกินนอนก็ลำบาก ร่างกายแสนเหนื่อยล้าทรมาน ท่าทางจะหลับเป็นตาย”
“คุณหนูรองไปได้ข่าวมาจากไหน? จริงหรือไม่เจ้าคะ” ซูหนี่ว์ไม่เชื่อหู
ซิงอีให้ความเห็นอย่างมีน้ำหนัก “ข้าว่าฟังดูแปลก ๆ ปกติท่านออกจะชื่นชมท่านผู้ตรวจการ ท่านละเมอหาคุณชายสามวันละสิบเวลาได้”
“ก็เหมือนการที่บ่าวรับใช้เอาใจข้าวันละหลายเวลา พวกเจ้าคาดการณ์ว่าข้าควรอารมณ์ดี โดยหาได้รู้ไม่ว่าตนกำลังเข้าใจผิด ข้าเป็นเยว่ฉีคนใหม่แล้ว ตอนนี้ข้าไม่ชอบเขา” พูดจบ คุณหนูรองเดินออกจากห้องไปดื้อ ๆ
-------------
“เยว่ฉี... ข้ากลับมาแล้ว!” เสียงที่ดังขึ้นเรียกคุณหนูรองให้มองขวับ ผู้ตรวจการหนุ่มมาพบนางถึงระเบียงเรือนติดกับสวนด้านหน้าห้องนอน บ่าวที่ทำหน้าตามีลับลมคมในพอเห็นคนรักของคุณหนูก็รีบแจ้นไปทำงาน
ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีคราม ในแววตาราวเด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในภวังค์รัก เกือบจะโน้มตัวลงกอดคุณหนูรอง ทว่านางกลับก้าวถอยในทันควัน นางยกมือประสาน เว้นระยะห่างระหว่างชายหญิงอย่างเหมาะสม
“คำนับท่านผู้ตรวจการ ไม่พบกันนานทีเดียว ลมอะไรหอบท่านมาเจ้าคะ?”
“อะไรกัน ถ้าหากว่าข้าไม่มีธุระก็มาพบเจ้าไม่ได้แล้วหรือ?”
“ข้างานรัดตัวนัก เชิญใต้เท้านั่งก่อนเถิด”
ใบหน้าชายหนุ่มซีดเผือด เมื่อคนรักไม่ยอมให้เขาแตะต้องแม้ปลายเส้นผม นางนั่งลงบนม้านั่งหิน ผายมือเชื้อเชิญเขาให้นั่งลงในที่ฝั่งตรงกันข้าม
“เยว่ฉี... เจ้าโกรธข้า”
“เป็นไปไม่ได้เลย ข้าจะโกรธใต้เท้าเรื่องอะไร”
“เจ้าโกรธข้าแน่นอน เยว่ฉี ข้าขอโทษเจ้าก็ได้ ข้า...”
“ข้าไม่ได้โกรธท่าน ตรงข้ามเสียอีก ข้ากำลังนึกถึงท่าน มีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่านพอดี”
“อ้อ... เจ้าไม่โกรธข้าก็ดี ข้าเดินทางกลับต้าเหลียงล่าช้ากว่ากำหนดการ รู้สึกผิดกับเจ้าไม่น้อย”
จางหลิวอวี้เลิกคิ้วมองนางด้วยสีหน้าผิดหวัง ลังเลใจในขณะเดียว เป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจจะคิดไปเอง แต่ทุกครั้งที่เขากลับมาจากต่างเมือง นางจะวิ่งเข้ามากอดเขาอย่างคิดถึง คราวนี้นางไม่แม้จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ นัยน์ตาดำขลับลุ่มลึกแลดูสุขุม นางมิได้มองเขาด้วยแววตาหลงใหลอีกต่อไป
คุณหนูรองนั่งนิ่งเงียบ เขาถามอะไรนางก็ตอบสั้น ๆ นางนิ่งเฉยเย็นชา...
ยามดวงตะวันกลมโตเบื้องหน้าสายตาลับคล้อยไปอย่างเชื่องช้า เยว่ฉีถือโอกาสเฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลาอันน่าหลงใหล ริมระเบียงเรือนไม้ ใต้เท้าหลิวหาได้รู้ไม่ว่าทำให้สตรีทั่วทั้งเมืองต้าเหลียงหวั่นใจเท่าไร...
เหม่ยฉีนึกมาถึงตรงนั้น นางได้รับการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของคุณหนูรอง รู้สึกใจเต้นอยู่เล็กน้อย คงเป็นความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิม อีกทั้งนางเองก็ชอบบุรุษรูปงาม
ทว่า...
นางไม่ใช่เยว่ฉี!
‘ฮึ... น้ำเน่าเกินไปแล้วล่ะ! วันนี้นางต้องตัดสัมพันธ์กับพ่อหนุ่มนี่’
“ข้าเคยรับปากเจ้าว่าจะโยกย้ายหน้าที่การงาน จะได้มีเวลาอยู่กับเจ้ามากขึ้น ขอให้เจ้ารอข้าสักหน่อย เมื่อไรข้าได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำงานในราชสำนัก ข้าคงไม่ต้องเดินทางไปต่างเมืองบ่อย ๆ เช่นนี้”
“ไม่มีอะไรการันตีว่าท่านจะได้ตำแหน่งนั้น การแข่งขันสูงเกินไป”
“ถ้าหากว่าไม่ได้จริง ๆ เราสองตบแต่งเป็นสามีภรรยากันเมื่อไร ข้าเดินทางไกล จะพาภรรยาไปด้วยก็ย่อมได้”
“จะให้ข้าขึ้นรถม้าเดินทางไปกับสามี ท่านไปทำงาน คงไม่สะดวก”
“ไปได้”
“ไม่ดีแน่...”
“เมื่อก่อนเจ้าและบิดาเดินทางไปกับข้า เจ้าชอบไปเก็บสมุนไพร หาข้อมูลการปรุงยา เจ้าไม่เคยบ่ายเบี่ยงเกี่ยงงอน ข้าดีใจนักที่ได้พบเจ้า ฝ่าบาททรงพระกรุณา ให้ข้ามาเยี่ยมเยียนโรงปรุงยา ข้าเลยได้พบเจ้า...”
บุรุษระลึกความหลัง! เหม่ยฉีกลอกตาไปมา ฟังเขาพร่ำพรรณนาเรื่องความรักใคร่อันมากประมาณที่มีต่อนาง เขาคิดถึงนางทุกลมหายใจเข้าออก นางปิดปากเงียบ ไม่พูดออกไปว่าเขาน่ะไม่ใช่พระเอกของเรื่องด้วยซ้ำ ต่อให้เขาจะได้แต่งงานกับนาง เป็นสามีของนาง
มารดาหลอกเด็กน้อยเพื่อไม่ให้พวกเขาแตกกลุ่ม เด็ก ๆ กอดกันตัวกลมในอ้อมแขนผู้เฒ่าชรา ในกระท่อมมืดแคบท่ามกลางกองฝุ่นควันอันที่จริงมนุษย์น่ากลัวกว่าปีศาจเสียอีก...เมื่อค่ำวานนี้สมรภูมิเลือดในหนานไห่ หัวหน้ากลุ่มโจรหัวรุนแรงอาวุธครบมือถูกจับกุมแล้วส่งตัวถวายต่อองค์ฮ่องเต้เพื่อรับโทษทัณฑ์ หลังจากที่แม่ทัพเจี้ยนหยู่เข้าช่วยเหลือชาวหนานไห่อย่างทันท่วงที แต่เขายังคงมีคำถามในใจ...ไยผู้เฒ่าชราแต่งนิทานหลอกเด็กน้อย ใครเป็นผู้กุเรื่องภูตผีปีศาจเป็นคนแรกน่าขันสิ้นดี! เวลาปีศาจสูบวิญญาณจากเหยื่อน่ะ เหลือเพียงหนังติดกระดูก เบ้าตากลวงโบ๋ ไม่เสียเวลาฉีกแขนขาเพื่อความบันเทิงหรอกพลทหารใต้บังคับบัญชาไม่มีผู้ใดกล้ามองครึ่งอสรพิษสูบวิญญาณจากเหยื่อ แม้แต่ทหารคนสนิทของท่านแม่ทัพตงฟาง ทหารหนุ่มอายุสามสิบห้าปี มู่หยางอายุสี่สิบกว่าปี ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาไม่เคยเชื่อเรื่องปีศาจอสรพิษที่ฮ่องเต้องค์ก่อนกักขังเอาไว้ทำศึก กระทั่งได้พบด้วยสองตาตนในวันผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน‘...มายืนจ้องข้ากินอาหาร จะกินอิ่มท้องหรือไม่?’เจี้ยนหยู่เคยเอ่ยไล่ทหารผู้อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง จากนั้นทั้
ณ เมืองหนานไห่ เสียงดินปืนดังสนั่นสร้างความโกลาหล ประชาชนแตกตื่นวิ่งไปคนละทิศทาง เมื่อชนเผ่าเร่ร่อนบุกปล้นสังหารกลางตลาดร้านค้าอย่างไร้ความกลัวเกรง โจรชั่วครอบครองอาวุธและกระทำการอุกอาจกลางวันแสก ๆ แม้รู้ดีกว่าเมืองหนานไห่เป็นหนึ่งในเขตการปกครองของต้าเหลียงหญิงสาวถูกลากพาตัวไปด้วยเงื้อมมืออมนุษย์ กระชากดึงผ้าโพกศีรษะมามัดมืออุดปากพวกนาง ใช้กำลังเข้าข่มเหงจนไร้หนทางสู้ในกระท่อมคับแคบอัตคัดทางการหนานไห่และต้าเหลียงสืบทราบมาว่าไม่ใช่ชนเผ่าเร่ร่อนทั่วไป เป็นกลุ่มนักโทษฉกรรจ์อาวุธครบมือทั้งปืนใหญ่และระเบิด มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองที่เพิ่งสิ้นสุดไปไม่นานจากแคว้นสวี ชายฉกรรจ์นับร้อยไปเข้าพรรคพวกกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเจิ้นจู้[1]โจรชั่วช้าสามานย์เจ็ดคนส่งเสียงหัวเราะ พวกมันใช้มือสกปรกกดศีรษะบุรุษร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีครามให้คุกเข่าลงเจ้าเมืองถูกจับเป็นตัวประกัน ‘รุ่ยยี่เหยา’ ถูกปลายกระบี่พาดคอรอให้ยอมจำนน ทว่าเขากลับเสียงหัวเราะ เหลือกตามองผู้บุกรุกอย่างเคียดแค้น “มีโอกาสให้หนี ก็รีบไป พวกเจ้าเอาชีวิตมาทิ้งเปล่า ๆ”“โอ้... ใครช่างแต่งนิทานหลอกเด็ก ในกลุ่มของพวกข้า ปล้นฆ่ามานับ
เดินเลาะเรือนทิศอุดรถัดจากโรงปรุงยาไปก็ถึงเรือนหลังใหญ่ร่มรื่น รายล้อมด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน แม้เล็กกว่าเรือนท่านหมอหลวง ทว่าแบ่งแยกเป็นสัดส่วนเหม่ยฉีเดินตามเสียงชื่นชม ‘น่ารักน่าชัง’ เข้าไปถึงด้านในเรือนไม้กว้างขวาง ครอบครัวใหญ่อาศัยร่วมกัน ช่วยเหลือจุนเจือกัน เสียงทารกหัวเราะให้ความรู้สึกกระชุ่มกระชวย นางเข้าไปในห้องนอนซึ่งกลายเป็นสถานที่คลอดบุตร“น่ารักจริง ๆ ขอให้เจ้าเป็นเด็กเลี้ยงง่าย อวี้ซือ อวี้ซิน” นางเอ่ยชมทารกอวบอ้วน ผิวขาวผุดผ่องดั่งหยก หยอกล้อทารกน้อยฝาแฝด ใช้ปลายนิ้วจิ้มแก้มป่อง ๆ ของทั้งสองเล่นทีละคนสายตาเอ็นดูนับสิบคู่จ้องมองเด็กน้อย หันไปถามเยว่ฉีเมื่อไรจะมีบุตรให้บิดาอุ้ม นางตอบพวกเขา “ว่าแต่ข้าเมื่อไรจะมีบุตร ข้ายังไม่มีสามีเลยเจ้าค่ะ”ตามด้วยเสียงหัวเราะขบขันของครอบครัว พวกเขาพูดกับนางอย่างจริงจัง ไยไม่แต่งงานกับท่านผู้ตรวจการไปเสีย บุตรของนางและเขาจะต้องหน้าตาดีเหมือนบิดามารดาแน่นอน นางรีบบ่ายเบี่ยงประเด็นไป ส่งตะกร้ายาบำรุงผ่านมือบ่าวรับใช้“เยว่ฉี ข้าสามารถแนะนำผู้ดีให้เจ้า ลองออกไปเปิดหูเปิดตาในเมืองบ้าง เทพผู้เฒ่าจันทรามิอาจผูกด้ายแดงให้เจ้าได้ สามีเจ้าคงจะอยู
บิดาเรียกบุตรสาวเหม่ยฉี หากมีใครถามขึ้นมา เขาเพียงแก้ตัวว่าเป็นนามใหม่ ขนาดผู้คนในเมืองยังตั้งสมญานามผู้อื่นได้ พวกเขาเรียกสกุลหยางว่า ‘หยางเย่าฟาง’ [杨药坊][1] ยกให้เป็นห้องยาแห่งต้าเหลียง บิดาจะเปลี่ยนชื่อให้บุตรสาวบ้างจะเป็นไรไป อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรีของเขาอยู่วันยังค่ำท่านหมอไท่ซือจิ่วย้อนถามคนรอบกายว่า เหม่ยฉี เยว่ฉี มีความหมายถึงคำว่างาม ลูกสาวของเขาก็งามดุจนางฟ้านางสวรรค์จริงไหมเล่า?“ข้ามีเรื่องจะถามท่านพ่อ...” ร่างบางในชุดขาวนั่งอยู่ข้างบิดาหน้าเตาปรุงยา นางเอาถั่วมานั่งกินหนึ่งหยิบมือ “เรื่องตำราผสานจิตใจ ท่านพอจะรู้หรือไม่? ข้าจำไม่ได้ชัดเจนนัก”“ไม่รู้”บิดาไม่บอกนางต่างหาก! เหม่ยฉีมองค้อนเสื้อขาวสะอาดผ่านแผ่นหลังกว้างไป บิดาลุกขึ้นหนีนางไปหยิบสมุนไพรตากแดดด้านหลังมาหย่อนใส่หม้อต้ม มือพัดควันพวยพุ่งขึ้นฟ้าเปิดโล่ง“เจ้าจะจับผิดอะไรข้าอีก เหม่ยฉี ข้าบอกไม่รู้ก็คือไม่รู้” เขาเอ่ยพลางชำเลืองมองบุตรสาว นางเปิดประตูเข้า ๆ ออก ๆ ชะโงกหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียด บิดาทำเมินเฉยกับบุตรสาวราวกับว่านางไม่มีตัวตน‘คอยดูเถิด ข้าต้องรู้ความจริงให้ได้!’ นางหรี่ตาเล็กจนเป็นเส้นตรง เด
สตรีผู้เดียวในต้าเหลียง สำคัญที่สุดสำหรับแม่ทัพเจี้ยนหยู่คือคุณหนูเยว่ นางเป็นจุดอ่อนของเขา การมีอยู่ของเขาในฐานะแม่ทัพก็เพื่อปกป้องนาง แต่ดูเข้าสิ... ท่านแม่ทัพจะมาจะไป นางเคยสนใจเสียที่ไหน“ตอนเล็ก ๆ ข้าเคยพูดว่าจะตามติดเขาไปทุกที่เป็นวิญญาณร้าย ถ้าหากว่าเขาหนีข้าไป ดังนั้นข้าย่อมสำคัญที่สุด แม่ทัพเจี้ยนหยู่เป็นคนของข้า ข้าก็เป็นคนของเขาน่ะสิ” คุณหนูเอ่ยเรื่องในวันวานอย่างที่นางไม่เคยเปิดเผยกับใคร นางหัวเราะเสียงดังไปถึงข้างนอก บ่าวในเรือนสะดุ้ง เว้นเพียงซูหนี่ว์ซึ่งได้รับความเอ็นดู เพราะนางประจบประแจงเก่ง“ขอบใจเจ้าที่กล้าพูดออกมา ซูหนี่ว์ เด็กดี ข้าจะไม่ทำโทษเจ้า ข้าไว้ใจเจ้าที่สุดรู้ไหม? พวกเจ้าก็เอาอย่างซูหนี่ว์ อย่าขัดใจข้านะซิงอี ซีซวน”“เจ้าค่ะ!” สาวน้อยทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียง ซูหนี่ว์ขยับมาใกล้ ๆ คุณหนู“คุณหนูรองไว้ใจข้าแล้วต้องกินข้าวกินยาด้วยนะเจ้าคะ พวกข้าไม่อยากโดนท่านแม่ทัพดุ”“กินสิ...”อย่างไรนางก็ต้องกิน เพราะถ้านางไม่กินข้าวครบมื้อ ทั้งซูหนี่ว์และบ่าวรับใช้บ้านนี้คงถูกแม่ทัพคนดีตามมาเอาเรื่อง หลังจากที่เขาเสร็จธุระแน่นับตั้งแต่วันที่ออกจากบ้านเด็กกำพร้า นางก็ปา
กว่าเยว่ฉีจะรู้ตัวว่าหลงกลพวกงูลิ้นสองแฉกเข้าแล้ว คมกระบี่เย็บวาบพาดลงบนลำคอ บุรุษร่างกำยำที่นั่งอยู่ใต้แสงเทียนสลัวตะคอกนาง ‘ยาอะไร!?’การสังหารเด็กไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแม่ทัพปีศาจ หากไม่ติดว่าเขาดันนึกขึ้นได้ นางเป็นคนคนเดียวกับที่เคยพบในหอไท่หยาง เขาพอรู้ว่าเมื่อไรที่บิดาเลี้ยงเดี่ยวเข้ามาทำธุระในวังหลวง เด็กสาวตัวน้อยจะมุดช่องส่งอาหารเข้ามา นำขนมและยาสมุนไพรมาให้เขา นางเป็นบุตรีแพทย์หลวงผู้หนึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ เหตุใดแม่ทัพเจี้ยนหยู่ยอมให้เยว่ฉีจดบันทึกอาการโดยละเอียด แถมยอมดื่มยาต้มสมุนไพรผสมฝิ่น เป็นผู้ป่วยในความดูแลของนางอย่างว่าง่าย ฮ่องเต้อำมหิตก็เช่นกัน พอรู้ว่าคุณหนูเยว่ฉี บุตรีหมอหลวงกระทำผิดมหันต์ กลับถามความสมัครใจของนางว่าจะรับหน้าที่นี้หรือไม่อาการผู้ป่วยเสพติดฝิ่นมักง่วงซึม สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ตัวซีดเหลือง ซูบผอม ดวงตาเหม่อลอย แต่เมื่อครึ่งปีศาจเสพติดสมุนไพรให้โทษเหล่านี้ กลับกลายเป็นกระปรี้กระเปร่า มีบ้างที่เขาจะปิดตานอนเกียจคร้าน ปวดหัวปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ปากซีดมือสั่น เขาอารมณ์แปรปรวนอย่างมนุษย์ กินอาหารมากขึ้น ช่วงนี้เขาก็มีอาการเช่นนั้น‘ระหว่างที่ข้







![ตำนานรักแผ่นดินกงซุน [NC25+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)