นิลมณีตกใจตาแทบถลนก่อนจะรีบกระโดดลงจากตัวเขาพร้อมกับนั่งหันหลังให้ชายหนุ่ม อดคิดไม่ได้ว่าเขานั้นก็หล่อล่ำไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ซิกแพคแน่นๆที่ได้สัมผัสผ่านอุ้งเท้าทั้งสี่นั้นทำให้เธอแอบเขินอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังหยิ่งเชิดหน้าขึ้นปาดหางไปมา
“เธอตัวเล็กไปแล้วนะ...ฉันไม่เห็นเธอกินข้าวเลย” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับช้อนอุ้มร่างเจ้าแมวน้อยนั้นขึ้นมา ก่อนจะจับพุงน้อยๆของมันเชิงหยอกล้อ เจ้าแมวน้อยตัวเท่าฝ่ามือตะเกียกตะกายดิ้นอยู่กลางอากาศอย่างขัดขืนแต่ชายหนุ่มกลับเขี่ยพุงมันเล่นไปมาอย่างได้ใจ
...เจ้ามนุษย์นี่!! กล้าดียังไงมาจับพุงฉัน!!... แม้จะบ่นออกมาเป็นคำพูดแต่สำหรับชายหนุ่มกลับได้ยินเพียงเสียงร้องเหมียวๆของมันเท่านั้น ยิ่งเล่นด้วยยิ่งน่าหมั่นเขี้ยวเขาจึงจับมันนอนหงายบนโซฟาพร้อมกับจับเท้าหน้าทั้งสองข้างไว้ มืออีกข้างเกาพุงเจ้าแมวน้อยนั้นที่กระดิกเท้าหลังไปมา
...เดี๋ยวๆ!!! ฮ่าฮ่าฮ่า...
“กินเยอะๆหน่อยเจ้าลูกแมว” ว่าแล้วก็เกาพุงไม่หยุด ทำให้เจ้าแมวน้อยที่จำยอมนอนแผ่แอ่งแม้งหลับตาพริ้มพร้อมเท้าหลังทั้งสองข้างที่กระดิกรัวๆตามมือที่เกาพุงของมันอยู่ เป็นอีกครั้งที่เขาทำให้เธอหมดสิ้นท่าจอมราชาปีศาจไปเมื่ออยู่ใกล้ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจที่เขามองเธอเป็นเพียงเจ้าลูกแมวและพยายามทำให้เธอเชื่องแบบนี้...
.
เพราะกลิ่นไอปีศาจที่ติดตัวเขามาเมื่อวานทำให้เธอต้องวางแผนที่จะเข้าไปที่ทำงานของทาสผู้เลี้ยงดูเธอในร่างแมวเหมียว เช้านี้เป็นอีกวันของการทำงานเพราะอย่างนั้นดีนจึงออกไปทำงานตามปกติ เมื่อเขาออกไปจากห้องเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นางปีศาจแมวในร่างแมวเหมียวก็แปลงกายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง แอบดมกลิ่นลอบตามเขาไปจนถึงบริษัทใหญ่
หญิงสาวเงยหน้ามองตึกสูงราวสามสิบชั้นนั้นอย่างเชิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของบริษัทนั้นด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม โลกมนุษย์นี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมาท่องเที่ยวและเรียนรู้มัน เธอในชุดเสื้อเชิ้ตรัดรูปพอดิบพอดีไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไปคู่กับกระโปรงทรงเอสีดำ ด้วยรูปร่างของเธอไร้ที่ติและยั่วยวนนั้นไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“ขอโทษค่ะ...พอดีว่าจะมาสมัครงาน”
“เอ่อ...ค่ะ...ตำแหน่งอะไรคะ? ตอนนี้เหลือตำแหน่งว่างอยู่ตำแหน่งเดียวคือเลขาของคุณดนุวัศ”
“ค่ะ ตำแหน่งเลขานั่นแหละค่ะ”
นิลมณีพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ได้เข้าทำงานในบริษัทนี้เสียก่อน พนักงานหน้าล็อบบี้ยื่นใบสมัครงานให้เธอพร้อมกับบอกว่าให้นั่งกรอกใบสมัครตรงโซฟาด้านหน้าแล้วนำมาส่งที่กลับที่ล็อบบี้เหมือนเช่นเดิม
เธอนั่งอ่านใบสมัครนั้นพร้อมทำท่าเหมือนขีดเขียนลงไปแต่เพียงเธอวาดมือเหนือใบสมัครนั้นประวัติที่แสนเพอร์เฟคของเธอก็ปรากฏในใบสมัครโดยไม่ต้องขีดเขียน ในเมื่อเธอเป็นราชาปีศาจก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากนี่รวมถึงการรับเข้าทำงานด้วยเช่นกัน
“นี่ค่ะ ใบสมัครพร้อมเอกสาร” เพียงไม่นานนิลมณีก็ยื่นใบสมัครส่งกลับที่หน้าล็อบบี้พร้อมเอกสารประจำตัวทั้งหมด ทำเอาพนักงานหน้าล็อบบี้ทั้งอึ้งทั้งงงไปตามๆกัน ก็เห็นๆอยู่ว่าเธอไม่ได้ถือกระเป๋าหรืออะไรมาเลย เธอแทบจะเดินตัวเปล่าตัวปลิวเข้ามาเสียด้วยซ้ำ พนักงานหน้าล็อบบี้เช็คเอกสารของเจ้าหล่อนก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ ยังคงไม่หายอึ้ง
“ต้องรอการตอบรับกี่วัน?”
“ไม่เกินอาทิตย์นึงค่ะ”
“ฉันต้องการวันนี้ ไปส่งใบสมัครให้ฉันเดี๋ยวนี้” คำสั่งที่ปะปนไปด้วยมนตราส่งผลให้พนักงานคนนั้นพยักหน้ารับแล้วถือเอกสารของเธออย่างเหม่อลอย เดินไปขึ้นลิฟท์พร้อมกับกดชั้นที่ดนุวัศทำงานอยู่เพื่อเอาเอกสารของนิลมณีไปส่งให้ถึงมือ แม้ว่าเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงล็อบบี้จะพากันทำหน้างงงงวยกับท่าทีของเพื่อนร่วมงานก็ตามแต่ก็ไม่มีใครกล้าเรียกหรือเอ่ยถาม
นิลมณีเดินนวยนาดไปนั่งตรงโซฟาที่เดิมอย่างใจเย็น แม้ว่าภายในจะร้อนรุ่มอย่างรีบๆสมัครงานให้มันจบๆ เธอจะได้หากลิ่นไอของจอมปีศาจนั้นว่าคือใครและเขาจะได้ปลดปล่อยพลังให้เธอกลับคืนสู่ตำแหน่งราชาได้ และยังได้ผู้ที่จะช่วยกำจัดนางจิ้งจอกที่เข้ามายืดเขตแดนของเธอ เพียงแค่คนที่ชื่อดนุวิศได้เห็นรูปถ่ายร่ายมนตราของเธอเขาก็จะรีบร้อนใจรับเธอเข้าทำงานทันที
รอแล้วรอเล่าจนพนักงานสาวคนนั้นเดินกลับลงมานั่งที่หน้าล็อบบี้ดังเดิมก็ยังไม่มีการติดต่อมากจากคนที่ชื่อดนุวัศเลย นิลมณีแทบจะรอไม่ไหวนั่งมองนาฬิกาข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่มีวี่แววที่โทรศัพท์เครื่องหรูที่เธอพึ่งซื้อมาใหม่จะดังขึ้นเลย จนเธออดใจรอไม่ไหวอีกต่อไปตัดสินใจลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากบริษัทไป แต่ทว่า...
ติ้ง!
‘ยินดีด้วย คุณนิลมณี จันทร์แรม คุณได้รับเลือกเข้าทำงานในบริษัท HD จำกัด ให้คุณเริ่มงานในวันที่ 18/03/68 เวลาเข้างาน 8.30 น. ขอบคุณที่เข้ามาร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน’
นิลมณีอ่านข้อความที่ถูกส่งมาทางอีเมล์ก่อนจะยกยิ้มขึ้น ในที่สุดเธอก็ได้เข้าทำงานในบริษัทแห่งนี้เพียงเพื่อเป้าหมายเดียวเท่านั้น คือการกลับไปยังโลกปีศาจดังเดิม เมื่อใดที่เธอได้กลับไปยังโลกปีศาจไม่ว่าคนที่รู้จักเธอ รู้ชื่อเธอ หรือแม้แต่มิตรภาพในโลกมนุษย์นี่ก็จะถูกลบลืมเลือนไปราวกับเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
เมื่อเห็นว่าแผนแรกเธอทำมันได้สำเร็จ นิลมณีก็เดินออกจากบริษัทอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับมองหาร้านสเต็กดีๆสักร้าน เนื่องจากเธอไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันเพราะเจ้ามนุษย์นั่นเอาแต่เทอาหารเม็ดกับอาหารเปียกให้ คิดๆแล้วก็น่าหงุดหงิด แต่ห้องของเขาเป็นที่เดียวที่เธอจะอยู่ได้และต้องอยู่ กลิ่นไอปีศาจมาจากตัวของเขาก็จำเป็นต้องอยู่อย่างนั้นไปก่อนจนกว่าจะหาต้นตอของกลิ่นไอนั้นเจอ
หลังจากเดินมาได้สักพักก็เจอร้านสเต็กที่ไม่ไกลจากบริษัทนั้นนัก เธอเดินเข้าไปอย่างเชิดๆ พนักงานต่างเข้ามาต้อนรับและพาเธอไปนั่งยังโต๊ะที่ติดกระจก ก่อนที่พนักงานจะวางเมนูลงบนโต๊ะของเธอ นิลมณีดูเมนูครู่หนึ่งก่อนจะสั่งอาหารตามที่เธออยากจะทาน เมนูที่เธอสั่งล้วนแต่เป็นเมนูเนื้อที่ไม่สุกดีนักทั้งนั้น
“เอาแค่นี้ค่ะ...ว่าแต่ห้องน้ำไปทางไหนหรือคะ?”
“ทางด้านนั้นเลยค่ะ” พนักงานผายมือไปทางป้ายห้องน้ำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเก็บเมนูแล้วเดินจากไปพร้อมกับนิลมณีที่กำลังลุกขึ้นจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ด้วยความที่เธอไม่ทันได้มองรอบๆ และไม่ทันระวังจึงเดินตัดหน้าไปชนกับชายคนหนึ่งเข้า
“อุ๊ย!” เธอเซจะล้มแต่ชายคนนั้นกลับรับเธอเอาไว้ทัน เธอจึงอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของเขาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น และเขาก็ก้มมองเธอเช่นกัน
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
…ดีน!!... นิลมณีแอบตกใจแต่ก็ยังพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุด รีบหยัดตัวยืนให้มั่นคงและพยายามหลบหน้าเขาอย่าลืมตัว ในหัวคิดเพียงว่ากลัวเขาจะจำเธอได้
“ค่ะ ไม่เป็นไร...”
“คุณ...หน้าคุ้นๆนะครับ” อยู่ๆชายหนุ่มก็ชี้นิ้วมายังเธอพลางทำสีหน้าครุ่นคิด นิลมณีหันไปมองเขาดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ สีหน้าของเธอจ้องมองเขาอย่างรอคำพูดที่เขากำลังพูดอย่างลุ้นๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะจำเธอได้หรอกหรือ
การเจอกับปีศาจหรืออมนุษย์ครั้งแรกก็เมื่อตอนที่เขายังอายุได้เพียง 9ขวบ บริษัทที่พ่อสร้างไว้เป็นเพียงบริษัทค้าอาหารสัตว์แต่ก็ส่งออกไปทั่วทวีปนี้ อุบัติเหตุที่น่าสงสัยที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งที่ตัวเขาเองควรจะเป็นไปอย่างพ่อหรือแม่ ถึงดีนจะยังเด็กแต่เขาก็ไม่ใช่เด็กโง่...ทุกครั้งที่เขาเข้าไปเล่นในบริษัทมักจะได้ยินเหล่าทีมบริหารที่พ่อไว้วางใจพูดถึงพ่อของเขาในแง่ร้ายเสมอหลังจากที่เสนองบประมาณในการผลิตแล้วผู้เป็นพ่อของเขาปฏิเสธ ด้วยความที่คิดว่าดีนเป็นเด็กเหล่าทีมบริหารจึงไม่ใส่ใจเท่าไหร่กับที่จะพูดให้ผู้เป็นลูกชายตัวน้อยของประธานบริษัทได้ยิน“เจ้าโง่นั่นไม่ได้เรื่องเลยนะ เป็นประธานบริษัทได้ยังไงกัน”“บริหารก็ไม่ได้เรื่อง ไม่กล้าที่จะยอมรับความเสี่ยงทางธุรกิจอีกต่างหาก...ไม่ว่าบริษัทไหนก็ต้องเสี่ยงทั้งนั้นกับการลงทุนน่ะ แค่นี้ก็คิดไม่ได้”“แบบนี้บริษัทก็พัฒนาไม่ได้น่ะสิ น่าจะทิ้งตำแหน่งให้คนอื่นบริหารซะ...ตัวเองก็นั่งเฉยๆรับเงินไปก็สิ้นเรื่อง”“นั่นสินะ...คนอื่นข
ดีนที่สลบสไลเริ่มรู้สึกตัวขึ้น แม้ว่าเขาจะมีพญาสิงห์อดีตจอมราชาที่มีพลังเหลือล้นกว่าปีศาจและจอมราชาทั้งปวงแต่ด้วยร่างกายของดีน ภาชนะของเขาเป็นมนุษย์เมื่อหลับใหลไปก็ไม่สามารถออกตัวแสดงอิทธิฤทธิ์ใดๆได้ นอกเสียจากว่าขาดสติแต่ยังคงลืมตาอยู่ถึงจะสามารถปกป้องได้ เขามองไปรอบๆตัวช่างเป็นที่ที่น่ากลัวและดูสกปรกไม่น้อย มองยังไงก็ไม่ใช่โลกที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่แน่นอน รู้ตัวอีกทีก็หันไปมองมือของตนเองที่ไขว้หลังอยู่ ไม่ว่าจะพยายมขยับแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับแขนของตนได้ มีบางอย่างรัดข้อมือของเขาเอาไว้แน่น รวมถึงช่วงลำตัวของเขาเช่นกัน “เปล่าประโยชน์...ยิ่งเจ้าขยับ หางของข้าก็จะรัดเจ้าแน่นกว่าเดิม”เสียงที่คุ้นหูเหมือนกับเสียงที่เอ่ยทักทายเขาก่อนจะสลบไปเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นมองข้างกายก็พบว่ามันเป็นบัลลังก์กระโหลกเก่าๆ พร้อมกับหญิงสาวในชุดที่แปลกตานั่งไขว่ห้างอยู่และปรายสายต
ดีนนั่งเงียบตลอดทางหลังจากขึ้นรถ ในหัวคิดแต่เรื่องของนิลมณีทั้งที่ยังดีๆอยู่เลยแล้วจู่ๆเธอก็เปลี่ยนไปราวกับมีเรื่องอะไรในใจที่พึ่งฉุกคิดได้อย่างไรอย่างนั้น ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอตคงไม่มีท่าทีแบบนั้นกับเขา...คิดไปพลางขวดคิ้วมองออกไปภายนอกรถ ...มันน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือผู้ติดตามของเขาที่ตอนนี้เอาแต่เงียบกริบไม่พูดไม่จาอะไร เป็นปกติต้องแซวเขาแล้ว แต่วันนี้กลับนิ่งเงียบไปจนดีนต้องหันไปมองผู้ติดตามของตนผ่านกระจก ถึงอย่างนั้นก็ยังดูปกติหรือว่าเขาคิดมากไปเอง “วันนี้ไม่แซว?” “.....” สิ่งที่ได้หลังจากถามออกไปก็ยังคงเป็นความเงียบ ไม่แม้แต่จะเห็นรอยยิ้มของเพิ่มพูนผ่านกระจกเลย เขาดูขับรถอย่างตั้งใจมากเกินไปจนเหมือนหุ่นยนต์ และที่สำคัญ...เพิ่มพูนหรือลุงเพิ่มไม่เคยไม่ตอบคำถามเขาผู้ซึ่งเป็นเจ้านายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ประธานหนุ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนไปของบรรยากาศในรถ เขาเหลียวมองออกไปนอกรถอีกครั้งแต่ครั้งกลับไม่ใช่ทางที่จะบริษัท บรรยากาศราวกับหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งทั้งที่ไม่คิดว่าจะถนนแบบนี้หรือบรรยากาศแบบ
ร่างกายที่อ่อนล้าค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ความปวดร้าวเมื่อยล้าแล่นเข้าสู่ร่างกายจนเธอถึงกับกัดฟันแน่น เขาไม่ปล่อยให้เธอได้พักเลยทั้งคืนจึงเป็นเหตุทำให้เธอปวดร้าวตามร่างกายแบบนี้ นิลมณีอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆตาขวาง “เอาแรงมากจากไหนนักนะ” เธอพึมพำเบาๆพลางเบือนใบหน้าที่ร้อนผ่าวไปทางอื่นโดยไม่ทันสังเกตคนที่นอนอยู่ข้างๆที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดิบพอดี “ยังมีแรงเหลืออีกเยอะนะ จะต่อรอบเช้าด้วยเลยไหมล่ะครับคุณเลขา” เสียงทุ้มที่ตอบกลับเธอมาทำให้เธอหันหน้าไปทางเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายที่เปลือยเปล่านั้น ดีนหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจไปมาโดยไม่สนใจว่าผ้าห่มมันร่นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อีกนิดเดียวก็จะเห็นของลับของหวงอยู่แล้วแท้ๆ นิลมณีรีบเบือนหน้
ริมฝีปากหยักได้รูปไม่รอช้ารีบประกบริมฝีปากกระจับนั้น เรียวลิ้นหนาเริ่มรุกล้ำเข้าไปในโพรงแม้ในตอนแรกจะปิดแน่นสนิท นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่มีความรู้เรื่องนี้ ครั้งก่อนเธอมึนเมาและถูกปลุกเร้าด้วยฤทธิ์บางอย่าง แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป.. “อือ!” เสียงครางหวานเล็ดลอดผ่านลำคอเพราะตอนนี้ภายในร่างกายของเธอรู้สึกแปลก ตอบสนองรสจูบของเขาอย่างห้ามไม่ได้ อีกทั้งลิ้นเรียวเล็กของเธอถูกดูดกลืนราวกับกำลังจะถูกเขาครอบงำ...ยากที่จะปฏิเสธมัน รสจูบที่จาบจ้องและรุนแรงทำให้เธอแทบหายใจไม่ทัน “อื้อ...” เสียงค้านดังขึ้นผ่านลำคอเมื่อรู้สึกถึงมือหนาที่ค่อยลูบไล้ปลดเปลื้องเสื้ออาภรณ์ของเธอ ทุกการสัมผัสของเขาราวกับมีมนต์สะกด ความรู้
“ยังไงคุณก็จะไม่บอกผมใช่ไหมครับว่าคุยเรื่องอะไรกัน?” เมื่อเท้าก้าวเข้าบ้านมาดีนก็เอ่ยถามนิลมณีทันทีเมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินนำเตรียมจะขึ้นไปห้องของตัวเองที่ชั้นสอง นิลมณีชะงักฝีเท้าเธอหันกลับไปมองเขาด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า ที่รู้สึกเหนื่อยเพราะเธอคิดเรื่องทางเลือกที่อัคคีให้มาไม่หยุดไม่ว่าจะมองหาทางไหนก็มืดมันแปดด้านจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วและอยากอยู่เงียบๆกับตัวเองสักพัก “บอสคะ คุณมีคฤหาสน์หลังใหญ่ให้อยู่ มีผู้ติดตามตลอด มีลูกน้องมีคนขับรถ...ทำไมบอสไม่กลับไปอยู่บ้านของตัวเองล่ะคะ” “หืม? ก็เพราะแมว...คุณชวนผมมาอยู่ที่นี่เองไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะไล่กันแล้วว่างั้น?” “ลองคิดดูนะคะ ถ้าเกิดวันนี้ซันนี่มาเที่ยวที่บ้านจริงเธอก็ต้องรู้...นั่นหมายถึงคนในบริษัทรู้ ถึงวันนี้