“คะ?..จะคุ้นได้ยังไง? เราพึ่งเคยเจอกันนะคะ มุกจีบสาวแบบนี้มันเชยแล้วนะคุณ” นิลมณีพูดแทรกขึ้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...เอ่อ...อ๋อ! คุณคือคุณนิลมณีที่สมัครเป็นเลขาของผม ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมหน้าคุ้นๆ เห็นรูปถ่ายและประวัติทางอีเมล์น่ะครับ”
“คะ? คุณน่ะหรือคะ...ดนุวัศ?” นิลมณีแทบไม่อยากเชื่อ เธอทำหน้าสงสัยพร้อมหรี่ตามองเขาอย่างพิจารณา
“ครับ ผมดนุวัศ...ประธานบริษัท HD” เขาเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างภาคภูมิใจ รอยยิ้มหวานปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อที่เห็นเธออึ้งจนแทบจะอ้าปากค้าง นิลมณีแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเองว่าเจ้ามนุษย์ที่เลี้ยงดูเธอในคอนโดเล็กๆนั่นจะเป็นประธานบริษัท
“ไหนๆก็เจอกันแล้ว...ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอเลี้ยงข้าวมื้อนี้แล้วกันนะครับ” ดีนพูดพร้อมกับรอยยิ้มหวานเชื่อมดวงตาเป็นประกาย ซึ่งมองดูก็รู้ว่าเขาน่ะเจ้าชู้แค่ไหน...แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นคนเลี้ยงเธออยู่แล้วนี่ ให้เขาเลี้ยงอาหารคนสักมื้อคงไม่เสียหายหนักหรอก
“ยินดีค่ะถ้าคุณ...ดนุวัศ...อยากจะเลี้ยง” นิลมณีตอบออกไปด้วยรอยยิ้มมิตรภาพ เธอแทบจะลืมไปว่ายังไงเขาก็จำเธอไม่ได้เพราะเธอเป็นแมวที่อยู่ในร่างแมวเหมียวสีดำในบ้านเขาไม่ใช่ร่างของหญิงสาวอย่างที่เขาเห็นตอนนี้ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องพยายามทำตัวให้รู้จักเขาน้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นคงน่าสงสัย...หากเขาทำอะไรแผลงๆกับเธอในร่างเจ้าเหมียวเธอได้เอาคืนเขาอย่างสาสมแน่ๆ
“คุณตัวเล็กแค่นี้...ผมเลี้ยงไหวอยู่แล้วครับ” ดีนพูดไปพลางยักคิ้วไป นิลมณีเห็นท่าทางเจ้าชู้ของเขาก็นึกหมั่นไส้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ก็ได้แค่แสร้งยิ้มตอบรับเขาไปก่อนที่เธอจะไม่ทันได้เข้าทำงานถ้าหากวีนเขาตอนนี้
...ถึงบ้านเมื่อไหร่แม่จะรอข่วนให้แขนลายเลย อยากเป็นเสือมีลายเยอะดีนักก็จะจัดให้....
.
หลังจากทานอาหารมื้อนั้นเรียบร้อยนิลมณีก็แยกกลับบ้าน แม้ว่าเขาจะขอไปส่งแต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย จะให้ไปส่งได้อย่างไรในเมื่อบ้านที่เธอต้องกลับคือห้องของเขา เธอจึงเดินเชิดๆสะบัดผมสีดำสนิทออกมาโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีก ปล่อยให้ดีนมองตามตาละห้อยอยู่อย่างนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนเจ้าชู้เพล์บอย แต่เขาก็ถือว่าเป็นคนที่ปากจัดจ้านอยู่ดี
นิลมณีเดินเข้าตรอกซอยมืดๆหลังจากที่เดินมาได้สักพัก เธอมองหน้ามองหลังก่อนจะค่อยๆกลายเป็นเจ้าแมวน้อยสีดำเหมือนเช่นเดิม ก่อนจะกระโดดปีนกำแพงและเดินนวยนาดต่อไปเรื่อยๆเพื่อกลับไปยังคอนโดของเขา ระยะทางที่เดินไปคอนโดนั้นการแปลงเป็นแมวจะปลอดภัยกว่าเป็นหญิงสาว ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเย้ายวนใจพร้อมด้วยพลังของปีศาจที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงนั้นมันไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไหร่นัก
นิลมณีกลับมายังห้องคอนโดอย่างปลอดภัย พอถึงคอนโดเธอก็กลับกลายร่างเป็นหญิงสาวเดินเข้าคอนโดมาสวยๆ ประตูที่รักษาความปลอดภัยนั้นใช้ไม่ได้กับปีศาจแบบเธอ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลับเข้าห้องมาได้สบายๆ เธอเดินไปเดินมาในห้องของเขาในร่างเจ้าแมวเหมียว เพราะร่างเจ้าแมวเหมียวนั้นมันสามารถฟื้นฟูร่างกายของเธอได้มากกว่าที่จะแปลงกายเป็นมนุษย์ ถึงอย่างไรเธอก็ต้องเก็บแรงเอาไว้เผื่อวันไปทำงานจึงทำได้เพียงนั่งๆนอนๆอยู่แบบนั้น
กริ๊ก!
“ฉันกลับมาแล้ว” ไม่รู้ว่าเธอนั้นนอนไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีดีนก็กลับเข้าห้องมาพร้อมถุงมากมาย นิลมณีในร่างแมวลุกขึ้นนั่งพร้อมมองเขาและสะบัดหางปราดปรายไปมา ดีนวางถุงเหล่านั้นลงบนโต๊ะทานข้าวก่อนจะหันไปมองเจ้าแมวสีดำที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมนิ่งมองเขาอยู่
“เธอนี่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ เจ้านายกลับมาแล้วแท้ๆ น่าจะเข้ามาอ้อนกันบ้างสิ” ดีนพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
...นายเป็นทาสของฉันต่างหากล่ะเจ้ามนุษย์นี่! ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นเจ้าของฉัน... ความคิดของเจ้าแมวที่เขาตั้งชื่อให้ว่าสีนิลนั้นแทบจะไม่ได้คิดออดอ้อนเขาอย่างที่เขาต้องการเลย ซ้ำยังทำเมินไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดเสียอีก ก่อนจะยกเท้าหน้าของตัวเองขึ้นมาเลียทำความสะอาด ดีนมองท่าทีของเจ้าแมวที่เขาเก็บมาเลี้ยงพลางถอนหายใจ
“เฮ้อ...อุตส่าห์ลองซื้อสเต็กมาให้...ไม่อ้อนแบบนี้คงไม่อยากกินสินะ” พอได้ยินอย่างนั้นหูก็ตั้งขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับคลอเคลียที่เท้าของเขาเดินพันไปพันมาอย่างออดอ้อน ก่อนที่จะ....
แง่ม!!
“เฮ้ย!! เจ้าสีนิล!!” ฝังเขี้ยวขบที่น่องด้วยความหมั่นไส้ ที่บังอาจเล่นแง่ให้เธอเข้าไปอ้อนเขาด้วยอาหาร ดีนจับร่างเจ้าแมวน้อยขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับจ้องมองมันเขม็ง จะโกรธก็โกรธไม่ลงเมื่อเห็นใบหน้าบ้องแบ๊วของมัน แม้ว่าจริงๆแล้วเจ้าแมวตรงหน้ากำลังขมวดคิ้วอยู่ก็ตาม
งับ!!
...กรี๊ดดดดดด!! เจ้ามนุษย์ปากเหม็นนี่!!....
แทบจะกรีดร้องออกมาแต่ก็ทำได้เพียงร้องเหมียวๆเหมือนเช่นเคย เมื่อดีนอ้าปากงับหูแมวเอาคืนที่งับน่องของเขา นิลมณีใช้เท้าหน้ายันใบหน้าหล่อเต็มที่พร้อมกับแผ่กงเล็บหวังจะตะปบให้ใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลานั้นเป็นรอยเสียหน่อย แต่ก็ตะปบได้แค่ลมเมื่อดีนดึงใบหน้าหล่อออกแล้วยกยิ้มเย้ย
“คิดจะข่วนหน้าฉันเหรอ ยังเร็วไปเจ้าแมวเหมียว” เขาพูดขึ้นก่อนจะยอมปล่อยเจ้าแมวเหมียวลงไปวางที่พื้น เขาหันไปแกะสเต็กที่ซื้อมาจากร้านที่ไปทานเมื่อตอนกลางวัน แต่หญิงสาวที่เขาถูกใจกลับทิ้งเขาไปเสียอย่างนั้น เขาวางสเต็กลงบนชามข้าวแมว สเต็กที่ย่างมาโดยไร้การแต่งเติมรสชาติ
“เพราะวันนี้ฉันอารมณ์ดีหรอกนะ ถึงได้ซื้อมาฝาก...ผู้หญิงอะไรมีเสน่ห์ชะมัด” มองเจ้าแมวเหมียวที่ก้มกัดกินสเต็กไปพลางเอ่ยถึงผู้หญิงที่เขาพึ่งเจอเมื่อตอนกลางวันไปด้วยรอยยิ้ม นิลมณีในร่างแมวขนลุกซู่ทั้งตัวก่อนจะสำลักเนื้อสเต็กที่กินเข้าไป
“เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ยเจ้าสีนิล ค่อยๆกินก็ได้ไม่มีใครแย่งเธอหรอก” ดีนหันไปเอ่ยบอกเจ้าเหมียวที่ไอค่อกแค่กก่อนจะเลื่อนชามใส่น้ำไปให้มัน นิลมณีในร่างเจ้าแมวเหมียวรีบเข้าไปกินน้ำในชามนั้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะเจ้าแมวน้อยอย่างแผ่วเบา
แต่นิลมณีที่กินน้ำเรียบร้อยก็เดินไปหนีมือหนานั้นไปอีกทางพร้อมกับเลียเท้าหน้าของตัวเองตามนิสัยของแมวอย่างเชิดๆ อีกทั้งยังสะบัดหน้าเมินเขาเสียอย่างนั้น ดีนมองการกระทำของเจ้าแมวตรงหน้าก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา
“กินแค่นี้น่ะเหรอ? เสียดายของแย่เลย” ดีนเอ่ยแต่เจ้าแมวเหมียวดันไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่นัก มันยังคงนอนหมอบอยู่ตรงโซฟาอย่างเงียบๆ ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้อง
“ก็ได้ๆ ตามใจเธอเลย ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว” ดีนพูดก่อนจะลุกขึ้นจากการนั่งยองเมื่อครู่แล้วเดินตรงเข้าไปในโซนห้องนอนของตัวเอง นิลมณีในร่างแมวที่หลับตาพริ้มเมื่อครู่ค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับหันไปทางห้องของเขา เมื่อได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวในห้องนอนของเขา เธอก็กระโดดลงจากโซฟาแล้วเดินไปกินสเต็กต่อจนหมด
ไม่นานนักดีนก็เดินออกมาและตรงไปยังตู้เย็นเพื่อเอาน้ำมาดื่ม สายตาคมเหลือบไปเห็นชามข้าวแมวที่ตอนนี้มันว่างเปล่าก็ยกยิ้มขึ้นก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินตรงไปหาเจ้าแมวเหมียวที่นอนอยู่ตรงโซฟา เขาอุ้มร่างเจ้าแมวนั้นขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของเจ้าแมวน้อย
....อะไรอีกยะ!! จะอุ้มไปไหนเนี่ย!! แล้วทำไมนายไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย!!... เสียงร้องเหมียวๆราวกับบ่นเขา เพราะเขาเป็นมนุษย์ถึงได้ฟังไม่ออกว่าเธอกำลังบ่นเขาอยู่ ดีนที่ใส่เพียงกางเกงนอนขายาวตัวเดียวไม่ใส่เสื้ออุ้มเจ้าแมวน้อยมาแนบอกแล้วพาเข้าห้องนอนของเขาไป
“ไม่ต้องร้อง มานอนกับฉันนี่แหละ” ดีนเอ่ยพร้อมกับวางเจ้าแมวไว้บนที่นอนของตน แต่เจ้าแมวจอมดื้อกลับกระโดดลงจากที่นอนวิ่งตรงไปยังประตูห้อง ดีนไวกว่าจึงได้ปิดประตูห้องลงต่อหน้าต่อตาเธอ
ทุกวันที่อยู่โรงพยาบาลมักจะมีดีนคอยเฝ้าและคอยกวนเธอตลอด ไม่ทำให้เธอรู้สึกเบื่อเลย...อีกทั้งภายในใจกลับรู้สึกถึงแรงบางอย่างเสมอเมื่อเขาเข้าใกล้...ก้อนเนื้อในอกมันมักจะเต้นระบำอย่างควบคุมไม่ได้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ในสายตาของเธอมองเขาเปลี่ยนไป...อาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางกายที่เคยเกิดขึ้นถึงทำให้เธอรู้สึกแบบนี้...แต่มันก็แค่คืนเดียว... “แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเหรอ?” ดีนเดินเข้าห้องมาพร้อมกับผู้ติดตามคนสนิทหลังจากที่ออกไปเตรียมรถ เพราะวันนี้เป็นวันที่เธอได้ออกจากโรงพยาบาลนั่นเอง “อือ” เธอตอบสั้นๆ พลางเบือนหน้าหนี แค่เห็นหน้าเขากลับรู้สึกแปลกๆจนไม่กล้ามองหน้าเสียอย่างนั้น “เรา...กลับบ้านกันเถอะ” พูดพลางยื่นมือไปทางเธอด้วยรอยยิ้ม นิลมณีมองค้างไปด้วยใจที่เต้นรัวก่อนท
“เพราะมีราชากระจอกแบบนี้...เจ้าจึงต้องเสียดินแดนเขตนี้ให้ข้า ผู้ยิ่งใหญ่...ทุกเขตแดนล้วนแต่มีข้าปกครอง อย่าดื้อดึงไปหน่อยเลย” เสียงพูดพร้อมยิ้มเยาะหลุบสายตามองมาที่เธอ ...เอ๊ะ.... “จงดับสิ้นไปเสียเถอะ!!” “อ๊ากกกกกกก!!” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เลือดหยดลงพื้นต่อหน้าต่อตา ภาพที่เห็นเพียงหลังข้อเท้าของผู้ที่เอาตัวมาปกป้อง พยายามเอียงหน้าขึ้นมองด้วยความยากลำบาก...เห็นกรงเล็บที่งอกยาวทะลุร่างของสหาย สมิงพรายเหลียวมองเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ไปซะท่านราชินี!!” .
ไม่ถามเปล่าดีนยังขยับก้าวเข้าไปใกล้ๆ นิลมณีเองก็ถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างไม่ให้เขาเข้าใกล้เกินไป จะให้เธอบอกได้ยังไงว่าเรื่องที่เธอมาคุยนั้นเป็นเรื่องของเขาและตัวตนที่อยู่ในตัวเขา“ก็...ไม่เชิง มันก็ไม่ใช่เรื่องคุณทั้งหมดซะหน่อย” นิลมณีพยายามที่จะเชิดหน้าตอบแต่สายตาของเธอกลับหลบเลี่ยงไปทางอื่นเสียอย่างนั้น ดีนชะงักฝีเท้าที่ย่างก้าวเข้าไปใกล้พร้อมกับยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจที่ได้ยินคำตอบนั้นออกจากปากของเธอ อย่างน้อยก็เป็นเรื่องของเขาส่วนหนึ่ง“มีอะไรทำไมไม่ถามผมเองตรงๆล่ะครับ จะไปถามคนอื่นทำไม?”“พูดเหมือนถามแล้วคุณจะรู้ตัวอย่างนั้นแหละ” นิลมณีพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ปรายสายตามองเขาด้วยความรู้สึกเซ็งๆ ดีนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองเธอ“คนอื่นรู้ดีกว่าตัวผมงั้นสิ?”“เอาเป็นว่า...ช่างมันเถอะค่ะ จะกลับได้หรือยังยุงกัดจนพรุนหมดแล้วเนี่ย” นิลมณีเอ่ยตัดบทเพราะถึงจะเถียงเขาไปยังไงก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี ดีนที่เห็นนิลมณีงอแงใส่เขาแบบนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาส่ายหน้าไปมาเพราะรู้ดีว่าเธอต้องการที่เลี่ยงคำถาม
นิลมณีและดีนเดินทางมายังร้านอาหารของอัคคี ที่ที่เขาเคยแกล้งเธอจนเธอได้สนิทกับอัคคี ดีนก็ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะสนิทสนมกันมากขนาดนั้น จนเขาต้องตามมาเพราะเขาไม่ชอบที่นิลมณีเลขาสาวสนิทสนมกับเพื่อนสนิทของตนขนาดนั้น ถึงดีนจะไม่รู้ว่าเธอมาทำไมก็ตาม ธุระของเธอที่ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ ดีนได้แต่นั่งมองนิลมณีและอัคคีพูดคุยกันที่โต๊ะไกลๆ เพราะเขาดันลั่นปากไปว่าจะมาทานอาหารมือค่ำ จะให้เสนอหน้าเข้าไปแทรกทั้งสองก็คงจะดูเสียฟอร์มไปหน่อยจึงทำได้แค่เพียงแอบมองอยู่เงียบๆ “โฮ่...มาหาถึงที่ร้านแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ...แถมยังพาดีนมาด้วย” อัคคีพูดพลางเอี้ยวตัวเอียงหน้ามองดีนที่จ้องมองเขาและนิลมณีตาเขม็ง แอบรู้สึกสนุกในใจกับท่าทีของดีนที่ดูจะหวงเลขาสาวจนออกนอกหน้า นิลมณีหันหลังกลับไปมองตามสายตาของอัคคีก่อนจะหันกลับแล้วเอ่ยขึ้น
ในช่วงยุคหนึ่งที่พญาสิงห์ได้ขึ้นตำแหน่งราชาแห่งโลกปีศาจในเขตนี้ ด้วยความที่ยังหนุ่มและเต็มไปด้วยความสามารถบวกกับพลังที่มีมหาศาลเหตุเพราะตระกูลพวกสิงหราชทั้งหลายล้วนมีพลังที่เอ่อล้นเหมาะกับการเป็นราชามารุ่นสู่รุ่น มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่พาตระกูลตกต่ำลงเสียตำแหน่งให้ปีศาจตนอื่นไป... จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาต้องไปไล่ล่าเหล่าปีศาจนอกรีตที่เข้ามาปั่นป่วนจับปีศาจแถบชายป่ากลืนกินดวงจิตเพื่อที่ตนเองจะได้แข็งแกร่ง ก็ดันไปเจอกับเจ้าปีศาจแมวน้อยสีดำสนิท บ่งบอกถึงว่าเจ้าแมวตนนี้ต้องคำสาปมาอย่างแน่นอน...และเป็นเขาที่เก็บเจ้าแมวตัวนั้นเข้ามาในเมือง... แต่ด้วยความที่มีตำแหน่งราชาค้ำคอ หากรับปีศาจตนอื่นเข้ามาเลี้ยงดู เจ้าแมวน้อยตนนี้คงไม่พ้นตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าบรรดาปีศาจที่ตั้งใจต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชานี้ เขาจึงทำได้เพียงปล่อยมันอยู่ในเมืองตามยถากรรม..ได้แต่เพียงเฝ้าดูมันเติบโตอยู่ห่างๆ ช่วยเหลืออยู่ห่าง...
“เจ้าไม่รู้กิตติศักดิ์ของข้ารึ? นางจิ้งจอก” พูดพลางบีบลำคอของฮู่ลี่แน่นขึ้นจนนางจิ้งจอกตรงหน้าเจ็บปวดเพราะโดนแผดเผา ลำคอไหม้ขึ้นเป็นสายเปื้อนรอยดำ ก่อนที่สายตาเหลือบปรายไปมองนิลมณีที่ทรุดตัวลงกับพื้น เธอปรือตามองภาพตรงหน้าแล้วล้มลงไป นั่นทำให้ดีนที่มีจิตวิญญาณของปีศาจพญาสิงห์ถึงกับละมือจากนางจิ้งจอกตรงหน้า รีบรุดเข้าไปหานิลมณีที่ตอนนี้สลบไปแล้ว ฮู่ลี่ที่ล้มลงกับพื้นเอามือจับที่ลำคอของตนด้วยความเจ็บปวด ได้ทีก็รีบลุกขึ้นแล้วหนีหายออกจากห้องนั้นเพราะในสภาพตัวเองที่ตอนนี้รอยไหม้มันเริ่มลุกลามคงจะสู้พญาสิงห์ไม่ได้เป็นแน่ การกลับไปตั้งหลักคือเรื่องที่ดีที่สุด ... “นิลมณี” เขาพยายามเอ่ยเรียกแต่เธอกลับไม่มีการตอบสนอง ปลายนิ้วเรียวของเขาเลื่อนไปปรายตรงใต้จมูกโด่งสวยนั้น เพราะตอนนี้เธอเป็นมนุษย์ย่อมมีลมหายใจแต่ทว่า...ลำหายใจของเธอนั้นช่างโรยรินเสียเหลือเกิน...แทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ... “...ถ้าเป็นเช่นนี้...ก็คงช่วยอะไรไม่ได้นอกเหนือจากนี้” เขาเอ่ยขึ้นพลางมองใบหน้าสวยนั้น ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ บรรจงจุมพิตลงบนร