Войтиนิลมณีร้องเสียงแมวพร้อมกับข่วนขูดที่ประตูห้องนอนอย่างไม่ยอม และเป็นอีกครั้งที่เขาอุ้มร่างเธอขึ้นมาพร้อมกับเอื้อมมือไปปิดสวิตซ์ไฟ เหลือเพียงแสงสลัวๆที่โคมตรงหัวนอนเท่านั้น ก่อนจะกอดร่างเจ้าแมวน้อยล้มตัวลงนอนบนเตียงและนอนกอดมันอยู่อย่างนั้น
....ใครเขาอยากนอนกับนายกันยะ!! อึดอัดชะมัด!!... นิลมณียังคงร้องอยู่อย่างนั้นพลางดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของเขา ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องแปลงกายในเป็นแมวเพื่อรักษาตัวและหลบซ่อนนางจิ้งจอกก็คงจะกลายร่างเป็นหญิงสาวและตบหน้าเขาแรงๆสักฉาดสองฉาดเป็นแน่
“สีนิล...นอนนิ่งๆเป็นเพื่อนฉันหน่อยไม่ได้เหรอ” ดีนเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังหลับตา นิลมณีในร่างแมวหันไปมองหน้าเขาและเงียบเสียงลง ที่เงียบเพราะน้ำเสียงของเขาดูเหงาๆเศร้าสร้อยอย่างไรก็ไม่รู้ ก่อนจะยอมนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“เธอนี่ก็ฟังภาษาคนรู้เรื่องเหมือนกันแฮะ” ดีนลืมตาขึ้นมองเจ้าแมวเหมียวที่ตอนนี้นอนสงบเสงี่ยมนิ่งงันไปเมื่อเขาพูดจบ เขายิ้มออกมาก่อนจะเอาหน้าเข้าไปมุดที่พุงของมันและหลับไปในที่สุด....
...หืม...อะไรทิ่มท้องฉันอยู่... เธอเริ่มรู้สึกตัวทั้งๆที่ฟ้ายังไม่สว่างเลยด้วยซ้ำ ในสายตาของเธอตอนนี้ที่นอนขดกอดอยู่นั้นเห็นเป็นขอบกางเกงและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เป็นมัดๆ...และไอ้แท่งแข็งๆที่ทิ่มท้องเธอแถมเธอยังนอนขดกอดมันอยู่นั้น...
เงี๊ยวววว!!!!
.
นิลมณีตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพอุจาดตาสำหรับแมวที่เธอไม่อยากจะเห็น เจ้าตัวตนแท่งยักษ์เด่นผงาดตั้งชันขึ้นจนเป็นลำปูดนูนผ่านกางเกงนอนของเขาเด่นตระง่านต่อหน้าต่อตาแม้ว่าเจ้าของมันจะหลับอยู่ เธอร้องเสียงหลงในเสียงของแมวจนขนลุกชันไปทั่วสันหลัง โก่งสี่เท้าขึ้นราวกับขู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ
...เจ้ามนุษย์บ้ากามนี่!!... เสียงขู่บ่งบอกสิ่งที่เธออยากจะพูดด่าคนที่งัวเงียตื่นขึ้นด้วยเสียงแมวๆ ดีนขยี้ตาเล็กน้อยผะโงกหน้าขึ้นมองเจ้าแมวเหมียวของเขาเล็กน้อย สะโพกของเขาขยับไปมาตามสัญชาตญานที่ตื่นขึ้นตามนิสัยของผู้ชายแม้จะยังไม่ได้สติดีเท่าไหร่ก็ตาม
“หืม? เป็นอะไรไปเจ้าสีนิล” ดีนเอ่ยเสียงงัวเงียในลำคอแต่ดูเหมือนเจ้าแมวของเขาจะยังขู่ไม่หยุดราวกับกำลังบ่นอะไรบางอย่าง เขาจึงคว้าร่างของมันเข้ามากอดอีกครั้งแล้วหลับตาลง
เงี๊ยววว!!! เงี๊ยววว!!
...เจ้าบ้านี่!! ขนาดไม่ได้สติยังหื่นได้ ปล่อยนะยะ!!..
“อืม...สีนิลอย่าข่วนสิ วันนี้วันหยุดขอต่ออีกหน่อย” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าแมวเหมียวที่เขากอดกางกรงเล็บข่วนแขนเขารัวๆ ซ้ำยังเอาขาหน้าของมันอีกข้างยันหน้าเขาอีก ดียหลุบสายตามองมันพลางขมวดคิ้วเจ้าสีนิลของเขาตอนนี้เหมือนกลัวอะไรบางอย่างถึงได้มีกิริยาแบบนี้
“เลี้ยงไม่ถึงเดือนฉายแววแมวเปรตซะแล้ว” ดีนเอ่ย
เงี๊ยววว!!
...แกสิผู้ชายเปรต!!... นิลมณีร้องเถียงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจภาษาแมวก็ตามก่อนจะดีดตัวกระโดดขึ้นที่บนตัวเขาพร้อมกับฝากรอยเล็บทั้งสี่บนกล้ามแขนแล้วกระโดดออกไปจากเตียงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยยยย!!! สีนิล!!” ดีนตกใจลุกพรวดขึ้นด้วยความเจ็บแสบก่อนจะก้มมองกล้ามแขนของตัวเองแล้วเหลือบมองไปยังเจ้าแมวตัวดีที่ตอนนี้นั่งหันหลังเลียเท้าหน้าที่พึ่งข่วนเขาอย่างสบายใจ
“เป็นรอยเล็บเลยเนี่ย! เลือดออกด้วย! มานี่เลยนะ!!” ดีนทำท่าจะเข้าไปคว้าตัวเจ้าแมวตัวดีแต่ทว่ามันกับเดินเชิดหน้าสะบัดหางไปมาหลบเขาอย่างง่ายดายไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด ดีนย่องไปด้านหลังมันพยายามจะจับแต่มันก็หนีไปได้ทุกครั้งที่เขาจะจับตัวมัน ไม่หนำซ้ำเจ้าสีนิลของเขายังหันหน้าไปมองเขาอย่างเยาะเย้ยร้องเหมียวๆราวกับกำลังต่อว่าเขา
“ไม่รู้ล่ะ วันนี้ฉันต้องจับเธอไปฉีดวัคซีนให้ได้!” ว่าแล้วก็กระโดดไปจับเจ้าเหมียวโดยไม่สนใจอวัยวะของตัวเองที่มันตั้งโด่เด่อยู่เลย นิลมณีในร่างเจ้าแมวสีนิลเห็นก็ยิ่งหงุดหงิดวิ่งหนีทั่วห้องนอนอุตลุด ข้าวของเครื่องใช้ล้มระเนระนาดเพราะฝีมือเจ้าแมวสีดำตัวดี
“เฮ้ย!! ไม่ได้นะ!! โคมไฟมันแพง! ใจเย็นก่อนสีนิล” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าสีนิลกระโดดไปอยู่บนโคมไฟหัวเตียงของเขา ถ้ามันกระโดดลงมาแรงดีดตัวของมันทำให้โคมไฟของเขาร่างเป็นแน่ เขาจึงพยายามที่จะเกลี่ยกล่อมเจ้าแมวเหมียวอย่างระวัง
...หึ...ได้ทีฉันล่ะ... นิลมณีร้องเหมียวตอบเขาก่อนจะดีดตัวกระโดดลงจากโคมไฟโดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย ดีนรีบพุ่งตัวเข้าไปรับโคมไฟนั้น มืออีกข้าวก็คว้าตัวเจ้าแมวเหมียวที่ตั้งหน้าจะวิ่งหนีไว้ได้ทัน
“เธอนี่นะ!”
...ปล่อยฉันนะยะ!! เจ้ามนุษย์บ้ากาม!!... เธอยังคงร้องเหมียวๆเป็นเชิงขู่เขาอย่างไม่ยอมอุ้งเท้าหน้าทั้งสองพยายามตะกุยมือเขาที่จับกลางลำตัวของเธอไว้แน่น ไม่รู้ว่าเพราะมือของเขาใหญ่หรือว่าตัวเธอมันเล็กเขาถึงได้กำรอบตัวเจ้าเหมียวแมวอย่างเธอได้มิดสนิทมือ
“ไม่ต้องดิ้นหนี ยังไงก็ต้องไปหาหมอ” ดีนพูดก่อนจะไปจัดแจงโคมไฟให้มันเข้าที่แล้วพาเจ้าแมวจอมดื้อไปยังนอกห้องนอนของตนก่อนจะยอมวางมันลงแล้วหันไปจัดการสเต็กที่แช่ไว้เมื่อวานอุ่นมาให้เจ้าสีนิลได้กินเป็นอาหารเช้า แม้ว่านิลมณีในร่างของเจ้าแมวสีนิลจะไม่พอใจเขาแต่เมื่อได้กลิ่นอาหารก็ทำให้ท้องร้องขึ้นมาได้จนต้องยอมเดินไปกัดกินสเต็กชิ้นนั้น
...ยกนี้ยอมให้ก่อนก็แล้วกัน เชอะ... ทั้งที่ปากยังคงกัดกินสเต็กก็ยังคงร้องเหมียวราวกับขู่เขาที่นั่งยองลงมองเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มือหนาเอื้อมมาลูบศีรษะของเจ้าแมวสีนิลอย่างเบามือพลางใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู จะโกรธก็โกรธไม่ลง..
เมื่อเห็นว่าเจ้าสีนิลยอมสงบกินสเต็กอยู่เขาก็รีบลุกขึ้นพาตัวเองไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวให้เรียบร้อย วันนี้เขาตั้งใจจะพาเจ้าสีนิลของเขาไปฉีดวัคซีนกันโรคเสียหน่อยไม่อย่างนั้นหากเขาโดนมันข่วนคงจะได้ติดเชื้อแน่ๆ
...นะ..นี่มันอะไร๊!!... นิลมณีตกใจเมื่อเห็นกล่องพกพาแมวที่เหมือนกับหน้ากากอวกาศมีรูให้หายใจอยู่รอบตัวกล่องพลาสติกนั้น ก่อนที่ดีนจะจับเธอยัดใส่กล่องนั้นแล้วสะพายหลังไปโดยที่เธอยังคงมึนงงและขูดข่วนเจ้ากล่องที่ขังเธอเอาไว้อยู่ด้วยไม่รู้จักกล่องพกพาแมวอีกทั้งเขายังเอากล่องที่เธออยู่ยัดใส่กระเป๋าใบใหญ่มิดชิดอีก คงจะหลบเลี่ยงกฏของคอนโดแน่ๆ
“อยู่นี่นะอย่าดื้อ” เขารีบนำเธอออกจากระเป๋ามิดชิดนั้นเพราะกลัวว่าจะหายใจไม่ออกเมื่อขึ้นมาในรถคันหรู พร้อมกับยกกล่องพกพาที่เธออยู่มาวางไว้หน้ารถที่นั่งข้างคนขับก่อนจะขับรถออกไปอย่างเงียบๆ
...เจ้าหมอนี่... นิลมณีคิดในใจพลางมองเขาผ่านพลาสติกใสหน้ากล่องนั้นก่อนจะมอบนอนอย่างว่าง่ายด้วยความมึนหัวเล็กน้อยเพราะเธอมองไม่เห็นทางข้างหน้าการเคลื่อนตัวของรถมันทำให้เธอที่อยู่ในร่างแมวค่อนข้างรู้สึกเครียดด้วยสัญชาตญานแมวราวกับคนที่กำลังเมารถอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธอนอนมอบซึมอยู่ในกระเป๋าเป้พกพาแมวนั้นอย่างหงอยๆ
ทุกอย่างเหมือนกับว่ากำลังจะจบลงด้วยดีและยังมีเรื่องราวใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเช่นกัน จุดจบของบางสิ่งเพื่อเริ่มต้นบางอย่าง... บรรยากาศภายในรถครึกครื้นไปด้วยเสียงหัวเราะของลุงเพิ่มและดีนที่พูดคุยล้อเล่นกันไปมาตามประสาผู้ชาย อาจจะเป็นเพราะหมดเรื่องที่ทำให้หนักใจไปแล้ว นิลมณีได้แต่นั่งมองดีนพร้อมรอยยิ้มบางๆ เธอไม่คิดเหมือนกันว่าสุดท้ายราชินีปีศาจอย่างเธอจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่โลกมนุษย์ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะทิ้งโลกปีศาจที่ตัวเองปกครองอยู่เพียงแค่อาจจะต้องไปๆมาๆ“พูดตามตรงว่าผมนี่มันดวงซวยเหมือนกันนะ” ดีนพูดอย่างยิ้มพร้อมหันไปมองนิลมณี “รอดจากนางปีศาจจิ้งจอกมาได้ก็จริง แต่ต้องมาเห็นผีเนี่ยสิน่าคิดหนัก” เขาพุดต่อ“นั่นสิ...” นิลมณีพูดพร้อมยกยิ้มก่อยนจะหันหน้าออกนอกกระจกรถ “แต่ก็ดีกว่าเหลือตัวคนเดียวนะคะ อย่างน้อยฉันก็อยู่ข้างๆคุณ”
ความมืดค่อย ๆ จางลง...แทนที่ด้วยแสงนวลสีเงินที่ส่องลอดผ่านม่านหมอกจาง ๆ อากาศอบอุ่นอย่างประหลาด คล้ายฤดูใบไม้ร่วงในโลกมนุษย์แต่กลับมีกลิ่นลมปีศาจเจืออยู่จาง ๆ นั่นคือสิ่งที่นิลมณีสร้างขึ้นเธอต้องการจบเรื่องนี้ให้มันเร็วที่สุด ทั้งเรื่องของเธอและเขาเสียงระลอกคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ ดังอยู่ไกล ๆดีนลืมตาขึ้นช้า ๆ รู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวไร้น้ำหนักเขานอนอยู่บนผืนน้ำที่นิ่งสนิทราวกับกระจก แต่เมื่อขยับตัวจึงรู้ว่าพื้นที่รองรับเขาไม่ใช่น้ำ หากเป็น แสง แสงสีเทาเงินที่ไหลวนช้า ๆ เหมือนสิ่งมีชีวิต“ที่นี่...ที่ไหน...” เขาพึมพำ“ระหว่างโลกของคุณ...กับของฉัน” เสียงหวานแผ่วลอยมาตามลม ดีนหันไปเห็นหญิงสาวในชุดสีดำยาวพลิ้ว ดวงตาสีเหลืองสะท้อนแสงราวกับดวงดาวกลางรัตติกาล นิลมณี กำลังยืนอยู่บนผืนน้ำแสงเช่นเดียวกับเขา“ผม...ยังไม่ตายสินะ” เขายิ้มแผ่ว ๆ“คุณไม่ตาย เพราะฉันดึงคุณมาที่นี่ก่อนที่พลังของฮู่ลี่จะกลืนไปหมด” เธอตอบด้วยเสียงสงบ แต
“นิลมณี...” เสียงของเขาแผ่วเบา ราวกับลมหายใจที่หลุดจากอกอย่างยากเย็นร่างของหญิงสาวในชุดดำสนิทย่างก้าวออกมาจากหมู่ปีศาจที่แหวกทางให้ เส้นผมดำยาวสะบัดตามแรงลม ดวงตาสีมรกตคมลึกจับจ้องชายตรงหน้า ไม่ใช่ด้วยความโกรธ แต่เป็นสายตาของความรัก สายที่บ่งบอกว่าจำต้องเผชิญหน้าในสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“ดีน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ เสียงนั้นทำให้หัวใจของชายหนุ่มแทบหยุดเต้น“เธอ...เป็นปีศาจจริงๆงั้นเหรอ” คำถามที่เปล่งออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ มีทั้งความผิดหวังและไม่อยากเชื่อผสมอยู่นิลมณีไม่ได้ตอบในทันที เธอเพียงก้าวเข้าไปทีละก้าว ฝ่าฝูงปีศาจที่ยังคงยืนจ้องมองอย่างระแวดระวัง เพราะทุกตนต่างรู้ดีว่านางแมวผู้ถูกขนานนามว่า ราชินีปีศาจ นั้น ไม่ใช่ปีศาจธรรมดา“ฉันไม่เคยคิดจะปิดบัง...” เธอพูดในที่สุด “แต่ฉันรู้ว่าคุณจะรับมันไม่ได้ โลกของคุณกับฉัน มันต่างกันเกินไป”“แล้วที่เธอทำทั้งหมด...ก็เพื่อดวงจิตในตัวฉันใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขาเย็นลง ดวงตาแดงฉานเริ่มปรากฏอีกครั้ง “เพื่อพลังปีศา
การเจอกับปีศาจหรืออมนุษย์ครั้งแรกก็เมื่อตอนที่เขายังอายุได้เพียง 9ขวบ บริษัทที่พ่อสร้างไว้เป็นเพียงบริษัทค้าอาหารสัตว์แต่ก็ส่งออกไปทั่วทวีปนี้ อุบัติเหตุที่น่าสงสัยที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งที่ตัวเขาเองควรจะเป็นไปอย่างพ่อหรือแม่ ถึงดีนจะยังเด็กแต่เขาก็ไม่ใช่เด็กโง่...ทุกครั้งที่เขาเข้าไปเล่นในบริษัทมักจะได้ยินเหล่าทีมบริหารที่พ่อไว้วางใจพูดถึงพ่อของเขาในแง่ร้ายเสมอหลังจากที่เสนองบประมาณในการผลิตแล้วผู้เป็นพ่อของเขาปฏิเสธ ด้วยความที่คิดว่าดีนเป็นเด็กเหล่าทีมบริหารจึงไม่ใส่ใจเท่าไหร่กับที่จะพูดให้ผู้เป็นลูกชายตัวน้อยของประธานบริษัทได้ยิน“เจ้าโง่นั่นไม่ได้เรื่องเลยนะ เป็นประธานบริษัทได้ยังไงกัน”“บริหารก็ไม่ได้เรื่อง ไม่กล้าที่จะยอมรับความเสี่ยงทางธุรกิจอีกต่างหาก...ไม่ว่าบริษัทไหนก็ต้องเสี่ยงทั้งนั้นกับการลงทุนน่ะ แค่นี้ก็คิดไม่ได้”“แบบนี้บริษัทก็พัฒนาไม่ได้น่ะสิ น่าจะทิ้งตำแหน่งให้คนอื่นบริหารซะ...ตัวเองก็นั่งเฉยๆรับเงินไปก็สิ้นเรื่อง”“นั่นสินะ...คนอื่นข
ดีนที่สลบสไลเริ่มรู้สึกตัวขึ้น แม้ว่าเขาจะมีพญาสิงห์อดีตจอมราชาที่มีพลังเหลือล้นกว่าปีศาจและจอมราชาทั้งปวงแต่ด้วยร่างกายของดีน ภาชนะของเขาเป็นมนุษย์เมื่อหลับใหลไปก็ไม่สามารถออกตัวแสดงอิทธิฤทธิ์ใดๆได้ นอกเสียจากว่าขาดสติแต่ยังคงลืมตาอยู่ถึงจะสามารถปกป้องได้ เขามองไปรอบๆตัวช่างเป็นที่ที่น่ากลัวและดูสกปรกไม่น้อย มองยังไงก็ไม่ใช่โลกที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่แน่นอน รู้ตัวอีกทีก็หันไปมองมือของตนเองที่ไขว้หลังอยู่ ไม่ว่าจะพยายมขยับแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับแขนของตนได้ มีบางอย่างรัดข้อมือของเขาเอาไว้แน่น รวมถึงช่วงลำตัวของเขาเช่นกัน “เปล่าประโยชน์...ยิ่งเจ้าขยับ หางของข้าก็จะรัดเจ้าแน่นกว่าเดิม”เสียงที่คุ้นหูเหมือนกับเสียงที่เอ่ยทักทายเขาก่อนจะสลบไปเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นมองข้างกายก็พบว่ามันเป็นบัลลังก์กระโหลกเก่าๆ พร้อมกับหญิงสาวในชุดที่แปลกตานั่งไขว่ห้างอยู่และปรายสายต
ดีนนั่งเงียบตลอดทางหลังจากขึ้นรถ ในหัวคิดแต่เรื่องของนิลมณีทั้งที่ยังดีๆอยู่เลยแล้วจู่ๆเธอก็เปลี่ยนไปราวกับมีเรื่องอะไรในใจที่พึ่งฉุกคิดได้อย่างไรอย่างนั้น ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอตคงไม่มีท่าทีแบบนั้นกับเขา...คิดไปพลางขวดคิ้วมองออกไปภายนอกรถ ...มันน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือผู้ติดตามของเขาที่ตอนนี้เอาแต่เงียบกริบไม่พูดไม่จาอะไร เป็นปกติต้องแซวเขาแล้ว แต่วันนี้กลับนิ่งเงียบไปจนดีนต้องหันไปมองผู้ติดตามของตนผ่านกระจก ถึงอย่างนั้นก็ยังดูปกติหรือว่าเขาคิดมากไปเอง “วันนี้ไม่แซว?” “.....” สิ่งที่ได้หลังจากถามออกไปก็ยังคงเป็นความเงียบ ไม่แม้แต่จะเห็นรอยยิ้มของเพิ่มพูนผ่านกระจกเลย เขาดูขับรถอย่างตั้งใจมากเกินไปจนเหมือนหุ่นยนต์ และที่สำคัญ...เพิ่มพูนหรือลุงเพิ่มไม่เคยไม่ตอบคำถามเขาผู้ซึ่งเป็นเจ้านายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ประธานหนุ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนไปของบรรยากาศในรถ เขาเหลียวมองออกไปนอกรถอีกครั้งแต่ครั้งกลับไม่ใช่ทางที่จะบริษัท บรรยากาศราวกับหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งทั้งที่ไม่คิดว่าจะถนนแบบนี้หรือบรรยากาศแบบ







