นางจงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งงานสนใจมาที่นาง ซินเหยาหันไปมองที่ประตู นางเห็นสัญญาณของคนขับรถม้าพยักหน้าให้แล้ว ด้วยความแปลกใจของลู่จื่อหยางที่เดินเข้ามาหานาง
“ซินเหยา เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้คุยทีหลัง เจ้าอย่าทำลายงานนี้เชียว”
“ท่านหลีกไป ข้าขอเตือนท่าน อย่ามายุ่งเรื่องนี้”
สายตานางทำให้เขานึกกลัว เขาไม่เพียงไม่หลีก แต่ยังจับแขนนางแน่น ราวกับจะสั่งว่าอย่าทำอะไรที่บังคับให้เขาต้องทำร้ายนาง
“คุณชายลู่แน่ใจนะว่าท่านจะไม่หลีก”
“ซินเหยา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน...”
“หลีกไป”
ปลายผ้าพุ่งไปที่แขนของหลิวจูเม่ยก่อนที่แขนนางจะถูกกระชากอย่างแรง กำไลทองติดมากับปลายผ้านั้นใส่มือนาง
“ไป๋ซินเหยา เจ้าหยาบคายเกินไปแล้วนะ เอากำไลแม่ข้าคืนมานะ นังสารเลว เด็ก ๆ จับมันออกไป”
“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามา”
“อาเหยา หยุดนะ!!”
“ท่านเป็นใครท่านอ๋อง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้หยุด หากท่านคิดว่าข้าจำไม่ได้ละก็ ท่านดูให้เต็มสองตาว่านี่มันเป็นของผู้ใด”
ซินเหยาขว้างกำไลทองนั้นใส่หน้าผากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ทันระวังไม่คิดว่านางจะรวดเร็ว ทำให้หน้าผากเขาเป็นแผลเลือดออก ก่อนที่กำไลทองนั้นจะหล่นมาที่มือของเขา ด้านในสลักคำว่าไป๋ชัดเจน เขาหันมาโมโหผู้ที่ใส่มันมา
“นี่เจ้าเลอะเลือนหรือโง่เง่า กล้าขโมยของของพระชายาเอกมาสวม เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน”
“ท่านพี่เจ้านะ นั่นมันเป็นของตกทอดของตระกูลข้านะเจ้าคะ นางใส่ร้ายข้า นังสารเลวนั่นโกหก”
“ของตกทอดของตระกูล ข้าใส่ร้ายเจ้างั้นหรือ ก่อนใส่ เจ้ามิได้ตรวจดูเลยหรือ ว่ามันมีสลักชื่อสกุลไว้ชัดเจน แล้วคนต่ำทรามอย่างเจ้า มาใช้ตระกูลไป๋ของท่านแม่ข้าเมื่อไหร่กันนังสารเลว”
“เพี๊ยะ”
สิ่งที่ส่งออกไปมิใช่ผ้า แต่เป็นแส้ม้าที่นางเอามาด้วย ชายารองถูกฟาดจนหน้าเป็นรอยพร้อมล้มลงไปส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้ทั้งงานเลี้ยงหยุดลงแล้ว ก่อนที่จะหันมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า จินเย่วิ่งมาอยู่ข้างๆ ซินเหยา เขาจับมือนางอีกข้างหนึ่งไว้ลู่จื่อ หยางเองก็ไม่ยอมปล่อยมือนางเช่นกัน
“ซินเหยา ใจเย็นๆ ก่อน อย่าวู่วาม นี่งานเลี้ยงพระราชทาน”
“ศิษย์พี่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าน ข้ากับสำนักเพ่ยเฉิงมิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ถ้าไม่กลัวตายก็ถอยไป”
“ซินเหยา เชื่อข้า อย่าพึ่งคุยที่นี่ ตอนนี้ เจ้าตามข้ามา”
ลู่จื่อหยางดึงตัวนางจากจินเย่ และพานางออกไป นางจะสลัดทิ้งแต่เขาไม่ยอม ก่อนที่หลิวเฟยจูจะวิ่งมาและตบหน้านางอย่างแรงทำให้ลู่จื่อหยางถึงกับตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิวเฟยจูจะกล้า
“เพี๊ยะ”
“คุณหนูรอง นี่ท่าน!!”
“นังสารเลว กล้าทำร้ายแม่ข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า ตายเสียเถอะนังตัวกาลกิณี”
“คุณหนูรอง อย่า!!”
ซินเหยาสลัดทุกคนออก ก่อนที่นางจะถีบเฟยจูออกไปอย่างแรงที่พื้น และเริ่มใช้แส้ฟาดนาง
“เพี๊ยะ”
“กล้าตบข้างั้นหรือ เจ้าเป็นใคร เจ้าอยากรู้ว่าทำไมข้าถึงได้ตีนาง ก็ไปถามแม่ชั่วของเจ้าสิ ว่านางทำเลวอะไรไว้”
“เพี๊ยะ”
“โอ๊ย ช่วยด้วยเจ้าค่ะ”
“ซินเหยา หยุด”
จื่อหยางดึงแส้นางมาได้ ก่อนที่นางจะเริ่มใช้วิหคภูษาสู้กับเขาเพื่อจะเอาแส้คืน เขาจึงตัดสินใจใช้มีดบินตัดผ้านั้นออก ซินเหยาโมโหที่เขาใช้อาวุธลับ นางจึงสู้ด้วยมือเปล่า วรยุทธนางก็มิได้ด้อยไปกว่าเขา จนจินเย่ต้องเข้ามาช่วยลู่จื่อหยางอีกแรง
“ซินเหยา หยุดก่อน ใจเย็นๆ อย่าบังคับข้านะ”
“ไม่ต้องพูดมาก วันนี้หากข้าไม่ฆ่านาง ข้าไม่ขอมีชีวิตอยู่”
“ซินเหยา อย่าบังคับข้านะ”
“คุณชายลู่ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เรื่องนี้มิใช่ธุระของท่าน หลีกไป!!”
“ไม่ ตราบใดที่มีข้าอยู่ เจ้าอย่าหวังว่าจะทำร้ายใครที่นี่ได้”
“ข้าช่วยพวกท่านเอง ซินเหยา เจ้ารนหาที่เองนะ”
ฟางหรูได้ทีเข้ามาช่วยพวกเขารุมนาง แต่ด้วยความโกรธ ซินเหยาจึงออกกระบวนท่าไม่ยั้ง ก่อนจะรัวลูกถีบใส่หน้าอกฟางหรูให้พ้นทาง จนนางกระอักเลือกแล้วพุ่งล้มไป ซินเหยายังเดินหน้าเพื่อเข้าไปหาหลิวจูเม่ยอย่างไม่ลดละ ก่อนที่จินเย่จะมาห้าม นางก็สู้กลับ แต่เป็นวิชาสำนักลึกลับ และผลักไปที่อกเขาจนเขากระเด็น
“ซินเหยา นี่เจ้า …”
“ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว อย่ามายุ่ง!!”
นางพุ่งผ้าเข้าไปหมายจะพันคอหลิวจูเม่ย แต่ถูกมีดบินของจื่อหยางตัดผ้าขาดอีกรอบ ก่อนที่นางจะพุ่งตัวไปเอง มีดบินนั้นจึงลอยมาถูกที่แขนและแก้มของนาง ทำให้นางเสียหลักและล้มลง นางหันมามองผู้ที่ซัดอาวุธใส่นาง เขาเองเมื่อเห็นว่าแขนนางบาดเจ็บและแก้มขาวนวลนั้นมีแผล ก็ใจหล่นวูบไปที่ท้องทันที เขาเพียงจะสกัดนาง ไม่คิดว่านางจะว่องไวจนมีดของเขาทำนางบาดเจ็บได้
“ซินเหยา ข้า…”
นางลอยขึ้นไป และหายไปจากที่นั่น โดยที่ไม่มีใครทันมองว่าไปไหน ก่อนที่จะมีเสียงขลุ่ยลอยมาแต่ไกล แต่หาที่มาของเสียงไม่ได้
“แย่แล้ว ต้องรีบหาตัวนางให้พบ”
จื่อหยางมองหานางแต่ก็ไม่พบ ฝูงค้างคาวเลือด เริ่มพุ่งตรงมาที่หลิวจู่เม่ยและหลิวเฟยจู พวกมันพุ่งเข้าไปและกัดพวกนางอย่างโหดเหี้ยม
“แย่แล้วคุณชายซ่ง เร็วเข้า”
เขาและซ่งจินเย่รีบกำจัดค้างคาวเลือดนั่น ก่อนที่จะมีคนเห็นผู้ที่เป็นคนเรียกสัตว์ร้ายนี้มา
“นั่น นางอยู่นั่นเจ้าค่ะ ทีปลายหลังคาเรือนตะวันออก”
จื่อหยางก็เห็นเช่นกัน ชุดขาวและผมดำที่ปลิวไสวอยู่ยอดหลังคาจวนหลิวอ๋อง ด้านหลังเป็นพระจันทร์เต็มดวง หากเป็นภาวะปกติภาพนี้คงงดงามราวกับฝันสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น หากแต่ว่าวันนี้นางทำเพื่อจะฆ่าคน ก่อนที่ค้างคาวเลือดจะพุ่งตัวกลับออกไป และนางที่หยุดเป่าขลุ่ย
“ครั้งนี้แค่ใบหน้าของพวกเจ้า แต่ครั้งต่อไป หากกล้ามายุ่งกับคนในครอบครัวข้า ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้า”
“กรี๊ด พวกนางง ว๊ายยย”
ใบหน้าของหลิวจู่เม่ยและเฟยจูถูกค้างคาวเลือดกัดจนแทบมองไม่เห็นเนื้อดี ก่อนที่พวกนางจะถูกหามออกไป ท่ามกลางความสยดสยองของคนในงานเลี้ยง และลู่จื่อหยางจึงได้รีบสั่งหยุดงานเลี้ยงทันที และรีบตามนางไป และเขาก็ตามนางทันก่อนที่นางจะถึงบ้าน
“ซินเหยา หยุดนะ มาคุยกับข้าก่อน”
“นางวิ่งหนีไปทางอื่นไม่กลับบ้าน นางวิ่งไปที่เนินเขา ที่ประจำของนาง แต่นางลืมไปว่าเขาเองก็เคยมาที่นี่ และก่อนที่นางจะออกแรงสู้กับเขาอีกรอบ”
“ซินเหยา หยุดก่อน มาคุยกันก่อน”
“หุบปาก ข้าไม่รู้จักท่าน อย่ามาเรียกชื่อข้า หลีกไป”
“ไม่ วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ท่านบังคับข้าเองนะ”
นางพุ่งตัวขึ้นและเริ่มจะเป่าขลุ่ย เขาจึงใช้มีดบินพุ่งไปปัดขลุ่ยนางจะกระเด็น ก่อนจะเอี้ยวตัวมารับขลุ่ยนั้น และนางจึงลงมายืนตรงข้ามเขา แผลที่ถูกมีดบินของเขาบาดที่ใบหน้าบัดนี้เลือดออกจนเห็นรอย และแขนของนางก็มีรอยแผลเพิ่มจากมีดเมื่อครู่อีกเช่นกัน
“ซินเหยา มาให้ข้าดูแผลก่อน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า”
“อย่าก้าวขาท่านเข้ามา”
“ซินเหยา เราคุยกันดีๆ ได้หรือไม่เหตุใดจู่ๆ เจ้าก็บุกไปทำร้ายคนเช่นนั้น ข้าก็แค่....”
“ช่วยพวกนาง ปกป้องนาง และหันมาทำร้ายข้า ลู่จื่อ หยาง วันนี้ข้ากับท่าน เป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น เอาขลุ่ยโลกันตร์ข้าคืนมา!!”
ใบหน้าของเขาตกใจระคนดีใจเมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของพระชายาที่บอกเขาเรื่องนี้ มิน่าเล่านางจึงไม่ยอมให้เขาทำ เพราะต้องการบอกข่าวดีนี้ก่อนที่จะเข้าหอ“จริงหรือ เหยาเหยา เจ้าจะบอกว่า ในท้องเจ้าตอนนี้…มีลูกของเราอยู่เช่นนั้นหรือ”“เพคะ เพราะฉะนั้น พระองค์จะทำอะไร…ก็ จะหักโหมเช่นเดิมมิได้นะเพคะ”“ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าดีใจที่สุดเลย เหยาเหยา นี่มันเรื่องดีมากจริงๆ เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ พิธีการทั้งหลายนั่น ข้าจะได้สั่งลดเพื่อไม่ให้เจ้าและลูกต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”“ข้าปรึกษาแม่นมแล้วเพคะ แม่นมก็จัดการทุกอย่างให้รวบรัดแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันมีอาการแพ้ท้องหนัก ทั้งจวนเลยวุ่นวายเกรงว่าข้าจะทนไม่ไหว ทั้งเครื่องประดับและชุดหนักๆ นี่ก็ถูกถอดออกไปหลายชิ้นเหลือเพียงสิ่งที่สำคัญๆ ไว้เท่านั้นเพคะ”“นี่ขนาดเจ้าเอาออกไปบ้างแล้ว แต่เหตุใดมันยังดูเยอะและหนักอยู่เล่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่ เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่นา ข้าจะไปสั่งให้คนยกอาหารมาให้นะ”ว่าแล้วเขาก็รีบเดินไปเปิดประตู แม่สื่อถึงกับตกใจที่เจ้าบ่าวจู่ ๆ ก็เปิดประตูออกมา แต่เขาเพียงสั่งอาหารเพื่อให้เจ้าสาวเ
พระราชพิธีผ่านไปด้วยความราบรื่นและโล่งอกของทั้งแม่นมหวงและพระชายาหลิวอ๋องที่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องของเจ้าสาวซึ่งไม่ต้องการแจ้งข่าวนี้ให้กับผู้อื่นทราบเจ้าบ่าวเองก็แทบจะไม่อยากรับแขกอีกต่อไป เขาอยากจะเร่งให้จบงานเลี้ยงที่ท้องพระโรงเร็วๆ เสียเหลือเกินเพราะคิดถึงเจ้าสาวที่เฝ้ารอมาหลายสิบวันเต็มที่แล้วตำหนักบูรพา ห้องส่งตัวเจ้าสาว“พระชายา อีกประเดี๋ยวเมื่อองค์ไท่จื่อเข้ามา จะเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน และดื่มสุรามงคล คืนนี้จะมีแม่สื่อเฝ้าอยู่หน้าห้องจนกว่าไฟในห้องจะดับลงเพื่อส่งตัวพวกท่านเข้าหอ พิธีเข้าหอ ห้ามมิให้คู่บ่าวสาวออกจากห้องหอจนกว่าจะรุ่งสาง”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะแม่นม”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะออกไปแล้วนะเพคะ องค์ไท่จื่อน่าจะกำลังมาแล้ว”“ขอบคุณแม่นมเจ้าค่ะ”เป็นดังคาด องค์ไท่จื่อ เว่ยจื่อหยางเสด็จมาถึงห้องส่งตัวก่อนเวลาถึงสองเค่อ เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาทิ้งให้องค์ชายห้า เจ้าบ่าวอีกคนทำหน้าที่รับแขกแทนเขา แล้วเขาก็มาที่ห้องส่งตัวก่อน องค์ชายห้าเข้าใจความรู้สึกของจื่อหยางดี เขาจึงรับหน้าที่ดูแลแขกในงานแทนน้องชายประตูห้องส่งตัวถูกเปิดออก เว่ยจื่อหยางเดินเข้ามา ตอนแรกเขารี
ท่านหมอวิ่งเข้าไปยังห้องที่ซินเหยานอนพักอยู่ ตอนนี้นางหยุดอาเจียนแล้ว เขาเริ่มจับชีพจรของนางก่อนและก็หันมามองที่แม่นมหวงและพระชายาที่มองไปที่คนป่วยอย่างนึกเป็นห่วง ท่านหมอลุกขึ้นมาพร้อมกับความตกใจของทั้งคู่“ท่านหมอ เหตุใดตรวจเพียงนิดเดียว นางเป็นหนักถึงเพียงนี้ ท่านจะรีบลุกไปไหนกัน”“ยินดีกับพระชายาด้วย คุณหนูตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ทั้งสองที่รอฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ พร้อมกับแม่นมที่คอยตบแขนพระชายาหลิวอ๋อง“พระชายา ท่านได้ยินหรือไม่ ข่าวดีเช่นนี้ พระชายา”“มีครรภ์ เหยาเหยามีครรภ์ แม่นม ข้ามิได้ฟังผิดไป”“ไม่ผิดเจ้าค่ะ เร็วเข้า พวกเจ้ารีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้คุณหนู ท่านน่ะ รีบไปเตรียมอาหารบำรุง ข้าจะรีบจดให้ว่าต้องซื้อสิ่งใดบ้าง พระชายา ท่านอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูก่อน ข้าจะรีบไปช่วยท่านป้าฝูเตรียมของบำรุง”“ท่านหมอ แล้วช่วงนี้ต้องระวังสิ่งใดบ้างเจ้าคะ”“พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่มีอะไรหนัก ช่วงนี้ให้นางพักผ่อนมาก ๆ อย่ายกของหนัก ห้ามวิ่ง ระวังเรื่องอาหารรสจัด ส่วนเรื่องอื่น ไม่น่าต้องเป็นห่วง ช่วงครรภ์อ่อนๆ การพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”“ยินดีด้วยๆ พระช
พระราชพิธีแต่งตั้งองค์ไท่จื่ออย่างเป็นทางการได้ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงสิบวันก็จะถึงวันพระราชพิธีสมรสและแต่งตั้งพระชายาองค์ไท่จื่อจวนสกุลหลิวต่างเร่งตกแต่งจวนและส่วนหนึ่งก็รีบจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับงานใหญ่ ไม่คิดว่าการกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้จะเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้“พวกเขามากันแล้ว อาจารย์ ศิษย์จะไปต้อนรับพวกเขาเอง”“ไปเถอะๆ แล้วพาพวกเขาไปห้องพักด้วย”“ขอรับอาจารย์”เซียวจุนวิ่งออกไปหน้าจวน รถม้าสองคันที่จอดต่อกันอยู่เพื่อมาร่วมงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า เซียวจุนวิ่งออกมารอรับพวกเขา ประตูรถม้าคันแรกเปิดออกมาแล้ว สิงอี้หานเดินนำหน้าออกมาพร้อมกับพยุงอันถงถงลงมาจากรถม้า ก่อนจะลงมาทักทายเซียวจุนที่รออยู่หน้าจวน“คุณชายสิง แม่นางอัน ยินดีต้อนรับ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”""คุณชายเซียว""พวกเขาเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน ไป๋ซินเหยาเล่าเรื่องเซียวจุนในจดหมายให้พวกเขาฟังแล้วก่อนเดินทางมาที่นี่ พวกเขาพบเซียวจุนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เซียวจุนจะดูเป็นมิตรมากกว่าที่เจอตอนอยู่เขาเซียนซี“พี่เซียว พวกข้าปลอดภัยดี ระยะทางค่อนข้างไกลแต่เดินทางสะดวก ได้ข่าวว่าท่านบาดเจ
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั