เข้าสู่ระบบตอนที่ 2 ซ่งตงหยาง
ปี 1960 ในอีกมิติหนึ่ง
ซ่งตงหยาง ในวัย 9 ปีเดินเข้าไปในตระกูลซ่งพร้อมกับบรรดาลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ในวัยเดียวกัน วันนี้ผู้นำตระกูลนัดรวมเด็กชายที่อายุ 8 - 12 ปี เพื่อที่จะมอบสมบัติให้แก่หลานชาย
"ตงหยาง คิดหรือยังว่าจะเลือกอะไร" ซ่งเว่ยหนาน กระซิบถามคนที่มีอายุน้อยกว่าตน
ตงหยางส่ายศีรษะตอบกลับไป เลือกหรือ
เขาไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ ๆ"บางทีก็น่าเห็นใจผู้หญิง... ไม่ได้เข้ามาเลยสักคน ต้องรออยู่ข้างนอก" เว่ยหนานยังชวนคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายคุยเรื่อย ๆ ทั้งที่บ้านปู่กับย่าใหญ่โตมากมาย กลับให้หลานผู้หญิงรออยู่หน้าเรือนไม่ยอมให้เข้ามาข้างใน
พอเข้าไปข้างในถึงได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเขามอบสมบัติให้คนละชิ้น พร้อมกับเงินจำนวน 15 หยวน แลกกับให้ตัดขาดจากตระกูลต่อไปไม่เกี่ยวข้องกันอีก ไม่ว่าภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลซ่ง
ตระกูลซ่งเป็นตระกูลใหญ่ มีลูกหลานที่เป็นผู้ชายจำนวนมาก มีลุง อา หลายคนที่รับราชการเป็นทหาร แต่พวกเขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องเลี้ยงบุตรหลานที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพราะตอนนี้ข้าวปลาอาหารนั้นหายากยิ่งกว่าอะไร
และแน่นอนว่าตระกูลซ่งกลัวคนอื่นเอาไปพูดเสีย ๆ หาย เลยป่าวประกาศว่าจะให้หลานชายวัย 8 - 12 ปี เข้ามาเลือกสมบัติ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าหลังจากวันนี้พวกเขาก็จะบอกว่าให้เงินทุนลูกหลานเหลนทั้งหลายไปทำทุน และแยกย้ายกันไปเติบโต จากที่จะโดนครหาก็จะเปลี่ยนกลายเป็นยกย่องพวกเขาแทน
ถึงจะชอบที่มีหลานชายเยอะ ๆ แต่หากช่วยงานไม่ได้ก็ไม่มีทางเก็บไว้แน่นอน ยิ่งลูกที่ไม่มีพ่อกับแม่คอยหนุนหลัง ยิ่งไม่ต้องคิดให้ยาก เขากับเว่ยหนานก็คือหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน พ่อของพวกเขาทั้งคู่ตายไปแล้ว เว่ยหนานยังเหลือแม่กับพี่สาว ส่วนเขาไม่เหลือใครเลย เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่เสียแม่ตั้งแต่คลอด มีพ่อที่คอยเลี้ยงดูสั่งสอนมาอย่างดี จนเมื่อปีที่แล้ว พ่อเขาจากไปจึงเหลือเขาเพียงคนเดียว...
"หึ!! พอไม่มีประโยชน์ก็ไล่กันเลย เชื่อสิ!! พวกเขาต้องป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองว่าแบ่งสมบัติให้ทำทุน เงินคนละ 15 หยวน กับของเก่า ๆ ที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร" เว่ยหนานบ่นด้วยความไม่พอใจ สิ่งที่บอกว่าเป็นสมบัติคือ แจกัน ภาพวาด มีด หอก ธนู อาวุธโบราณ สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลย
"อย่างน้อยก็เอาไว้ป้องกันตัวได้" ตงหยางพูดขึ้นให้อีกคนสบายใจ
"ตงหยาง... มีดนั้นเก่ามาก มันจะป้องกันตัวได้ยังไง เหมือนส่งเราออกไปตายดี ๆ นี่เอง" เว่ยหนานเคยเห็นมาแล้ว ยุคนี้ข้าวยากหมากแพง อาหารก็หายาก
เว่ยหนานคิดว่าสิ่งของที่พวกเขาให้มานั้นไร้ค่ากว่าข้าวสารจำนวน 2 ชั่งเสียอีก หากมีคนเอาข้าวสารมาขอแลกกับหอกโบราณที่เขาได้มา เขาจะรีบแลกทันที มีข้าวสารไปกรอกหม้อดีกว่าหอบหิ้วหอกเก่า ๆ นี่กลับบ้าน เว่ยหนานถอนหายใจด้วยความอัดอั้นตันใจ ก่อนจะมองไปยังมีดสั้นของญาติผู้น้อง ของเขาว่าไร้ค่าแล้ว... ของญาติผู้น้องน่าจะหนักกว่า มีดสั้น!! แลกข้าวสารสักชั่งยังยากเลย
ตงหยางไม่ได้สนใจ เพราะเขาพอจะรู้อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าตัวเองเก่ง แต่เพราะถูกสอนมาตั้งแต่จำความได้ พ่อของเขาสอนให้เอาตัวรอดในทุกสถานการณ์ เพราะพ่อบอกว่าไม่มีอะไรแน่นอน เหมือนกับแม่ที่เหมือนปกติทุกอย่าง ยังยิ้มให้พ่อเหมือนเช่นเคย แต่เพียงไม่กี่ชั่วยามกลับจากกันจนไม่สามารถไปหากันได้ เพราะถูกสั่งสอนมาแบบนี้ จึงทำให้คนอื่นมองว่าเขาดูโตกว่าอายุ
ในวันนั้นตงหยางได้ของมาจากตระกูลซ่งสามอย่าง อย่างแรกคือมีดสั้นโบราณ อย่างที่สองคือ เงินจำนวน 15 หยวน อย่างที่สามคือ จดหมายตัดขาดจากตระกูล
หากเป็นตระกูลอื่นคงไม่มีทางตัดหลานชายออกจากตระกูลแน่นอน แต่ทำอย่างไรได้ หลานชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับเขามีมากเกือบ 20 คน พวกเขาไม่สนใจคนที่เหลือตัวคนเดียวอยู่แล้ว
หากโตสักหน่อยคงไม่โดนกระทำเช่นนี้ เพราะพวกเขาคิดว่าน่าจะใช้ประโยชน์ได้ แต่ทำอย่างไรได้ เขามีอายุเพียง 9 ปีเท่านั้น คนตระกูลซ่งเลยเห็นว่าเป็นภาระมากกว่ามีประโยชน์
นับตั้งแต่วันนั้น ซ่งตงหยางก็ออกจากตระกูลซ่ง แล้วมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง...
ปี 1970 (ผ่านมา 10 ปี)
เฮือก!!!
ตงหยางสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก... ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เขาจะตื่นขึ้นมากลางดึกแบบนี้บ่อย ๆ
ตั้งแต่เขาได้มีดสั้นเล่มนั้นมา มีดสั้นโบราณที่ตระกูลซ่งมอบให้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ติดตัวมา ตงหยางจะฝันเห็นผู้หญิงคนเดิม ตั้งแต่เล็กจนเติบโต หญิงสาวผู้มีดวงตาสีน้ำตาลสว่าง...
ในความฝัน เขาจะเฝ้าตามหญิงสาวคนนี้ และทุกอย่างที่เป็นเธอทำให้เขายิ้มได้ตลอด ลืมความเหนื่อยล้า เหมือนเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี แค่มองก็ทำให้มีแรงลุกขึ้นมาได้ แต่ทุกครั้งเขาจะสะดุ้งตื่นทันทีที่เห็นดวงตาสีน้ำตาลสว่างจ้องมาที่เขา
พอรู้สึกตัวเขาก็จะเหนื่อยหอบเหมือนคนที่วิ่งด้วยความเร็วในระยะไกล ๆ หากเป็นแต่ก่อนเขาจะคิดว่ามันคือความฝัน แต่หลังจากที่เขาได้แผลจากมีดสั้นโบราณ เขาจึงรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ความฝัน และยังมีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย ทำให้หลายอย่างในชีวิตเขาเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ วางแผนใหม่ทั้งหมด เพื่อรอคนคนหนึ่งที่เขาเฝ้ารอมาแสนนาน...
...ครองรักเพียงจิบชา
พันปีคะนึงหา
ร้อยชาติจากลา
สมควรแก่เวลาหวนคืน...
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละภพชาติระหว่างเขากับนางอันเป็นที่รัก เขารอคอยนางมาทุกภพชาติ เดียวดายอย่างที่นางเคยลั่นวาจา จนชาติภพนี้คือชาติภพที่หญิงอันเป็นที่รักจะหวนคืน...
ตงหยางล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เขาเฝ้าคอยนับตั้งแต่ที่พอจะระลึกได้ ถึงแม้ความทรงจำจะเลือนราง และไม่ใช่ความทรงจำทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้น แต่เขาก็มีความทรงจำในหลาย ๆ ภพชาติ ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดในยุคที่ว่าลำบากที่สุดมาได้ และยังสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ทั้งที่อายุยังน้อย
ตงหยางสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบาย และเขายังวางแผนสำหรับอนาคตไว้อีกด้วย ตอนนี้เหลือเพียงรอเวลาเท่านั้น ดวงตาของตงหยางค่อย ๆ ปิดสนิทลงอีกครั้ง
ราตรียังอีกยาวไกล... ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่สะดุ้งตื่นจะเหนื่อยล้า... แต่เขากลับอยากอยู่ในความทรงจำนั้นนาน ๆ
กรี๊ด!!! เสียงกรีดร้องของเด็กทำให้ตงหยางสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
ตงหยางจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลสว่างในความมืดด้วยความตกตะลึง... ดวงตาเช่นนี้เขาจำได้ดี!! ตงหยางหยิบไฟฉายขึ้นมาเปิด แล้วส่องไปยังบริเวณที่เขามองเห็น ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างมากกว่าเดิม...
เขาเห็นเด็กผู้หญิงอายุไม่น่าจะเกิน 6 ขวบ เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาตลอดเวลา เจ้าตัวเล็กปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงตัวเองเล็ดลอดออกมา แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นเบา ๆ ให้ได้ยิน สายตาเหมือนมองหาบางอย่างอย่างร้อนใจ
ยิ่งเห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้... หัวใจของเขาเหมือนกับโดนบีบรัดจนปวดร้าว เขาไม่รู้ว่าเด็กน้อยไปเจออะไรมาถึงได้เป็นแบบนี้ แล้วที่สำคัญเด็กน้อยมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!!
"พ่อขา... พ่ออยู่ไหน" เล่อเล่อเรียกหาพ่อเสียงเบาในความมืดมิด ถึงจะมีแสงบางอย่างส่องมา แต่รอบกายก็ยังมืดสนิท
ก่อนหน้านี้มีคนเล็งบางอย่างมาที่เธอ ตามมาด้วยเสียงที่ดังมาก แล้วทุกอย่างก็มืดสนิทจนเธอมองไม่เห็นพ่อ รู้ตัวอีกทีเธอก็มาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
ตงหยางคิดและตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็ว เขาต้องการจับตัวเจ้าตัวเล็กไว้ก่อนที่จะหายไป ส่วนเรื่องอื่นค่อยหาคำตอบทีหลัง ตอนนี้เขาต้องหยุดเจ้าตัวเล็กเสียก่อน!!
"กรี๊ดด!!! " เมื่อมีบางอย่างพุ่งเข้ามาใกล้ตัว เล่อเล่อก็กรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจกลัว ก่อนที่แสงไฟที่มีอยู่น้อยนิดจะมืดดับอีกครั้ง
"บ้าเอ๊ย!! " เขาไม่สามารถจับเจ้าตัวเล็กไว้ได้ ทั้งที่เขาคิดว่าตัวเองเคลื่อนไหวได้เร็วที่สุดแล้ว แต่เจ้าตัวเล็กกลับหายไปต่อหน้าตาต่อตาอย่างไร้ร่องรอย
เขาพลาดที่กระโจนเข้าหา... จากสีหน้าท่าทางของเจ้าตัวเล็กเหมือนกำลังตื่นตระหนก เตรียมพร้อมจะหนีตลอดเวลา เขาเลยคิดจะจับตัวไว้ก่อน แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี...
หากเขาเจออีกครั้ง... เขาจะไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปได้อีกอย่างแน่นอน!!
ตอนที่ 11 กลับมาเพื่อลาจากถิงถิงยืนมองพื้นที่โล่งแจ้งที่เหลือเพียงตอตะโกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เกิดเป็นภูตมีอายุหลายร้อยปี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ อย่างน้อยก็พอจะรู้ชะตาของคนอื่นบ้าง แต่ของนายหญิงกลับเป็นข้อยกเว้น!! ไม่เคยรับรู้ ไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดถึงรับรู้อะไรไม่ได้เลยหากรู้สักนิด... เธออาจจะช่วยนายหญิงได้ตลอดชีวิตถิงถิงเสียใจอยู่ไม่กี่ครั้ง ครั้งแรกตอนที่ต้องจากนายหญิง แต่เธอรู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาเราจะกลับมาพบกันอีก แต่ครั้งนี้เธอเสียใจ เธอเป็นห่วง ไม่สามารถสัมผัสได้ว่านายหญิงอยู่ที่ไหน ที่น่ากังวลมากกว่าสิ่งอื่นใดคือ นายหญิงเหมือนเด็กมนุษย์คนหนึ่งเพียงเท่านั้น"ป้า ๆ คนในบ้านหลังนั้นไปอยู่ที่ไหนเหรอ" ถิงถิงหันมาถามคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ"ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีคนอยู่ใ
ตอนที่ 10 เกลือเป็นหนอนเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมา แขนขาของเธอถูกมัดติดกับเก้าอี้ เธอพยายามดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการ สายตากวาดมองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว การที่มีคนรู้ที่ซ่อนได้นั้นไม่ต้องเดาให้ยากเลย ต้องมีเกลือเป็นหนอนแน่ ๆ คนนอกไม่มีทางเข้ามาถึงที่หลบภัยได้ง่าย ๆเธอไม่ได้มาอยู่ที่นี่คนเดียว ยังมีคนในทีมที่คอยดูต้นทาง มีทั้งเวรยาม กว่าจะเข้ามาถึงตัวพวกเธอต้องใช้เวลา และแน่นอนว่าคนของเธอต้องรายงานให้เธอระวังตัว แต่นี่กลับไม่มีใครรายงานเลยสักคน"พวกเขามัดเราไว้ค่ะ" เล่อเล่อบอกพี่สาวให้รู้ตัวเธอถูกจับเข้ามาอยู่ในห้องนี้พร้อมกับพี่สาว เธอตื่นมาได้สักพักแล้ว แต่ยังนั่งนิ่ง ๆ ไม่กระดุกกระดิก เธอเห็นหลายคนเดินเข้ามาในห้องนี้ ส่วนมากเป็นคนที่มากับพี่สาว ไม่มีใครไว้ใจได้อย่างที่พี่ชายหยางบอกไว้ ตำรวจเลว!!"ซือเล่อเป็
ตอนที่ 9 ไม่เหลืออะไรแล้วระหว่างเดินทางมาที่หลบภัย เฟยเทียนพยายามพูดให้เจ้าตัวเล็กเข้าใจถึงอันตรายต่าง ๆ จึงไม่สามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งกว่าจะยอมก็ต้องหาเหตุผลต่าง ๆ มาหว่านล้อม พูดคุยด้วยเหตุและผล เธอถึงบอกว่าเด็กคนนี้ฉลาดแต่ยังไร้เดียงสา เลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วง จนต้องมาดูแลด้วยตัวเองเมื่อมาถึงที่หลบภัย เฟยเทียนพาเจ้าตัวเล็กสำรวจดูที่พัก ก่อนจะสั่งงานลูกทีม มอบหมายงานให้บางคนไปสืบข่าว บางคนให้อยู่รอบ ๆ ที่พัก เพื่อดูต้นทางและตรวจสอบความปลอดภัยพอสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบประวัติของครอบครัวเฉินมาอ่านคร่าวๆ ซึ่งมันน่าแปลกที่สองพ่อลูกไม่มีญาติที่ไหน มีกันเพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งธุรกิจที่ครอบครัวเฉินทำนั้นขาวสะอาด แต่กลับคบคนที่ไม่ขาวสะอาดอย่างเช่น คุณเกาหานคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อที่มีอิทธิพลที่สุดในแถบนี้เลยก็ว่าได้
ตอนที่ 8 ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆเมื่อเล่อเล่อมาถึงสถานีตำรวจก็ทำตัวไม่ถูกเพราะมีผู้คนมากมายเดินไปมา บางคนก็พูดจาเสียงดัง บางคนก็ทะเลาะกันเสียงดัง เธอจึงเริ่มมองหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่ค่อยมีตำรวจเลย ทุกคนต่างแต่งตัวธรรมดา เธอไม่สามารถแยกได้ว่าคนไหนคือเจ้าหน้าที่ คนไหนคือผู้ร้องทุกข์"หนูคะ... มาหาใครเหรอคะ" หญิงสาวเดินเข้ามาหาเจ้าตัวเล็กพร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร"มาหาคุณตำรวจค่ะ" เล่อเล่อตอบกลับไปอย่างเร็ว พี่สาวคนสวยอาจช่วยเธอได้"ตำรวจคนไหน หรือว่าตำรวจคนไหนก็ได้" เพราะสถานีตำรวจมีเจ้าหน้าที่มากมาย บางทีต้องระบุว่าจะไปหาใคร"หนูจะมาให้ตำรวจช่วยตามหาพ่อกับคนในบ้านค่ะ" ในตอนแรกตั้งใจจะบอกให้ช่วยตามหาคุณลุงด้วย แต่เธอไม่มีข้อมูลของคุณลุงเลย ไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น มีเพียงรูปถ่ายที่ไม่ค่อยชั
ตอนที่ 7 ออกตามหาด้วยตัวเองเล่อเล่อลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความประหลาดใจ...กลับมาแล้ว!! เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดก็ได้กลับมาเมื่อคืนเธอนอนหลับอยู่ในบ้านของพี่ชายหยาง แต่พอตื่นกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเองเล่อเล่อไม่ตกใจในเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เธอแค่ไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาได้ยังไง เล่อเล่อค่อย ๆ ขยับตัวให้เงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอรู้ว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยเหมือนแต่ก่อน ดีที่ว่าเธอกลับมานอนบริเวณใต้เตียงนอนของตัวเอง ซึ่งเธอชอบมุดเข้ามาเล่นเป็นประจำอยู่แล้ว"อาจเพราะความกลัวถึงทำให้ตัวเล็กมาที่นี่ได้"เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่ชายหยางจึงทำให้เธอคิดทบทวน หากเธอจำไม่ผิด เมื่อคืนเธอฝันร้าย!! หรือฝันร้ายสามารถพาเธอกลับมาได้!! หากเป็นแบบนั้นจริงๆความกลัวสามารถพาเธอไปที่ไหนก็ได้แน่ ๆ
ตอนที่ 6 ยอมเชื่อใจเล่อเล่อบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาให้ฟังจนหมด บอกด้วยว่า คนที่ทำร้ายพ่อคือคุณลุงเกา เพื่อนของพ่อ เขาถามอะไรเธอก็ตอบ เธอยอมเชื่อใจพี่ชายคนนี้ เพื่อให้เขาช่วยตามหาพ่อกับลุงของเธอไม่ใช่แค่เล่าให้ฟังเพียงเท่านั้น เธอยังเอาสิ่งของบางอย่างให้ดูอีกด้วย แต่ไม่ได้ให้ดูทั้งหมด ถึงจะยอมเชื่อใจให้พี่ชายช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้บอกทุกอย่าง"ชิวหาน ตามหาคนที่ชื่อนี้แซ่นี้ และก็สืบประวัติเกี่ยวกับคนแซ่นี้ด้วย ขอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้" ตงหยางสั่งคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ หากเป็นตระกูลใหญ่จะหาเจอได้ง่าย ๆ ถึงจะมั่นใจว่าเล่อเล่อมาจากที่อื่น แต่หาข่าวไว้ก็ไม่เสียหาย"หาพ่อที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ เดี๋ยว ๆ ขอหนูไปหาพ่อด้วยได้ไหมคะ" พ่อเธอบาดเจ็บ ต้องอยู่โรงพยาบาลแน่ ๆ







