“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”
“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว
“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”
“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน
“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ
“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”
“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ
เมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”
พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มตัวมาดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้เธออย่างรวดเร็ว
“อุ๊ย! นี่คุณ!...” พลอยไพลินนึกเคืองที่เขาเข้าใกล้เธอเกินความจำเป็น หญิงสาวรีบดันบ่าเขาสุดแรง ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ทำให้เธอได้เห็นใบหน้าคนขับรถซึ่งพี่ชายแจ้งว่าเป็นหนึ่งในทีมบอดี้การ์ดชัดเจน เธอก็ต้องตกใจ ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างแค่คืบด้วยอาการตกตะลึง
“พี่โย!”
วาโยยิ้มหวานใส่นัยน์ตากลมโต ก่อนขยับตัวหันไปทำหน้าที่คนขับรถ เขาไม่ยินดียินร้ายกับใบหน้าตื่นๆของหญิงสาว เพราะคาดเดาได้ว่า เธอคงไม่พอใจเท่าไรที่เห็นเขาในวันนี้
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว พลอยไพลินหันรีหันขวางด้วยความตกใจ เธอไม่อยากไปกับเขา เธออยากขอเปลี่ยนตัวคนขับรถ
“พี่โยจอดรถเลยนะคะ เต็นไม่ไปกับพี่โย” พลอยไพลินแหวเสียงดัง เธอเหลียวหลังไปมองพี่ชายที่กำลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน อยากตะโกนบอกให้พี่ชายมาช่วยพาเธอลงไปจากรถคันนี้ที พี่กระต่ายน้อยจะรู้ไหมว่ากำลังส่งนกกระเต็นน้อยเข้าปากเสือ
“อย่าทำตัวเป็นเด็กไม่รู้ความ เต็นไปทำงานของเต็น พี่ก็ไปทำงานของพี่ เราต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ โตแล้วควรรู้จักแยกแยะ ไม่ควรเอาอารมณ์ส่วนตัวมาเป็นที่ตั้ง” น้ำเสียงจริงจัง และใบหน้านิ่งขรึมของวาโยทำให้คนดื้อดึงนิ่งเงียบ และเมื่อรถแล่นพ้นประตูรั้ว พลอยไพลินก็หันกลับมานั่งตัวตรงตามเดิม หมดสิ้นความหวังที่จะได้ลงจากรถคันนี้แล้ว
เมื่อนั่งนิ่งมาได้สักระยะ ความโมโหอัดแน่นจนได้ที่ เธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจได้อีกต่อไป พลอยไพลินจึงหันไปมองหน้าคนหน้ามึนอย่างเอาเรื่อง อยากจะกรีดร้องใส่หน้าเขานัก เธอรู้ว่าเธอมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มีงานต้องทำ แต่เขาล่ะ เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัท จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องมาทำหน้าที่คนขับรถแทนลูกน้องแบบนี้ เขาต้องมีแผนการที่ไม่น่าไว้ใจอยู่ในหัวแน่ๆ ขนาดนานๆเจอกันที เขายังจับเธอจูบเอาๆ แล้วนี่ต้องอยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน เธอมิเสียจูบให้เขาเป็นร้อยครั้งพันครั้งหรอกเหรอ แต่เมื่อคนที่เธอเอาแต่จ้องมองด้วยสายตาเคืองขุ่นไม่ยอมหันมาสบตาด้วย คนโมโหได้แต่กะบึงกะบอนต่อว่าเขาด้วยความเจ็บใจ
“พี่โยร้ายที่สุด” พลอยไพลินเบี่ยงตัวหันหน้าหนีไปด้านข้าง ไม่อยากเห็นหน้าคนเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ
วาโยชำเลืองตามองแผ่นหลังของคนงอน เขายิ้มบาง ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ถึงจะโมโหปั้นปึ่งอย่างไร น้องก็น่ารักน่าจูบสำหรับเขาเสมอ
"พี่โยคะ นี่ไม่ใช่รีสอร์ตที่เลขาของเต็นแจ้งไว้นี่คะ" หลังจากนั่งเงียบมาตลอดทาง คนขับรถพูดอะไรด้วย เธอก็ไม่หือไม่อือ แต่พอเห็นป้ายรีสอร์ตตรงทางเข้า พลอยไพลินก็รีบหันไปถามหน้าตาตื่น
“แต่พี่ได้รับข้อมูลมาว่าเป็นที่นี่นะครับ” วาโยตอบเสียงราบเรียบ ทว่าสายตาเขากลับส่อแววมีพิรุธ ชายหนุ่มบังคับรถเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณลานจอดรถของรีสอร์ต แล้วหันมายิ้มให้คนที่เขาต้องดูแลความปลอดภัยตลอดสามวัน
“ไม่ใช่ที่นี่ค่ะ” เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเขาแล้ว พลอยไพลินชักเอะใจ หญิงสาวจึงพยายามใช้เสียงเข้มเข้าข่ม เขามากับเธอในฐานะบอดี้การ์ด เขาต้องเชื่อฟังเธอในฐานะที่เป็นคนจ้างงานสิ
“แต่พี่จะพักที่นี่” คนหน้ามึนบอกแบบมึนๆ
“เต็นจะไม่พักที่นี่ค่ะ ในฐานะที่เต็นเป็นนายจ้าง เต็นขอสั่งให้พี่โยพาเต็นไปพักรีสอร์ตที่คุณนิดพักอยู่ค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางขึงขัง หน้าตาบึ้งตึงของแม่นกกระเต็นน้อย วาโยจึงขยับตัว หันมาจ้องหน้าเธอด้วยสายตาดุจริงจัง
“พี่มีทางเลือกให้เต็นเลือกสองทาง หนึ่ง...พักอยู่ที่นี่โดยนอนคนละห้องกับพี่ หรือสอง...พี่จะพาเต็นไปพักรีสอร์ตเดียวกับคุณนิดก็ได้ แต่เต็นต้องนอนห้องเดียวกับพี่”
พลอยไพลินอ้าปากค้างกับทางเลือกที่ไม่น่าเลือกสักทางของเขา หญิงสาวเม้มปากแน่น โมโหจอมบงการ คนเอาแต่ใจ เรื่องอะไรเธอจะต้องเลือกด้วย เธอจะไม่มีวันเลือกเด็ดขาด เธอจะโทรฟ้องพี่ชายว่าเขาคิดมิดีมิร้ายกับเธอ คนไม่อยากเลือกอะไรสักอย่างล้วงมือลงในกระเป๋าถือบนตัก เพื่อควานหาโทรศัพท์ ทว่ามือบางก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินคำพูดขู่ขวัญจากปากคนเสนอทางเลือกให้เธอ
“ถ้าเต็นคิดจะโทรฟ้องใครสักคน กว่าใครคนนั้นจะตามมารับเต็นถึงที่นี่ก็คงใช้เวลาหลายชั่วโมง ระหว่างที่รอ พี่ไม่รับประกันนะว่าเยื่อพรหมจรรย์ของเต็นจะปลอดภัยหรือเปล่า”
“พี่โย!”
“ถ้าคิดว่าพี่พูดเล่น เต็นก็ลองโทรออกสิ แล้วเต็นก็จะได้รู้ว่าพี่แค่ขู่หรือเอาจริง”
พลอยไพลินสบสายตาคนที่กล้าเอาเรื่องเยื่อพรหมจรรย์ของเธอมาขู่หน้าตาเฉย สายตาคมดุของเขาทำให้เธอร้อนๆหนาวๆ ชำเลืองมองรอบกายก็เห็นแต่ป่าไม้ ขุนเขา บรรยากาศแบบนี้หากมากับคนที่ไว้ใจได้ คงทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย แต่นี่เธอมากับเสือ และเสือก็เพิ่งขู่ว่าจะกินตับเธอเสียด้วย ใครอารมณ์ดีได้ก็บ้าแล้ว
“เมียบอกให้นั่งตรงนี้” เพลิงตะวันตอบโต้เสียงแข็ง “กลัวเมียว่างั้น” กวีว่าแล้วยิ้มเยาะ “ไม่ได้กลัว แต่เกรงใจ” “ต่างกันตรงไหนวะครับ คำว่ากลัวกับเกรงใจเนี่ย” กวีถามเสียงกลั้วหัวเราะ “ต่างก็แล้วกันน่า” เพลิงตะวันว่าอย่างหงุดหงิด บอกว่าเกรงใจก็เกรงใจสิ ใครเขาจะกลัวเมียกัน แค่เมียบอกให้มานั่งตรงนี้ ห้ามไปเซ้าซี้ตรงนั้น เขาก็ทำตามเพราะเกรงใจเมีย ไม่ได้กลัวสักหน่อย หนุ่มๆพากันส่ายหน้ากับคำแก้ตัวของคนกลัวเมีย ใครๆต่างก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าเพลิงผู้ห้าวหาญในวันวาน กลับกลายเป็นเพลิงผู้อ่อนโยนและยอมเมียไปทุกอย่าง เหตุผลเดียวที่เขายอมขนาดนี้ก็เพราะกลัวเมียหนี บรรยากาศบ้านไร่ยามเย็น มีสายลมพัดมาเรื่อยๆ อากาศยามตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วเย็นสบาย เด็กๆยังคงวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงบรรดาผู้ใหญ่พูดคุยกันสลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะ ใบหน้าและแววตาทุกคนเปี่ยมไปด้วยความสุข อบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรัก ความผูกพัน ณ ที่แห่งนี้คือ ไร่ภูอิงฟ้
“รักหนูพรรณนะครับ” คำบอกที่ได้ยินทำให้เธอระบายยิ้มหวาน หนูพรรณหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ยอมให้สามีกอดไว้แนบอก พักสักหน่อยก่อนกลับไปหาลูก ตื่นขึ้นมาคราวนี้ เธอก็ได้แต่หวังว่าสามีจะไม่หาเรื่องมาให้เธอลงโทษเขาอีก ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กลับบ้านกันพอดี ณ ไร่ภูอิงฟ้า วันนี้เพลิงตะวันเป็นเจ้าภาพจัดงานพบปะสังสรรค์ญาติๆขึ้นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน จากเมื่อก่อนที่มีเพียงครอบครัวของพ่อนนท์แม่พราวกับครอบครัวพ่อเพชรแม่กระแตและลูกๆ แต่ตอนนี้สมาชิกเครือญาติได้เพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งลูกหลานรวมกันนับสิบวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บรรดาผู้สูงวัยคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พ่อนนท์ แม่พราว พ่อเพชร แม่กระแต คุณวาทิตนั่งพูดคุยกันอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ส่วนบรรดาคุณแม่ยังสาวหนูพรรณกับกระเต็นช่วยกันดูแลลูกๆหลานๆ หนูจ๋าอุ้มลูกสาววัยแปดเดือนนั่งบนตัก โดยมีพี่ๆเข้ามาหยอกล้อพูดคุยกับน้องตัวเล็กสุดเป็นระยะ กระติ๊บที่ตั้งครรภ์เจ็ดเดือนต้องนั่งอยู่ข้างหนูจ๋า ไม่ได้ลุกไ
กระติ๊บว่าแล้วหัวเราะพอใจ เมื่อคนที่ถูกจัดอันดับให้หล่อน้อยกว่าลูกตีหน้าเศร้า“พ่อหล่อน้อย” เจ้าหนูเพทายพูดเลียนแบบแม่“หล่อน้อย แต่เร้าใจมาก” พบรักว่ายิ้มๆ และยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เมื่อเมียรักมองค้อนเขา“พ่อล้าวววใจ” เจ้าหนูน้อยว่าแล้วหันมายิ้มให้แม่“เอ่อ…”แม่กระติ๊บปั้นหน้าไม่ถูก จึงเลือกที่จะหันกลับไปจิกสายตาดุให้สามี“คุณพบ! ถ้าลูกจำไปพูดให้คนอื่นได้ยินล่ะก็น่าดู”กระติ๊บขู่เสียงเข้ม สะบัดค้อนกลบเกลื่อนความเขินอาย คนบ้า...เร้าจงเร้าใจอะไร ก็แค่ช่วงนี้เธอจับเขากินบ่อยกว่าปกติเท่านั้นเอง แค่นี้ก็เอามาพูดว่าตัวเองเร้าใจชิ!พบรักยิ้มเมื่อเห็นแก้มใสแดงก่ำ ยิ่งเธอมองค้อนกลบเกลื่อนความเขินอายเขาก็ยิ่งยิ้มกว้าง เมียเขาเขินได้น่ารักที่สุดในโลก"พี่วีขา หนูอยากกลับบ้านแล้ว หนูคิดถึงลูก" หนูพรรณบอกคนที่เธอซุกตัวอยู่กับอกเขาด้วยเสียงอ่อนระโหยโรยแรง"สายๆค่อยกลับนะครับ ตอนนี้หนูพรรณควรนอนพักผ่อนสักหน่อย"หนูพรรณถอนหายใจแรง หยิกแผ่นอกของคนที่ทำให้เธอหมดแรง"
วาโยลุกขึ้นนั่งแล้วกางแขนออก ยาหยีและยะหยารีบโผเข้าสู่อ้อมกอดผู้เป็นพ่อ“ลงไปกินข้าวรอคุณแม่นะครับ ให้คุณแม่อาบน้ำแต่งตัวก่อน แล้วเราจะได้ไปหาพี่พุกัน”วาโยอุ้มลูกสาวสองคนลุกขึ้น พี่ชายยูจีนเดินนำหน้าออกจากห้องไปก่อน เจ้าหนูน้อยหันมาบอกคุณแม่ว่า“คุณแม่ครับ อาบน้ำแล้ว อย่าลืมแปรงฟันด้วยนะครับคุณแม่ เดี๋ยวฟันผุ”“ค่ะ”กระเต็นพยักหน้ารับยิ้มๆ เธอมองสามีพาลูกเดินออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เลี้ยงลูกสามคนเหนื่อยมาก และไหนยังจะต้องเอาใจคุณสามีพลังเยอะอีก แต่เธอกลับสุขใจอย่างที่สุด เพราะแม้จะเหนื่อยแค่ไหน การที่ได้เฝ้าดูตัวแทนความรักของเธอกับพี่โยเติบโตขึ้นทุกวัน ทั้งพี่โยก็ตามใจเธอทุกอย่าง เขาดูแลเธออย่างดี ไม่เคยทำให้เธอต้องเสียใจ เท่านี้กระเต็นก็รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกแล้ว“คุณพบขา ติ๊บอยากกินขนมมันทิพย์” กระติ๊บบอกสามี แล้วกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าตาน่าสงสาร เธออยากกินมันทิพย์มากๆ อยากกินจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ หากไม่ได้กิน“พรุ่งนี้ค่อยกินไม่ได้เหรอครับ”“แต่ติ๊บอย
“พี่โยขา” กระเต็นครางกระเส่าเมื่อสามีเลื่อนมือลงกลางหว่างขา นิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปในร่องรักอุ่นลื่น เธอได้ยินเสียงเขาครางหนักแนบเต้าอวบ ก่อนจะเริ่มชักนิ้วเข้าออกในตัวเธอเร็วขึ้น“อ๊ะ! พี่โย อื้อๆ” กระเต็นจับบ่ากว้างสองข้างไว้ เธอจิกเล็บลงบนผิวเนื้อแน่นตึง ขยับสะโพกโยกรับนิ้วที่พร่างพรมในซอกสาวระรัว“เต็น…” วาโยจ้วงนิ้วแทงลึก เขาต้องการส่งน้องไปยังสุดสายปลายทางก่อน ชายหนุ่มเลียลำคอขาวผ่อง ลากไล้ปลายจมูกสูดลมผิวเนื้อนุ่ม เสียงหอบหายใจหื่นกระหายดังประสาน“พี่โยขา อื้อๆ…” ร่างสาวขยับโยกอีกไม่กี่ครั้ง เธอก็กระตุกเฮือก ความสุขสมแตกกระจาย กระเต็นหวีดร้องเบาๆ ก่อนซวนซบใบหน้าลงกับอกกว้าง หญิงสาวหอบหายใจแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทอดถอนใจออกมา แล้วเริ่มคลอเคลียสามี จูบขอบคุณเขา“ทำให้พี่บ้าง” วาโยกระซิบขอน้อง กระเต็นช้อนสายตาขึ้นมองเขา เธอยิ้มยั่วยวน พร้อมกับเลื่อนมือลงไปยังกลางกายหนุ่ม กอบกำเอาความแข็งขึงร้อนระอุที่ผงาดอยู่ใต้น้ำไว้ในมือน้อย ขยับรูดจังหวะเชื่องช้าวาโยตรึงท้ายทอยน้องไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง เขาก้มลงจูบอ่อนหวาน มืออีกข้างกอบกุมทรวงอกอิ่ม บีบคลึงเต็มมื
“รับรองว่าอันใหม่ ใหญ่กว่าอันเดิมแถมออฟชั่นพิเศษเสกได้จริงๆด้วย” กระต่ายน้อยว่าแล้วจับน้องพลิกลงนอนหงายใต้ร่างของตน“พี่กระต่าย!” หนูจ๋าดันบ่ากว้างไว้ด้วยมือสองข้าง คนบ้านี่...เธอกำลังอยู่ในอารมณ์หวานซึ้งละมุนชวนฝันอยู่แท้ๆ แต่เขากลับปรับโหมดเข้าอารมณ์หื่นเสียได้“ชู่ว์! อย่าเอ็ดไป พี่จะเริ่มใช้ไม้กายยะฉิดร่ายมนตร์วิเศษเสกลูกเข้าท้องให้หนูจ๋าอีกสักคน”“อื้อ!” หนูจ๋าหมดสิ้นทางหนี เมื่อพี่ชายจ๋าแสนดีในวันวาน ปิดปากเธอด้วยจูบเร่าร้อนและบทรักดุดัน เธอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา รุกและรับอย่างรู้ใจ เพราะเขาพร่ำสอนมาดี กว่าพี่ชายจ๋าจะใช้ไม้กายยะฉิดประจำตัวร่ายมนตร์ใส่เธอจนพอใจ หนูจ๋าก็อ่อนเปลี้ยเพลียไปทั้งตัว ในห้วงความคิดสุดท้ายก่อนหนูจ๋าจะหลับไปในอ้อมกอดเขา เธอคิดว่า...การพบเจอกันระหว่างเธอกับเขาอาจจะเป็นพรหมลิขิตจริงๆ แต่การอยู่ด้วยกันกับเขาบนเตียงแบบนี้เป็นความหื่นที่ลิขิตโดยเขาล้วนๆ“ขับรถดีๆนะคะ” กระเต็นบอกสามีที่โทรมาบอกว่าทำงานเสร็จแล้ว และกำลังจะขับรถกลับบ้าน ขณะนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เขาต้องอยู่เคลียร์งานให้เสร