ปลัดเมฆาหรี่ตามองผู้ชายตัวโตที่กำลังก้มๆเงยอยู่หน้ารถกระบะคันใหญ่อยู่เบื้องหน้า กระโปรงรถถูกเปิดขึ้นทำให้เดาได้ว่ารถน่าจะเสีย ชายหนุ่มตัดสินใจแตะเบรกเพื่อชะลอรถจอด
“เอ่อ...มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” ปลัดเมฆาเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้าไปทักทายคนที่มัวแต่ก้มดูเครื่องเครารถเพื่อหาจุดที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาใกล้
“ปลัดเมฆ” ภูชิตเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยก็เอ่ยชื่อปลัดเมฆาด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เขาไม่สนใจเครื่องยนต์ของรถอีกต่อไป
“สวัสดีครับคุณภูชิต ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีไหมครับ” ปลัดเมฆาทักทายและเอ่ยถามตามมารยาทของคนที่เคยรู้จักกัน ในสมัยที่เขาเป็นปลัดอำเภอในพื้นที่จังหวัดที่ไร่ภูชิตตั้งอยู่
“ไม่สบายอย่างมากครับ หึๆ” ภูชิตเอ่ยอย่างหดหู่และหัวเราะให้กับความวุ่นวายในชีวิตตนเอง
“จะไปบ้านนาเปี่ยมรักใช่ไหมครับ ไปรถผมไหมครับ” ปลัดเมฆายิ้มกว้างขณะเอ่ยถาม ซึ่งเขารู้ดีอยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร ภูชิตยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้าโดยไม่ตอบคำถาม สองหนุ่มสบสายตาอย่างรู้กัน
“คุณภูชิตเพิ่งมาถึงเหรอครับ” ปลัดเมฆาเอ่ยถามขณะทำหน้าที่ขั
“ผมทนไม่ไหวแล้วน้ำ ช่วยผมหน่อยนะคนเก่ง” เสียงทุ้มสั่นพร่า ภูชิตขยับพูดขณะที่ยังละเลียดขบเม้มริมฝีปากอิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว มือใหญ่ดึงรั้งชุดคนไข้สีชมพูอ่อนออกอย่างว่องไว ภูชิตลูบไล้แผ่นหลังเนียนเรื่อยไปจนถึงสะโพกหนั่นแน่นเต็มมือ แล้วออกแรงกดพร้อมกับเกร็งยกสะโพกของตน จงใจให้กึ่งกลางกายสัมผัสกันอย่างปลุกเร้า“ถอดชุดให้ผมหน่อยสิ น้ำจ๋า” คนถูกขอร้องยันกายลุกขึ้นคร่อมนั่งชันเข่าบนหน้าท้องของร่างใหญ่ คนที่จับตามองถึงกับถอนหายใจเสียงดังเฮือก ดอกไม้สีสดกลางกายแย้มบานอวดความชุ่มฉ่ำโดยที่เจ้าของไม่ทันระวังตัว แต่เมื่อน่านน้ำเห็นสายตาที่จ้องมองค้างที่จุดเดียว เธอจึงก้มลงมองตาม ขาเรียวขาวกำลังจะหุบเข้า แต่ช้ากว่ามือใหญ่ที่จับหมับเข้าที่หัวเข่าทั้งสอง“คุณภู!” หญิงสาวอุทานตกใจ กำปั้นเล็กทุบอกแกร่งเบาๆ“อื้อ...สวยออก จะมาขัดขวางเจ้าของสวนไม่ให้ชมสวนของตัวเองได้ไง”“อย่าแกล้งน้ำแบบนี้สิคะ”“ถ้าไม่อยากให้แกล้งก็รีบๆถอดเสื้อผ้าให้ผมสิ” น่านน้ำทำปากขมุบขมิบ ขณะที่มือเล็กสาละวนอยู่กับการแกะโน่นถอดนี่ให้ตนตัวโต“อ๊า...อื๊อ...คุณภู” น่านน้ำครางเสียงหวานแว่ว ขณะที่
“ผมเป็นห่วงน้ำนี่นา นอนพักที่นี่สักคืน เอาให้แน่ใจว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ พรุ่งนี้เราก็จะกลับบ้านกันทันที”“เดี๋ยวคุณป้าก็เป็นห่วงน้ำหรอกค่ะ”“ผมให้ไอ้สินไปบอกแล้วว่าน้ำไม่เป็นอะไร”“แล้วทำไมคุณภูต้องเปลี่ยนใส่ชุดคนไข้ด้วยล่ะคะ” วิญญาณ ‘เจ้าหนูจำมัย’ เข้าสิงร่างเธออีกแล้ว ภูชิตไม่ตอบ แต่ยิ้มกว้าง ชายหนุ่มนั่งลงที่เตียงข้างๆร่างเล็ก น่านน้ำขยับตัวเล็กน้อยมองเขาด้วยความสงสัยเต็มที“ก็คืออย่างนี้นะครับ ตั้งแต่ป้าดอกไม้มาอยู่กับเรา ผมไม่เคยได้นอนกอดน้ำเลยสักครั้ง กลางคืนก็นอนไม่หลับ คิดถึงน้ำใจจะขาด ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแต่จะทำอะไรก็ต้องระวังระแวงไปหมด”“ค่ะ...” น่านน้ำขมวดคิ้วเรียวมุ่น เหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มบอกเล่า แต่ก็ยังเข้าใจไม่ทั้งหมด“ที่ผมเปลี่ยนมาใส่ชุดคนไข้ด้วยก็เพราะเราไม่มีชุดมาเปลี่ยนไงครับ จะให้ลูกน้องเอากลับมาให้ที่โรงพยาบาลอีกก็สงสารพวกมัน วันนี้เราเจอเรื่องร้ายๆและเหนื่อยกันมามากพอแล้ว ทุกคนสมควรได้พักผ่อนกันได้แล้ว”“ค่ะ” น่านน้ำยิ้มจนตาหยี มือเล็กยกขึ้นสัมผัสกับใบหน้าคมเข้มเบาๆ“คุณภูก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้
“ตายง่ายๆมันไม่สนุก กูขอระบายแค้นให้สะใจหน่อยเถอะ” ผู้ใหญ่ศักดิ์รัวหมัดหนักๆเข้าที่ใต้ลิ้นปี่ของภูชิต จนชายหนุ่มตัวงอ แต่ไม่ล้มลง เพราะถูกลูกน้องสองคนของผู้ใหญ่ศักดิ์ล็อกตัวไว้“หมัดนี้ขอหนักๆหน่อย มึงจะได้จำไปถึงชาติหน้าไอ้ภูชิต”ปัง!!!“ปล่อยนายพวกกู...แล้วทิ้งปืนให้หมด ไม่งั้นมึงไส้แตกกันทุกคนแน่” นายสินลดกระบอกปืนที่ใช้ยิงขึ้นฟ้า แล้วกราดเล็งไปยังผู้ใหญ่ศักดิ์และพรรคพวกผู้ใหญ่ศักดิ์ชะงักกำปั้นที่เงื้อขึ้นสูง กวาดสายตามองรอบๆตัวเอง ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนที่ล้อมรอบพวกตนเองอยู่ทำให้หนุ่มใหญ่ตกใจ นึกไม่ถึงว่าลูกน้องภูชิตจะตามมาเร็วขนาดนี้ ถ้าเปรียบมวยกันตอนนี้เขาเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ลูกน้องของภูชิตอาวุธครบมือมีมากกว่าเท่าตัว ยืนตีวงโอบล้อมกลุ่มของตนไว้ ผู้ใหญ่ศักดิ์กำลังประเมินหาทางหนีทีไล่ ลูกน้องของเขาต่างทิ้งปืนลงกับพื้น เขาเองก็ต้องโยนปืนทิ้งอย่างเจ็บใจ นายสินรีบพยักหน้าให้พรรคพวกเก็บปืนมาไว้ทันที“กูบอกให้ปล่อยนาย” นายสินย้ำอีกครั้ง ลูกน้องสองคนของผู้ใหญ่ศักดิ์ที่จับภูชิตไว้ปล่อยชายหนุ่มให้เป็นอิสระ ภูชิตสะบัดแขนแล้วรีบวิ่งเข้าไปดึงตัวน่านน้ำมาจากลูกน้
“อดทนอีกนิดเดียวนะ เราต้องไปต่ออีกสักหน่อย ถ่วงเวลาให้คนของผมมาช่วย” ภูชิตมั่นใจเหลือเกินว่าคนของเขาน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองมีศัตรูรอบตัวขนาดไหน คนสนิทของเขาจึงจำเป็นต้องหาข่าวและช่วยกันระแวดระวังภัย คราวนี้การข่าวของเขาช้าไปหน่อย ทำให้ศัตรูบุกประชิดตัวโดยที่เขาไม่ได้เตรียมตัวตั้งรับเลย“ค่ะ...” น่านน้ำพยักหน้ารับ ภูชิตประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้น มือด้านหนึ่งของเขาถือปืนไว้มั่น“หยุด!” เสียงห้าวแผดดังลั่น ทำให้สองหนุ่มสาวที่กำลังจะออกเดินต้องชะงักเท้าหันกลับไปมองด้านหลัง“ผู้ใหญ่ศักดิ์” ภูชิตเอ่ยชื่อผู้ใหญ่ศักดิ์รอดไรฟัน เขาขบกรามแน่นด้วยความโกรธแค้น“ยังจำกันได้เหรอไอ้ภูชิต มึงทำกูแสบนักนะ” ผู้ชายร่างใหญ่ค่อนข้างท้วม หน้าตาถมึงทึงเล็งปืนมาที่ภูชิตและน่านน้ำ เขาแสยะยิ้มเยาะเย้ย และค่อยๆก้าวเท้าเข้าใกล้คนทั้งสอง“ทิ้งปืนลง ไม่งั้นกูยิงเมียมึงแน่” ภูชิตสบตาผู้ใหญ่ศักดิ์นิ่ง จนอีกฝ่ายเล็งปลายกระบอกปืนไปทางหญิงสาวในอ้อมแขน และสบตาตอบกลับเขาอย่างท้าทาย เพราะผู้ใหญ่ศักดิ์รู้ดีว่าทำอย่างไรภูชิตถึงจะยอมอย่างง่ายดาย ประกอบกับรอบกายที่ถ
“มะ...” คำปฏิเสธถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อคนยังไม่หิวช่วงชิงโอกาสทองประกบริมฝีปากบดเบียดละเลียดชิมความหวานอย่างเอาแต่ใจ น่านน้ำดิ้นขลุกขลักอยู่ครู่เดียวก็โอนอ่อนผ่อนตาม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแต่ใจคนตัวโต อดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองก็หลงระเริงไปกับสัมผัสรักหวามไหวจากเขาและไม่เคยปฏิเสธได้สักทีสิน่าหลังจากบทเพลงรักแสนเร่าร้อนหลากหลายท่วงทำนองจากพ่อคนจอมอึดจบลง น่านน้ำถึงกับไม่มีเรี่ยวแรงเหลือที่จะก้าวเดิน เดือดร้อนตัวต้นเหตุแห่งการไร้เรี่ยวแรงต้องอุ้มแนบอกเดินกลับไปที่รถ และพาไปทานข้าวกลางวันที่โรงครัว“ให้ผมอุ้มไหม” ภูชิตจอดรถที่ข้างโรงครัวแล้วรีบวิ่งมาเปิดประตูด้านผู้โดยสาร น่านน้ำส่ายหน้าเร็ว“ไม่เอาค่ะ อายคนอื่นเขา น้ำเดินเองไหวค่ะ” คนตัวเล็กที่เหลือพลังเพียงน้อยนิด หย่อนขาลงสองข้างอย่างชั่งใจ แต่เนื่องจากรถค่อนข้างสูงทำให้น่ากลัวไม่น้อยหากจะทิ้งน้ำหนักลงไปในขณะที่เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ ภูชิตยืนรออยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยระวังหากร่างเล็กซวนเซก็จะได้พยุงได้ทัน น่านน้ำจิกสายตามองคนที่ยิ้มอยู่ใกล้ๆอย่างหมั่นไส้ หญิงสาวค่อยๆเคลื่อนกายลงช้าๆ แต่เมื่อเท้าแตะพื้นและทิ้
“เฮ้อ! เมื่อไรป้าดอกไม้จะยอมรับตัวผมสักที อยากแต่งงานกับน้ำแล้ว” พูดจบภูชิตก็เกยคางไว้บนศีรษะเล็ก น่านน้ำวางมือบนแขนแกร่งที่โอบตัวเองไว้ มือเล็กลูบไล้เบาๆ“อดทนอีกนิดนะคะ น้ำว่าอีกไม่นานคุณป้าน่าจะยอมรับคุณภูแล้วละค่ะ”“ใจจะขาดก่อนไหม”“ก็ไม่เห็นจะขาดนี่คะ ยังหาก็โอกาสได้ตลอดๆ”“ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่น่า...” ภูชิตกระซิบคำพูดสุดท้ายให้ได้ยินกันเบาๆ หญิงสาวบนตักขยับร่างเบี่ยงหน้ากลับมาหาเขา“คนลามก” เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของเขาบอกให้รู้ว่าไม่ปฏิเสธกับข้อกล่าวหาสักนิด ริมฝีปากหยักค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้ปากบางจิ้มลิ้ม น่านน้ำผ่อนลมหายใจออก ลำแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอหนาไว้ ใบหน้างามแหงนเงยอย่างเต็มใจรับทุกสัมผัสจากเขา“อื๊อ!...ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็น” เสียงหวานประท้วงเมื่อภูชิตพยายามดึงรั้งเสื้อของเธอขึ้น“ไม่มีใครเห็นหรอก...นะๆ”“ไม่ได้ค่ะ...จูบก็พอแล้ว”“ไม่ได้จริงๆเหรอ” ภูชิตถามพร้อมกับเลื่อนมือลงสอดหายไปใต้ชายกระโปรงยาวที่หญิงสาวสวมอยู่“อุ๊ย! คุณภู” ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวเมื่อนิ้วเรียวใหญ่แทรกผ่านชั้นในตัวเล็ก รุกล้ำพื้นท
ก๊อกๆๆ“น้ำ” เสียงเรียกหาหลานสาวพร้อมกับเสียงเคาะประตู ไม่ได้ทำให้คนที่อ่อนเพลียเพราะเพิ่งผ่านสมรภูมิรักมาหมาดๆได้ยินเลย ภูชิตเหลือบตามองร่างเล็กที่นอนกลับไม่รู้เรื่องบนโซฟา แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินไปเปิดประตู“น้ำอยู่ไหน” ป้าดอกไม้จิกเสียง ถามหาหลานสาวทันที“น้ำคงเพลียจากการเดินทางครับ นอนหลับอยู่บนโซฟา” ร่างใหญ่เบี่ยงตัวหลบให้ป้าดอกไม้ได้เห็นว่าหลานสาวนอนอยู่บนโซฟาจริงๆ สายตาของคนสูงวัยมองภูชิตอย่างจับผิด หากแต่ชายหนุ่มในมาดนิ่งขรึม ก็ไม่ได้แสดงอะไรที่น่าสงสัยออกมา“ให้นอนต่ออีกสักหน่อย เดี๋ยวค่อยปลุกไปอาบน้ำทานข้าวกัน” ป้าดอกไม้พูดจบก็ขยับตัวเดินหนีทันที“ครับ” ภูชิตปิดประตูพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาทอดสายตามองร่างของน่านน้ำที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนโซฟา แล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม นึกขำน่านน้ำที่หาว่าเขาทำอะไรเนิ่นนาน ก็จะทำไงได้ล่ะ...คนมันอึดนี่นานับจากวันที่ป้าดอกไม้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้เกือบสองสัปดาห์ ภูชิตต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่แตะต้องน่านน้ำอย่างที่ใจต้องการ ได้แต่เติมความสุขให้กันและกันตามแต่เวลาและสถานที่จะเอื
“คุณภู...” ลำแขนเรียวเกาะรอบคอหนาไว้แน่น น่านน้ำสบสายตาคมในระยะใกล้ แก้มใสแดงเรื่อเมื่อไม่สามารถเก็บความต้องการที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาได้ น่านน้ำตัดสินใจเบียดตัวเองเข้าหาภูชิต ชายหนุ่มถอนหายใจแรง“ป้าดอกไม้ไม่ให้ผมเข้าหาน้ำ จนกว่าจะมั่นใจในตัวผม” ภูชิตพยายามเตือนอีกฝ่าย“คุณภูรักน้ำไหมคะ”“รักสิ...ผมรักน้ำ”“น้ำก็รักคุณภูค่ะ แล้วก็มั่นใจในตัวคุณภูด้วยว่าไม่มีวันทำให้น้ำเสียใจ”ภูชิตคลี่ยิ้มกว้างกับคำพูดของหญิงสาว เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น น่านน้ำซบหน้าลงที่แผ่นอกกว้าง และวางทาบมือเล็กลงบนหน้าท้องแกร่งของอีกฝ่าย“คุณภูคะ”“หืม...”“วันนี้คุณภูไม่ได้เข้าหาน้ำสักหน่อย น้ำต่างหากที่เข้ามาหาคุณภู” ภูชิตขมวดคิ้วมุ่น อมยิ้มไปกับคำพูดของน่านน้ำ แล้วก็ต้องสะดุ้งครางเสียงหลง เมื่อมือเล็กเลื่อนหายลงไปในขอบกางเกงยีนส์ของตนเอง“อา...น้ำ อื้อ...ที่รักของผม” อะไรๆที่กำลังจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวกลับผงาดง้ำสู้มือเล็กขึ้นมาทันที ใช่สิ...เขาไม่ได้เข้าหาน่านน้ำสักหน่อย เธอเดินเข้ามาหาเขาในห้องนี้เองนี่นา...ความอดทนที่มีขีดจำกัดเพียงเล็กน้อยขาดผ
“ทราบครับ แต่ผมไม่คิดว่าอายุจะเป็นอุปสรรคกับความรักของเรา”“หลานฉันยังเด็กนักเมื่อเทียบกับผู้ชายที่ผ่านอะไรๆมามากกว่าอย่างคุณ” ภูชิตถอนหายใจแรง ป้าดอกไม้ดูจะตั้งแง่กับเขาเหลือเกิน ซักไซ้ราวกับว่าน่านน้ำเป็นผู้เยาว์ที่ถูกเขาพรากมาทำมิดีมิร้าย ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นจริงๆก็เถอะ แต่เขาก็เต็มใจรับผิดชอบนะ“เพราะผ่านอะไรมามาก ผมจึงรู้ใจตัวเองดีว่า ผมรักและจริงจังกับน้ำแค่ไหน ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีน้ำ” ป้าดอกไม้หรี่ตามองภูชิตอย่างค้นหา“บอกตรงๆนะคุณภูชิต ฉันก็ยังไม่เชื่อในคำพูดของคุณอยู่ดี”“ผมยินดีพิสูจน์ทุกอย่าง” ถ้าอะไรที่มันจะทำให้ป้าจอมเฮี้ยบคนนี้ยอมรับสักทีว่า ระหว่างเขาและน่านน้ำคือความรักที่มั่นคง ภูชิตก็จะยินดีทำ“งั้นก็ดี...”“คุณป้าว่าไงบ้างคะคุณภู” น่านน้ำที่ผุดลุกผุดนั่งอยู่บนชานเรือนหลังใหญ่ รีบลุกปรี่เข้าไปถามภูชิตที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมาทันที ป้าดอกไม้เดินตามมาติดๆจิกสายมองหลานสาว บ่งบอกให้รู้ว่ากรุณาอยู่ในความสงบ“ป้าอนุญาตให้น้ำกลับไปกับคุณภู” คำพูดของป้าดอกไม้ทำให้น่านน้ำสบตาภูชิตแล้วยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องหุบฉับลงทันทีเมื่อได้ยิน