ในวันนี้กัสต้องอยู่ในมหาวิทยาลัย เพื่อซ้อมบทละครสองฉากสำคัญ ซึ่งซ้อมเฉพาะฉากของกัสกับพีคแค่นั้น ส่วนเขื่อนได้ซ้อมไปทุกฉากแล้วที่เข้าคู่กับพีค
“น้องกัสวันนี้เป็นซ้อมใหญ่ฉากของนิวและมีนไหวไหม”เจนนี่ผู้กำกับละครเวทีพูดขึ้นด้วยความมั่นใจในความสามารถของกัส
“ไหวครับ”
“พีคล่ะ ไหวไหมซ้อมหนักทุกวัน”เจนนี่อมยิ้มนิดๆให้กับพีคเพื่อนหนุ่ม
“โอ๊ย สบายมากยิ่งได้เล่นกับกัสเข้าขากันดี”
กัสฟังคำพูดของพีคแล้วรู้สึกทะแม่งในใจ เพราะเขาและพีคไม่ได้สนิทกันเลย แค่ไปส่งที่ห้องเช่าอย่างเดียว ไม่เคยไปไหนมาไหนกับพีคเหมือนเขื่อน
“เอาล่ะ เริ่มเลยนะ เอาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย”
“ครับกัสรับคำ”
นิวนักศึกษาหนุ่มกำลังเดินตามหาวินที่คณะ เขาจึงไม่ได้มองทางเดินเท่าไรนัก เพราะใจของเขาอยากจะไปเจอเพื่อนไวๆ นิวจึงไม่ทันระวังจนไปชนนักศึกษาหนุ่ม จนร่างของขาเซล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย”นิวร้องด้วยตกใจและเจ็บก้นกบ
“ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจ”มีนนักศึกษาหนุ่มนั่งยองๆยื่นมือให้นิว
เพียงนิวเงยหน้ามองมีนเขาถึงกับตาค้าง เพราะนักศึกษาหนุ่มผู้นี้หล่อมาก หุ่นดีสูงขาวตี๋ซึ่งตรงสเปคของเขา ถึงแม้จะเจอกันครั้งแรก แต่ความหล่อก็ทำให้นิวนั้นได้หวั่นไหวอย่างมาก
“เป็นอะไรหรือเปล่า”มีนพูดขึ้นทันทีเพราะเขาไม่เห็นท่าทีของนิวจะจับมือของเขา
“อ่อ”
นิวไม่ยอมจับมือของมีนเขาพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเองจนสำเร็จ หลังจากนั้นเขาก็รีบเดินไปยังคณะของวิน
“เดี๋ยวก่อน”พีคเรียกขานอยู่ด้านหลังของนิว
“อะไร”นิวหันหน้ามามองมีน
“คือ นายอยู่ปีหนี่งเหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่ แล้วทำไมมีอะไรเหรอ”
“เราก็ปีหนึ่งเหมือนกันเรียนคณะบริหารธุรกิจนายล่ะ”
“นิเทศศาสตร์”
“เราชื่อมีน นายชื่ออะไร ไหนๆเราสองคนก็เดินชนกัน น่าจะทำความรู้จักกันไว้ก็ดีนะ อยู่ปีหนึ่งเหมือนกันด้วย”
“เราชื่อนิว แต่เรามีธุรนะต้องไปล่ะ”
“แค่รู้จักชื่อและคณะที่เรียนแค่นี้เราก็โอคแล้ว เผื่อวันหลังได้เจอกันอีกเราจะได้ทักไง”
“อือ”
ความจริงนิวอยากจะอยู่คุยกับมีนต่อ แต่เขาต้องไปหาวินเพื่อนรัก เพราะมีนัดกันไว้ว่าจะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า
“เก่งมากกัส”เจนนี่สั่งหยุด
“ต่อไปนะเป็นอีกฉากที่ทั้งสองเจอกันโดยบังเอิญอีกครั้ง”
ช่วงเวลานี้กัสแยกไม่ออกระหว่างพีคกับมีน แต่นั่นกับเป็นผลดีต่อการแสดงของกัส เพราะเขาได้แอบหลงรักพีค จึงทำให้สายตาของเขามองพีคตอนแสดงมาจากข้างในจริงๆ
“เอาล่ะกัส พีค เล่นต่อไปอีกฉากเลย”
ในระหว่างที่กัสกำลังจะกลับบ้านคนเดียวเพียงลำพัง เพราะเลิกเรียนไวส่วนวินยังต้องเรียนอีกหนึ่งวิชา
“นิว”เสียงผู้ชายตะโกนจากด้านหลังของนิว
เมื่อนิวได้ยินเสียงนั้นเขาจึงรีบหันไปมอง ซึ่งก็เป็นมีนนักศึกหนุ่มที่เดินชนกับวินเมื่อวาน วินจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมมีนจึงวิ่งตามเขามา
“มีอะไรเหรอ”
“เมื่อวานเราลืมขอเบอร์และไลน์นายน่ะ”
“เอาไปทำไม”
“ก็ เป็นเพื่อนกันแล้วนี่ ยังไม่มีเบอร์หรือไลน์กันมันก็ดูแปลกๆนะ หรือว่านายไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา ถ้าอย่างงั้นเราไปแล้วไม่รบกวนนายหรอก”
“เรายังไม่ได้พูดอะไรเลย”นิวพยายาฝืนที่จะไม่ยิ้มออกมา
“เราก็ใจร้อนไปได้หนอ”
“อือ”นิวอมยิ้มนิดๆ
นิวจึงบอกเบอร์มือถือให้มีน สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เพราะมีนรีบโทรเข้าเครื่องทันที
“ขอบใจมากนะ แล้วจะไปไหนเห็นเดินอย่างเร็วเลย”
“กลับห้อง”
“อ่อ ถ้างั้นเราไปส่งไหม เราเอารถมาด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เป็นไรได้ไง เพราะเป็นเพื่อนกันแล้ว เราก็กำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน”
นิวยืนนิ่งครุ่นคิดชั่วครู่ เพราะพี่งรู้จักกันแค่สองวัน ถึงเขาจะรู้สึกถูกชะตากับมีนก็ตาม แต่นิวยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไรนัก ถึงแม้หน้าตาจะดีมีรถหรู
“ไม่ต้องคิดมากเราไม่ทำอะไรนายหรอก”มีนอมยิ้มนิดๆ
“เปล่าเราไม่ได้กลัว แต่แปลกใจแค่นั้นว่านายทำไมถึง เอ่อ”
“เอ่อ อะไร หรือคิดว่าทำไมเราถึงตามนายใช่ไหม ถ้านายคิดอย่างที่เราพูด เราบอกให้ก็ได้ เพราะเราถูกชะตากับนายไง”
“เหรอ ไปก็ได้”
“ต้องให้ได้อย่างนี้สิเพื่อนรัก”
นิวยืนยิ้มนิดๆให้มีน เพราะในสิ่งที่มีนพูดออกมานั้นตรงใจเขาทุกอย่าง และรู้สึกดีมากๆที่มีนพูดออกมาอย่างนี้
“คัท โอค เก่งมากทั้งพีคและกัสเลย”เจนนี่ผู้กำกับสาวเอ่ยขึ้นมา
“กัสสุดยอดมาก พี่แท่บจะไม่ได้สอนอะไรกัสเลย ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนพี่ยังคิดว่ากัสชอบพีคจริงๆ”เกรซแอคติ้งโค้ชประจำชมรม พูดทีเล่นทีจริง
กัสไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเขารู้สึกเขินในคำพูดของเกรซ จนทำให้เขาไม่กล้าสบตาพีคที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขา
“ใช่ กัสเก่งมากเลย”พีคมองนิวด้วยสายตาเอ็นดู
“เอาล่ะไม่ต้องมัวมาชมกัน วันนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้กัสมาซ้อมต่อนะ”เจนนี่พูดขึ้น
“ครับ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ เอ๊ะ ในละครรุ่นเดียวกันแต่ในชีวิตจริงเป็นรุ่นพี่ แสดงว่าพี่หน้าเด็กใช่ไหม”พีคจ้องไปที่ใบหน้าของกัส
“น่าจะใช่ครับ”
“ไปถามน้องอะไรอย่างนั้น หลงตัวเองอีกแล้วนะพีค”เกรซแอคติ้งโค้ชปาดสายตามองพีค
“มันก็ต้องมีบ้าง แต่ไม่คุยด้วยแล้วไปส่งกัสดีกว่าคุยกับพวกเธอเป็นไหนๆ เราไปกันดีกว่ากัสปล่อยให้สาวๆเขาอยู่ที่นี่แหละ”
กัสไม่ได้พูดตอบโต้อะไร เขาจึงไปหยิบหนังสือที่วางไว้ แล้วค่อยๆเดินออกไปจากห้องชมรมการละคร โดยมีพีคที่เดินตามมาติดๆจนเดินคู่กัน
“กลับห้องเลยใช่ไหมหรือว่าจะไปไหนต่อหรือเปล่า”พีคเอ่ยขึ้น
“อือ เอ่อ”กัสอ่ำอึ้งเพราะเขายังไม่อยากกลับ ยังอยากอยู่กับพีคต่อแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
อือ เอ่อ อะไร มีอะไรบอกพี่มาเลยก็ได้”
“ไม่มีอะไรครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรถ้างั้นก็กลับห้องก็แล้วกัน”
“ครับพี่”
กัสรู้สึกผิดหวังที่พีคไม่ชวนไปไหนต่อ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาอยากจะเป็นฝ่ายเอ่ยชวนด้วยซ้ำ แต่ใจของกัสก็ไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้น
“เป็นอะไรดูเงียบๆไป”พีคมีสีหน้าที่สงสัย
“เปล่าครับพี่”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ไปกันเลย”พีคพูดโดยไม่ได้สนใจอะไรเท่าไรนัก
อารมณ์ของกัสตอนนี้รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ไปไหนต่อกับพีค อีกใจหนึ่งก็ยังพอชื้นใจอยู่บ้างที่พีคขับรถมาส่งเขาที่ห้องเช่า
“ช่วงนี้กัสเรียนเป็นไงบ้าง”พีคพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ก็ไม่มีอะไรครับ”
“ดีแล้ว พี่ว่ากัสนี่เรียนเก่งนะ ไม่ค่อยมีปัญหาการเรียนเท่าไร ไม่เหมือนเขื่อนรายนั้น เดี๋ยวไอ้นั่นไอ้นี่วุ่นวายไปหมด ไหนจะต้องไปทำงานพาร์ทไทม์หาเงินเรียนอีก”
คำพูดคำชมหรือแม้แต่คำติที่เกี่ยวกับเขื่อน นิวนั้นไม่อยากฟังอยากได้ยินอีกต่อไป ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะสนใจเรื่องราวของเขื่อน เพราะว่าเขื่อนได้เป็นเพื่อนสนิทของเขา แต่ในตอนนี้กัสรู้สึกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขื่อนเท่าไรนัก
“เขื่อนเขาขยันเรียน เก่งอยู่ เขื่อนเขาพูดไปอย่างนั้นแหละ”
“พี่ว่าไม่น่าใช่มากกว่า แต่ก็เป็นเสน่หอย่างหนึ่งนะ”
“ใช่ เขื่อนเป็นคนมีเสน่ห อยู่ใกล้ใครคนนั้นก็หลงรัก”กัสอดใจไม่ไหวพูดประชดในคราบความเป็นจริง
“คงอย่างงั้น เพราะพี่อยู่ใกล้เขื่อนก็มีความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันนะ”
นิวแอบมองใบหน้าของพีคที่มีรอยยิ้มอันสดใส ยิ่งใบหน้าของพีคขาวใสออกแนวตี๋ เมื่อรวมกับอาการลักษณะนี้ทำให้พีคพี่เสน่หมากยิ่งขึ้น แต่กัสกับไม่ชอบรอยยิ้มอันนี้ เพราะบ่งบอกได้อย่างดีว่าพีคแอบมีใจให้เขื่อน
“พี่คงชอบเขื่อนมั้ง”กัสเอ่ยขึ้น
“ไม่รู้สิ กัสว่าไงบ้างล่ะ”
“ว่าอะไร”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก”พีคตัดบททันที
กัสรอคำตอบนั้นแต่ก็ไม่ได้รับรู้สิ่งที่พีคอยากจะบอก ถึงอย่างไรเขาก็รู้ได้จากใบหน้าและคำพูดของพีคที่แสดงออกมาชัดเจน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้จิตใจของกัสแสนจะเคว้งคว้างและดิ่งลงอย่างมาก
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว