Masuk“ข้าขออนุญาตนะ… อวี้หลันคนงามเพื่อความสมจริง”
อวี้หลันเบิกตานิดหนึ่ง แต่ไม่ขัดขืนใบหน้าแดงซ่านจากสุรา และบางสิ่งที่ไหลอุ่นขึ้นจากในอก
มือของเขาลูบผ่านเนินอกแล้ว ปลดสายผ้าแพร
ฟึบ…
ผืนผ้าบางร่วงลงพื้นหน้าอกเปลือยขาวละมุนสั่นระริกอยู่ตรงหน้ายอดอกชูชันจากอากาศเย็นผสมฤทธิ์บางอย่างที่ปะทุจากภายในร่าง อี้หานโน้มตัวลงช้า ๆ ปลายนิ้วลูบผ่านเนินเนื้อ แล้วใช้สันจมูกถูไล้เบา ๆ
อวี้หลันกลั้นหายใจมือเกาะบ่าชายหนุ่มแน่น… เขาไม่ให้โอกาสนางถอยริมฝีปากเขาบดจูบลงตรงยอดอก
ดูด… ขบ…ลิ้นเขาตวัด…ลากช้าๆ….
นางสะอื้นในลำคอ
“อื้อ…!”
เสียงผ้าด้านหลังขยับเซี่ยหลินลุกเข้ามาเงียบ ๆ นั่งคุกเข่าด้านหลังนาง มือหนาแตะแผ่นหลังแล้วค่อย ๆ ประคองไหล่เปลือยของนางไว้เสียงเขาแหบแผ่ว
“หากเจ้าเล่นละคร… จงเล่นให้เหมือนตายไปแล้วเพื่อมัน”
ขณะอี้หานยังคลอเคลียยอดอกเซี่ยหลินก้มลงจูบที่ท้ายทอยนางลมหายใจเขาร้อนผ่าวปลายนิ้วลูบผ่านซี่โครงนางจากด
เมื่อใครต้องตา…พวกนางจะเดินเข้าไปมอบตราให้หญิง ผู้นั้นและพาเข้าด้านใน ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อจากนั้นโต๊ะที่เซี่ยหลิง จ้าวอี้หาญ และอวี้หลันนั่งอยู่แม้จะหลบมุมแต่ก็ “งามเกินไปที่จะมองข้าม”อวี้หลัน… ในชุดโบตั๋นโปร่งใบหน้าที่กำลังซับเหงื่อดวงตาแดงเรื่อจากยาปลุกอารมณ์ที่แทรกมากับสุราและกลิ่นกำยานริมฝีปากที่ขบไว้แน่นจากความร้อนในกายทั้งหมดนั้น…มันสั่นไหวในตาทุกบุรุษรวมถึง “เขา” บุรุษในหน้ากากดำเสียงฝีเท้าเขาหยุดลงตรงหน้าโต๊ะพัดในมือเคาะเบา ๆ บนผิวไม้ขณะที่แผ่นหยกสลักลายเสือถูกวางลงตรงหน้าอวี้หลัน… ด้วยมือของข้ารับใช้ในผ้าไหมดำ เซี่ยหลิงเงยหน้าขึ้น ช้า นิ่ง เย็นเฉียบ“ของใคร”บุรุษในหน้ากากพูดเพียงคำเดียว “ของข้า”จ้าวอี้หาญขำเบา ๆ แต่ขำแบบคนที่พร้อมฟาดพัดใส่หน้าคู่ต่อสู้ “ดูเหมือนเจ้าคงยังไม่ได้อ่านกฎของงานนี้สินะ“นาง… มากับข้า”“มากับท่าน… ไม่ใช่ของท่าน”เสียงอีกฝ่
เขากระแทกเข้าไปลึกสุด แช่ไว้ ขณะที่อวี้หลันร้องลั่น สะโพกกระตุกแตกซ้ำอีกครั้งในอ้อมแขนทั้งสองน้ำรักทะลักล้น จนหยดลงเสื่อเป็นทางเขาถอนตัวช้า ๆ เสียงเนื้อหลุดจากกัน เฉาะ! ดังลั่น แล้วเซี่ยหลินก้าวเข้าต่อทันทีไม่แม้แต่รอให้เธอได้พัก...เสียงใหม่ ฉึก! ก้องกังวานอีกครั้ง ความร้อนระลอกใหม่แทรกเข้ากาย กลีบที่เพิ่งปล่อยแตกกลับต้องรับลำใหม่ที่แข็งขึงไม่แพ้กัน“ข้า… จะขยี้เจ้าอีกครั้ง อวี้หลัน…” เสียงเขากัดฟัน ขณะที่สะโพกเริ่มกระแทกอย่างแรงร่างนางโยนขึ้นลงตามจังหวะตั่บ! ตั่บ! ตั่บ! หน้าอกกระเพื่อม เสียงครางดังต่อเนื่องจากลำคอจนหลุดเสียงพูด“ข้า… ไม่ไหว… ได้โปรด…!”แต่ไม่มีใครหยุด ไม่มีใครใจดี ไม่มีแม้แต่วินาทีให้เธอหายใจความใคร่จากฤทธิ์ยา ผสานแรงกระแทกจากทั้งสองชาย หลอมรวมจนไฟใต้ผิวเธอลุกพรึ่บ ลนจิตไม่เหลือสติเซี่ยหลินเร่งจังหวะสุดแรง กลีบนางตอดรัดแน่น มือของเขาตีสะโพกเธอจนแดงก่อนจะกระแทกครั้งสุดท้าย—แล้วปล่อยน้ำร้อนข้นเข้าโ
“ข้าขออนุญาตนะ… อวี้หลันคนงามเพื่อความสมจริง”อวี้หลันเบิกตานิดหนึ่ง แต่ไม่ขัดขืนใบหน้าแดงซ่านจากสุรา และบางสิ่งที่ไหลอุ่นขึ้นจากในอกมือของเขาลูบผ่านเนินอกแล้ว ปลดสายผ้าแพรฟึบ…ผืนผ้าบางร่วงลงพื้นหน้าอกเปลือยขาวละมุนสั่นระริกอยู่ตรงหน้ายอดอกชูชันจากอากาศเย็นผสมฤทธิ์บางอย่างที่ปะทุจากภายในร่าง อี้หานโน้มตัวลงช้า ๆ ปลายนิ้วลูบผ่านเนินเนื้อ แล้วใช้สันจมูกถูไล้เบา ๆอวี้หลันกลั้นหายใจมือเกาะบ่าชายหนุ่มแน่น… เขาไม่ให้โอกาสนางถอยริมฝีปากเขาบดจูบลงตรงยอดอกดูด… ขบ…ลิ้นเขาตวัด…ลากช้าๆ….นางสะอื้นในลำคอ“อื้อ…!”เสียงผ้าด้านหลังขยับเซี่ยหลินลุกเข้ามาเงียบ ๆ นั่งคุกเข่าด้านหลังนาง มือหนาแตะแผ่นหลังแล้วค่อย ๆ ประคองไหล่เปลือยของนางไว้เสียงเขาแหบแผ่ว“หากเจ้าเล่นละคร… จงเล่นให้เหมือนตายไปแล้วเพื่อมัน”ขณะอี้หานยังคลอเคลียยอดอกเซี่ยหลินก้มลงจูบที่ท้ายทอยนางลมหายใจเขาร้อนผ่าวปลายนิ้วลูบผ่านซี่โครงนางจากด
ข้างเสาไม้ด้านหนึ่ง เด็กสาวชุดเขียวถูกอุ้มขึ้นตักโดยพ่อค้าหนุ่มที่ในยามปกติพูดจาเคร่งเครียด แต่ยามนี้ เขาเลียซอกคอเธอแล้วบีบหน้าอกด้วยสองมือ ราวกับกำลังนวดผลไม้อุ่นจัดตรงซอกม่านด้านใน ขุนนางชราผู้มากบารกาศกำลังกดหญิงสาวต่ำกว่าเขาหลายวัยลงกับเบาะเสียงดูดเนื้อดัง จ๊วบ! จ๊วบ! จนนางครางข้างเตียงเตี้ย พ่อค้าหนุ่มพลิกตัวทับบัณฑิตหนุ่ม ก้นเปลือยกระแทกสะโพกเขารัวไม่หยุดเสียงครางซ้อนกันเป็นบทประสานวาบหวิวจนแม้เหล่าขันทีที่แอบมองอยู่มุมห้องยังต้องกลืนน้ำลายกลิ่นเหงื่อ กลิ่นน้ำสวาท คละคลุ้งในห้อง ไม่ต่างกับควันจากเตาโอสถกลิ่นดอกไม้ยิ่งดึก ทุกคนก็ยิ่งถลำ บางคู่รักกันต่อหน้าทุกคนบางคู่ลากกันไปซอกม่านบางคนแม้ไม่รู้ชื่ออีกฝ่าย ก็พร้อมจะกลืนกินกันให้หมดทั้งร่าง“อื้ออ… นายท่านเจ้าค่ะ…! ตรงนั้น—อ๊าาาา!”เสียงนั้นดังข้ามห้องตามด้วยเสียงเนื้อกระแทกเนื้อตั่บ! ตั่บ! ตั่บ!บนชั้นสาม ราชวงศ์หนุ่มนั่งกอดหญิงในอ้อมแขนมองทุกอย่างเบื้องล่างอย่างสงบแต่ใต้ผ้าคลุม แขน
หอเงาจันทร์ไม่ได้ต้องการแค่หญิงชาวบ้าน มันต้องการ “เลือดบริสุทธิ์ที่มีมูลค่า” เพราะบางขุนนาง ไม่ได้จ่ายเพื่อความใคร่แต่จ่ายเพื่อ “ล้างแค้นตระกูลศัตรู” โดยไม่ต้องลงมือเองและในคืนเดือนนี้…ชื่อของหญิงสาวปริศนาที่ผู้ว่าการแคว้นเพิ่ง “แนะนำ” เข้ามาถูกเขียนไว้ท้ายสุดในรายชื่อ “ผู้ร่วมงานชมจันทร์”** “อวี้หลัน” ใบหน้าสะอาด ดวงตาว่างเปล่า น่าสนใจอย่างประหลาดสันนิษฐานว่าอาจไร้พื้นเพปลอดภัยที่จะลอง”พวกมันไม่รู้เลยว่าหญิงผู้นั้น คือ หัวใจของแม่ทัพชายแดนผู้เหี้ยมที่สุดในแคว้นนี้และเป็น อดีตนางเอกที่ครั้งหนึ่งเคยมีสามีทั้งเจ็ดในโลกที่พวกมันไม่มีวันเข้าใจหญิงงามในเงาโบตั๋นที่ไม่รู้ว่าตนคือดอกไม้พิษ... และชายสองคนที่หลงลมหายใจตนเองไปในคืนที่พระจันทร์สวยเกินกว่าจะไว้ใจคืนนั้น หอเงาจันทร์แต่งแสงแพรจนสว่างไสวโคมแดงแขวนเรียงร้อยตามทางเดินกลีบดอกเหมย ลอยในอ่างทองเหลืองกลิ่นเครื่องหอมจาง ๆ คลุกเคล้าอยู่ในอากาศงานเลี้ยงชมจันทร์หนึ่งคืนในหนึ่งเดือน สำหรับคน ชนชั้น
เบื้องหลังศพที่ไร้ชื่อในหุบเขา... เงามืดของขุนนางชั้นสูง และภารกิจใหม่ที่ลากแม่ทัพเข้าสู่จุดที่แม้แต่เขายังอาจตายได้เช้าวันหนึ่งในต้นฤดูหนาวท้องฟ้าสีเงินหม่นสายหมอกคลุมยอดไม้จนแม้เสียงนกยังเบาบาง แม่ทัพหนุ่มยืนอยู่ริมลำธารท้ายค่ายในมือมีม้วนกระดาษ เอกสารลับจากเมืองหลวงประทับตราด่วนของสำนักองครักษ์ประจำราชสำนัก“...คดีศพไร้ชื่อที่ถูกโยนลงหุบเขาหลายศพในสามเดือนหลังสุดสืบพบว่าเกี่ยวพันกับการลักพาตัวและค้าทาสเถื่อน เบาะแสบางจุดนำไปถึงเขตชายแดนหลางเจา เขาเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้สืบเรื่องนี้ทันที” เขาอ่านเงียบ ๆ มือที่ถือกระดาษแน่นขึ้นเล็กน้อยกลางลานฝึก ค่ายเงียบ เมื่อเขาเรียกหัวหน้าทหารสอดแนมภายใต้บัญชาการของเขา มาประชุมโดยไม่มีพิธีรีตองใด ๆ“จำนวนศพขึ้นเป็นสิบเอ็ดในรอบสิบวันทุกศพถูกโยนริมหุบเขารอยแผลที่คอและหลังบ่งบอกว่า ‘ทรมานก่อนตาย’ ”เขาโยนแผนที่ลงบนโต๊ะปลายนิ้วชี้จุดเส้นทางที่ไม่มีใครกล้าผ่าน เพราะเชื่อว่าเป็นทางผีสิง “ข้าไม่เชื่อผี” เสียงเขานิ่ง “แต่ข้าเชื่อว่าพวกมัน… ซ่อ







