ในที่สุดวันนี้หลี่ชิงเหยาก็ได้ลงมือทำอาหารเอง ส่วนเรื่องแล่ปลานั้น พี่ชายอย่างหลี่เหวินจัดการให้ เธอจึงร่นเวลาไปเยอะ
แม้ทุกคนจะไม่มั่นใจการทำอาหารของหลี่ชิงเหยา แต่ก็ไม่อยากห้ามเพราะกลัวเธอจะเสียใจ ทว่าไม่นานกลิ่นอาหารที่หญิงสาวกำลังทำอยู่นั้น กลับทำให้ท้องของทั้งสามคนที่เฝ้ามองอยู่ร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“แม้ว่าทุกคนไม่เคยเห็นฉันทำอาหารมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าฉันจะทำไม่เป็นนะพี่ใหญ่” หญิงสาวพูดออกมาคล้ายกับดักคอพี่ชาย เนื่องจากสายตาที่เขามองมานั้น ไม่ต่างจากคำถามสักเท่าไร
“พี่ยังไม่พูดอะไรเลยนะชิงเหยา น้องจะตอบแบบนั้นได้ยังไง ว่าแต่น้องไปรู้วิธีทำอาหารพวกนี้มาจากไหน” พอเห็นว่าน้องสาวรู้ทัน หลี่เหวินจึงรีบส่งเสียงดุออกมา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปอย่างแปลกใจในเรื่องที่น้องสาวรู้วิธีทำอาหาร
“พี่ใหญ่ ฉันน้องพี่นะ แล้วฉันก็เคยเรียนหนังสือมา ในห้องสมุดของโรงเรียนมีตำราอาหารมากมาย ฉันอ่านหนังสือออกค่ะ น้องสาวของพี่มีความสามารถมากนะ” เธอตอบกลับมาด้วยท่าทางทะเล้น ทำให้แม่กับย่าต้องอมยิ้มตาม ที่หลานทั้งสองคนหยอกล้อกันแบบนี้
“พี่รู้ว่าชิงเหยามีความสามารถเพราะเป็นน้องสาวของ
พี่ยังไงล่ะ พี่ชายเก่ง น้องสาวก็ย่อมเก่งตามเป็นธรรมดา”หลี่เหวินพูดออกมาอย่างเหนือกว่า แม้ปากจะเถียงกับน้องสาว แต่ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในตัวเธอ
“ค่าาาา ฉันเก่งเพราะมีพี่ชายเก่ง ว่าแต่พี่ใหญ่ ทำไมพ่อยังไม่กลับค่ะ งานที่ทุ่งยังไม่เลิกอีกเหรอ” หญิงสาวยื่นหน้าไปพูดกับพี่ชายอย่างประชดประชัน ก่อนจะถามขึ้นมาอีก เมื่อเห็นว่าพ่อยังไม่กลับบ้าน เพราะนี่ก็ได้เวลาเลิกงานนานแล้ว
“เห็นว่าไปช่วยบ้านเจียงซ่อมครัวน่ะ น่าจะกลับเย็น ๆ ละมั้ง” หลี่เหวินตอบกลับมา เพราะวันหลี่หยวนได้บอกลูกชายไว้ว่าวันนี้หลังเลิกงานจะไปช่วยบ้านเจียงซ่อมครัว
“แล้วพี่จะอยู่ที่นี่ทำไม ไม่ไปช่วยพ่อเหรอ พ่อจะได้รีบกลับมาบ้านไง ไปสิ รีบไปช่วยพ่อทำงาน” ได้รับคำตอบจากพี่ชายแล้ว หญิงสาวจึงถามออกมาและรีบไล่พี่ชายไปช่วยพ่อทำงานทันที
“นั่นสิ น้องบอกทำไมยังไม่ไปอีก รีบไปช่วยพ่อทำงาน
จะได้กลับมากินมื้อเย็นด้วยกัน” ย่าหลี่พูดขึ้นมาอีกคน และทำตาขวางใส่หลานชาย“โอ๊ย!! ผมลืมไปได้ยังไงกันว่า บ้านนี้ผู้หญิงเป็นใหญ่ ไปก็ได้” หลี่เหวินพูดออกมาอย่างอ่อนใจ พูดจบเขาก็รีบวิ่งออกมาเพราะกลัวว่าหากชักช้าย่าอาจจะหาอะไรมาเขวี้ยงใส่หัวเขาก็ได้
เห็นท่าทางของหลี่เหวินแล้ว หญิงสาวต่างวัยทั้งสามคนได้แต่ยิ้มตาม ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
หลี่เหวินเมื่อออกมาที่หน้าบ้าน ก็เจอกับอี้หยางตงที่มายืนมองเข้ามาในบ้าน เขาจึงเดินเข้าไปถามอย่างไม่พอใจ
“มาทำไม?” น้ำเสียงที่เขาถามออกไปนั้นทั้งสั้นและดุดัน
“ผมมาหาชิงเหยา พี่เหวินเรียกเธอให้หน่อยได้ไหมครับ” พอเจอเข้ากับหลี่เหวิน ท่าทีของอี้หยางตงก็ดูนอบน้อมขึ้นมาทันตา เพราะแม้จะตั้งใจมาหลอกหญิงสาว แต่กับพี่ชายของเธอเขาก็มีความเกรงใจและกลัวอยู่ไม่น้อย
“ตอนนี้ชิงเหยาไม่ว่าง นายกลับไปเถอะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก ชิงเหยาบอกว่าไม่ต้องการพบกับนายอีกแล้ว” หลี่เหวินพูดขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงที่เขาพูดช่างดุดันและเย็นชามาก เนื่องจากเขาไม่อยากให้น้องสาวต้องมาพูดคุยกับอี้หยางตง เขาเลยคิดว่าจะไม่เข้าไปบอกเธอว่าชายหนุ่มมาขอพบ ทั้งหมดที่ทำลงไปก็เพราะก็กลัวว่าหลี่ชิงเหยาจะตัดใจจากคนตรงหน้าไม่ได้อย่างที่พูดออกมา
ขณะเดียวกันนั้น หลี่ชิงเหยาได้ยินเสียงพูดคุยหน้าบ้าน เธอจึงบอกให้แม่มาช่วยดูอาหารที่ทำ เพราะเธอจะออกไปดูสักหน่อยเผื่อว่าเกิดเรื่องอะไร
“แม่ค่ะ มาช่วยดูแกงปลาบนเตาให้ฉันหน่อยนะคะ เดี๋ยวฉันไปดูที่หน้าบ้านสักหน่อย” หญิงสาวบอกกับแม่ของตัวเอง
“ใครมานะ เดี๋ยวย่าออกไปดูด้วยก็แล้วกัน” ย่าหลี่พูดขึ้นมาบ้าง เพราะนางจำเสียงของอี้หยางตงได้ จึงไม่ปล่อยให้หลานสาวออกไปคนเดียว
จากนั้นหญิงสาวจึงเดินออกมากับย่าสองคน และพอเห็นว่าใครมา ใบหน้าของเธอแสดงความรังเกียจอีกฝ่ายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“มาทำไม” หญิงสาวถามออกไปสั้น ๆ น้ำเสียงที่พูดนั้นห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด
“ชิงเหยา พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ขอคุยส่วนตัวได้ไหม”
อี้หยางตงพูดออกมากับเธออย่างอ่อนโยน จะมาขอปลาเธอไปกิน หากมีคนในบ้านหลี่อยู่ด้วย เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา เลยคิดว่าจะขอเวลาส่วนตัวเพื่อคุยกับเธอดีกว่า และเขาคิดว่าเธอจะต้องตอบตกลงทันที
แต่เขากลับถูกหลี่ชิงเหยาสวนกลับอย่างไม่รักษาน้ำใจว่า
“อย่ามาแทนตัวอย่างนั้นกับฉันนะ ฉันมีพี่ชายคนเดียวคือพี่หลี่เหวิน แล้วฉันกับคุณสนิทกันถึงขนาดไหนเหรอ ถึงมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานและขอคุยส่วนตัวแบบนี้ บ้าหรือเปล่า”
ไม่เพียงแต่อี้หยางตงเท่านั้นที่ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่หลี่เหวินและย่าหลี่ก็เบิกตากว้างยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก
เมื่อถูกตอกกลับมาแบบนี้ อี้หยางตงเลยพูดสิ่งที่ต้องการออกมาตรง ๆ “พอดีพี่ได้ยินว่าชิงเหยาได้ปลามาหลายตัว เลยว่าจะขอแบ่งสักหน่อย พี่ต้องอ่านหนังสือหนักเพื่อเตรียมตัวสอบมหาวิทยาลัยปีหน้าน่ะ”
“ตายแล้ว อกอีแป้นจะแตก ชายอกสามศอกอย่างคุณหาปลาเองไม่ได้ เลยต้องมาขอจากหญิงบอบบางอย่างฉันเหรอ”
หญิงสาวพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับมือทาบอก แล้วมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก“แค่หาปลายังทำไม่ได้ ก็ไปกระโดดน้ำตายซะ สอบเสิบอะไรก็ไม่ต้องไปสอบมันแล้ว ฉันไม่ได้จะดูถูกนะ ฉันยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฉันตาบอดและโง่มาก ที่เชื่อคุณกับเพื่อนชั่วทุกอย่าง แต่ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว
ถ้าคุณไม่อยากขายหน้ามากกว่านี้ คุณมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยนะ แล้วบอกไว้ก่อนนะ ต่อไปหากจะมาขอของอย่างหน้าไม่อายแบบนี้อีก ฉันจะไม่ใจดีปล่อยไปแบบครั้งนี้แน่นอน”
หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าคนที่กล้ามาขอปลาอย่างหน้าด้าน ๆ พูดจบเธอก็ควงแขนย่าตนเองเดินกลับเข้าบ้านไปทันที เพื่อไปทำอาหารที่เหลือต่อ อย่างไม่คิดที่จะเหลียวหลังมามองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
อี้หยางตงไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน จึงยืนอึ้งไปพักหนึ่ง จนหลี่เหวินต้องโบกมือไปมาตรงหน้าเรียกสติอีกฝ่าย
“ได้สติหรือยัง ถ้าได้แล้วก็รีบกลับไปซะ ตอนนี้ชิงเหยาน้องสาวฉันตาสว่างแล้ว และต่อไปหากนายยังมาตอแยเธออีก
ฉันจะทำให้นายหยอดน้ำข้าวต้มสักอาทิตย์”ขณะที่พูดจบก็รีบปิดประตูทันที แล้วยืนกอดอกมองอีกฝ่ายและขู่ด้วยสายตา จนเมื่อเห็นว่าอี้หยางตงเดินไปแล้ว เขาก็รีบเดินไปช่วยงานบ้านเจียงทันที
หลังจากที่ออกมาจากบ้านหลี่ อี้หยางตงก็เดินอย่างเหม่อลอยกลับบ้าน เขาไม่คิดว่าสิ่งที่ได้ยินทั้งหมดจะคือเรื่องจริง
‘เกิดอะไรขึ้นกับหลี่ชิงเหยา ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้’ เขาเดินไปก็คิดในใจไปอย่างไม่เข้าใจ
เขาพยายามหาคำตอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าหลี่ชิงเหยาหลังจากฟื้นขึ้นมาจะเปลี่ยนไปราวคนละคนแบบนี้
เมื่อมาถึงบ้านอี้ ทุกคนที่ตั้งตารอว่าจะได้กินปลาถึงกับต้องใจสลาย เพราะอี้หยางตงมามือเปล่า
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีปลามาด้วยล่ะ” กุ้ยหมิ่นรีบเดินมาดู พอไม่เห็นสิ่งที่ต้องการก็ถามขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ
“ถ้ามีแม่ต้องเห็นสิ นอกจากเธอจะไม่ให้ปลาแล้ว ยังด่า
ผมอีกด้วย แถมยังบอกว่าต่อไปนี้จะไม่ให้อะไรผมอีกแล้ว ผมคิดว่าเม่ยเม่ยคงต้องไปพูดอะไรกับเธอแน่ หลี่ชิงเหยาถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้”อี้หยางตงพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เขาโยนความผิดทั้งหมดไปให้โจวเม่ยเม่ย เพราะเขาคิดว่าโจวเม่ยเม่ยต้องไปเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอให้หลี่ชิงเหยาฟัง เลยทำให้หลี่ชิงเหยามีท่าทีแบบนี้
“แม่บอกแกแล้วว่าอย่าเล่นกับคนใกล้ตัว หากคิดจะเล่น ๆหญิงสาวต่างหมู่บ้านก็มี แล้วต่อไปทำยังไงล่ะ หลี่ชิงเหยาถอยห่างลูกแล้ว” กุ้ยหมิ่นยังคงพูดออกมาอย่างกังวล เพราะไม่อยากเสีย
หลี่ชิงเหยาไป ไม่ใช่เพราะรักหรือชอบที่ตัวเธอ แต่ชอบข้าวของที่อีกฝ่ายเอามาให้มากกว่า“ผมไม่เชื่อหรอกแม่ว่า เธอจะเลิกรักผมแล้ว รอให้เธอหายโกรธก่อนเถอะ เธอจะต้องรีบวิ่งกลับมาหาผมเหมือนเดิม”
อี้หยางตงยังหวังว่าหลี่ชิงเหยาจะกลับมารักตนเอง และกลับมาตามใจเขาเหมือนเดิม
“นั่นสิ ถ้าอย่างนั้นคงต้องรอดูสักสองสามวันแล้วล่ะ”
เรื่องนี้เธอเห็นด้วยกับลูกชาย ก่อนจะเดินเข้าหลังบ้านไปทำอาหารที่มีแต่ผัก!เย็นวันนี้บ้านหลี่มานั่งกินอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยรอยยิ้ม และไม่คิดว่าอาหารที่หลี่ชิงเหยาทำนั้นจะอร่อยขนาดนี้
“ไม่คิดว่าลูกสาวพ่อจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้นะเนี่ย”
หลี่หยวนอดที่จะชมลูกสาวไม่ได้เมื่อเขาขอข้าวเพิ่มเป็นครั้งที่สองแล้ว“พ่อเกือบจะไม่ได้กินแล้วล่ะคะ ตอนแรกพี่ใหญ่ไม่อยากให้ฉันทำเพราะกลัวท้องเสีย” หญิงสาวรีบฟ้องพ่อทันทีที่มีโอกาส แถมยังยักคิ้วให้พี่ชายอย่างเหนือกว่าด้วย
“ก็เธอไม่เคยเข้าครัวเลยสักครั้ง แล้วใครจะคิดว่าเธอทำอาหารเป็นละชิงเหยา หากรู้ว่าเธอทำอร่อยขนาดนี้ พี่จะให้ทำทุกวันเลย” หลี่เหวินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เอาอกเอาใจน้องสาว
“ก็ได้ค่ะ ต่อไปพี่ใหญ่จะได้กินอาหารจากฝีมือฉันทุกวันเลยดีไหมคะ ว่าแต่อาหารที่ฉันทำอร่อยจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าอร่อยพรุ่งนี้ฉันจะลองทำไข่ต้มชาดู ฉันอยากลองทำไปขายที่หน้าโรงงานกับในตลาดดูน่ะ แต่ต้องให้ทุกคนช่วยชิมก่อน” เธอพูดออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องทั่วไป แต่นั่นกลับทำให้คนในบ้านหลี่ตื่นตกใจอีกครั้ง
“ชิงเหยาจะไปขายของเหรอ” ย่าหลี่ถามมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อหลานสาวที่รักความสบายมาตลอด จะไปขายของ
“จริงค่ะ ฉันสงสารพี่ใหญ่กับพ่อที่ต้องทำงานหนัก ไม่สู้หาอะไรทำแล้วเอาไปขายเพื่อให้ได้เงินเข้าบ้านดีกว่า อย่างอื่นอาจจะใช้ทุนเยอะ แต่ไข่ต้มชานั้นลงทุนไม่มากเท่าไร ไข่เราสามารถซื้อจากชาวบ้านได้ หรือไปหาซื้อตามตลาดก็ได้ ส่วนเครื่องปรุงสำหรับทำก็ไม่มีอะไรมาก ฉันคิดว่าลงทุนน้อยไปก่อนดีกว่า ถ้ากิจการไปได้ดีค่อยขยับขยายไปทำอย่างอื่นเพิ่ม”
หญิงสาวพูดออกมาด้วยท่าทางหนักแน่นจริงจัง เธอคิดว่าจะต้องทำกิจการเพื่อหาเงินเข้าบ้านให้ได้
ในเมื่อเธอไม่มีมิติเหมือนคนอื่น เลยคิดว่าทำไข่ต้มชาขายไปก่อน แล้วค่อย ๆ ขยับขยาย เนื่องจากร่างเดิมทำไม่ดีกับครอบครัวไว้มาก เธอเลยตั้งใจจะทำดีเพื่อไถ่โทษ แล้วเธอยังตั้งใจว่าจะทำให้ทุกคนอยู่อย่างสบาย แม้จะไม่ร่ำรวยที่สุดก็ตาม
บทส่งท้าย ฉันไม่ใช่นางร้ายที่โง่เขลาอีกแล้วหนึ่งเดือนต่อมา...วันนี้คือฤกษ์ดีของบ้านหลี่และบ้านหยาง แม้ว่าการย้ายเข้าบ้านใหม่นั้นจะเอาฤกษ์ที่สะดวก แต่สำหรับการเปิดร้านค้าทั้งสองร้านนั้น ย่าหลี่บอกว่าต้องดูวันที่ฤกษ์ดี ๆ เสียหน่อยเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เลยทำให้วันนี้เป็นวันเปิดร้านทั้งสองของพวกเขาวันนี้นายท่านเจียงถูกเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติ“ยินดีด้วยนะเฟยฟลง ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง หากมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยเหลือก็ไปบอกได้เลย ฉันถือนายเป็นน้องชายคนหนึ่ง หากใครคิดจะมีเรื่องกับนาย ก็เท่ากับมีเรื่องกับฉันด้วย”นายท่านเจียงพูดอวยพรเสียงดัง จากนั้นก็ส่งของขวัญให้หลี่ชิงเหยา“ขอบคุณครับพี่เจียง” หยางเฟยหลงพูดขอบคุณและเรียกอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเองนั่นทำให้เหล่าบรรดาพ่อค้าที่พอจะมีอิทธิพลและเส้นสาย ที่ตั้งใจจะกลั่นแกล้งร้านที่เปิดใหม่กลับต้องหน้าเสีย เพราะไม่คิดว่าเจ้าของร้านเปิดใหม่แห่งนี้ จะรู้จักกับนายท่านเจียงด้วยหลังจากนั้นไม่นานนายท่านเจียงก็เดินทางกลับไปทันที เพราะคนอย่างเขาไม่ปรากฏตัวอยู่ข้างนอกนานเกินความจำเป็นหลังจากนายท่านเจียงกลับไปไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเดินเข้ามาแส
บทที่ 33 ในที่สุดพระเอกก็มีจุดจบหน้าหมู่บ้าน อี้หยางตงรีบมาที่จุดนัด ตอนนี้เขาแค้นใจมากเพราะรู้ข่าวว่าหลี่ชิงเหยาได้จดทะเบียนสมรสกับหยางเฟยหลงแล้ว“หึ แอบไปจดทะเบียนกันโดยไม่สนใจฉัน ต่อไปก็ไม่จำเป็นที่จะต้องการรักษาน้ำใจเธออีกแล้วนะชิงเหยา เป็นแบบนี้ฉันก็ไม่ต้องปิดบังแล้วเหมือนกันว่าที่ฉันอยากได้เธอมาก็เพราะเงินของเธอ และหากว่าเธอตกเป็นของฉันแล้ว ฉันจะบังคับให้เธอหย่าแล้วมาแต่งกับฉัน แล้วฉันรีดไถเงินมาใช้ให้หมดเลย”อี้หยางตงพูดออกมาอย่างแค้นใจ เขาตั้งใจว่าเมื่อแผนการทุกอย่างจบสิ้นลง เขาจะให้หลี่ชิงเหยาหย่าขาดจากหยางเฟยหลงแล้วมาแต่งงานกับเขาแทน “ว่ายังไง พวกนั้นมาหรือยัง” ตงหมิ่งถามอี้หยางตงเมื่อเห็นเขามาถึงจุดนัดพบแล้ว“พวกมันออกมาจากหมู่บ้านกันแล้ว ว่าแต่พวกนายรู้ได้อย่างไรว่าพวกมันจะมาย้ายออกจากหมู่บ้านวันนี้” อี้หยางตงตอบกลับไป และขมวดคิ้วอย่างสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้ว่าคนพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าบ้านหลี่และบ้านหยางจะย้ายบ้านวันนี้“การสืบข่าวเรื่องแค่นี้ไม่ยากสำหรับฉัน หากฝีมือพวกฉันไม่มีดี จะกล้ารับค่าจ้างแพง ๆ ได้อย่างไรกันล่ะ” ตงหมิ่งพูดขึ้นมาอย่างโอ้อวด เขาพยายามพูดเบี่ยงเบนไป
บทที่ 32 ชี้เป้าหมายหลี่ชิงเหยามองหนังสือรับรองการจดทะเบียนด้วยตาเป็นประกาย เธอไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสแต่งงานจดทะเบียนเหมือนคนอื่น ก่อนจะเงยหน้ามองสามีหมาด ๆ ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“เราแต่งงานกันแล้วนะคะสามี” หญิงสาวพูดออกไปอย่างหยอกเย้าพอได้ยินอย่างนั้น หยางเฟยหลงยิ้มเขินเล็กน้อย พร้อมกับใบหูที่แดงเถือก ก่อนจะพูดออกไปอย่างอบอุ่นไม่ต่างกัน“ครับภรรยา พี่รักชิงเหยานะครับ”“ฉันก็รักพี่ค่ะ” หลี่ชิงเหยายิ้มหวานให้สามีพร้อมกับคำบอกรักทั้งสองต่างสบตาให้กันอย่างมีความหมาย แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะไม่มีงานแต่งงานก็ตาม“พี่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่พี่ได้ครองรักกับชิงเหยา พี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และขอบคุณภรรยาที่รักและยอมให้ชายคนนี้ดูแล ทั้งที่พี่ไม่มีอะไรเลย” เขาบอกเธออย่างอบอุ่นส่วนหลี่ชิงเหยาเองก็คิดในใจว่า‘ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้แต่งงานกับตัวประกอบของนิยายเรื่องนี้ที่อ่านไม่จบ หวังว่าสุดท้ายแล้วต่อจากนี้ ชีวิตของฉันและเขา รวมถึงครอบครัวจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่มีอะไรมากวนใจอีกแล้วนะ’แต่เธอตอบคนรักกลับไปอย่างอ่อนโยนว่า“ฉันไม่ได้มองคนที่เงินทองหรือว่าฐานะ และต้องขอโทษด้วยที่ก
บทที่ 31 วางแผนคิดร้าย“นี่ค่ะเงิน ลองนับดูนะคะว่าครบหรือเปล่า” เธอบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม พอพนักงานรับเงินมานับ แล้วเห็นว่าเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนจึงคืนให้อย่างซื่อสัตย์ พร้อมกับพูดว่า “คุณจ่ายเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนค่ะคุณลูกค้า นี่คะ ฉันคืนให้นะคะ”หลี่ชิงเหยาเห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะรู้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง มีทั้งความจริงใจและความซื่อสัตย์“ไม่เป็นไรค่ะ เงินส่วนนี้ฉันให้กับคุณเป็นพิเศษค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“แต่มันมากเกินไปนะคะ เงินตั้งหนึ่งร้อยหยวน อีกอย่างฉันก็ได้ค่านายหน้าจากการขายครั้งนี้มากทีเดียว” เว่ยเจียงจื่อพูดออกมาอย่างเกรงใจ เธอไม่ติดว่าลูกค้าจะซื้อแบบไม่ต่อรองราคาแบบนี้ ความจริงราคานี้สามารถลดจากค่านายหน้าของเธอได้อีกนิดหน่อย“ไม่มากเกินไปหรอกค่ะ รับไปเถอะ ขอบคุณมากที่ต้อนรับเราสามคนอย่างดี โดยไม่สนใจว่าพวกเราจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน คุณเป็นคนดีจริง ๆ ที่ไม่ตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอก สมควรที่จะได้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้เป็นการตอบแทนแล้วค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับเสียงดัง ก่อนจะปรายตามองพนักงานคนแรกเล็กน้อย“ขอบคุณนะคะ พวกคุณรอ
บทที่ 30 ซื้อบ้านและร้านค้าหลี่เหวินและหยางเฟยหลงเห็นท่าทางและสายตาแบบนั้นก็เตรียมจะพูดให้ชัดเจน แต่กลับถูกหลี่ชิงเหยายกมือห้ามไว้ก่อน จากนั้นเธอจึงไม่คิดเกรงใจพนักงานคนนี้อีก จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ซื้อได้หรือไม่นั้น คุณให้พวกเราดูบ้านก่อนสิ ยังไม่ทันรู้ราคาเลย แล้วบอกว่าเราไม่มีปัญญาซื้อได้อย่างไร”“จะดูทำไมให้เสียเวลา ใส่เสื้อผ้าแบบนี้หรือจะมีปัญญาซื้อบ้าน!” พนักงานสาวคนนี้ยังคงพูดจาดูถูกและเหยียดหยามทั้งสามคนไม่หยุด แถมยังแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียดอีกด้วยคราวนี้หลี่ชิงเหยาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอนำเงินมาซื้อบ้าน แต่ไม่คิดว่าพนักงานสาวคนนี้จะมาทำกิริยาแบบนี้ใส่ จึงทำท่าจะสวนกลับไปอย่างเจ็บแสบแต่ยังไม่ทันที่จะพูดสวนอะไรออกไป พนักงานอีกคนที่เคยขายโกดังให้กับหลี่เหวินก็เดินเข้ามาพอดี“อ้าว สวัสดีค่ะคุณหลี่ คุณหยาง”” พนักงานสาวคนนี้ทักทายชายหนุ่มทั้งสองออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นกันเอง“สวัสดีครับคุณเว่ย” หลี่เหวินเห็นว่าเป็นพนักงานสาวที่เคยขายโกดังให้ตนเอง ก็ทักทายกลับไปอย่างเป็นกันเอง โดยที่หยางเฟยหลงก็พยักหน้ารับการทักทายเท่านั้น“รู้จักกันเหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จัดก
บทที่ 29 พูดจาเรื่องแต่งงาน“ในเมื่อทุกคนตกลงในเรื่องนี้แล้ว ฉันกับพี่เฟยหลงมีอีกเรื่องจะพูดกับทุกคน” คราวนี้หลี่ชิงเหยาพูดขึ้นมาอย่างเขินอายเล็กน้อย พูดจบก็หันมาสบสายตากับคนรัก ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือกันแน่น แล้วหยางเฟยหลงจึงได้พูดบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า“ผมกับชิงเหยาตั้งใจว่าจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมอาจจะไม่มีเงินมาสู่ขอเธอเหมือนคนอื่น แต่ผมคิดว่าความรักที่ผมมีให้เธอนั้นมากมายกว่าเงินทอง และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชิงเหยาต้องเสียน้ำตาเพราะผมเด็ดขาด ย่าหลี่ พ่อ แม่ ได้โปรดอนุญาตให้เราแต่งงานกันด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดยืนยันหนักแน่น พร้อมกับมองทุกคนอย่างขอความเห็นใจ“ในเมื่อตัดสินใจกันแล้ว พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ดีเสียอีกจะได้มาอยู่ด้วยกัน มาเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วตั้งใจว่าจะแต่งงานกันวันไหนล่ะ”หลี่หยวนได้ยินและได้เห็นท่าทางจริงจังนั้นก็พยักหน้ายอมรับ การที่หยางเฟยหลงกล้ามาพูดจาเรื่องสู่ขอนั้น เขาเชื่อว่าลูกสาวได้พูดคุยกับอีกฝ่ายมาแล้ว ในเมื่อลูกสาวยินยอม เขาก็พร้อมจะสนับสนุน“ความตั้งใจของฉันคืออยากจดทะเบียนสมรสก่อนเลยค่ะ ฉันยังไม่อยากมีงานแต่ง ขอแค่กินเลี้ยงภายในค