Share

บทที่ 2

Author: โย่วโย่ว
ทันทีที่ฉีถิงสือออกไป ฉันก็ไปที่โรงพยาบาลที่สองทันที

ในความทรงจำของฉัน แม้บริษัทที่บ้านจะเผชิญวิกฤต และพ่อของฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเรื่องนั้นก็ตาม

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่เคยมีแพทย์คนไหนบอกฉันเลยว่า อาการของพ่อจะอยู่ในภาวะอันตรายจากโรคนี้

มีเพียงบอกฉันว่า พ่อของฉันจำเป็นต้องพักผ่อนเท่านั้น

เมื่อสามปีก่อน ฉันยังอ่อนประสบการณ์เกินไป พอเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกะทันหัน ก็ได้แต่ตื่นตระหนกและร้อนใจเท่านั้น

แต่พอมาคิดทบทวนอย่างละเอียดในตอนนี้ ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในตอนนั้น ล้วนผ่านไปเร็วเกินไป

ฉันไปพบคุณหมอหลี่ ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของพ่อฉันในตอนนั้น

“คุณหมอหลี่คะ สาเหตุการเสียชีวิตของพ่อฉันในตอนนั้นคืออะไรกันแน่?”

คุณหมอหลี่ดูตกใจมากเมื่อเห็นฉัน และยิ่งงุนงงเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำถามของฉัน “คุณไม่รู้เหรอ?”

ฉันยืนนิ่งงัน ก่อนจะส่ายศีรษะช้า ๆ

“พ่อของคุณในตอนนั้นฆ่าตัวตายนะ ไม่มีใครเคยบอกคุณเลยเหรอ?”

คำพูดของคุณหมอหลี่ราวกับสายฟ้าฟาดกลางวันแสก ๆ ทำให้ฉันช็อกยืนแข็งค้างอยู่ตรงนั้น

ฉันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้

คุณหมอหลี่ถอนหายใจ ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่ฉันเบา ๆ “ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ ต้องทำใจให้ได้นะ เสียใจด้วยจริง ๆ”

ฉันเม้มมุมปาก ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แล้วเอ่ยลาคุณหมอหลี่

ระหว่างทางกลับบ้านหลังออกจากโรงพยาบาล ฉันทั้งตัวเหมือนลอย ๆ มึนงงไปหมด เดินชนผู้คนไปหลายครั้งโดยไม่รู้ตัว

การเสียชีวิตของพ่อในตอนนั้น เป็นฉีถิงสือที่เป็นคนโทรมาแจ้งข่าวกับฉัน

ช่วงนั้นฉันเฝ้าไข้พ่ออยู่ที่โรงพยาบาลตลอด ตัวผอมลงไปมากจนเห็นได้ชัด

ฉีถิงสือเห็นฉันทรมานใจก็รู้สึกสงสาร จึงอาสาช่วยดูแลพ่อให้เอง และให้ฉันกลับบ้านไปพักผ่อนหนึ่งวัน

แต่ก็เป็นในวันนั้นเอง ที่ฉันได้รับข่าวร้ายว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว

ฉีถิงสือกอดฉันไว้แน่น ขณะที่ฉันร้องไห้จนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่ยอมให้ฉันเข้าไปใกล้ร่างของพ่อ บอกว่าจะอยู่เคียงข้างฉันตลอด ให้ฉันอย่ากลัว

ที่แท้ การที่เขากอดฉันเอาไว้ ก็เพราะไม่อยากให้ฉันรู้ความจริงว่า พ่อของฉันเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย

พอคิดถึงตรงนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะตบหน้าตัวเองอย่างแรงหนึ่งที

ฉันไปรักปีศาจแบบไหนกันแน่!

ขณะที่ฉันกำลังจมอยู่กับความสำนึกผิด ฉันก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว

“เฉิงซวง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

ฮันโม่หรานยืนอยู่ในลานบ้านของฉันอย่างสงบ ท่าทางเป็นธรรมชาติ นั่งอยู่บนชิงช้า พลางยิ้มละมุนมองมาที่ฉัน

“เธอเข้ามาได้ยังไง?”

แต่เดิมฉันก็ไม่เคยชอบเธออยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องในตอนนั้นที่ซูซินอวี่ยังทิ้งฉันไปเพราะเธออีก

เมื่อเผชิญหน้ากับฮันโม่หราน ฉันไม่อาจฝืนยิ้มออกมาได้

ฮันโม่หรานยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาฉัน “ก็ใส่รหัสผ่านเข้าไงล่ะ รหัสของถิงสือเนี่ย ไม่เคยมีอะไรแปลกใหม่เลย 0717 วันเกิดของฉันไงล่ะ~”

พอได้ยินคำพูดพวกนั้น หัวใจของฉันก็เหมือนดิ่งวูบลงในทันที

รหัสผ่านทั้งหมดของฉีถิงสือ คือ 0717

ฉันเคยถามเหตุผล เขาบอกว่านี่คือวันที่เขาหาเงินก้อนแรกได้

น่าขำตรงที่ ฉันเคยฉลองความสำเร็จให้เขาในวันที่ 17 กรกฎาคมมาแล้วด้วย

“เธอชอบชิงช้านี่ไหม ก่อนหน้านี้ฉันคุยกับถิงสือแล้วเคยพูดไว้ว่า อนาคตอยากติดชิงช้าไว้ในลานบ้าน ต้องสนุกแน่ ๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะยังจำได้”

ฮันโม่หรานพูดไปเดินเข้าไปในตัวบ้านไปด้วย ท่าทางราวกับที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ไม่ได้เกรงใจใครเลย

“ว้าว นี่คือภาพวาดที่ถิงสือนำกลับมาจากมิลานใช่ไหม?”

เธอชี้ไปที่ภาพวาดตรงบันไดชั้นสองด้วยสีหน้าตื่นเต้นแล้วถามฉัน จากนั้นก็ไม่รอให้ฉันตอบก็พูดต่อทันทีว่า “ไม่คิดเลยว่าเขาจะประมูลภาพนี้มาได้จริง ๆ เสียดายที่ซินอวี่ไม่ยอมให้ฉันรับไว้ ไม่งั้นฉันคงไม่ยอมยกให้ถิงสือหรอก”

พูดจบ เธอก็ยิ้มแล้วขยิบตาให้ฉันอย่างเป็นกันเอง

ฉันเดินตามเธอไปติด ๆ ก้าวต่อก้าว ราวกับกำลังทรมานตัวเองด้วยการฟังคำพูดเหล่านั้น เงียบงันไม่พูดอะไรสักคำ

พรมในบ้านเป็นของที่ฮันโม่หรานเป็นคนให้มา ภาพวาดก็เป็นแบบที่ฮันโม่หรานชอบ แม้แต่สไตล์การตกแต่งบ้านก็ยังเป็นสิ่งที่ฮันโม่หรานเลือกเอง

ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ฉีถิงสือตกแต่งตามความชอบของฮันโม่หรานทั้งหมด

ฉันที่โง่งมเสียจริง กลับเชื่อไปสนิทใจว่านี่คือบ้านที่ฉีถิงสือเลือกไว้ให้ฉันโดยเฉพาะ

ตอนนี้ทั้งฉันและฮันโม่หรานยืนอยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่กลับรู้สึกว่าตัวฉันต่างหาก ที่เป็นเพียงแขกคนหนึ่ง

เมื่อเทียบกับฮันโม่หรานแล้ว ฉันกลับรู้สึกแปลกหน้ากับบ้านหลังนี้มากกว่าเสียอีก

“เอ๊ะ นี่คือรูปแต่งงานของพวกเธอเหรอ ชุดแต่งงานของเธอเหมือนกับชุดที่ฉันใส่ถ่ายพรีเวดดิ้งตอนนั้นเลยนะ!”

“ดูท่าแล้ว เธอก็คงเป็นแค่ตัวแทนของฉันจริง ๆ สินะ”

ฮันโม่หรานพูดจบก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย เผยธาตุแท้ที่แท้จริงของเธอออกมาอย่างหมดเปลือก

พอได้ยินคำพูดของฮันโม่หราน ฉันก็ยื่นมือออกไปหมายจะคว้ารูปแต่งงานจากมือของเธอ “คืนมาให้ฉัน!”

“เธอเป็นใครกัน ถึงกล้ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน?!”

ฮันโม่หรานพูดจบก็ยกมือขึ้นเหมือนจะตบฉัน แต่พอได้ยินเสียงรถดังขึ้นมาจากชั้นล่าง ร่างของเธอก็หมุนตัวแล้วเอนล้มไปด้านหลังทันที

“อ๊า—!”

เป็นฉีถิงสือที่กลับมาแล้ว

ฉันเพียงแค่เหลือบมองไปทางด้านไม่ไกลนัก ฮันโม่หรานก็ส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะกลิ้งตกลงไปตามบันไดทันที

เธอร่วงหล่นจากชั้นสองลงมาถึงชั้นหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้ พร้อมเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

พอฉีถิงสือได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งเข้ามาในบ้านทันที ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นและอุ้มฮันโม่หรานเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน

“เธอทำอะไรลงไป?!”

ฉีถิงสือหน้าถมึงทึง ตะโกนด้วยความโกรธ “ถ้าโม่หรานเป็นอะไรขึ้นมา เธอก็จบเหมือนกัน ฉันจะให้เธอไปตายตามโม่หราน!”

พูดจบ เขาก็จ้องฉันด้วยสายตาอาฆาตอย่างแรง ก่อนจะอุ้มฮันโม่หรานขึ้นมา แล้วเดินออกไปทางประตูทันที

“ลูก… ลูกของฉัน…”

พอได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของหานโม่หราน ฉันถึงได้สังเกตเห็นว่า บนพื้นมีเลือดไหลนองเต็มไปหมด

ฉีถิงสือถึงกับลนลานในทันที “โม่หราน เดี๋ยวฉันพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”

“อย่าโทษซวงเอ๋อร์เลย เธอไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ……”

พูดจบ เธอก็หมดสติลง

ส่วนฉีถิงสือก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองฉันสักนิด เดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมา

หลังจากพวกเขาไปแล้ว ฉันยืนอยู่เพียงลำพัง มองเลือดที่นองอยู่บนพื้น และจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

นี่มันเรียกว่า “กรรมสนองกรรม” ใช่ไหม?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • น้ำตาร่วงกลางบุปผา รักลับไม่หวน   บทที่ 8

    ตอนที่ฉีถิงสือหาฉันเจอ ฉันกำลังจะเก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางไปดูแสงเหนืออยู่พอดีข่าวซุบซิบในประเทศมีมากมาย เรื่องราวระหว่างฉีถิงสือกับฮันโม่หรานก็ถูกกลบฝังไปตามกาลเวลาฉันเองก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวางลงได้ทีละน้อยไม่ว่าจะเป็นความเสียใจหรือความแค้น ล้วนไม่ควรเป็นเหตุผลให้ฉันทรมานตัวเองในขณะที่ฉันเริ่มเปิดใจยอมรับชีวิตอีกครั้ง ฉันก็ปล่อยวางให้ตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจหลีกเลี่ยงเรื่องราวในประเทศอีกฉันถึงขั้นเปิดโซเชียล แชร์เมนูอาหารที่ทำเองลงไปบนโลกออนไลน์ และก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นไม่น้อยแต่ไม่คาดคิดเลยว่า ในบรรดาผู้ติดตามเหล่านั้น จะมีฉีถิงสือรวมอยู่ด้วยทันทีที่ฉันก้าวออกจากบ้าน ก็เห็นฉีถิงสือยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว เขาถูมือไปมา พลางมองมาที่ฉัน“ที่นี่หนาวมาก ซวงเอ๋อร์ยังปรับตัวได้อยู่ไหม?”น่าแปลกใจจริง ๆ เพียงไม่กี่เดือน พอได้เจอฉีถิงสืออีกครั้ง กลับมีความรู้สึกแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงไม่มีความแค้น ไม่มีความเจ็บปวด ใจสงบนิ่งเรียบง่ายดุจสายน้ำฉันยืนอยู่ตรงนั้น มองเขา ราวกับกำลังตอบคำถามธรรมดาว่าวันนี้กินอะไรไป “ก็โอเคนะ”ในจังหวะนั้น ฉีถิงสือไม่อาจกดกลั้นเสียงหัวใจของตัวเองได้อีกต่อ

  • น้ำตาร่วงกลางบุปผา รักลับไม่หวน   บทที่ 7

    หลังจากมาที่นี่ ฉันตั้งใจทำให้ตัวเองยุ่งตลอดเวลา ไม่รับรู้ข่าวสารจากในประเทศแต่เมื่อคืนขั้วโลกมาถึง เวลาเปิดร้านก็ต้องสั้นลง ฉันจึงถูกบังคับให้ว่างลงด้วยทั้งความอยากรู้อยากเห็นและความไม่ยอมแพ้ ฉันจึงกดเปิดดูข่าวจากในประเทศถึงได้รู้ว่าฮันโม่หรานได้หย่ากับซูซินอวี่แล้วหลังจากตอนนั้นฉีถิงสือปล่อยข่าวเล็ก ๆ เรื่องที่ฮันโม่หรานเข้ารพ. ให้กับนักข่าวสายซุบซิบ พวกนักข่าวก็เหมือนแมลงวันได้กลิ่นเนื้อ พากันกรูเข้ามาไม่ขาดสายจากการขุดคุ้ยว่าเหตุใดฮันโม่หรานถึงต้องเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายก็ลากยาวไปจนถึงเรื่องที่ซูซินอวี่เป็นหมันเรื่องฉาวของตระกูลมหาเศรษฐีถูกขุดคุ้ยจนไม่เหลือชิ้นดี ตระกูลซูเสียหน้าอย่างหนัก จึงสั่งให้ซูซินอวี่กับฮันโม่หรานหย่ากันทันทีส่วนเด็กในท้องของฮันโม่หรานนั้น เป็นผลที่เกิดขึ้นจากคืนวันแต่งงานของเธอในข่าวยังระบุด้วยว่า หลังจากหย่าแล้ว อันโม่หรานได้ไปขอความช่วยเหลือจากฉีถิงสือ แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบแม้ตัวอักษรจะเขียนผ่านไปเพียงไม่กี่บรรทัด แต่ก็ยังพอจินตนาการภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นได้เหตุที่ฮันโม่หรานสามารถยืนหยัดในตระกูลฮันได้อย่างมั่นคง อย่างแรกคือเพราะฉีถ

  • น้ำตาร่วงกลางบุปผา รักลับไม่หวน   บทที่ 6

    ฉันมาถึงเมืองก่างเฉิงตอนเที่ยง แต่ทันทีที่ก้าวลงจากเครื่อง สัญชาตญาณก็เตือนว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยเลยอาจจะเป็นคนของฉีถิงสือ หรือไม่ก็คนของฮันโม่หราน แต่ไม่ว่าใครก็ตาม นั่นก็หมายความว่าที่อยู่ของฉันถูกเปิดเผยแล้วดังนั้นฉันจึงจำใจต้องยกเลิกชื่อ “เฉิงซวง” เปลี่ยนไปใช้บัตรประชาชนใบใหม่ และบินออกไปต่างประเทศก่อนที่ตระกูลเฉิงจะล้มละลาย ฉันใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตลอด แม้จะห่างหายไปหลายปี แต่โชคดีที่ยังสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วครั้งนี้ฉันเลือกไปยังประเทศเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในแถบยุโรปเหนือ ผู้คนเบาบาง และเป็นดินแดนที่มีทั้งปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนกับคืนขั้วโลกอยู่พร้อมกันถ้าโชคดี ฉันอาจได้เห็นแสงเหนือที่นี่ย่ำเท้าลงบนหิมะหนานุ่ม ลมหนาวอันเย็นเฉียบพัดผ่าน ฉันกลับกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่เรื่องราวเก่า ๆ ของเมืองไห่เฉิง ฉันทิ้งมันไว้ในอดีตได้จริง ๆฉันเคยบอกฉีถิงสือว่าอยากไปดูแสงเหนือ ตอนนั้นเขาก็ตอบตกลงอย่างง่ายดายแต่ทุกปีเขาก็มักจะใช้สารพัดข้ออ้างมาปฏิเสธฉันไม่ใช่ว่าเขางานยุ่ง ก็เป็นเพราะฮันโม่หรานมีเรื่องให้ตามตัว ไม่ว่าเหตุผลไหน สุดท้ายฉันกับแสงเหนือของฉันก็มักถูกวางทิ้งไว้ข้า

  • น้ำตาร่วงกลางบุปผา รักลับไม่หวน   บทที่ 5

    ฮันโม่หรานบอกว่าตัวเองปวดท้อง และถามฉีถิงสือว่าเขาจะกลับไปหาเธอสักหน่อยได้ไหมฉีถิงสือชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไปอยู่ดีฉินชวนมองแผ่นหลังของฉีถิงสือที่เดินจากไป แล้วถอนหายใจพร้อมพูดว่า “ทั้งหมดนี่มันคือชะตากรรมจริง ๆ”ฉีถิงสือรีบไปถึงโรงพยาบาล ด้วยความร้อนรนจึงเผลอชนเข้ากับใครบางคน“คุณฉี?”ฉีถิงสือเพิ่งจะสังเกตเห็นในตอนนั้นเองว่าคนที่เขาชนเข้า คือคุณหมอหลี่ แพทย์เจ้าของไข้ของพ่อเฉิงซวงในปีนั้นเมื่อเห็นคุณหมอหลี่ ความไม่สบายใจที่อัดอั้นอยู่ในใจของฉีถิงสือก็พลันพุ่งพรวดขึ้นมา พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วคิดจะเดินจากไป“เอ๊ะ วันนี้เฉิงซวงไม่ได้มากับคุณเหรอ อาการของเธอเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”“เฉิงซวงเป็นอะไร?”เมื่อได้ยินชื่อของเฉิงซวง ความกระวนกระวายใจของฉีถิงสือก็ยิ่งทวีขึ้น พร้อมกับความเป็นห่วงที่ถาโถมเข้ามาเธอป่วยหรือเปล่า? ทำไมถึงมาโรงพยาบาล? แล้วทำไมไม่บอกเขาเลยล่ะ?ดังนั้นคุณหมอหลี่จึงเล่าเรื่องที่เฉิงซวงมาที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ให้ฉีถิงสือฟัง หลังจากนั้นยังได้เอ่ยปากเตือนให้ฉีถิงสือช่วยพาเฉิงซวงก้าวออกมาจากเงามืดให้ได้เมื่อฉีถิงสือได้ฟังจบ เขาก็ยืนนิ่งงันอยู่กับที

  • น้ำตาร่วงกลางบุปผา รักลับไม่หวน   บทที่ 4

    ตอนตีห้า ฉีถิงสือถูกสายโทรศัพท์จากช่างแต่งหน้าปลุกให้ตื่น ก่อนจะรับสาย เขายังเหลือบมองดูอาการของฮันโม่หรานอย่างระมัดระวังอีกด้วยพอเห็นว่าเธอหลับสนิทดีแล้ว เขาก็หันตัวออกไปรับสายโทรศัพท์อยู่นอกห้อง“เกิดอะไรขึ้น?”“คุณฉีคะ พวกเรากดกริ่งแล้วแต่ไม่มีใครมาเปิดประตู ไม่อย่างนั้นรบกวนคุณช่วยติดต่อเจ้าสาวให้หน่อยได้ไหมคะ?”ฉีถิงสือขยี้ขมับอย่างหงุดหงิด ก่อนจะวางสายแล้วโทรหาเฉิงซวงคำตำหนิที่ว่าเฉิงซวงไม่รู้ความกำลังจะหลุดออกจากปาก ทันทีที่ได้ยินเสียงตู๊ด เขาก็กรอกเสียงดุใส่ว่า “เธอกำลังงอนอะไรอยู่ ช่างแต่งหน้ามาถึงแล้ว เปิดประตูสิ!”แต่ในวินาทีถัดมา ฉีถิงสือถึงได้ยินชัดว่าปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงที่เย็นชาเหมือนเครื่องจักร แจ้งเตือนว่า หมายเลขที่ท่านโทรติดต่อ ปิดเครื่องอยู่ในขณะนี้ฉีถิงสือจึงปักใจเชื่อทันทีว่าเฉิงซวงแค่กำลังงอนเล็ก ๆ เขาเลยบอกกับช่างแต่งหน้าว่า “ต้องรบกวนด้วยนะ งั้นพวกคุณกลับไปก่อนเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเธอแล้ว”ช่างแต่งหน้ารู้สึกไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งหลังจากวางสาย ฉีถิงสือก็กลับเข้าไปในห้องพักคนไข้ แล้วพบว่าฮันโม่หรานตื่นขึ้นมาแล้ว เขาพลันร้อนรนทันที “โม่ห

  • น้ำตาร่วงกลางบุปผา รักลับไม่หวน   บทที่ 3

    ฉันเรียกรถแท็กซี่ขับตามรถของฉีถิงสือไป ทั้งที่เขาไม่ได้อยากเห็นหน้าฉันเลยฉันแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าฮันโม่หรานจะตั้งครรภ์จริง ๆ และที่ฉันตามมาด้วย ก็เพียงอยากอธิบายว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉันเลยแต่พอฉีถิงสือส่งหานโม่หรานเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว เขาก็หันมามองฉันอย่างเย็นชา “เฉิงซวง ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายได้ขนาดนี้ โม่หรานแค่อยากมาดีใจและอวยพรงานแต่งของเธอด้วยตัวเอง ทำไมเธอต้องทำกันถึงขั้นนี้ด้วย?!”พอได้ยินเสียงคำรามที่เขาพยายามกลั้นอารมณ์เอาไว้ ฉันก็หมดแรงจะอธิบายอะไรอีกต่อไป“ถ้าเด็กในท้องของโม่หรานไม่รอด เงินค่าสินสอดที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอ ฉันจะยกให้โม่หรานทั้งหมด ถือเป็นการชดเชย”พอได้ยินถึงตรงนี้ ฉันก็มองไปที่ฉีถิงสือด้วยความตกตะลึงฉีถิงสือเคยบอกว่า การแต่งงานก็ต้องมีขั้นตอนแบบการแต่งงาน คนอื่นมีอะไร ฉันก็ต้องมีเหมือนกัน แถมอาจจะได้มากกว่าด้วยซ้ำเขาเคยเสนอว่าจะโอนหุ้นของบริษัทครึ่งหนึ่งมาไว้ในชื่อของฉัน เพื่อใช้เป็นค่าสินสอดแต่พอคำพูดพวกนี้หลุดออกมาจากปากเขา ไม่ว่าเด็กในท้องของฮันโม่หรานจะยังอยู่หรือไม่ สิ่งเหล่านั้นก็จะไม่เป็นของฉันอีกแล้วในใจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status