LOGINหลังจากครอบครัวของฉันล้มละลาย คู่หมั้นของฉัน ซูซินอวี่ ก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะถอนหมั้นกับฉัน เลือกฮันโม่หราน เป็น ฉีถิงสือ ที่ช่วยฉันใช้หนี้จนหมด จัดการงานศพของพ่อฉัน และช่วยฉันออกมาจากความทุกข์ยากราวกับช่วยขึ้นจากกองไฟและสายน้ำ ตลอดสามปีถัดมา เขายิ่งอยู่เคียงข้างฉันมาตลอด แต่พอฉันคิดว่าตัวเองได้พบกับการเยียวยาแล้ว แต่กลับได้ยินเขาคุยกับเพื่อนสนิทของเขาในวันก่อนพิธีแต่งงาน “นายตั้งใจจะแต่งงานกับเฉิงซวงจริง ๆ เหรอ นายไม่กลัวหรือว่าในอนาคตเธอจะรู้ว่า การตายของพ่อเธอ รวมถึงการล้มละลายของตระกูลเฉิง เป็นฝีมือของนายเอง?” “โม่หรานแต่งงานกับซูซินอวี่ไปแล้ว จะแต่งกับเธอก็แต่งไปเถอะ ต่อให้เธอรู้แล้วจะทำไม หนี้ฉันก็ช่วยใช้ให้แล้ว พ่อของเธอก็ถูกฝังเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ถือว่าทำดีกับเธอมากพอแล้ว” ตอนนั้นเองฉันถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว ฉีถิงสือ ก็หลอกฉันเช่นกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่หลงเข้าไปในบทบาทนั้น มีเพียงฉันคนเดียว
View Moreตอนที่ฉีถิงสือหาฉันเจอ ฉันกำลังจะเก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางไปดูแสงเหนืออยู่พอดีข่าวซุบซิบในประเทศมีมากมาย เรื่องราวระหว่างฉีถิงสือกับฮันโม่หรานก็ถูกกลบฝังไปตามกาลเวลาฉันเองก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวางลงได้ทีละน้อยไม่ว่าจะเป็นความเสียใจหรือความแค้น ล้วนไม่ควรเป็นเหตุผลให้ฉันทรมานตัวเองในขณะที่ฉันเริ่มเปิดใจยอมรับชีวิตอีกครั้ง ฉันก็ปล่อยวางให้ตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจหลีกเลี่ยงเรื่องราวในประเทศอีกฉันถึงขั้นเปิดโซเชียล แชร์เมนูอาหารที่ทำเองลงไปบนโลกออนไลน์ และก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นไม่น้อยแต่ไม่คาดคิดเลยว่า ในบรรดาผู้ติดตามเหล่านั้น จะมีฉีถิงสือรวมอยู่ด้วยทันทีที่ฉันก้าวออกจากบ้าน ก็เห็นฉีถิงสือยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว เขาถูมือไปมา พลางมองมาที่ฉัน“ที่นี่หนาวมาก ซวงเอ๋อร์ยังปรับตัวได้อยู่ไหม?”น่าแปลกใจจริง ๆ เพียงไม่กี่เดือน พอได้เจอฉีถิงสืออีกครั้ง กลับมีความรู้สึกแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงไม่มีความแค้น ไม่มีความเจ็บปวด ใจสงบนิ่งเรียบง่ายดุจสายน้ำฉันยืนอยู่ตรงนั้น มองเขา ราวกับกำลังตอบคำถามธรรมดาว่าวันนี้กินอะไรไป “ก็โอเคนะ”ในจังหวะนั้น ฉีถิงสือไม่อาจกดกลั้นเสียงหัวใจของตัวเองได้อีกต่อ
หลังจากมาที่นี่ ฉันตั้งใจทำให้ตัวเองยุ่งตลอดเวลา ไม่รับรู้ข่าวสารจากในประเทศแต่เมื่อคืนขั้วโลกมาถึง เวลาเปิดร้านก็ต้องสั้นลง ฉันจึงถูกบังคับให้ว่างลงด้วยทั้งความอยากรู้อยากเห็นและความไม่ยอมแพ้ ฉันจึงกดเปิดดูข่าวจากในประเทศถึงได้รู้ว่าฮันโม่หรานได้หย่ากับซูซินอวี่แล้วหลังจากตอนนั้นฉีถิงสือปล่อยข่าวเล็ก ๆ เรื่องที่ฮันโม่หรานเข้ารพ. ให้กับนักข่าวสายซุบซิบ พวกนักข่าวก็เหมือนแมลงวันได้กลิ่นเนื้อ พากันกรูเข้ามาไม่ขาดสายจากการขุดคุ้ยว่าเหตุใดฮันโม่หรานถึงต้องเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายก็ลากยาวไปจนถึงเรื่องที่ซูซินอวี่เป็นหมันเรื่องฉาวของตระกูลมหาเศรษฐีถูกขุดคุ้ยจนไม่เหลือชิ้นดี ตระกูลซูเสียหน้าอย่างหนัก จึงสั่งให้ซูซินอวี่กับฮันโม่หรานหย่ากันทันทีส่วนเด็กในท้องของฮันโม่หรานนั้น เป็นผลที่เกิดขึ้นจากคืนวันแต่งงานของเธอในข่าวยังระบุด้วยว่า หลังจากหย่าแล้ว อันโม่หรานได้ไปขอความช่วยเหลือจากฉีถิงสือ แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบแม้ตัวอักษรจะเขียนผ่านไปเพียงไม่กี่บรรทัด แต่ก็ยังพอจินตนาการภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นได้เหตุที่ฮันโม่หรานสามารถยืนหยัดในตระกูลฮันได้อย่างมั่นคง อย่างแรกคือเพราะฉีถ
ฉันมาถึงเมืองก่างเฉิงตอนเที่ยง แต่ทันทีที่ก้าวลงจากเครื่อง สัญชาตญาณก็เตือนว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยเลยอาจจะเป็นคนของฉีถิงสือ หรือไม่ก็คนของฮันโม่หราน แต่ไม่ว่าใครก็ตาม นั่นก็หมายความว่าที่อยู่ของฉันถูกเปิดเผยแล้วดังนั้นฉันจึงจำใจต้องยกเลิกชื่อ “เฉิงซวง” เปลี่ยนไปใช้บัตรประชาชนใบใหม่ และบินออกไปต่างประเทศก่อนที่ตระกูลเฉิงจะล้มละลาย ฉันใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตลอด แม้จะห่างหายไปหลายปี แต่โชคดีที่ยังสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วครั้งนี้ฉันเลือกไปยังประเทศเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในแถบยุโรปเหนือ ผู้คนเบาบาง และเป็นดินแดนที่มีทั้งปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนกับคืนขั้วโลกอยู่พร้อมกันถ้าโชคดี ฉันอาจได้เห็นแสงเหนือที่นี่ย่ำเท้าลงบนหิมะหนานุ่ม ลมหนาวอันเย็นเฉียบพัดผ่าน ฉันกลับกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่เรื่องราวเก่า ๆ ของเมืองไห่เฉิง ฉันทิ้งมันไว้ในอดีตได้จริง ๆฉันเคยบอกฉีถิงสือว่าอยากไปดูแสงเหนือ ตอนนั้นเขาก็ตอบตกลงอย่างง่ายดายแต่ทุกปีเขาก็มักจะใช้สารพัดข้ออ้างมาปฏิเสธฉันไม่ใช่ว่าเขางานยุ่ง ก็เป็นเพราะฮันโม่หรานมีเรื่องให้ตามตัว ไม่ว่าเหตุผลไหน สุดท้ายฉันกับแสงเหนือของฉันก็มักถูกวางทิ้งไว้ข้า
ฮันโม่หรานบอกว่าตัวเองปวดท้อง และถามฉีถิงสือว่าเขาจะกลับไปหาเธอสักหน่อยได้ไหมฉีถิงสือชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไปอยู่ดีฉินชวนมองแผ่นหลังของฉีถิงสือที่เดินจากไป แล้วถอนหายใจพร้อมพูดว่า “ทั้งหมดนี่มันคือชะตากรรมจริง ๆ”ฉีถิงสือรีบไปถึงโรงพยาบาล ด้วยความร้อนรนจึงเผลอชนเข้ากับใครบางคน“คุณฉี?”ฉีถิงสือเพิ่งจะสังเกตเห็นในตอนนั้นเองว่าคนที่เขาชนเข้า คือคุณหมอหลี่ แพทย์เจ้าของไข้ของพ่อเฉิงซวงในปีนั้นเมื่อเห็นคุณหมอหลี่ ความไม่สบายใจที่อัดอั้นอยู่ในใจของฉีถิงสือก็พลันพุ่งพรวดขึ้นมา พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วคิดจะเดินจากไป“เอ๊ะ วันนี้เฉิงซวงไม่ได้มากับคุณเหรอ อาการของเธอเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”“เฉิงซวงเป็นอะไร?”เมื่อได้ยินชื่อของเฉิงซวง ความกระวนกระวายใจของฉีถิงสือก็ยิ่งทวีขึ้น พร้อมกับความเป็นห่วงที่ถาโถมเข้ามาเธอป่วยหรือเปล่า? ทำไมถึงมาโรงพยาบาล? แล้วทำไมไม่บอกเขาเลยล่ะ?ดังนั้นคุณหมอหลี่จึงเล่าเรื่องที่เฉิงซวงมาที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ให้ฉีถิงสือฟัง หลังจากนั้นยังได้เอ่ยปากเตือนให้ฉีถิงสือช่วยพาเฉิงซวงก้าวออกมาจากเงามืดให้ได้เมื่อฉีถิงสือได้ฟังจบ เขาก็ยืนนิ่งงันอยู่กับที