“ของขวัญเจ้าอ้วน น่ารักจัง”
เธอเอ่ยคำนั้น ก่อนที่จะเห็นผู้ชายห้าคนเดินเข้ามาในร้านราวกับทหารในกองทัพ เธอหันไปมองศจีมาศกับสามีชาวกรีซ...อัลเฟรด จาโคมิน ที่กำลังเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับพิชซ่าจานใหญ่ พวกเขามีสีหน้าไม่ต่างจากหญิงสาวเท่าใดนัก งุนงง สงสัย...ที่มุมหนึ่งของร้านยังมีผู้ชายอีกคน รูปร่างผอมกะหร่อง ตาโปนๆ ยืนเช็ดแก้วน้ำอยู่ หมอนั่นหน้าซีดเผือด เธอเดาว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟจากครีตที่พี่ศจีมาศพูดถึง
“แม่ฮะ พวกมันมาอีกแล้ว” เสียงตะโกนนั้นมาจากปากของเด็กชายเจ้าของงาน ที่เพิ่งจะลงมาจากชั้นสองของบ้าน ด้วยชุดสูทสีขาว ผูกหูกระต่าย เขาเดินมาหยุดฝีเท้าข้างๆ หญิงสาวที่เชิงบันได
“ไล่พวกมันไปสิฮะพ่อ” เด็กชายทำหน้าเกรี้ยวกราด “แม่ฮะ เราไม่ได้เชิญคนเลวพวกนี้มาใช่ไหมฮะ”
มาลินีหันไปมองศจีมาศ ตอนนี้แม่ของเจ้าหนูกำลังทำสีหน้าเหมือนเห็นคางคกถูกรถทับตายอยู่ตรงหน้า ส่วนอัลเฟรดที่มีใบหน้าเรียบเฉย เขาดูจะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไหร่ แม้ดวงตาจะดูเกรงกลัวอยู่บ้าง หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รับรู้ว่ามันเป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะดีนัก เธอหันไปจ้องมองพวกคนเลวที่เจ้าหนูตราหน้า
“คนพวกนี้ ทำไมคุ้นหน้าจังเลย เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน”
หญิงสาวจ้องพลางครุ่นคิด หากเพียงไม่นานนัก เมื่อไอ้คนที่ยืนอยู่หน้าสุดถอดแว่นสีดำออกจากดวงตาคมดุ เจ้าหล่อนถึงกับตาเหลือก หน้าค้าง ยิ่งพอได้เห็นชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอจำได้แล้วว่าหมอนั่นคือคนที่พูดจาสุภาพ ส่วนไอ้คนหน้าสุดก็คือไอ้หยาบคายที่ผลักเธอออกจากหน้าประตูโรงแรมนั่นเอง
“พระเจ้า พวกนี้มานี่ทำไม” เธอหันไปมองครอบครัวจาโคมินด้วยความแปลกใจระคนสงสัย พวกเขาคบกับคนประเภทนี้ด้วยเหรอ พวกอันธพาลครองเมือง ไร้วัฒนธรรม ไร้ความเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำไป “กลิ่นของความชั่วร้าย ระงมไปหมด จะต้องมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นแน่”
หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย หันกลับมามองกลุ่มคนสวมสูทไร้มนุษยธรรม เธอพยายามจะมองว่าหัวหน้าจอมเผด็จการของพวกมันมาด้วยรึไม่ แต่ก็ว่างเปล่า ดูเหมือนจะแค่ส่งคนมาเบ่ง
ลุยจิวางกระเป๋าใบใหญ่ลงบนโต๊ะอย่างไม่ระวัง จนทำให้เค้กก้อนใหญ่ที่เพิ่งจะทำเสร็จเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว มีอันต้องพังทลายไปส่วนหนึ่ง เจ้าของงานถึงกับอุทานเสียงดังไปทั้งร้าน
“นี่คือเงินหนึ่งล้านยูโร”
สองผัวเมียมองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจ แล้วส่ายหน้าด้วยความเวทนาใจอย่างเหลือกำลัง ศจีมาศทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่สามีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดๆ
“ได้โปรด เราไม่สามารถทิ้งบ้านของเราได้ ที่นี่เป็นบ้าน”
ลุยจิตบโต๊ะดังปัง จนเจ็บมือ ต้องรีบซ่อนไว้ด้านหลังด้วยความรวดเร็ว
“ถ้าพวกแกไม่เอาเงินนี่แล้วย้ายออกไป ครอบครัวของพวกแกจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุขแน่”
เองเกิลเบิร์ลอบถอนหายใจอย่างระอา เขาเบื่องานนี้เต็มแก่แล้ว พอๆ กับแอนเดรียเพื่อนรักนั่นละ เขาหันไปมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่ที่ทางขึ้นบันได สีหน้าดุดันของเจ้าหล่อนทำให้เขาตกใจในตอนแรก หากก็ต้องตะลึงในเวลาถัดมา แล้วก็มองตาค้าง ก่อนจะสะกิดเพื่อนรัก
“เธอ”
แอนเดรียกระซิบตอบว่า
“ใช่ ผู้หญิงที่ถูกวิกเตอร์โยนออกจากโรงแรม”
“พวกแกจะต้องซวย” เสียงกังวานของลุยจิดังกลบทุกเสียงในร้าน ดังสนั่นจนทำให้หนุ่มครีตตกใจ ทำแก้วในมือหล่นลงแตก ยิ่งทำให้เจ้าของเสียงผยองเข้าไปใหญ่
“บ้านกระจอกแบบนี้ แลกกับเงินตั้งล้านยูโร นี่ก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว เจ้านายของฉันไม่อยากให้อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของเขาต้องมามัวหมองเพราะร้านขนมอบบ้าบอนี่”
สองผัวเมียจับมือกันแน่น คราวนี้เป็นศจีมาศที่พูด ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ไปบอกเจ้านายของคุณเถอะ เราขอเวลาอีกหน่อย เรายังย้ายออกไปในเร็วๆ นี้ไม่ได้”
ลุยจิทำท่าเดือดดาล
“แต่เจ้านายของฉัน ต้องการให้พวกแกออกไปวันนี้เลย เขารกหูรกตามานานแล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เราส่งคนมาเจรจามากกว่าสามครั้งแล้ว หมดเวลาต่อรองแล้วไอ้พวกต่างชาติ”
มาลินีพยายามจะสงบจิตสงบใจให้ได้มาตลอดตั้งแต่ที่คนเลวพวกนี้เข้ามาในร้าน พอถึงวินาทีนี้ เธอไม่อยากจะทนอีกแล้ว เธอขยับเท้า เดินไปหาศจีมาศ
“อย่ายอมพวกมันนะคะพี่ศจี อย่าปล่อยให้อิทธิพลมาอยู่เหนือกฎหมาย นี่เป็นบ้านของพี่ ไม่มีใครจะมายึดไปได้หรอกค่ะ”
สีหน้าของศจีมาศเหนื่อยระอา
“เราพยายามมาตลอด ตั้งแต่เมื่อประมาณสามเดือนก่อน ที่อธีนากรุ๊ปมากว้านซื้อโรงแรมแถวนี้ไปเกือบหมด รวมทั้งที่ดินของนักธุรกิจรายย่อยเกือบทั้งหมดด้วย คนพวกนี้มันใหญ่โตมากจริงๆ เขาไม่ได้มีแต่เงิน แต่เขามีอำนาจด้วย เราต้องต้านไม่ไหวแน่ เราอาจจะต้องเสียบ้านไปในไม่ช้า”
เจ้าอ้วนปั้นหมัด ทำหน้าโหด พอเห็นว่าเจ้าลุยจิจิ้มเค้กขึ้นมาเลียกินอย่างเสียมารยาท
“ผมจะไล่ไอ้หมูอันธพาลพวกนี้ออกไปให้หมดเลย”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น หันกลับมาหากลุ่มชายฉกรรจ์ เธอเดินมาจับบ่าของเด็กชายไว้ เพื่อให้หยุดอยู่ที่เดิม ส่วนตัวเธอเองที่เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าเจ้ายักษ์อันธพาลตัวใหญ่ ขี้กร่าง เธอเงยหน้ามองอย่างไม่นึกหวาดกลัว มองหน้าหาเรื่องเหมือนกับที่เจ้านายของเขาทำใส่เขาเป็นประจำ หมอนั่นมีแววตาที่ตระหนกพอสมควร เมื่อได้เห็นเจ้าของเล็บที่กระหน่ำข่วนใบหน้าของเขาจนเละเมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมา แบบใกล้ชิดขนาดนี้อีกครั้ง
“ใครไม่เกี่ยว ถอยไป” หญิงสาวยิ้มมุมปาก สีหน้าไม่สะทกสะท้าน เท้าสะเอว ส่งสายตาพิฆาตไปที่เจ้ายักษ์อย่างไม่หวาดหวั่น “เธอคิดจะมีปัญหากับวิกเตอร์ ออปเปนไฮน์อย่างนั้นเหรอ”
เจ้าหล่อนหัวเราะ มันหน้าค้าง ไอ้พวกข้างหลังที่เหลือจ้องเธอเป็นตาเดียว แต่เงียบกริบ
“แล้วตอนนี้ วิกเตอร์ ออปเปนไฮน์ ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนล่ะ!”
เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา เขย่งปลายเท้าแล้วจูบแก้มสากหอมๆของเขาด้วยความรัก ชายหนุ่มน้อมรับความรู้สึกแสนสวยนั่นด้วยการก้มลงจูบแก้มแดงเรื่ออย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม เมื่อผละจาก ดวงตาสีเขียวคมกริบ จ้องมองใบหน้านวลในอุ้งมืออย่างมีความหมาย“แต่ใจผมเหมือนจะระเบิดทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าคุณ ผมถึงไม่อนุญาตให้คุณอยู่ใกล้ๆเวลาผมทำงานยังไงล่ะ”หญิงสาวยิ้มนิดๆ ดวงตาเต้นระยิบ“ทำไมคะ”เธอแสร้งถามไร้เดียงสา“เพราะผมอาจจะมีเซ็กกับคุณบนโต๊ะทำงานไง”“บ้า” เธอเขิน เขาหัวเราะ“ผมรักคุณนะ”“พูดแบบนี้อีกแล้ว” เขาพูดพลางยกร่างบางขึ้นอุ้ม แล้วพาเธอไปวางลงบนเตียงนอนแสนนุ่ม “คราวหลังพูดคำอื่นบ้างก็ได้ค่ะ”“เพราะถึงยังไง คุณก็ยอมผมอยู่ดี” แม้จนถึงวินาทีนี้ หัวใจของเขาและเธอก็ยังคงเต้นแรงทุกครั้ง การร่วมรักกันครั้งแล้วครั้งเล่าอาจหวานชื่น สดใส และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมซาบซ่านหัวใจ แต่เขารู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ เพราะที่นี่คือเตียงแห่งความทรงจำ“forget me not”เขากระซิบบนปลายจมูกของเธอ หญิงสาวยิ้มหวาน“แต่ฉันกินมัสมั่นเข้าไปเยอะเลยนะคะ”เธอท้าทายเขา แต่เขาก็กลั้นใจยิ้ม“แต่ผมจะกินมัสมั่นจากปากของคุณ”หญิ
เมื่อเสร็จสิ้นมื้ออาหารอันเลิศรสของครอบครัวที่แสนอบอุ่นมั่งคั่ง คู่พ่อแม่ก็แยกไปทำธุระสำคัญในฐานะนักการเมืองใหญ่ ส่วนคู่หนุ่มสาวที่มีหน้าที่หลักในการช่วยกันบริหารธุรกิจของออปเปนไฮน์ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป พวกเขาเขียนใบลาพักร้อนเป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อจะไปฮันนีมูนที่เมืองไทย วางงานไว้ให้ผู้ช่วยได้สร้างผลงานบ้าง“ฉันดีใจจังเลยค่ะ ฉันจะได้กลับบ้านแล้ว” ชายหนุ่มจูงมือเธอไว้แน่น ดวงตาเปล่งประกายขณะพาเธอเข้าลิฟต์แล้วกดลงชั้นต้อนรับของโรงแรม ทั้งที่ควรจะขึ้นไปยังห้องสวีตรูมอันเป็นห้องพักผ่อนส่วนตัวของท่านซีอีโอ เขามีโต๊ะทำงานอยู่บนห้อง เขามีเอกสารหลายอย่างที่ต้องเซ็นก่อนจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้“จะไปไหนหรือคะ” ประตูลิฟต์เปิดออก เธอถูกเขาลากไปราวกับเป็นของไร้น้ำหนัก “วิกเตอร์ คุณกำลังทำอะไรคะ ทำไมไม่รีบขึ้นไปเคลียร์งาน”เมื่อถึงบริเวณหน้าฟร้อน เธอก็ได้เห็นเหล่าบอร์ดี้การ์ดของเขา ยืนเรียงเป็นแถว เหมือนพนักงานต้อนรับ เจ้านายหนุ่มวางก้ามทันที เขาหันไปพยักพเยิดบอกลุยจิและแอนเดรียให้ทำตามแผนการที่วางไว้สองหนุ่มเดินเข้ามา หยุดต่อหน้าเจ้านาย“คิดจะทำอะไรกันแน่คะ”“เชิญครับ” ลุยจิยิ้มบางๆ พร
“อย่าคิดว่าจะลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นาน คนอย่างเธอ...”“คนอย่างฉันมันยังไงหรือคะ ขอโทษเถอะคุณหนู คนอย่างฉันไม่เคยดูถูกใคร ไม่เคยคิดจะทำให้ใครเดือดร้อน เว้นก็แต่พวกเขาจะหาเรื่องเองทั้งนั้น”คุณหนูสะบัดมือจากการเกาะกุม หายใจฟืดฟาดๆ จนอกกระเพื่อม“ตอนนี้เธอคงจะสะใจละสินะ ที่เห็นครอบครัวของฉันต้องหมดเนื้อหมดตัว”“อย่าเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิคะ ฉันไม่เคยคิดว่าความเดือดร้อนของคนอื่นเป็นของหวานหรอกนะคะ โดยเฉพาะกับคุณและคุณแม่ของคุณ”“อย่ามาสร้างภาพหน่อยเลยน่า คอยดูเถอะ ฉันจะทวงของๆฉันคืนจากเธอให้หมดเลย”มาลินียิ้มบางๆ เธออดตำหนิมารดาไม่ได้ ถึงมันจะเป็นบาปก็เถอะ ท่านเลี้ยงดูบุตรสาวให้เป็นคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน นอกจากจะมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่น ชอบใช้กำลัง และขี้อิจฉาแล้ว เธอยังเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงอีกด้วย นี่ถ้าเอามาให้เธออบรม เธอจะบ่มเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า“เอาเถอะค่ะ ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู”“ฉันทำได้แน่ แล้วเธอจะได้รู้จักฉันดีขึ้น” มาลินีผละจากช่อดาวมา โดยไม่หันไปมองอีกเลย แม้เธอจะรู้สึกเป็นห่วงเจ้าหล่อนอยู่บ้างก็เถอะ เธอสั่งพนักงานให้จัดการดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินไปหาสาม
“ผมคงไม่ได้มาเยี่ยมท่านอีก ขอให้มีความสุขกับคุก ลาตลอดชาตินะครับ”เมื่อจบธุระที่แดนคุมขังนักโทษ ชายหนุ่มเดินทางไปยังสถานที่จอดเครื่องบินส่วนตัวของอธีน่ากรุ๊ป เพื่อพบกับภรรยาที่รออยู่ จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นเครื่อง ออกเดินทางไปยังครีตในวันนี้ คฤหาสน์อันน่าสะพรึงกลัวถูกบูรณะซ่อมแซมเสียใหม่จนกลายเป็นคฤหาสน์แสนสวยที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ สวนไม้ยืนต้นขนาดใหญ่และทุ่งดอกไม้สีม่วงสดได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างเหมาะสม มีการตกแต่งสวนหย่อมภายในรั้วเหล็กและปลูกดอกไม้เพิ่มเติมจนเต็มแน่นทุกพื้นที่ ตกแต่งด้วยลานน้ำพุ รูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ มีผีเสื้อบินว่อนสร้างความมีชีวิตชีวาที่ซึ่งเคยเปรียบดั่งนรก บัดนี้กลับกลายเป็นสวรรค์ราวกับถูกเสก“สวยถูกใจคุณไหม” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ “ที่โยนเหรียญส่วนตัวของคุณ”หญิงสาวยังคงมองสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าด้วยความทึ่ง“คุณทำได้ยังไง สวยจนจำบรรยากาศเดิมแทบไม่ได้”“บอกแล้วว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง”“นอกจากมีเงินแล้ว ต้องเจ้าเล่ห์ขี้โกงด้วย”“ผมจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”“ฉันด่าต่างหาก”“ถ้างั้น เมียด่า แปลว่าจะเจริญ”เธอหัวเราะกับความกะล่อนของสามี เขาหัวเราะตาม ความส
เขาพูดจบก็หันหลังขวับ จะเดินจาก หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเร่งร้อน“เดี๋ยวค่ะ” เธอประคองตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนร่างเซเกือบจะล้ม ชายหนุ่มอีกคนรีบเข้ามาจับตัวเธอไว้ แต่เธอไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่ เธอผละจากเขา เดินไปหาผู้ชายที่กำลังจะจากไป “ฉันต้องขอโทษแทนพ่อของฉันด้วยนะคะ ที่มีส่วนทำให้คุณต้องเป็นทุกข์และมีชีวิตที่เดียวดายมาโดยตลอด”เขาหยุดฝีเท้า แต่ไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาว“ได้โปรด อย่าเป็นทุกข์อีกเลยนะคะ เริ่มต้นชีวิตใหม่และมีความสุขกับทุกวัน”เขาหัวเราะในลำคอเบาๆราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลก เขาตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง เขายิ้มมุมปาก สีหน้ามีกลิ่นเย้ยหยันนิดๆติดอยู่อย่างจับได้ ครานี้แหละ เธอถึงตระหนักว่าสองหนุ่มหน้าเหมือนกันไม่น้อย“ถ้านี่เป็นคำอวยพร ก็ขอบคุณ แต่ถ้าอยากให้ผมมีความสุขจริงๆละก็ คุณก็เลิกกับหมอนั่นเสียสิ แล้วมาอยู่กับผมที่นี่แทน”วิกเตอร์รีบเดินมาดึงตัวเธอไปอยู่ข้างๆทันที เหมือนกลัวจะถูกโฉบไป“มันจะมากไปแล้วนะโว้ย เธอเป็นเมียฉัน เป็นน้องสะใภ้ของนายนะ”นีโอนาสทำหน้าหยัน“ใครจะสน”น้องชายชี้หน้าพี่ชาย หญิงสาวรีบจับแขนคนใจร้อนไว้เพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนจากชี้เป็นก
“ช่วยไม่ได้ มันอยากโง่เองนี่นา” วิกเตอร์ไม่แปลกใจเลย เขาพอจะเดาเรื่องนี้ออกตั้งแต่ที่รู้ความจริงแล้ว สำหรับหญิงสาวก็เช่นเดียวกัน เธอนึกไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะเห็นความซื่อสัตย์ของปู่เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น เธออยากจะทุบหัวหมอนี่ให้ยุบไปเลย“เขาไม่รู้หรอก ว่าฉันแอบมองมาจากตู้เสื้อผ้า ด้วยสายตาแน่วแน่ เพื่อจะจดจารรายละเอียดทั้งหมด เพื่อฝังเอาไว้ในหัวสมอง” ภาพในอดีตย้อนกลับมาให้เขาคลั่ง เขาเล่าเหมือนกำลังมองเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นอยู่ “ตอนที่เขาตบหน้าลูกชายของเขาด้วยความแรง และประกาศตัดขาดความเป็นพ่อลูก ฉันเฝ้ามองด้วยความสะใจ และบอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็นๆเข้าไว้ และรอคอยให้เวลานี้มาถึง พระเจ้า และเธอก็มาที่นี่ มาเพื่อฉันจริงๆด้วย”น้ำเสียงของเขาน่ากลัวนัก วิกเตอร์หายใจไม่ค่อยทั่วท้องสักเท่าไหร่ หัวใจเต้นเร่า หวาดหวั่นว่าหญิงสาวจะได้รับอันตรายจากคนสติหลุด เขาจ้องมองหญิงสาวชนิดไม่ยอมกระพริบตา แต่เจ้าหล่อนกลับมีสีหน้าสงสัยมากกว่าจะหวาดกลัว นั่นเพราะเธอสัมผัสได้ว่าหัวใจของชายหนุ่มผู้กำความแค้น เต้นถี่ยิบและรุนแรงเหมือนจะระเบิดออกมา มันกระทุ้งลำตัวของเธอจนรู้สึกได้เป็นไปได้ไหมที่หมอนี่กำลังหวาดก