LOGININTO
ประเทศอังกฤษ.. โรงเรียนคอนแวนต์แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนมีหญิงสาววัยมัธยมปลายต่างมารอรับโทรศัพท์จากผู้ปกครองหรือแม้กระทั่งรอจดหมายติดต่อกลับมาในรอบสัปดาห์ ทุกคนได้รับการติดต่อจากผู้ปกครองหมดแล้วยกเว้นเสียแต่เธอ ‘มุกดา’ “รอจดหมายจากผู้ปกครองหรอ” ในขณะที่เธอกำลังยืนหน้าเศร้ามองนักเรียนทุกคนต่างดีใจกับการติดต่อกลับมาจากครอบครัวอยู่นั้นเสียงเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษของใครบางคนก็เอ่ยขึ้น “มาสเซอร์” เธอเอ่ยเรียกมาสเซอร์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย” “ได้ค่ะ” มุกดาตอบเพียงเท่านั้นก็เดินตามมาสเซอร์ไปที่ห้องของเขา “ผู้ปกครองไม่ได้ติดต่อเธอมาหลายสัปดาห์แล้ว รู้ใช่มั้ย” มาสเซอร์ถามในขณะที่ยืนหันหลังให้คนตัวเล็ก "รู้ค่ะ" "ทางโรงเรียนช่วยติดต่อกลับไปให้แล้ว แต่ก็ไม่มีสัญญาณอะไรตอบกลับมา ไม่สามารถติตต่อได้" คำพูดของมาสเซอร์ทำให้สีหน้าของเธอยิ่งเจื่อนลง "สัปดาห์นี้หนูขอลากลับบ้านนะคะมาสเซอร์" "เขียนใบลามาส่งฉัน แล้วอาทิตย์นี้ก็กลับบ้านได้เลย" "ได้ค่ะมาสเซอร์" มุกดาขานรับแล้วย่อตัวเคารพมาสเซอร์ก่อนที่เธอจะเดินออกมาจากห้อง เพื่อที่จะเดินไปยังห้องพักของตนเอง ซึ่งห้องพักก็เป็นห้องพักรวมขนาดใหญ่ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องเพราะเป็นวันศุกร์ทุกคนต้องไปรอรับการติดต่อจากผู้ปกครอง ซึ่งในแต่ละสัปดาห์จะได้รับการติดต่อแค่เพียงวันศุกร์เท่านั้น มุกดาหย่อนร่างอรชรนั่งลงบนเตียงนอนแล้วหยิบปากกาและสมุดมาเขียนจดหมายลากลับบ้านในอาทิตย์นี้ พอเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปส่งจดหมายลาให้มาสเซอร์ … ( มุกดา ) ครืดด~~~ ครืดด~~ ( หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… ) ความหวังสิ้นสลายเมื่อพยายามโทรกลับไปหาพ่อและแม่แต่ไม่มีใครรับ ฉันถอนหายใจออกมาแล้วทรุดตัวนั่งลงที่นั่งตรงป้ายรถ หลายอาทิตย์ที่แล้วที่ฉันไม่ได้ติดต่อครอบครัวแล้วก็ไม่มีใครติดต่อกลับมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและคนในตระกูลฉันก็แทบจะไม่รู้จักใครเลยตั้งแต่เด็กแล้วเพราะถูกส่งมาเรียนต่างประเทศตั้งแต่จำความได้ ปั้ง! และในขณะเดียวกันเสียงปืนปริศนาก็ดังขึ้นบริเวณนั้น ทำให้ผู้คนแตกตื่นและกรีดร้องออกมาพร้อมกับวิ่งหนี สติสัมปชัญญะตีรวนสายตาพยายามมองหาต้นเสียงของปืนก็พบว่ามาจากกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำและพวกมันก็กำลังตรงดิ่งมาทางนี้ "เห้ย!" เสียงของคนนั้นที่มองเห็นฉันเป็นคนแรกร้องสะกิดเรียกเพื่อนตนเองแล้วพวกมันก็วิ่งกรู่เข้ามา ร่างกายวิ่งหนีอัตโนมัติพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวกระหน่ำ คนพวกนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงได้วิ่งไล่ตามฉัน เขาเล็งเป้าหมายผิดตัวรึเปล่า คำถามมากมายผุดเข้ามาในหัว? ปั้ง! ปั้ง!! "ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!" เสียงปืนไล่ยิงตามหลังมาติดๆ ฉันพยายามเอ่ยขอร้องความช่วยเหลือแต่ผู้คนบริเวณนั้นก็หวาดกลัวไม่มีกล้าเข้ามาใกล้หรือแม้แต่ที่คิดจะช่วย เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ตึก ตึก ตึก ตึก… ไม่รู้ว่าวิ่งได้มาไกลเท่าไหร่แต่รู้ตัวอีกทีตัวเองก็หายเข้ามาในซอกของตึกร้างแล้ว และทางตรงหน้าก็เหมือนจะเป็นทางตัน พอถอยหลังหันกลับมาก็เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มเดิมยืนเรียงหน้ากระดานดักเอาไว้แล้วจ่อปืนมาที่ฉัน "พวกนายต้องการอะไร" ฉันถามออกไปเสียงสั่นเครือ พยายามถอยหลังไปชิดกำแพงแล้วหายใจออกมาเหนื่อยหอบ "ถามพ่อกับแม่เธอดูสิสาวน้อย" "ฉันไม่รู้เรื่อง" "พ่อกับแม่เธอติดต่อไม่ได้ คงคิดว่าจะหนีพ้น" "ฉันก็ติดต่อท่านไม่ได้เหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าพ่อกับแม่ไปทำอะไรให้พวกนาย" "ไม่รู้หรือช่วยปิดบังที่กลบดานให้กันแน่" มันพูดพร้อมกับเตรียมกดยิงกระสุนขู่ "พวกนายจะฆ่าฉันตายก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะถึงจะตายไม่ตายฉันก็ให้คำตอบเรื่องพ่อกับแม่ให้พวกนายไม่ได้" "ก็จริง" หนึ่งคนที่เหมือนจะเป็นคนนำทีมตอบแล้วมันก็เก็บกระบอกปืนเอาไว้ ก่อนจะหยิบยุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างใจเย็น "เอาไงดี" "จับตัวมันไปขาย" พอได้ยินคำนั้นก็เหมือนหัวใจของฉันจะร่วงหล่นไปถึงตาตุ่ม มองไปทางไหนก็ไร้หนทางหนี ได้แต่ปล่อยให้นํ้าตามันไหลออกมาเป็นสายเพราะไม่ตายก็คงถูกจับไปขาย "ปล่อยนะ! ช่วยด้วย!! อึก!" เสียงสุดท้ายที่พยายามร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร้ความสิ้นหวังหายไป พวกมันพุ่งเข้ามาจับตัวแล้วใช้ยาสลบโบ๊ะเข้าที่จมูก จากนั้นไม่นานความมืดก็เข้าครอบงำ ... มุกดารู้สึกตัวขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ในสถานที่หนึ่งเป็นห้องขังที่มีกรงล้อมรอบ เธอถูกมัดตัวด้วยเชือกติดกับเก้าอี้ เปลือกตาคู่สวยเปิดขึ้นแล้วกวาดมองไปทั่วบริเวณรอบก่อนจะหยุดที่แสงจากช่องลมเล็กๆที่เล็ดลอดเข้ามา มองออกไปเป็นทะเลสีฟ้าครามอันกว้างไกลไร้จุดหมาย ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตนเองกำลังถูกส่งไปยังนอกประเทศอย่างที่พวกนั้นได้บอกเอาไว้เหมือนตอนแรก มุกดาคิดวิตกเธอมองหาวิธีเอาตัวรอดก่อนจะนึกได้ว่าตนเองมีนาฟิกาที่สามารถโทรออกได้ซ้อนไว้บนรองเท้าผ้าใบ เพราะก่อนหน้านั้นเธอกำลังจะนำไปขายเพื่อใช้เงินบินกลับประเทศไทย มุกดาพยายามใช้มือก้มถอดรองเท้าตนเองแล้วหยิบนาฬิกาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เบอร์โทรเพียงคนเดียวจากทางตระกูลที่พอจะจำได้มีเพียงลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อภาคิน นึกได้แบบนั้นก็ไม่รอช้าติดต่อหาภาคินทันที แล้วไม่นานปลายสายก็กดรับ ( สวัสดีครับ ) "พี่คิน" ( คุณ เป็นใคร ? ) "จำหนูได้ไหมคะ" มุกดาพูดผ่านปลายสายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับจะร้องไห้ ( จำไม่ได้ ใครครับ ) "หนู มุกดาค่ะ มุกดา ลูกสาวของคุณแม่กับคุณพ่อ หลานขอบคุณย่าโสภา" ( ลูกสาวคุณป้าหรอ? ) "ใช่ค่ะ" ( … ) พอได้ยินคำตอบแบบนั้นภาพความทางจำหลายๆอย่างก็สอดแทรกเข้ามาในห้วงความคิดของภาคิน มุกดา หรือที่ทุกคนเรียกน้องมุก เธอคือลูกสาวเพียงคนเดียวของเมสินีและเอกนัย ในวัยเด็กภาคินเคยเจอเธอแค่ครั้งเดียวและหลังจากนั้นมุกดาก็ถูกส่งตัวไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ตอนนั้น ที่แทบจะเป็นคนที่ถูกลืมไปในตระกูลเสียแล้ว ยิ่งพ่อกับแม่ถูกตัดออกจากกองทายาท ชีวิตของมุกดาตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นยังไง เขาคงเป็นคนเดียวในบรรดาหลานๆของตระกูลที่เคยคุยกับเธอ "พี่คิน ช่วยน้องดาหน่อยได้มั้ยคะ" ตี้ดดดด……… ตอนหน้าน้องดาเจอกับเอ็มเจแล้วนะคะ >< กดใจ คอมเม้นท์ให้ไรท์ด้วยน้าาา 😘EP05(มุกดา)ฉันรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่รุนแรงและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกตอนนี้กลับเป็นความเสียวซ่านแทนความเจ็บปวด ฉันหลับตาลงแน่นแล้วปล่อยเสียงครางออกมาอย่างทนไม่ไหว"อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว อื้อ!" ความใหญ่โตถลำลึกเข้ามาในร่องร่างกายไม่หยุดราวกับคนอดอยาก เสียงลมหายใจอุ่นร้อนของเขายังคงเป่ารดใบหูทำให้ขนอ่อนทั่วร่างกายมันลุกชันเสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังสนั่นสลับกับเสียงมือหนาที่กำลังตบเข้าที่ก้นแรงๆ จนทำให้เผลอร้องกรี๊ดออกมา ร่างกายของฉันสั่นสะท้านแรงมหาศาลจากคนตัวโต มันทั้งเสียวซ่านและจุกแน่นจนฉันแทบจะสำลักน้ำลายตนเองจากการครางไม่หยุด"อ๊า~ มุกดา" น้ำเสียงแหบพร่าครางออกมาข้างหู มือหนาจับใบหน้าหันกลับไปแล้วประกบจูบ เขามอบจูบดูดดื่มให้ฉันไม่หยุดพร้อมกับจังหวะการกระแทกของเอวสอบ"อื้อ!" ฉันครางออกมาลิ้นตวัดเลียตอบกลับโดยปริยาย เปลือกตาหลับพริ้ม ในตอนนั้นเองหน้าอกก็ถูกปลายนิ้วเขี่ยจนร่างกายมันสั่นสะท้านด้วยความวาบวาม"จะเสร็จ อื้มม" ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเหยเกด้วยความเสียวซ่านผละจูบออกแล้วพูด ใบหน้าของเขายังอยู่ใกล้กับฉันมากจนสำผัสได้ถึงลมหายใจ สายตาคู่นั้นคอยจับจ้องมองฉันไม่หยุด ก่อนที่ร่างกายข
EP04 กึก! สติมุกดากลับมาอีกครั้งเมื่อถูกล็อกด้วยกุญแจมือทั้งสองข้างติดกัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลุบมองช่วงล่างที่แก่นกายขนาดใหญ่กำลังจ่ออยู่หน้าช่องทางรักแล้วความใหญ่นั้นก็ค่อยๆดันเข้ามาในร่างของเธอทีละนิด ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกแน่นและอึดอัดจนแทบขาดใจ "คะ คุณ น้องดาเจ็บ" น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับจะร้องไห้เอ่ยบอกคนบนร่างที่กำลังพ่นลมหายใจหนักๆออกมา ร่างกายคล้ายจะฉีกขาดเป็นท่อนๆ "ไม่ถึงตาย" สวบ!"อื้อ!" ใบหน้าหวานส่ายไปมาด้วยความเจ็บเมื่อเอ็มเจดันเข้ามาจนถึงครึ่งท่อนทะลุเยื่อบางๆเข้ามาจนมันขาดสะบั้น ชายหนุ่มออกแรงกระแทกเบาๆแต่มันกลับทำให้คนใต้ร่างจุกแน่นจนนํ้าตาไหลอาบพวงแก้มเนียนใส "อย่าเกร็ง" "ไม่ไหวแล้ว ปล่อยน้องดาไปเถอะนะคะ" "อีกนิดเดียว อ๊า~" แรงตอดรัดและความคับแน่นทำให้มาเฟียหนุ่มชอบใจไม่น้อย เอ็มเจกัดปากตนเองระบายความเสียวซ่าน มือหนาจับเอวขอดเอาไว้แน่นแล้วเร่งจังหวะถี่ขึ้น "อึก อ๊ะ อ๊าา!!" มุกดาร้องครางออกมาไม่สนใจว่าเสียงร้องครางของตนเองจะดังขนาดไหน ตอนนี้เธอทำได้เพียงทนแรงกระแทกจากคนตัวโตและเปล่งเสียงระบายความจุกแน่นออกมา "ร้องออกมาดังๆเลยมุกดา อื้มม~" "จะ จุก
EP03 มุกดานอนแน่นิ่งปล่อยให้ร่างกายถูกชายหนุ่มเล้าโลม เอ็มเจที่สัมผัสจูบกับคนใต้ร่างไม่สามารถถอนตัวได้ ชายหนุ่มลุ่มหลงกับสิ่งตรงหน้าที่ตอนนี้กระตุ้นหัวใจของเขาให้เต้นแรงซะจนควบคุมไม่ได้ “เธอจูบไม่เป็นหรอ” จูบได้สักพักก็ผละออกเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามด้วยนํ้าเสียงแหบพร่า “ค่ะ หนูไม่เคยจูบกับใคร” “ฉันจะรอดูว่าที่เธอพูดคือเรื่องจริงหรือแกล้งไร้เดียงสากันแน่” พูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเริ่มถอดเสื้อบนร่างกายคนตัวเล็กออกทีละชิ้น จนร่างกายของมุกดาเริ่มเปลือยเปล่า ด้วยความรู้สึกเขินอายมือเล็กจึงยกขึ้นมาปิดร่างกายตนเองไว้โดยอัตโนมัติ “ทำอะไร?” การกระทำไร้เดียงสาของเด็กสาวทำให่ชายหนุ่มอดที่จะเชยชมร่างกายและความสดของคนใต้ร่างไม่ได้แล้ว “หนูอาย”“ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นคงไม่พอใจกับการกระทำของเธอแน่” “หนูถึงบอกให้คุณช่วยหนู” “ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยสอนให้เธอครบทุกท่าเลยเด็กน้อย..” ในขณะที่เอ็มเจพูดลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดบนน่าอกสวยเป็นระยะทำให้ขนอ่อนบนร่างกายเธอลุกชัน สายตาทอประกายต้องการมองเรือนร่างสาวด้วยความพึงพอใจ มุกดาสวยทุกที่จนหาที่ติไม่ได้ “ทะ ทำอะไรคะ” ดวงตากลมโตที่โอบล้อมด้วยขนตาแพงอนหลุบ
EP02 “นี่ค่ะ เด็กที่คุณต้องการ” พอมุกดาเดินออกมาอยู่ตรงหน้าเอ็มเจแล้ว นิดก็เอ่ยบอกพร้อมกับแนะนำตัวมุกดาให้เอ็มเจรู้จัก “ทำอะไรได้บ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถามแล้วไล่สายตามองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า“น้องทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ” “ถ้าทำไม่ได้ล่ะ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามพลางพ้นควันบุหรี่ออกมาอย่างใจเย็น“ยินดีคืนเงินเลยค่ะ” “ไว้ฉันจะมาบอกความพึงพอใจของฉัน” “เริ่มงานเลยไหมคะ” “พาเด็กของเธอไปรอฉันที่ห้อง” “ได้ค่ะคุณเอ็มเจ” คุยกันเสร็จร่างของมุกดาก็ถูกนิดพาตัวเดินกลับมายังห้องใหม่ซึ่งใหญ่และหรูกว่าเดิมมาก ร่างกายของเธอถูกกดให้นั่งลงบนเตียงแล้วนิดก็ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยคำสั่งออกมา“งานแรกของเธอเป็นแขกระดับวีวีไอพี เป็นเกียรติอย่างมากที่คุณเอ็มเจมาใช้บริการของเรา เพราะฉะนั้นทำตัวให้เชื่องเหมือนหมาเข้าซะ อย่าทำให้ฉันขายหน้า แล้วถ้าเธอทำถูกใจคุณเอ็มเจจะได้เงินมาก้อนใหญ่ เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” “เข้าใจค่ะ” “เข้าใจแล้วก็ทำตามที่ฉันสั่งให้ได้”“ค่ะ” ใบหน้าหวานพยักหน้าตอบ แล้วนิดก็เดินออกจากห้องไป ภายในห้องนอนถูกตกแต่งเป็นโทนทึบด้วยสีดำและสีเทา สถานที่บริการแห่งนี้มีอุปกรณ์เกี่ยวกับเรื่องบนเตี
EP011 เดือนต่อมา...ในขณะที่มุกดากำลังจมอยู่กับห้วงความทุกข์ของตนเองเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นเป็นบทสนทนากับอีกคน ในระยะเวลาราวหนึ่งเดือนเธอแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ การติดต่อกลับไปหาภาคินครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายและเธอก็ไม่คิดว่าตนเองจะได้รับการช่วยเหลือแล้ว เพราะมันนานเเสนนานเหลือเกินที่อยู่บนเรือลำนี้ ไม่รู้ว่าตนเองถูกส่งข้ามนํ้าข้ามทะเลไปที่ไหน"เป็นไงบ้าง" "ยังหลับอยู่" "อีกห้านาทีถึงท่าเรือจับตัวมันไปรวมกับคนอื่น""เดี๋ยวกูจัดการเอง" ตกลงกันเสร็จสับอีกคนก็เดินห่างออกไปเหลือเพียงชายอีกคนที่เดินเข้ามาจับตัวมุกดาแก้มัดและใส่เป็นกุญแจมือแทน ก่อนจะพาตัวไปยังห้องรวมที่หญิงสาววัยแรกแย้มหลายคนและหลายเชื้อชาติกำลังรวมตัวกันอยู่ มุกดาที่แสร้งหลับร่างกายถูกทุ่มลงบนพื้นกองรวมกับคนอื่นๆ "เตรียมตัวซะ อีกห้านาทีเรือจะจอด" นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่มุกดาได้ยินแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินออกไป พอรู้สึกปลอดภัยก็เปิดเปลือกตาขึ้นแล้วกวาดมองทั่วบริเวณรอบ หญิงสาวราวนับร้อยคนที่ถูกล็อกด้วยกุญแจมือรวมตัวกันอยู่อย่างแออัด บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็มีสีหน้าโศกเศร้าไม่ต่างจากเธอ เด็กสาวพยายามตั้งสติแล้วเดินออก
INTOประเทศอังกฤษ..โรงเรียนคอนแวนต์แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนมีหญิงสาววัยมัธยมปลายต่างมารอรับโทรศัพท์จากผู้ปกครองหรือแม้กระทั่งรอจดหมายติดต่อกลับมาในรอบสัปดาห์ ทุกคนได้รับการติดต่อจากผู้ปกครองหมดแล้วยกเว้นเสียแต่เธอ ‘มุกดา’“รอจดหมายจากผู้ปกครองหรอ” ในขณะที่เธอกำลังยืนหน้าเศร้ามองนักเรียนทุกคนต่างดีใจกับการติดต่อกลับมาจากครอบครัวอยู่นั้นเสียงเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษของใครบางคนก็เอ่ยขึ้น“มาสเซอร์” เธอเอ่ยเรียกมาสเซอร์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย” “ได้ค่ะ” มุกดาตอบเพียงเท่านั้นก็เดินตามมาสเซอร์ไปที่ห้องของเขา “ผู้ปกครองไม่ได้ติดต่อเธอมาหลายสัปดาห์แล้ว รู้ใช่มั้ย” มาสเซอร์ถามในขณะที่ยืนหันหลังให้คนตัวเล็ก "รู้ค่ะ" "ทางโรงเรียนช่วยติดต่อกลับไปให้แล้ว แต่ก็ไม่มีสัญญาณอะไรตอบกลับมา ไม่สามารถติตต่อได้" คำพูดของมาสเซอร์ทำให้สีหน้าของเธอยิ่งเจื่อนลง "สัปดาห์นี้หนูขอลากลับบ้านนะคะมาสเซอร์" "เขียนใบลามาส่งฉัน แล้วอาทิตย์นี้ก็กลับบ้านได้เลย" "ได้ค่ะมาสเซอร์" มุกดาขานรับแล้วย่อตัวเคารพมาสเซอร์ก่อนที่เธอจะเดินออกมาจากห้อง เพื่อที่จะเดินไปยังห้องพักของตนเอง ซึ่งห้องพักก็เป็นห้องพักรวม







