ผมเดินออกมาจากห้องของบอสด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่น้อย คนที่ผมอยากจะอยู่ห่างมากที่สุดกลับกลายเป็นต้องมาทำงานใกล้ชิดมากที่สุด ไม่รู้เพราะอะไรบอสถึงเลือกผมทั้งที่อายุงานของผมน่าจะน้อยกว่าทุกคนในบริษัท จริงอยู่ว่ามันมาพร้อมกับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น แต่จากเหตุการณ์วันนี้กับเวลาแค่ไม่กี่นาทีที่เราได้คุยกัน ผมรู้ได้เลยว่างานนี้ผมเจองานช้างเข้าแล้วล่ะ
บ้านเช่าของผมกับบริษัทไม่ได้ไกลกันมาก ที่สำคัญคือมีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ ผมเลยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้มาก ทุกเย็นหลังเลิกงานผมมักจะแวะตลาดนัดใกล้บ้านเพื่อหามื้อเย็นง่าย ๆ ทาน และช่วงเย็นก็น่าจะเป็นเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดแล้ว แค่ได้ไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านประจำกับชาเย็นรสชาติเข้มข้นซึ่งเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรด เพียงแค่นี้ความเหนื่อยล้าที่แบกมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อกลับมาถึงบ้านผมก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ และใช้เวลาช่วงเย็นไปจนถึงค่ำหมดไปกับการดูหนัง แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ผมไม่มีสมาธิกับการดูหนังเอาซะเลย เพราะภาพของบอสเข้ามารบกวนความคิดของผมอยู่ตลอดเวลา ทั้งสายตาและท่วงท่าการเดินของเขา ท่าทีนั่งไขว่ห้างแล้วมองผมด้วยแววตาที่ยากจะเดาความรู้สึก มันติดอยู่ในโสตประสาทผมแทบเอาไม่ออก
และสุดท้ายผมก็ดูหนังไม่รู้เรื่องเลย จึงตัดสินใจลุกไปเปิดคอมพิวเตอร์คู่ใจตรงโต๊ะอ่านหนังสือในห้อง แล้วพิมพ์ชื่อนามสกุลของบอสลงไป
ไหน ๆ ก็ต้องไปร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด การรู้ข้อมูลส่วนตัวและเรื่องราวของเขาเอาไว้บ้างมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดี เผื่อบางทีผมจะทำงานได้ง่ายขึ้น
เมธาวิน ไกรอัครโยธิน
เพียงแค่พิมพ์ชื่อและนามสกุลของบอสลงไปในช่องค้นหาข้อมูล ทั้งรูปภาพและประวัติของเขาก็แผ่หราบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เต็มไปหมด รวมไปถึงประวัติครอบครัว และที่มาของการก่อตั้งบริษัทสินเชื่อแห่งนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องราวขององค์กรที่ตัวเองทำงานอยู่เท่าไหร่นัก ช่วงแรกที่มาทำงานแม้ว่าจะมีการอบรมพนักงานใหม่และพูดเรื่องราวของบริษัทให้ฟังบ้างแล้ว แต่ผมก็ฟังเหมือนแค่ให้ผ่านไปเพราะคิดว่าไม่ได้สำคัญกับผมเท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องมานั่งสืบค้นข้อมูลเหล่านั้นด้วยตัวเอง ถ้าตอนโน้นผมตั้งใจฟังตั้งแต่แรกก็น่าจะดี
อายุสามสิบ สถานภาพโสด ลูกชายคนโตของนายธงชัย ไกรอัครโยธิน มีพี่น้องทั้งหมดสามคนเป็นผู้ชายทั้งหมด ตอนนี้เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทเงินโยธินจำกัด มีทรัพย์สินและกิจการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ห้าง โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ
ผมนั่งอ่านประวัติของบอสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้เรื่องราวของเขามากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมในความสามารถ ถึงแม้เขาจะเกิดมาในครอบครัวที่มีธุรกิจปูไว้ให้พร้อมแล้ว แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างที่เขามี ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถของตัวเขาเองด้วย
หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสดีของผมก็ได้ที่จะได้อยู่ใกล้คนเก่ง หากผมใช้เวลานี้เรียนรู้งานจากเขา ไม่แน่อนาคตข้างหน้า ตำแหน่งและหน้าที่การงานของผมมันอาจจะเติบโตไปได้ไกลกว่านี้ และหากตัดเรื่องท่าทีเคร่งขรึมของเขาออกไป ผมว่านะ บอสวินก็ดูไม่ใช่คนเย็นชาเท่าไหร่นักหรอก
ผมเลื่อนอ่านประวัติของบอสไปเรื่อย ๆ จนไปเจอคลิปวิดีโอหนึ่งที่เป็นรายการสัมภาษณ์ผู้ชายคนนี้ ไม่รอช้าผมรีบกดเปิดดูอย่างตั้งใจ เผื่อจะได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้น
ในคลิปบอสสวมเสื้อยืดคอปกสีดำกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มแบรนด์ดัง ตรงหน้ามีแก้วกาแฟเย็นวางอยู่ เดาว่ามันคงเป็นอเมริกาโน่เพราะไม่มีส่วนผสมของนมให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
พิธีกร : วันนี้ต้องขอบคุณคุณวินมากเลยนะคะที่ให้เกียรติกับรายการของเรา
บอสวิน : ด้วยความยินดีครับ ผมเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันที่ได้รับเชิญมาในวันนี้
พิธีกร : งั้นเรามาเริ่มสัมภาษณ์กันเลยนะคะ เริ่มจากคุณวินลองแนะนำตัวเองในแบบที่คิดว่าแตกต่างจากการแนะนำตัวเองในทุกครั้งให้คนที่ชมอยู่ได้ทราบหน่อยค่ะ
บอสวิน : งั้นขอแนะนำสั้น ๆ ละกันนะครับ ผมวินครับ ชอบออกกำลังกาย ชอบว่ายน้ำ รักแมว ชอบอ่านหนังสือครับ
หึ ผมกดหยุดคลิปครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา ให้ตายเถอะ เป็นการแนะนำตัวเองที่ทิ้งคราบบอสวินที่ผมเคยรู้จักไปอย่างสิ้นเชิงเลย คนอย่างเขาเนี่ยนะรักแมว ชอบอ่านหนังสือ ไม่น่าเชื่อ
พิธีกร : วันนี้คุณวินมารายการสบายเดย์เซย์ไฮของเรา เราจะไม่ถามเรื่องงานหรือเรื่องที่มันเคร่งเครียดเกินไปนะคะ เอาเป็นว่าเราจะมาคุยกันแบบสบาย ๆ ตามคอนเซปต์รายการเลยค่ะ
บอสวิน : ได้เลยครับ จริง ๆ ผมเองก็ชอบตัวเองเวลาที่ไม่ต้องคิดเรื่องงาน เพราะงานผมมันก็ค่อนข้างเครียดพอตัว
พิธีกร : งั้นเรามาคุยเรื่องหัวใจคุณวินกันดีกว่าค่ะ รู้ตัวมั้ยคะว่าตอนนี้คุณวินกำลังเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะบรรดาสาว ๆ ในโซเชียล เค้ากรี๊ดคุณวินกันมากเลยนะคะ ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณวินมีเจ้าของหัวใจตัวจริงรึยังคะ
เมื่อพิธีกรถามคำถามนี้ไป ผมเห็นบอสแอบยกยิ้มมุมปาก แต่ก็เพียงครู่เดียวครับ เพราะหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็กลับมาคงความดุไว้เช่นเดิม
บอสวิน : ผมโสดครับ ตอนนี้ยังไม่มีเจ้าของหัวใจ และคิดว่าคงยังไม่มีเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ยังสนุกกับงาน และอีกอย่างผมไม่ใช่สายปาร์ตี้ ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม บางทีสาว ๆ อาจจะเบื่อผมก็ได้
พิธีกร : จริงเหรอคะเนี่ยที่คุณวินไม่ใช่สายปาร์ตี้ ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยนะคะ เพราะลุคคุณวินออกจะไปทางเที่ยวเก่งดื่มเก่งมากกว่า นี่แสดงว่าคุณวินเนี่ยเป็นอินโทรเวิร์ตรึเปล่าคะ
บอสวิน : อืม จะเรียกงั้นก็ได้ครับ แต่จริง ๆ ผมแค่ไม่ชอบเข้าสังคม มีเวลาว่างก็อยากอยู่กับตัวเองมากกว่า
ผมดูรายการสัมภาษณ์บอสวินอย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับที่ใบหน้าเกิดรอยยิ้มขึ้นตลอดเวลา รู้ตัวอีกทีคลิปวิดีโอที่มีความยาวยี่สิบนาทีก็สิ้นสุดลงแล้ว และวันนี้ผมก็ได้รู้จักเจ้านายตัวเองมากขึ้นในอีกมุม รู้จักในมุมที่ไม่ใช่บอสน้ำแข็งอย่างที่พนักงานในบริษัทเค้าเรียกกัน
คืนนี้ผมเข้านอนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะตำแหน่งงานที่ไม่เคยทำ หรือเพราะจะได้ไปอยู่ใกล้บอส บุคคลที่ใครต่อใครต่างก็อยากหลีกหนี อันที่จริงผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่หลังจากดูคลิปสัมภาษณ์บอสจบ ความคิดบางอย่างในหัวก็เปลี่ยนไป อันที่จริงหลายอย่างที่บอสชอบ ผมเองก็ชอบเหมือนกัน ชอบอ่านหนังสือ ชอบแมว ไม่อยากจะสุงสิงกับใครเท่าไหร่ เพียงแค่เวลาไปทำงาน ผมสามารถปรับตัวเข้ากับทุกคนในบริษัทได้ สามารถร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นได้ แต่ผมเดาว่าบอสคงไม่ คนอย่างบอสคงไม่จำเป็นต้องมาปรับตัวเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกน้องแน่ ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ได้ฉายาบอสวินน้ำแข็ง
แต่เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ผมจะทำให้เขาเปิดเผยตัวตนอีกบุคลิกกับผมให้ได้ เพราะผมชอบบอสในมุมสบาย ๆ อย่างที่ได้ดูผ่านคลิปวิดีโอมากกว่า เป็นไปได้ก็ไม่อยากเห็นเขาปั้นหน้าบึ้ง แสร้งทำหน้าตึงอยู่ตลอดเวลา เกรงว่าตีนกาจะมาเยือนหน้าเขาก่อนวัยอันควร
และถ้าหากผมทำสำเร็จ การทำงานร่วมกันของเราสองคนคงไม่ยากเย็นอะไร อยากจะให้ผมเป็นเลขาผมก็เป็นให้ได้ แต่บอสเองก็ต้องเป็นบอสวินในอีกมุมที่ผมอยากเห็นเช่นกัน
เช้าวันนี้บริษัทของผมต่างก็พูดถึงเรื่องเลขาคนใหม่ของบอสวินกันอย่างหนาหู ทุกคนต่างให้ความสนใจและสงสัยว่าใครกันจะมาเป็นเลขาคนใหม่ เนื่องจากในกลุ่มไลน์ของบริษัท มีข้อความจากบอสวินได้แจ้งทุกคนให้มาประชุมพร้อมกันในเวลาเก้าโมงตรงเพื่อรับทราบเรื่องเลขาที่บอสเลือกไว้เรียบร้อยแล้วแน่นอนว่าข้อความเหล่านั้นผมเองก็เห็น แต่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะผมรู้คำตอบอยู่แล้วหนิว่าเลขาคนนั้นคือใคร และทันทีที่ผมวางกระเป๋าทำงานลงบนโต๊ะ พี่ดาก็รีบก้าวยาว ๆ มาหาผมหน้าตาตื่น“ภัทเห็นข้อความในไลน์กลุ่มรึยัง ที่บอสเรียกประชุมน่ะ”พี่ดาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มือหนึ่งถือแก้วกาแฟที่มีไอร้อนลอยขึ้นมา“เห็นแล้วครับพี่”“แกว่าใครจะมาเป็นเลขาคนใหม่ของบอส คนโชคร้ายคนนั้นจะเป็นใครกันนะ”“ก็คงหนีไม่พ้นผมหรอกครับพี่”“ถามจริง !!”พี่ดาลากเก้าอี้ทำงานโต๊ะตัวเองมานั่งใกล้ผมมากขึ้น ส่วนผมก็นั่งหมุนเก้าอี้หนังสีดำไปมา รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องคุยกับผมมากแน่ ๆ ผมเลยไม่คิดจะเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเช่นทุกวัน“ภัท เมื่อกี้แกว่าไงนะ บอสเลือกแกไปเป็นเลขาเหรอ”พี่ดาถามหน้าตาตื่นยิ่งกว่าเดิม ราวกับเรื่องที่ได้รับรู้นั้นเป็น
ผมไม่ชอบสายตาดุดันนั่นเลยให้ตายเถอะ ก็คนมันสงสัยก็เลยถามออกไป และสิ่งที่ตอบกลับมาก็ไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจให้ผมเลย หน้าที่เลขามันเกี่ยวอะไรกับการที่โต๊ะทำงานของผมต้องมาตั้งใกล้เขาขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ผมว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเขาอีกบอสกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานและเราไม่ได้คุยอะไรกันอีก วันนี้เขาดูเครียดกว่าทุกวัน เอกสารบนโต๊ะยังกองพะเนิน เคยได้ยินมาว่าแม้แต่แม่บ้านเขายังไม่อนุญาตให้เข้ามาห้องนี้จนกว่าจะได้รับคำสั่ง ไม่รู้ผู้ชายคนนี้ต้องแบกรับอะไรบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรเอาความเครียดและภาระหนักอึ้งทั้งหลายมาลงกับลูกน้อง โดยเฉพาะคนใกล้ตัวอย่างผมระหว่างที่ห้องทั้งห้องยังตกอยู่ในความเงียบ ผมใช้เวลานี้จัดวางข้าวของบนโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ เพิ่งเห็นว่าคอมพิวเตอร์ที่เขาให้ผมใช้เป็นรุ่นเดียวกับของบอส นี่น่าจะเป็นเรื่องดี ๆ เรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดี เพราะคอมเครื่องเก่าที่ผมใช้ทำงานมันแทบจะตกรุ่นไปแล้ว เปิดเครื่องแต่ละครั้งก็ใช้เวลารอนานมาก ได้เจอเครื่องมือทันสมัยบ้างก็ดีไม่น้อยหลังจากจัดของบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มงานที่เขามอบหมายให้ผมเมื่อครู่ แน่นอนว่าทุก
เที่ยงตรงวันนี้ผมกับบอสออกมาจากบริษัทด้วยกันท่ามกลางสายตาหลายคู่ของพนักงานคนอื่น ๆ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือพี่ดาที่มองผมด้วยแววตาน่าสงสาร พนักงานคนอื่นก็แทบไม่ต่างกัน ดูเหมือนทุกคนจะเอาใจช่วยผมเป็นอย่างมากกับการมารับตำแหน่งนี้ ต่างกับผมที่ตอนนี้ไม่รู้สึกเป็นกังวลอะไรอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว“เดี๋ยวผมเรียกคนขับรถให้ครับ”หลังจากเราสองคนเดินออกมาหน้าบริษัทผมเห็นบอสมองซ้ายมองขวาราวกับหาอะไรบางอย่าง และผมเดาว่าคงจะเป็นคนขับรถของบริษัทแน่ ๆ เพราะปกติแล้วทุกครั้งที่บอสไปไหนก็จะมีคนขับรถติดตามไปด้วยเสมอ“ไม่ต้องเรียกหรอก ฉันแค่มองหารถตัวเองอยู่น่ะ เจอแล้ว จอดอยู่ตรงโน้น รีบตามมา”บอสเดินนำหน้าไป ผมก็รีบก้าวยาว ๆ ตามไปติด ๆรถของบอสจอดอยู่ที่จอดรถวีไอพี มันเป็นรถเก๋งสีดำยี่ห้อหรูที่ทุกคนรู้จักดี แน่นอนว่าผมเองก็ฝันอยากมีรถแพง ๆ แบบนี้ขับสักครั้ง แต่มันก็คงเป็นแค่ความฝันตลอดไป เพราะต่อให้มีเงินเยอะมากมายขนาดไหน ผมก็คงไม่เอามาซื้อรถราคาหลายสิบล้านแบบนี้“รู้ใช่ไหมว่าหนึ่งในหน้าที่สำคัญของเลขาที่ดีควรจะขับรถเป็นด้วย”จบประโยคเขาก็ยื่นกุญแจรถมาให้ผม“บอสจะให้ผมขับรถให้เหรอครับ”ผมมองกุญแจรถในมือบอส
ใบหน้าของบอสจะเรียกว่าไร้ที่ติก็คงจะไม่เกินจริงนัก เพราะทุกอวัยวะบนใบหน้ารับกันเป็นอย่างดี ทั้งคิ้วโก่งคมเข้มที่เรียงเส้นสวย สันจมูกโด่งรับกับหน้าผากกว้าง ดวงตาคมคู่นั้นที่ผมไม่กล้าสบตาเท่าไหร่นัก ไหนจะริมฝีปากหนาอวบอิ่มที่มีสีแดงระเรื่อให้ได้เห็นชัดเจน จะว่าไปแล้ว ปากบอสก็น่าจูบไม่น้อย ให้ตายเถอะนี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ยเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องหยุดคิดฟุ้งซ่านทันที และจังหวะที่พนักงานเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟก็เป็นนาทีเดียวกับที่บอสลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรงผมเห็นเขามองอาหารบนโต๊ะด้วยสายตาแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนพนักงานเสิร์ฟอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกไป“ฉันไม่รู้ว่านายสั่งอาหารผิดหรือพนักงานทำผิด เพราะฉันไม่กิน สปาเกตตีคาโบนาร่า ไม่ชอบอาหารพวกครีม ชีส นม ทุกอย่างทำนองนี้”“อ้าว บอสไม่ได้สั่งคาโบนาร่าเหรอครับ แต่ผมจำได้ว่าบอสให้สั่งสปาเกตตี”“ใช่ แต่ฉันให้นายสั่งผัดขี้เมา พวกครีม ชีส เนย ต้องใช้เวลาเบิร์นออกเยอะ ถ้าฉันกิน เย็นนี้ก็ต้องไปออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี”สายตาอำมหิตจับจ้องมายังผมอีกครั้ง ผมจึงรีบหลบสายตาลงต่ำพยายามคิดหาข้อแก้ตัว จะว่าไปผมก็สั่งไปตามใจผมนั่น
“ผมเป็นลูกน้องจะกล้ามีปัญหากับบอสได้ไงครับ เพียงแต่ผมไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ เลยคิดว่าการจะต้องไปกับบอสทุกที่อาจจะทำได้ไม่ดี เผื่อบอสจะเอาเรื่องนี้ไปคิดแล้วหาคนมาแทนผมครับ”ความเงียบภายในห้องเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมเองก็ได้แต่ยืนก้มหน้า แต่มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะหากปล่อยไว้ความรู้สึกของผมคงแย่ไปกว่านี้ ถ้าต้องกลับไปทำงาน“โดนบังคับให้กินผักแค่นี้ ถอดใจแล้วรึไง ป๊อดว่ะ”จากที่ยืนก้มหน้าผมถึงกับเงยหน้ามองบอสทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น จู่ ๆ มาว่าผมป๊อดได้ยังไง ทั้งที่ผมโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำต่างหาก“ผมไม่ได้ถอดใจ แต่”“ไม่ถอดใจงั้นก็ไม่ต้องมีแต่ หลังจากนี้ห้ามมีข้อโต้แย้งอะไรอีก ฉันสั่งอะไรนายก็แค่ทำ ส่วนงานเรื่องติดตามทวงหนี้นายก็ยังต้องทำอยู่ เข้าใจรึเปล่า”สุดท้ายผมเลือกอะไรไม่ได้สินะ จะกลับไปทำตำแหน่งเดิมก็ไม่ได้ จะไม่ทำงานเลขาก็ไม่ได้ จะไม่กินผักก็ไม่ได้ บ้าบอชิบ“เข้าใจแล้วครับ”“บ่ายนี้ฉันขอรายงานลูกหนี้สีแดงทั้งหมดด้วย เรียงตามยอดหนี้สูงสุดไปถึงน้อยสุด ส่วนเคสไหนที่พอจะลดหย่อนได้หรือทำส่วนลดให้ลูกค้าได้ก็จัดการซะ สิ้นปีนี้ฉันต้องปรับโครงสร้างลูกหนี้ของบริษัทให้
เย็นวันนี้ผมและบอสออกมาจากบริษัทพร้อมกัน และขึ้นรถไปด้วยกัน แน่นอนว่ามันเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ที่ได้เห็นเราสองคน ที่สำคัญคือบอสย้ายตัวเองมานั่งข้างคนขับ แทนที่จะนั่งด้านหลังอย่างเมื่อกลางวัน มันยิ่งกลายเป็นที่จับจ้องเข้าไปใหญ่“ทำไมพี่มานั่งข้างคนขับ”ผมถามขึ้นหลังจากเคลื่อนรถออกมาจากบริษัท จุดหมายเย็นนี้คือสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ ๆ ที่พักของผม“พี่เป็นเจ้าของรถ จะนั่งตรงไหนก็ได้ไหม หื้ม”คนข้าง ๆ หันมามองหน้าผม ใบหน้าดูกวน ๆ ยังไงชอบกล ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เขาเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ดูเหมือนว่าท่าทีและการกระทำของเขาก็เปลี่ยนตามไปด้วย“ก็ใช่ แต่ผมเป็นเลขาพี่ คนในบริษัทจะมองพี่ไม่ดี”“ทำไม กลัวเค้าจะคิดว่าพี่กำลังจีบเลขาอยู่เหรอ ก็ให้เขาคิดไปสิ”“ปะ เปล่า แต่มันก็ เอ่อ”อยู่ดี ๆ ผมก็ใบ้กินขึ้นมาซะอย่างนั้น ยิ่งเขาจับจ้องสายตามาทางผมไม่ยอมละไปไหนผมก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก“เอาหน่า อย่าไปสนใจคนอื่นเลย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”“ครับ”ผมตอบรับสั้น ๆ แล้วตั้งใจมองถนนเส้นยาวเบื้องหน้า ช่วงเลิกงานแบบนี้การจราจรบนท้องถนนมันช่างขัดใจยิ่งกว่าอะไรดีระหว่างที่กำลังรอสัญญาณไฟแดงเกือบสองนาที ผม
เมื่อเห็นแววตาของบอสเปลี่ยนไปผมก็ไม่คิดจะถามอะไรอีก เรื่องความสัมพันธ์ภายในครอบครัวคงไม่ใช่เรื่องที่เลขาอย่างผมต้องรู้ แต่สิ่งที่ผมทำได้คงเป็นการแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งบนบ่าของบอสมากกว่า“พี่วิน”“หื้ม”“หิวไหม ไปหาไรกินกันดีกว่า”“นึกอะไรถึงชวน”ใบหน้าของบอสเต็มไปด้วยความสงสัย“แถวบ้านผมมีตลาดเปิดใหม่อะ อยากไปเดินเล่นปะ ของกินก็มีของใช้ก็มี”“น่าสนใจ”“โอเค ผมถือว่านี่คือคำตอบละกัน”พูดจบผมก็ขับรถออกมาจากสวนสาธารณะทันที แล้วตรงไปยังตลาดใกล้บ้าน ที่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ตลาดเปิดใหม่อะไรหรอก ผมแค่อยากพาพี่วินไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เดาได้เลยว่าร้อยทั้งร้อยคนบ้างานแบบเขาคงไม่เคยมาเดินเที่ยวตลาดกลางคืนแน่ ๆใช้เวลาไม่นานเราสองคนก็มาถึงจุดหมาย ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่า บรรยากาศรอบตลาดประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีส้ม อีกอย่างตอนนี้ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ลมหนาวที่พัดมากระทบผิวกายช่วงกลางคืนยิ่งทำให้ตลาดแห่งนี้น่าเดินมากขึ้น“พี่วินกินเตี๋ยวกันปะ”ผมหันไปถามบอสขณะที่เราทั้งคู่กำลังจะเดินเลยผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านหนึ่ง“อื้ม เอาดิ”ถึงแม้หน้าตาเขาจะดูงง ๆ แต่ก็ตกปากรับคำ ผมเลยรีบลากแขนพี่วินเข้ามานั่งในร้านเ
เช้าวันต่อมา ผมมาถึงที่ทำงานในเวลาฉิวเฉียด นั่นก็คือแปดโมงสามสิบนาทีแบบเป๊ะ ๆ เนื่องจากวันนี้นาฬิกาปลุกดันไม่ปลุก ผมเลยตื่นสาย ตอนแรกก็กลัวแทบแย่ คิดว่าเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาคงจะเจอบอสนั่งหน้าเหวี่ยงอยู่แน่นอน เพราะเขาค่อนข้างซีเรียสเรื่องเวลา แต่กลายเป็นว่า ห้องทำงานว่างเปล่า ไม่มีบอสอยู่ในห้องเครื่องปรับอากาศไม่ได้ถูกเปิด ไฟในห้องปิดหมดทุกดวง โต๊ะทำงานของบอสยังอยู่ในสภาพเอกสารกองพะเนินเหมือนเมื่อวาน ราวกับว่าวันนี้ยังไม่มีใครย่างกรายเข้ามาที่นี่และระหว่างที่ผมกำลังมึน ๆ งง ๆ ป้าแม่บ้านของบริษัทก็เปิดประตูห้องทำงานเข้ามาพร้อมกับไม้กวาดและที่โกยขยะ“อ้าวน้องภัท เพิ่งมาเหรอจ๊ะ”ป้านวลเอ่ยทักทายด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มงานของตัวเอง“ครับป้า พอดีวันนี้ภัทตื่นสายนิดหน่อย บอสยังไม่มาเหรอครับ”“ป้ายังไม่เห็นนะ แต่มันน่าแปลก ปกติบอสจะมาก่อนใครแล้วก็ไม่เคยสาย นี่ก็เลยเวลาทำงานแล้วนะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่า”จริง ๆ ไม่ใช่แค่ป้าที่คิดแบบนั้นหรอก ผมเองก็คิดเหมือนกันว่ามันน่าผิดสังเกต เมื่อคืนนี้ก่อนเราจะแยกกันบอสก็ยังดูปกติดีนี่นา ผมอดสงสัยไม่ได้ เลยรอให้ป้านวลทำความสะอาดห้องทำงานเ
ร่างกายของผมถูกถอดเสื้อผ้าออกไปอย่างรวดเร็วสกิลด้านนี้ของพี่วินช่ำชองมากขึ้นทุกวัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีผมก็เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังกว่าทุกครั้ง เวลาพี่วินเมาเขาดูเหมือนคนหื่นกระหายที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย ทั้งที่ความจริงแล้วเขาช่ำชองเป็นที่สุดและครั้งนี้เขาก็เริ่มต้นด้วยการ หยิบเจลหล่อลื่นออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินมุ่งมาหาผมที่นอนหงายอยู่บนเตียงท่าทีคลานเข่าเข้ามาหาก่อนจะคร่อมร่างผมไว้ไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังจะล่าเหยื่อ สายตาของเขามองผมราวกับว่าสามารถกลืนผมลงไปได้ทั้งร่าง และไม่บ่อยนักที่ผมจะได้เห็นเขาในมุมนี้“คืนนี้ภัทน่าเอากว่าทุกคืนเลย รู้ตัวไหมครับ”เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบา ๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นลากไล้ตั้งแต่ซอกคอของผมลงมาตามลำคอ แล้วกลับไปส่งมอบรสจูบแสนหวานอย่างช้า ๆเราจูบกันเนิ่นนานและค่อย ๆ เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากขึ้น สอดลิ้นแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปากของกันและกันอย่างโหยหา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จาง ๆ ที่ยังอยู่ในตัวทำให้ความต้องการของผมถูกปลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ผมรู้สึกปวดหน่วงกลางกายขึ้นมาในทันที“พะ พี่วิน”ผมเอื้อมม
ความสัมพันธ์ของผมกับพี่วินยังคงเป็นไปด้วยดีถึงแม้เราจะมีงอนกันบ้างโกรธกันบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคือความธรรมดาของชีวิตคู่แหละครับ และสุดท้ายเราสองคนก็รู้ดีว่า ต่อให้จะทะเลาะกันขนาดไหนเราไม่มีวันปล่อยมือกันไปแน่นอน และเราก็จะกลับมาคุยดีกันเหมือนเดิมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะถึงยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วอย่างเช่นวันนี้ที่กำลังมีคนหน้าบึ้งอีกแล้ว เหตุเพราะเห็นผมไปสอนงานให้น้องใหม่ที่เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก“ปั้นหน้ายักษ์นาน ๆ ระวังหน้าเหี่ยว เดี๋ยวแก่เร็วนะครับ”ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวแล้วเดินไปโอบล้อมรอบคอพี่วินเอาไว้จากด้านหลัง“พี่ไม่กลัวแก่ครับ แต่พี่ไม่ชอบให้ภัทไปใกล้ใคร ไปดีกับคนโน้นคนนี้เดี๋ยวก็มีคนมาชอบภัทอีก”“โห คิดไปโน่น ที่ผ่านมามีใครได้เข้าใกล้ภัทบ้างล่ะ แค่มาเฉียดพี่ก็ขู่ฟ่อ ๆ แล้ว”“ภัท พี่ไม่ใช่หมา !”ใบหน้าเง้างอนชัดเจนยิ่งกว่าเดิม พี่วินกอดอกแน่น หายใจฟึดฟัดเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่โดนแย่งของเล่น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนนิสัยของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน“โอ๋ ๆ ภัทไม่ได้ว่าพี่เป็นหมาสักหน่อย แค่จะบอกว่าพี่หวงภัทขนาดนี้ ใครจะกล้ามายุ่งกับภัทครับ และภัทก็ไม่มีทางไปยุ่งกับใครแน่น
“เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม”พี่วินหันมาถามขณะที่ผมกำลังจะเคลื่อนรถออกจากบริษัท วันนี้เราสองคนต้องไปต่างจังหวัดเนื่องจากมีสาขาเปิดใหม่พี่วินเลยรับหน้าที่ไปดูแลการเปิดสาขาใหม่วันแรก โดยวันนี้เราจะลงใต้ไปจังหวัดชุมพรด้วยกัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ทั้งเอกสารแล้วก็กระเป๋าเสื้อผ้า”“เยี่ยมมาก เป็นทั้งเลขาเป็นทั้งแฟน ทำทุกอย่างโดยไม่บกพร่อง ไตรมาสหน้าพี่จะปรับเงินเดือนเป็นห้าแสนดีไหม”“หึ เว่อร์มาก”ผมหลุดขำออกมา แต่เมื่อหันไปมองหน้าพี่วิน ผมรู้ว่าเขาคิดจริงและคงทำจริงได้ไม่ยาก เห็นแบบนั้นเลยต้องเอ่ยห้ามไว้ก่อน“แค่เดือนละแสนห้าผมก็เกรงใจคนอื่นจะแย่ ถ้าปรับเป็นเดือนละห้าแสนพ่อพี่คงเรียกผมไปคุยแน่”“เขาไม่เรียกหรอก เขาโอนกรรมสิทธิ์สาขาสามให้พี่เต็มตัวแล้ว”“ถามจริง”ผมแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินข่าวดีสุด ๆ ในวันนี้ แต่จะว่าไปก็คงไม่แปลกหรอก เพราะที่ผ่านมาพี่วินก็ตั้งใจและทุ่มเทกับสาขาสามเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่พี่วินเข้าไปดูแล ผลประกอบการก็ดีขึ้นและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งลูกค้ายังบอกต่อและเอ่ยคำชมไม่หยุดหย่อนถึงการบริการและความเอาใจใส่ของพนักงาน ส่วนเรื่องมีตติ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในทุกเดือนพ
“พี่วินจะเอาชุดพวกนี้ไปทั้งหมดจริง ๆ เหรอครับ”ผมหันไปถามคนที่นอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง ตอนนี้เราสองคนกำลังจัดกระเป๋าเตรียมไปมีตติ้งภาคเหนือ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเป็นผมคนเดียวมากกว่าที่กำลังจัดกระเป๋าทั้งของผมและของพี่วิน ส่วนอีกฝ่ายน่ะ เอาแต่นอนมองผมทำโน่นทำนี่ เอามือเท้าคาง กลิ้งตัวไปมาบนเตียงอย่างอารมณ์ดี“ใช่แล้ว เอาไปหมดนั่นเลย รวมสกินแคร์ในขวดเล็ก ๆ ที่พี่เตรียมไว้บนโต๊ะหน้ากระจกด้วยครับ”ผมหันไปมองสกินแคร์ที่พี่วินบอกก็ได้แต่ส่ายหน้า นี่เขาลืมไปรึเปล่าว่าเราไปแค่ไม่กี่วัน เขาเอาทุกอย่างไปหมดราวกับจะย้ายบ้านยังไงอย่างนั้น“แล้วเสื้อคู่ กางเกงคู่ พี่จะเอาไปทุกชุดเลยเหรอ”“ครับ ทุกชุดเลย ของภัทก็ด้วย เราจะได้ใส่เหมือนกันไง”“เอาจริงดิ?”“อื้ม ตามนั้น”พี่วินยักคิ้วยียวน เขายังคงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง มองหน้าผมเป็นครั้งคราว รอยยิ้มบนใบหน้าเกิดขึ้นแทบตลอดเวลาที่ได้ดูผมจัดกระเป๋าให้เขาและเตรียมข้าวของทุกอย่างที่จำเป็นให้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านอกจากหน้าที่เลขาและคนรักแล้ว ตอนนี้ผมพ่วงหน้าที่แม่บ้านไปอีกตำแหน่งด้วยรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะหน้าที่ไหนผมก็เต็มใจครับ เพราะผมรักเขา รักมากที
ผมกับภัทเป็นแฟนกันครับ แจ้งให้ทราบ เผื่อใครยังไม่ทราบ ถ้าทราบแล้วก็อยากให้ทราบอีก“พี่วิน พี่ส่งข้อความอะไรไปในไลน์กลุ่มพนักงานเนี่ย”ผมเอ่ยถามหลังจากที่เห็นข้อความแจ้งเตือนในกลุ่มไลน์พนักงาน และตอนนี้เราสองคนกำลังทานมื้อเที่ยง ก่อนจะกลับไปบริษัท“เปิดตัวไงครับ พี่อยากทำอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”“แบบนี้?”“อื้ม ใช่ พี่อยากประกาศให้โลกรู้ อยากบอกทุกคนว่าภัทเป็นแฟนพี่ ในที่สุดก็ได้ทำตามใจสักที”“ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ กรุปไลน์บริษัทมีพนักงานตั้งเยอะแยะนะพี่ อีกอย่าง วันก่อนพี่ก็บอกพนักงานทุกคนไปแล้วรอบนึงนี่นา”“แล้ว?”คนตรงหน้ามองผมด้วยสีหน้ายียวนกวนบาทาเป็นอย่างมาก หากไม่ติดว่าผมรักเขามากผมอยากจะเอื้อมมือไปเขกกบาลเขาสักทีเดี๋ยวนี้เลย“ก็ไม่แล้วยังไงหรอก ผมแค่ไม่ชิน แต่ถ้าพี่สบายใจที่จะประกาศเรื่องของเรากับใคร ๆ ก็แล้วแต่พี่ครับ”พูดจบผมก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ ส่วนอีกฝ่ายก็นั่งหัวเราะชอบใจ ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้พี่วินจะมีท่าทีหรือการกระทำอะไรแปลก ๆ ตามมาอีกรึเปล่า เพราะเขาดูมีความสุขซะเหลือเกินที่เราสองคนไม่ต้องปิดบังสถานะอีกต่อไปแล้วและหลังจากที่ผมกับพี่วินกลับมาบริษัท ทุกอย่างก็เป็นไ
พ่อของพี่วินสั่งให้ทุกคนออกไปจากห้องประชุม แม้แต่พี่วินเองก็ตาม แม้ว่าเขาจะพยายามขออยู่ข้าง ๆ ผม แต่พ่อเขาก็ไม่ยอม ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาอยากคุยกับผมจะเป็นเรื่องซีเรียสขนาดหนัก ถึงขั้นไม่ยอมให้ใครอยู่ในห้องเลย สุดท้ายพี่วินเลยต้องจำยอมออกจากห้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ตอนนี้เลยมีแค่ผมและผู้ก่อตั้งองค์กรอยู่ในห้องประชุมกว้างขวาง ทั้งห้องเงียบสนิท แม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศยังไม่มีให้ได้ยิน หัวใจของผมเต้นเร็วและแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เดาไม่ออกเลยว่าเขามีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผมผมที่เป็นแค่พนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น“ฉันติดตามการทำงานของเธออยู่ตลอดนะ เป็นพนักงานที่อายุงานน้อยที่สุดในบริษัท แต่กลับทำผลงานได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับคำชมจากลูกค้าหลายคนเรื่องของการบริการ ที่ฉันรู้เพราะคำชมพวกนั้นส่งตรงมายังเว็บเพจของบริษัทที่ฉันคอยดูอยู่ตลอด”ผมได้แต่ก้มหน้านิ่ง สมองกำลังประมวลว่าเขากำลังเอ่ยชมผมอยู่รึเปล่า ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนสมองเบลอและอ๊องมาก อาจเพราะตื่นเต้นที่เขาเรียกคุยส่วนตัว และผมก็ฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่องเลย“ขอบใจเธอมากที่มาช่วยงานวิน แต่มีเรื่องนึงที่ฉันอยากรู้”“ครับท
เวลาผ่านมาจนถึงวันรายงานผลประกอบการ ซึ่งทุก ๆ สามเดือนพี่วินจะต้องไปประชุมที่บริษัทใหญ่กับน้องชายอีกสองคนเพื่อบอกกล่าวผลงานของสาขาแก่ประธานบริษัทแน่นอนว่าสองเดือนที่ผ่านมาผลงานของบริษัทเราไม่ดีเท่าไหร่นัก มาทำผลงานได้ดีในช่วงเดือนที่สาม และเป็นผลงานที่ดีที่สุดหากเทียบกับผลงานทั้งปีผมไม่รู้ว่าผลงานเดือนสุดท้ายของสาขาจะช่วยให้พี่วินไม่โดนดุได้มากน้อยแค่ไหน วันนี้พนักงานทุกคนต่างพร้อมใจกันส่งกำลังใจให้พี่วินอย่างล้นหลาม ส่วนผมเองก็ติดตามพี่วินมายังบริษัทใหญ่ เพื่อคอยเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ข้าง ๆ“ภัทไปนั่งเล่นที่ห้องเครื่องดื่มก่อนนะครับ พี่คงใช้เวลาไม่นาน”พี่วินหันมาบอกผมขณะที่เราสองคนมาหยุดอยู่หน้าห้องประชุมขนาดใหญ่“ภัทอยากเข้าไปด้วย ภัทไม่อยากให้พี่ไปเจอสถานการณ์แย่ ๆ คนเดียว อย่างน้อยก็ในฐานะเลขานะครับ”“เอางั้นเหรอ”พี่วินมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ จริงๆ เรื่องนี้เราคุยกันมาก่อนแล้ว และพี่วินก็ไม่อยากให้ผมไปเผชิญหน้ากับพ่อของเขาเท่าไหร่ และทุกครั้งพี่วินก็จะเข้าไปรายงานผลงานทุกสามเดือนเพียงคนเดียว แต่ครั้งนี้ผมอยากไปกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นผมก็อยากไปอยู่
“ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านวันนี้ ผมขอเวลาทุกคนสักสิบนาทีนะครับ มีเรื่องอยากจะแจ้ง”หลังจากกลับเข้ามาในบริษัทผมก็เห็นว่าพี่ ๆ พนักงานหลายคนเคลียร์งานกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากพี่ดารายงานเรื่องยอดสินเชื่อที่ทะลุเป้าไปแล้วทุกตัวพี่วินก็ยิ้มหน้าบานในทันทีตอนแรกผมคิดว่าทุกอย่างจบแค่นั้น แต่หลังจากที่ทุกคนยินดีกับเรื่องยอดต่าง ๆ กันจนพอใจ พี่วินก็เอ่ยบางอย่างขึ้นจนทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบสนิทลงอีกครั้งแน่นอนว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เรื่องนี้เราไม่ได้คุยกันมาก่อน“ก่อนอื่น ผมขอบคุณทุกคนมากที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำยอดให้สาขาจนทะลุเป้า ผมรู้ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาทุกคนทำงานกันหนักมาก ทั้งออกไปทำตลาด หาลูกค้า ทำสื่อโซเชียล ผมอาจจะไม่ได้มาคุยกับพวกคุณบ่อย ๆ แต่ผมก็ตามดูอยู่ตลอด ขอบคุณสำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้ครับ แล้วก็ตามสัญญา เรื่องงานมีตติ้ง หลายคนอาจจะทราบแล้วว่าเราจะเปลี่ยนแพลนจากหัวหินเป็นภาคเหนือ ผมอยากให้ทุกคนได้ไปพักผ่อนกันอย่างเต็มที่โดยครั้งนี้ค่าที่พักและค่าเดินทางผมจะจัดการให้เอง”“หู้ยยยย”เสียงฮือฮาดังตามมาทันทีหลังจากพี่ ๆ พนักงานหลายคนได้ยินแบบนั้น ทุกคนต่างพร้อมใจกันปรบมือเกร
“แต่งตัวเหมือนกันไปแบบนี้ มีหวังพนักงานในบริษัทรู้แน่ ๆ ว่าเราเป็นแฟนกัน”ผมมองตัวเองในกระจกโดยที่มีพี่วินยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้เราสองคนลองชุดในห้องลองเสื้อผ้าด้วยกัน และชุดที่พี่วินเลือกก็เป็นเสื้อคู่ลายเดียวกันและกางเกงยีนแบบเดียวกัน ไหนจะหมวก แว่นตา และอะไรอีกหลายอย่างที่ตั้งใจซื้อเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขานึกยังไง ถึงอยากจะแต่งตัวเหมือนกันไปมีตติ้ง“รู้ก็ดีสิครับ พี่เองก็ขี้เกียจปิดแล้วเหมือนกัน”พี่วินสวมกอดผมจากด้านหลัง ขโมยหอมแก้มผมไปอีกหนึ่งที“พี่ก็รู้ดีเรื่องกฎบริษัท นี่กะจะทิ้งทวนแล้วทำอะไรแบบสุดโต่งไปเลยงั้นเหรอ”“อื้ม ใช่ เพราะพี่ไม่อยากปิดบังใครอีกแล้ว”“พี่ไม่คิดจะอยู่ต่อที่นี่จริง ๆ เหรอครับ ภัทอยากให้พี่อยู่นะ พนักงานทุกคนก็รักพี่ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่เหมาะจะเป็นบอสที่นี่มากที่สุดแล้ว”“พูดแบบนี้มีแผนเหรอ นี่กำลังโน้มน้าวพี่ให้เปลี่ยนใจใช่ไหม”“ว๊า รู้ทันซะและ นี่ผมกำลังคิดว่าจะให้พวกพี่ ๆ เขาไปประท้วงบริษัทพ่อพี่อยู่นะเนี่ย”“หึ”“ทำไมครับ หัวเราะหึในลำคอนี่มันหมายความว่ายังไง”ผมเอียงหน้าถามคนด้านหลังที่สองมือยังคงโอบเอวผมไว้ไม่ยอมปล่อย“จะงัดกับพ่อพี่รึไง ต