ความยากของตำแหน่งติดตามทวงหนี้ก็คือ การใช้คำพูดปลอบประโลมลูกหนี้ให้ยอมผ่อนจ่ายค่างวดที่ค้างไว้ แม้จะไม่สามารถชำระได้ทั้งหมดในคราวเดียว แต่อย่างน้อยการทำให้ลูกหนี้ยอมจ่ายได้สักหนึ่งงวดก็ถือว่าการออกมานอกพื้นที่ในวันนี้ไม่สูญเปล่า
และแน่นอนว่าภารกิจวันนี้ของผมสำเร็จ เรื่องการใช้คำพูดหวาน ๆ และใช้ความใจเย็นแบบสุดขีดในการพูดคุยกับลูกค้าผมค่อนข้างถนัด คงเพราะเจอมาหลายเคสแล้วจึงค่อนข้างเข้าใจว่าจะต้องคุยกับลูกหนี้แบบไหนถึงจะปิดงานได้สำเร็จ
ซึ่งลูกหนี้ทั้งสี่เคสของผมวันนี้สามารถจ่ายค่างวดที่ค้างชำระได้ทุกเคส ก็ถือว่าการทำงานวันนี้เสร็จสิ้น ผมกลับบริษัทได้อย่างสบายใจ และเตรียมเขียนรายงานส่งบอสอย่างที่ทำทุกวัน
จะว่าไป ผมไม่เคยรู้เลยว่าบอสอ่านรายงานบ้างรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่ส่งเมลรายงานการติดตามทวงหนี้ลูกค้าไป ไม่เคยมีเมลตอบกลับมายังผมจากบอสเลย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว ผมคิดแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ
“อ้าวภัท กลับเร็วนะวันนี้ มานั่งที่โต๊ะเร็ว มานี่ ๆ”
ทันทีที่ผมผลักประตูกระจกเข้าไปในบริษัท พี่ดาที่เงยหน้ามาเจอผมก็กวักมือเรียกให้รีบกลับไปนั่งที่โต๊ะทันที เห็นท่าทีแปลก ๆ ของอีกฝ่ายแล้วผมใจไม่ดีเท่าไหร่ เลยรีบเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง วางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนังสีดำคู่ใจ
“ภัท บอสเค้าบอกให้ภัทไปพบน่ะ เรียกคุยเป็นการส่วนตัว”
“ห้ะ !”
ผมดีดตัวจากเก้าอี้กลับมานั่งตัวตรงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของพี่ดาเพื่อขอความชัดเจนอีกครั้ง หวังว่าเมื่อกี้นี้ผมคงจะหูฝาดไป ขอให้มันเป็นแบบนั้นด้วยเถิด
“ได้ยินไม่ผิดหรอก บอสโทรมาโต๊ะพี่เมื่อตอนบ่ายน่ะ สั่งไว้แค่นี้”
หัวใจผมแทบจะหลุดออกมาเมื่อได้ยินคำสั่งชัดเจนอีกครั้ง คนที่ผมอยากหลีกให้ไกลที่สุดและไม่อยากเจอหน้าเขาเลยจะเรียกผมไปพบทำไมกัน แถมยังเรียกคุยเป็นการส่วนตัวอีก
นึกไม่ออกว่าเขาจะคุยเรื่องอะไร ได้แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมคงไม่ใช่คนดวงซวยคนนั้นที่ถูกเลือกไปเป็นเลขาคนใหม่หรอกนะ
“บอสไม่ได้บอกเหรอครับพี่ดาว่าจะเรียกภัทไปคุยเรื่องอะไร”
“ไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้น บอกแค่ให้ไปพบแค่นั้นแหละ ห้าโมงตรงนะภัทอย่าไปสาย ห้ามสายแม้แต่หนึ่งวินาที ถ้าไม่อยากเห็นสีหน้าอำมหิตของเขา เดี๋ยวพี่จะออกไปดูลูกค้าเคสที่ดิน ยังไงก็ขอให้รอดปลอดภัยนะจ๊ะ”
พี่ดาหันมาส่งยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารสองแฟ้มพร้อมสัมภาระตัวเองเดินตัวปลิวออกไปจากโต๊ะ ส่วนพนักงานคนอื่น ๆ ก็กำลังเคลียร์งานตัวเองอย่างหัวหมุนเพื่อเตรียมเลิกงาน เป็นไปได้ว่าเย็นวันนี้คงจะเหลือแค่ผมกับป้าแม่บ้านที่จะกลับบ้านช้ากว่าคนอื่น
ผมเลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องที่จะเกิดขึ้นเย็นนี้ไปก่อน แล้วกลับมาทำรายงานการติดตามทวงหนี้ลูกค้าให้เสร็จเรียบร้อย และวันนี้ก็เหมือนทุกวันที่เมลของผมไม่มีการตอบกลับ แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมถือว่าหน้าที่ของผมเรียบร้อยดีแล้ว หลังจากนี้ก็เหลือแค่รอเวลาห้าโมงเย็นเพื่อไปเจอกับบอสวิน
ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมและเขาจะได้เจอหน้ากันอย่างเป็นทางการ จะว่าไปแล้วผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ฉายาที่พนักงานในบริษัทตั้งให้เขาจะจริงตามนั้นรึเปล่า คุณบอสวินน้ำแข็ง
ผมเดินมาหยุดหน้าห้องทำงานบอสเมื่อถึงเวลาสี่โมงห้าสิบแปดนาที และจับจ้องหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือซ้ายแทบไม่กะพริบตา เป็นสองนาทีที่หัวใจผมเต้นแรงมาก ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบสามนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกตื่นเต้นได้มากขนาดนี้
และเมื่อถึงเวลาห้าโมงตรงผมก็รีบเคาะประตูห้องทำงานของบอสทันที
~ ก๊อก ๆ ~
“เข้ามา”
ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยอะไรออกไป น้ำเสียงราบเรียบจากคนในห้องก็ส่งกลับมา ผมหมุนลูกบิดหน้าห้องทันที เปิดประตูออกกว้างด้วยใจเต้นรัว
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คืออุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศชนิดที่ว่าต้องใช้คำว่าเย็นเฉียบ แม้ว่าตอนนี้จะห้าโมงเย็นแล้วก็ตาม
ผมเดินเข้าไปในห้องทำงานของบอสด้วยฝีเท้าที่เงียบที่สุด ภาพที่เห็นตรงหน้าคือโต๊ะทำงานที่กองพะเนินด้วยแฟ้มเอกสาร และข้างกันคือคอมพิวเตอร์รุ่นที่แพงที่สุด
อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าเขียนเอกสารบางอย่างในแฟ้มด้วยใบหน้าคิ้วขมวด ส่วนสูงของบอสน่าจะราว ๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้า ร่างกายภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่สวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำอีกชั้นดูแข็งแรงกำยำ ทรงผมที่ถูกจัดแต่งทรงอย่างดีช่วยทำให้ใบหน้าเขาดูคมคายมากยิ่งขึ้น ขนคิ้วดกดำเรียงเส้นสวยได้รูป และดวงตาที่กำลังจดจ่อกับเอกสารตรงหน้าทำให้เขาดูมีเสน่ห์ไม่เบา
เมื่อได้มาเห็นกับตาตัวเอง ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะได้ฉายาบอสวินน้ำแข็ง เพราะบุคลิกออกจะดูใจดีด้วยซ้ำ และที่สำคัญ เขาน่าจะยังอายุไม่เยอะเท่าไหร่นัก
“นั่งรอที่โซฟาก่อน ขอเคลียร์เอกสารครู่เดียว”
คนที่ถูกผมจับจ้องใบหน้าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองผม กลับรีบเร่งเซ็นเอกสารบนโต๊ะ ผมจึงตอบรับไปสั้น ๆ แล้วเดินไปนั่งยังโซฟาหนังอย่างดีสีน้ำตาลตรงมุมห้องตามคำสั่ง
ระหว่างรอก็กวาดสายตามองรอบห้องของบอสด้วยความสนใจ เพราะนี่คือครั้งแรกที่ผมเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่ทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาหลายเดือน
ภายในห้องทำงานของบอสทุกอย่างคุมโทนด้วยสีน้ำตาลแทบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน ชั้นเก็บเอกสาร คอมพิวเตอร์ที่ใช้ โซฟา รวมไปถึงแจกัน และของตกแต่งห้องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นสีเดียวกัน ถ้าให้ผมเดา สีน้ำตาลคงเป็นสีโปรดของเจ้าของห้อง
~ ปัง! ~
เสียงปิดแฟ้มเอกสารที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้ผมต้องละสายตาจากทุกอย่างแล้วหันกลับไปมองเจ้าของห้องที่เหมือนว่าเขาจะมองผมอยู่ก่อนแล้ว
ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ทำงาน และเดินมาหาผมด้วยท่าทีสุขุม สองมือของเขาล้วงกระเป๋ากางเกง ทว่าสายตากลับจับจ้องผมแทบไม่กะพริบตาเลยสักวินาที
เมื่อได้มองใบหน้าเขาชัด ๆ หัวใจผมเต้นรัวขึ้นมาซะอย่างนั้นราวกับจะหลุดออกมาซะให้ได้ ผมเคยได้ยินพนักงานหลายคนในบริษัทพูดถึงบอสว่าเป็นผู้ชายที่ดูดุมาก แต่ก็หล่อมากในคราวเดียวกัน วันนี้ผมพิสูจน์แล้วว่าคำพูดนั้นไม่เกินจริงเลย
“ภัท ภากร พงศ์ธนกิจ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน น้องใหม่ไฟแรงปิดเคสได้ทุกเคส ผลงานติดตามทวงหนี้สามเดือนที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี แถมยังเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ฟังดูน่าสนใจดีหนิ”
บอสนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผมด้วยท่านั่งไขว่ห้างสบาย ๆ แขนข้างหนึ่งพาดไปบนพนักพิงของโซฟา ใบหน้าเคร่งขรึมดูผ่อนคลายไปมากในเวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าผม สำหรับผมแล้ว เขาไม่ได้ดูดุเลย ไม่เลยสักนิด
“พี่ดาบอกว่าบอสเรียกพบ มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
ผมพยายามวางตัวแบบสบาย ๆ เช่นกัน แม้ว่าภายในใจจะตื่นเต้นไม่น้อย และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมก็อยากพูดคุยกับเขาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว แอร์ห้องบอสมันเย็นเกินไป เป็นไปได้ผมไม่อยากอยู่นาน
“ฉันจะให้นายย้ายตำแหน่งมาเป็นเลขาฉัน ไม่สิ ต้องบอกว่าเพิ่มตำแหน่งดีกว่า เพราะเรื่องเร่งรัดหนี้สินก็คงต้องเป็นนายเหมือนเดิม แน่นอนว่าถ้าควบตำแหน่ง เงินเดือนก็เพิ่มตาม เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง”
“ผมเหรอครับที่จะมาเป็นเลขาบอส”
ถึงแม้จะได้ยินชัดแต่ก็ยังอยากถามซ้ำไปอีกครั้ง
“ใช่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
เมื่ออีกฝ่ายย้ำชัดผมก็ได้แต่นิ่งงัน เรื่องมีปัญหาผมคงไม่กล้า แต่ก็ไม่สามารถที่จะบอกไปตรง ๆ ได้เหมือนกันว่าไม่ได้อยากจะรับตำแหน่งนี้เท่าไหร่นัก
“ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ แค่กลัวว่าจะทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดี เพราะผมเพิ่งมาทำงานที่นี่ อีกอย่าง ตำแหน่งเลขาผมก็ไม่ถนัดเท่าไหร่”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ของแบบนี้มันสอนกันได้ เอาเป็นว่านายไม่ติดอะไรนะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะเรียกประชุม แจ้งทุกคนในบริษัทอย่างเป็นทางการ แล้วนายก็ย้ายมาทำงานกับฉันได้เลย”
ผมได้แต่นั่งก้มหน้า พยายามคิดหาข้อโต้แย้งที่พอจะฟังมีเหตุผล แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ผมจะเอาข้อโต้แย้งอะไรไปต่อกรกับเขา ในเมื่อผมก็เป็นเพียงพนักงานน้องใหม่เท่านั้น
“ฉันคุยกับนายอยู่ กรุณาอย่าหลบสายตาลงต่ำ หรือถ้าไม่พอใจตรงไหนก็พูดกันตรง ๆ”
“เปล่าครับ ไม่มีตรงไหนที่ไม่พอใจ”
ผมรีบเงยหน้าสบตาเขาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย และผมจะจำไว้ว่าหลังจากนี้อย่าหลบสายตาบอสอีก
“เรื่องที่จะคุยมีแค่นี้ ถ้านายไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปได้ เจอกันพรุ่งนี้”
“ครับบอส”
ร่างกายของผมถูกถอดเสื้อผ้าออกไปอย่างรวดเร็วสกิลด้านนี้ของพี่วินช่ำชองมากขึ้นทุกวัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีผมก็เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังกว่าทุกครั้ง เวลาพี่วินเมาเขาดูเหมือนคนหื่นกระหายที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย ทั้งที่ความจริงแล้วเขาช่ำชองเป็นที่สุดและครั้งนี้เขาก็เริ่มต้นด้วยการ หยิบเจลหล่อลื่นออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินมุ่งมาหาผมที่นอนหงายอยู่บนเตียงท่าทีคลานเข่าเข้ามาหาก่อนจะคร่อมร่างผมไว้ไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังจะล่าเหยื่อ สายตาของเขามองผมราวกับว่าสามารถกลืนผมลงไปได้ทั้งร่าง และไม่บ่อยนักที่ผมจะได้เห็นเขาในมุมนี้“คืนนี้ภัทน่าเอากว่าทุกคืนเลย รู้ตัวไหมครับ”เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบา ๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นลากไล้ตั้งแต่ซอกคอของผมลงมาตามลำคอ แล้วกลับไปส่งมอบรสจูบแสนหวานอย่างช้า ๆเราจูบกันเนิ่นนานและค่อย ๆ เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากขึ้น สอดลิ้นแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปากของกันและกันอย่างโหยหา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จาง ๆ ที่ยังอยู่ในตัวทำให้ความต้องการของผมถูกปลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ผมรู้สึกปวดหน่วงกลางกายขึ้นมาในทันที“พะ พี่วิน”ผมเอื้อมม
ความสัมพันธ์ของผมกับพี่วินยังคงเป็นไปด้วยดีถึงแม้เราจะมีงอนกันบ้างโกรธกันบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคือความธรรมดาของชีวิตคู่แหละครับ และสุดท้ายเราสองคนก็รู้ดีว่า ต่อให้จะทะเลาะกันขนาดไหนเราไม่มีวันปล่อยมือกันไปแน่นอน และเราก็จะกลับมาคุยดีกันเหมือนเดิมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะถึงยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วอย่างเช่นวันนี้ที่กำลังมีคนหน้าบึ้งอีกแล้ว เหตุเพราะเห็นผมไปสอนงานให้น้องใหม่ที่เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก“ปั้นหน้ายักษ์นาน ๆ ระวังหน้าเหี่ยว เดี๋ยวแก่เร็วนะครับ”ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวแล้วเดินไปโอบล้อมรอบคอพี่วินเอาไว้จากด้านหลัง“พี่ไม่กลัวแก่ครับ แต่พี่ไม่ชอบให้ภัทไปใกล้ใคร ไปดีกับคนโน้นคนนี้เดี๋ยวก็มีคนมาชอบภัทอีก”“โห คิดไปโน่น ที่ผ่านมามีใครได้เข้าใกล้ภัทบ้างล่ะ แค่มาเฉียดพี่ก็ขู่ฟ่อ ๆ แล้ว”“ภัท พี่ไม่ใช่หมา !”ใบหน้าเง้างอนชัดเจนยิ่งกว่าเดิม พี่วินกอดอกแน่น หายใจฟึดฟัดเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่โดนแย่งของเล่น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนนิสัยของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน“โอ๋ ๆ ภัทไม่ได้ว่าพี่เป็นหมาสักหน่อย แค่จะบอกว่าพี่หวงภัทขนาดนี้ ใครจะกล้ามายุ่งกับภัทครับ และภัทก็ไม่มีทางไปยุ่งกับใครแน่น
“เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม”พี่วินหันมาถามขณะที่ผมกำลังจะเคลื่อนรถออกจากบริษัท วันนี้เราสองคนต้องไปต่างจังหวัดเนื่องจากมีสาขาเปิดใหม่พี่วินเลยรับหน้าที่ไปดูแลการเปิดสาขาใหม่วันแรก โดยวันนี้เราจะลงใต้ไปจังหวัดชุมพรด้วยกัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ทั้งเอกสารแล้วก็กระเป๋าเสื้อผ้า”“เยี่ยมมาก เป็นทั้งเลขาเป็นทั้งแฟน ทำทุกอย่างโดยไม่บกพร่อง ไตรมาสหน้าพี่จะปรับเงินเดือนเป็นห้าแสนดีไหม”“หึ เว่อร์มาก”ผมหลุดขำออกมา แต่เมื่อหันไปมองหน้าพี่วิน ผมรู้ว่าเขาคิดจริงและคงทำจริงได้ไม่ยาก เห็นแบบนั้นเลยต้องเอ่ยห้ามไว้ก่อน“แค่เดือนละแสนห้าผมก็เกรงใจคนอื่นจะแย่ ถ้าปรับเป็นเดือนละห้าแสนพ่อพี่คงเรียกผมไปคุยแน่”“เขาไม่เรียกหรอก เขาโอนกรรมสิทธิ์สาขาสามให้พี่เต็มตัวแล้ว”“ถามจริง”ผมแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินข่าวดีสุด ๆ ในวันนี้ แต่จะว่าไปก็คงไม่แปลกหรอก เพราะที่ผ่านมาพี่วินก็ตั้งใจและทุ่มเทกับสาขาสามเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่พี่วินเข้าไปดูแล ผลประกอบการก็ดีขึ้นและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งลูกค้ายังบอกต่อและเอ่ยคำชมไม่หยุดหย่อนถึงการบริการและความเอาใจใส่ของพนักงาน ส่วนเรื่องมีตติ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในทุกเดือนพ
“พี่วินจะเอาชุดพวกนี้ไปทั้งหมดจริง ๆ เหรอครับ”ผมหันไปถามคนที่นอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง ตอนนี้เราสองคนกำลังจัดกระเป๋าเตรียมไปมีตติ้งภาคเหนือ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเป็นผมคนเดียวมากกว่าที่กำลังจัดกระเป๋าทั้งของผมและของพี่วิน ส่วนอีกฝ่ายน่ะ เอาแต่นอนมองผมทำโน่นทำนี่ เอามือเท้าคาง กลิ้งตัวไปมาบนเตียงอย่างอารมณ์ดี“ใช่แล้ว เอาไปหมดนั่นเลย รวมสกินแคร์ในขวดเล็ก ๆ ที่พี่เตรียมไว้บนโต๊ะหน้ากระจกด้วยครับ”ผมหันไปมองสกินแคร์ที่พี่วินบอกก็ได้แต่ส่ายหน้า นี่เขาลืมไปรึเปล่าว่าเราไปแค่ไม่กี่วัน เขาเอาทุกอย่างไปหมดราวกับจะย้ายบ้านยังไงอย่างนั้น“แล้วเสื้อคู่ กางเกงคู่ พี่จะเอาไปทุกชุดเลยเหรอ”“ครับ ทุกชุดเลย ของภัทก็ด้วย เราจะได้ใส่เหมือนกันไง”“เอาจริงดิ?”“อื้ม ตามนั้น”พี่วินยักคิ้วยียวน เขายังคงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง มองหน้าผมเป็นครั้งคราว รอยยิ้มบนใบหน้าเกิดขึ้นแทบตลอดเวลาที่ได้ดูผมจัดกระเป๋าให้เขาและเตรียมข้าวของทุกอย่างที่จำเป็นให้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านอกจากหน้าที่เลขาและคนรักแล้ว ตอนนี้ผมพ่วงหน้าที่แม่บ้านไปอีกตำแหน่งด้วยรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะหน้าที่ไหนผมก็เต็มใจครับ เพราะผมรักเขา รักมากที
ผมกับภัทเป็นแฟนกันครับ แจ้งให้ทราบ เผื่อใครยังไม่ทราบ ถ้าทราบแล้วก็อยากให้ทราบอีก“พี่วิน พี่ส่งข้อความอะไรไปในไลน์กลุ่มพนักงานเนี่ย”ผมเอ่ยถามหลังจากที่เห็นข้อความแจ้งเตือนในกลุ่มไลน์พนักงาน และตอนนี้เราสองคนกำลังทานมื้อเที่ยง ก่อนจะกลับไปบริษัท“เปิดตัวไงครับ พี่อยากทำอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”“แบบนี้?”“อื้ม ใช่ พี่อยากประกาศให้โลกรู้ อยากบอกทุกคนว่าภัทเป็นแฟนพี่ ในที่สุดก็ได้ทำตามใจสักที”“ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ กรุปไลน์บริษัทมีพนักงานตั้งเยอะแยะนะพี่ อีกอย่าง วันก่อนพี่ก็บอกพนักงานทุกคนไปแล้วรอบนึงนี่นา”“แล้ว?”คนตรงหน้ามองผมด้วยสีหน้ายียวนกวนบาทาเป็นอย่างมาก หากไม่ติดว่าผมรักเขามากผมอยากจะเอื้อมมือไปเขกกบาลเขาสักทีเดี๋ยวนี้เลย“ก็ไม่แล้วยังไงหรอก ผมแค่ไม่ชิน แต่ถ้าพี่สบายใจที่จะประกาศเรื่องของเรากับใคร ๆ ก็แล้วแต่พี่ครับ”พูดจบผมก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ ส่วนอีกฝ่ายก็นั่งหัวเราะชอบใจ ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้พี่วินจะมีท่าทีหรือการกระทำอะไรแปลก ๆ ตามมาอีกรึเปล่า เพราะเขาดูมีความสุขซะเหลือเกินที่เราสองคนไม่ต้องปิดบังสถานะอีกต่อไปแล้วและหลังจากที่ผมกับพี่วินกลับมาบริษัท ทุกอย่างก็เป็นไ
พ่อของพี่วินสั่งให้ทุกคนออกไปจากห้องประชุม แม้แต่พี่วินเองก็ตาม แม้ว่าเขาจะพยายามขออยู่ข้าง ๆ ผม แต่พ่อเขาก็ไม่ยอม ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาอยากคุยกับผมจะเป็นเรื่องซีเรียสขนาดหนัก ถึงขั้นไม่ยอมให้ใครอยู่ในห้องเลย สุดท้ายพี่วินเลยต้องจำยอมออกจากห้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ตอนนี้เลยมีแค่ผมและผู้ก่อตั้งองค์กรอยู่ในห้องประชุมกว้างขวาง ทั้งห้องเงียบสนิท แม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศยังไม่มีให้ได้ยิน หัวใจของผมเต้นเร็วและแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เดาไม่ออกเลยว่าเขามีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผมผมที่เป็นแค่พนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น“ฉันติดตามการทำงานของเธออยู่ตลอดนะ เป็นพนักงานที่อายุงานน้อยที่สุดในบริษัท แต่กลับทำผลงานได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับคำชมจากลูกค้าหลายคนเรื่องของการบริการ ที่ฉันรู้เพราะคำชมพวกนั้นส่งตรงมายังเว็บเพจของบริษัทที่ฉันคอยดูอยู่ตลอด”ผมได้แต่ก้มหน้านิ่ง สมองกำลังประมวลว่าเขากำลังเอ่ยชมผมอยู่รึเปล่า ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนสมองเบลอและอ๊องมาก อาจเพราะตื่นเต้นที่เขาเรียกคุยส่วนตัว และผมก็ฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่องเลย“ขอบใจเธอมากที่มาช่วยงานวิน แต่มีเรื่องนึงที่ฉันอยากรู้”“ครับท