ในรถเงียบมากตลอดทาง และบรรยากาศตึงเครียดทำให้อาเจียงไม่กล้าที่จะเปลี่ยนความเร็วขณะขับรถ
จนกระทั่งรถมาถึงลานจอดรถของคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเขตชานเมือง เขาจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลงจากรถแล้วเปิดประตู
เฉินหว่านฉือไม่ได้สำคัญตัวขนาดนั้นเท่ากับป๋อจิงโจว ไม่ชอบถูก‘รับใช้’กำลังจะเปิดประตูป๋อจิงโจวพูดเย็นชาว่า “ผมชอบคนที่มีหน้าอกใหญ่และไม่มีสมองเหรอ?”
“……”
เฉินหว่านฉือเกือบสำลัก ถ้าเขาไม่พูดถึงเธอคงลืมไปแล้ว เธอพูดแบบนี้เพียงเพื่อทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ใครจะไปรู้ว่าเขาชอบอะไร!
เธอหันกลับมาและเห็นดวงตาของป๋อจิงโจวตกอยู่ตำแหน่งใต้กระดูกไหปลาร้าของเธอพอดี จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่มีสัญญาณบ่งบอกถึงความหมายในดวงตาของเขา
ความหมายนี้ เฉินหว่านฉือเข้าใจซะว่าเป็นสายตาของความรังเกียจ
“ผู้ชายชอบของใหญ่ๆมันไม่ใช่สันดานของพวกผู้ชายรึไง?”
ดังนั้นหลังจากแต่งงานกับเธอมาสามปี เขาไม่มีความปรารถนาเลยด้วยซ้ำ แต่เจียนเหวยหนิงรูปร่างก็ธรรมดานี่นา
ป๋อจิงโจวขมวดคิ้ว “ผมไม่ชอบ”
เฉินหว่านฉือโค้งริมฝีปากของเธอยิ้ม ความงามของเธอสามารถทำลายล้างได้ด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดา คงเสียอาการไปแล้ว แต่ป๋อจิงโจวก็แค่มองเธออย่างไม่แยแส คิ้วของเขาไม่กระดกเลยด้วยซ้ำ
เธอกล่าวว่า “คุณจะชอบหรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันชอบที่ใช้งานได้ดี นี่เป็นเหตุผลหลักในการหย่ากับคุณ”
สีหน้าป๋อจิงโจวหนักอึ้งขึ้นในชั่วพริบตาเดียว บรรยากาศภายในรถหยุดชะงักเย็นยะเยือกมองเห็นด้วยตาเปล่า
รถเก็บเสียงได้ไม่ดี อาเจียงที่ยืนอยู่นอกรถฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง ในขณะนี้ หน้าผากของเขาเหงื่อแตก เมื่อเห็นว่าป๋อจิงโจวเริ่มโกรธเขาจึงรีบเร่งเปิดประตูรถทั้ง ๆ ที่บรรยากาศกำลังกดดัน
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงครับ ถึงบ้านแล้วครับ”
เฉินหว่านฉือลงจากรถก่อนแล้วเห็นเจียงหย่าจู๋เดินออกจากคฤหาสน์พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า จับมือเธอแล้วเดินเข้าไปข้างใน “หวานหว่าน แม่ขอให้ป้าหวังตุ๋นรังนกให้หนู โดยเฉพาะเลย มีเสริมสมุนไพรเพิ่มความงามด้วยนะ”
ป๋อจิงโจว ซึ่งยังคงถูกเพิกเฉยให้นั่งอยู่บนรถ
หลังจากเข้าไปในบ้าน เจียงหย่าจู๋ถามด้วยน้ำเสียงกดดัน “เจ้าเด็กดื้อนั้นรังแกหนูหรือเปล่า?”
เธอเห็นข่าวเมื่อวานหมดแล้ว เธอกลัวหวานหว่านจะเสียใจ ดังนั้นจึงขอให้ทั้งสองกลับมาพักในคืนนี้
“แม่ หนูกับเขา……”
เธออยากจะบอกว่าเธอกับป๋อจิงโจวหย่าร้างกัน แต่เจียงหย่าจู๋ ขัดจังหวะเธอ “ถ้าไอ้เด็กนั้นรังแกหนู แค่บอกแม่แล้วแม่จะขอให้พ่อมันเอาเข็มขัดฟาดมันเอง!หนูอย่าไปยอมมันนะ เดี๋ยวแม่จะเอาเมนูอาหารมาให้ มีแต่ของที่เขาไม่ชอบทั้งนั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หนูผลัดกันสั่งให้เขาเป็นเวลาหนึ่งเดือนนะ แม่ก็โทรหาเฉินสวี่แล้วบอกเขาด้วย อย่าทำอาหารให้ป๋อจิงโจว ไม่งั้นเขาจะถูกไล่ออก!”
เธอไม่ได้พูดถึงเจียนเหวยหนิงแม้แต่คำเดียว เพียงเพราะเธอกลัวว่าเฉินหว่านฉือจะเศร้าเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ป้าหวังเดินไปหาทั้งสองคนพร้อมผ้าคลุมไหล่ “คุณท่านคะ เมื่อกี้คุณไม่สบาย ทำไมไม่สวมผ้าคลุมไหล่ตอนออกไปข้างนอกล่ะ คุณผู้หญิงคะ คุณต้องทักท้วงคุณท่านนะคะ ท่านไม่ใส่ใจสุขภาพเลย”
ก็เป็นแบบนี้เฉินหว่านฉือ ไม่มีโอกาสพูดเกี่ยวกับเรื่องการหย่า
“แม่คะ ไม่สบายตรงไหนคะ?ตามหมอหรือยังคะ?”
เจียงหย่าจู๋ปัดป้อง “เห้อ ก็แค่โรคเก่า พักฟื้นก็หายแล้วลูก ไม่ต้องให้หมอมาที่ชานเมืองกันดารกลางดึกแบบนี้หรอกลูก”
ตอนนี้มันค่อนข้างดึกแล้ว เจียงหย่าจู๋ดื่มรังนกกับเฉินหว่านฉือ และก็เอากระพรวนน้อยที่เตรียมไว้ วางไว้บนมือของเธอแล้วขึ้นไปนอนชั้นบน
ก่อนไป เธอมองค้อนป๋อจิงโจว“ไอ้ลูกไม่รักดี,ถ้าไม่ไปง้อหว่านฉือคืนนี้ แม่จะตีแกให้ตาย!”
ป๋อจิงโจว “…….”
ตั้งแต่กลับมาก็ไม่ได้พูดอะไรเลย โดนเล็งได้ยังไง?
ห้องของป๋อจิงโจวและเฉินหว่านฉืออยู่บนชั้นสอง เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะกลับมา ป้าหวังจึงเปลี่ยนเครื่องนอนก่อนแล้ว
เฉินหว่านฉือไปหยิบชุดนอนเพื่อเตรียมจะซัก แต่เมื่อเธอเปิดตู้เสื้อผ้าเธอก็พบว่าชุดนอนผ้าฝ้ายแท้ของเธอหายไป ถูกแทนที่ด้วย……. ชุดนอนผ้าไหมคอวีเซ็กซี่หลายชุด รวมถึงชุดสวมบทบาทสมมติอีกสองชุด
ทุกคนในคฤหาสน์รู้ว่าเจียงหย่าจู๋ อยากอุ้มหลานชาย พวกเขาเตรียมห้องของเบบี๋ตั้งแต่เพิ่งจะแต่งงานกัน พวกเขาซื้อของเล่นและเสื้อผ้ากองโตสำหรับลูกชายลูกสาวมีแล้วทั้งหมด
ตอนนี้เสื้อผ้าพวกนี้ก็เตรียมไว้ให้สำหรับทั้งสองคนมีลูกด้วยกัน……
เฉินหว่านฉืออดไม่ได้ที่จะเห็นใจเธอ หากเธอรู้ว่าทั้งสองคนแต่งงานกันแบบไร้เรื่องเพศมาสามปีแล้ว เธอคงจะโกรธมากจนจับป๋อจิงโจวโยนเป็นของไร้ค่าออกนอกบ้านไปมั้ยนะ?
เธอหันกลับไปมองป๋อจิงโจวและเห็นว่าเขาก็กำลังดูเสื้อผ้าในตู้ด้วย ดวงตาของเขาเย็นชาเช่นเคย
เขาเหลือบมองเธอแล้วพูดว่า "ของพวกนี้ไม่เหมาะกับคุณ"
เฉินหว่านฉือ “…….”
เธอเลือกอันที่ปกปิดเนื้อได้มากที่สุด และเมื่อเธอกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบมัน ป๋อจิงโจวก็โยนเสื้อเชิ้ตของเขาตัวหนึ่งให้เธอ "ใส่นี่ซะ"
เฉินหว่านฉือรับมันไว้ ชายรูปร่างสูงใหญ่ เสื้อของเขาสามารถคลุมถึงเข่าของเธอได้ มันดีกว่าชุดราตรีแปลก ๆ พวกนี้จริงๆ เธอไม่แสดงท่าทีใด ๆ และเดินตรงไปที่ห้องน้ำพร้อมเสื้อเชิ้ต
ตามกฎหมายแล้ว ครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดในชื่อของป๋อจิงโจว เป็นของเธอ โดยสรุปแล้วเสื้อตัวนี้เป็นของเธอ
หลังจากสระผมและเป่าผมให้แห้งแล้ว เมื่อเฉินหว่านฉือออกมา ป๋อจิงโจวก็ยืนอยู่บนระเบียงสูบบุหรี่ ควันบาง ๆ ปกคลุมใบหน้าของเขาทำให้ใบหน้าอันเฉียบคมของชายคนนั้นอ่อนลง
ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่เมื่อดวงตาของป๋อจิงโจวจ้องมองเรือนร่างของเธอ จู่ ๆ ก็ดูจะล้ำลึกขึ้นเล็กน้อย แต่ชั่วพริบตาก็มองผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ชายผู้นี้สูบบุหรี่แล้วเดินเข้ามา เขาเดินผ่านเธอและเข้าไปในห้องน้ำ
เฉินหว่านฉือชินมานานแล้ว เธอเศร้ามากจนรู้สึกชินชากลายเป็นไม่รู้สึกอะไรไปแล้ว
สักพักก็มีคนมาเคาะประตู และป้าหวังก็ยกชามซุปขึ้นมา “ คุณผู้หญิงคะ คุณท่านปรุงสิ่งนี้ให้คุณชายเอง ให้เขาดื่มด้วยนะคะ อย่าทำให้เสียน้ำใจคุณท่าน เพื่อจะทำซุปถ้วยนี้คุณท่านมือโดนลวกด้วยค่ะ… เธอปากแข็งแต่ใจอ่อนโยน เมื่อกี้ข้างล่างไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็ยังห่วงอาทรคุณชาย กลัวว่าข้างนอกจะกินไม่ดี เลยให้ยกมาเสิร์ฟ”
“ได้ค่ะ”
เฉินหว่านฉือเข้าใจดี ถึงอย่างไรเสียแล้วเขาเป็นลูกชายทางสายเลือด จะไม่สนใจก็ไม่ได้
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำ และเมื่อเขาออกมาเขาก็เห็นซุปอยู่บนโต๊ะกาแฟ
เฉินหว่านฉือ “แม่ปรุงเอง ลูกรีบมาดื่มซะ”
ป๋อจิงโจวเหลือบมองแต่ไม่ได้พูดอะไรและไม่มีความคิดที่จะดื่มด้วย
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้เฉินหว่านฉือก็นึกถึงคำพูดของป้าหวัง และยังมี... เหตุการณ์ที่น่าเศร้าที่เขาไม่ได้กินอาหารที่เธอเตรียมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเธอก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง “ป๋อจิงโจว แม่ถึงกับมือโดนลวกเพื่อทำอาหารให้นาย นายอย่าทำให้ท่านผิดหวังได้มั้ย?”
ทำให้ผิดหวัง ป๋อจิงโจวได้ยินคำพูดไม่กี่คำนี้ กลับฟังดูแล้วมีนัยบางอย่าง
เขามองไปที่เธอ จู่ ๆ เขาก็ยกริมฝีปากขึ้นแล้ว ถามด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่มจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “คุณอยากให้ผมดื่มมันจริงๆ เหรอ?”