หนึ่งสัปดาห์ต่อมา.......
ดวงตากลมโตลืมตาตื่นตอนเวลาหกโมงเช้าแบบพอดีเพราะหญิงสาวได้ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งมันก็ตรงกับวันหยุดของเธอ เธอนัดกับพี่ชายว่าจะพากันออกไปหาบ้านเช่าซึ่งพี่ชายก็ไม่ได้มีท่าทีสงสัยในความเร่งรีบหาบ้านของเธอเลย
“แต่งตัวได้หล่อมาก ๆ ครับ” นิ้วโป้งเรียวของหญิงสาวยกขึ้นชูให้หลานชายที่ถูกจับอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เธอยังไม่ลืมตาตื่น เนื้อตัวที่ขาวอยู่แล้วก็ถูกพอกด้วยแป้งเด็กจนเหมือนจะชุบแป้งทอด
“อย่ามัวแต่เล่นกับหลาน รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ไหนบอกจะพาไปหาบ้านเช่า” ปกรณ์เอ่ยบ่นพร้อมบอกน้องสาวเมื่อเจ้าตัวนั้นนัดเขากับลูกชายตั้งแต่เช้า แต่ตัวเองนั้นตั้งปลุกหกโมง
“รู้แล้วค่า” เธอเอ่ยเสียงยานก่อนจะรีบลุกจากฟูกไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและแต่งตัวตามที่พี่ชายสั่ง ภายใต้ฝักบัวของหญิงสาวในห้องน้ำ เพลงขวัญไม่รู้เลยว่าเธอนั้นจะไปหาบ้านเช่าได้ที่ไหนและหาที่ราคามันไม่แพงจนเกินไปได้ยังไง
แม้จะยิ้มและดูมีความสุขอยู่ตลอด เรื่องในหัวที่เธอคิดอยู่มันไม่ได้สนุกไปกับเธอเลยสักนิดเดียว ถึงจะไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนเธอก็ต้องลองออกไปหาก่อนเพราะจะช้าหรือเร็วเธอก็ต้องย้ายออกเพราะเจ้าตัวน้อยเริ่มร้องตอนกลางคืนอีกแล้วหลังจากหายไข้
การอาบน้ำแต่งตัวของเพลงขวัญกินเวลาไปได้ไม่นานมาก หญิงสาวก็เดินออกมาพร้อมเตรียมตัวออกจากห้องไปตามหาบ้านเช่า วันนี้เธอคิดว่าจะพาพี่ชายและหลานอย่างปกป้องออกไปทานข้าวเช้านอกบ้านเพราะตั้งแต่ปกรณ์มาอยู่ด้วยพี่ชายเธอกับหลานก็ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลย
“รับอะไรดีคะ” เสียงของเด็กเสิร์ฟชายอายุอานามประมาณสิบสี่สิบห้าคงมาช่วยแม่ขายของแหละทรงนี้ เธอคิดมุมปากก็ยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะมองแผ่นเมนูตรงหน้า
“เอาราดหน้าหมี่กรอบทะเล พี่ล่ะเอาอะไร” เธอเงยหน้าขึ้นไปสั่งอาหารกับน้องเด็กเสิร์ฟและหันไปถามพี่ชายที่กำลังมองเมนูอยู่เหมือนกัน
“เอาข้าวผัดครับ” เมนูง่าย ๆ ที่เธอได้ยินก็แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย ข้าวผัดเป็นเมนูที่ไม่ได้อยู่ในหัวของเธอเลยเมื่อสำหรับเธอมันไม่ค่อยจะอร่อย ๆ มันออกจืด ๆ เธอไม่ชอบ
“ทำไมพี่สั่งข้าวผัดอะ” ด้วยความสงสัยเพลงขวัญจึงหันไปถามพี่ชายของตัวเองก่อนที่ปกรณ์จะหันมายิ้มให้เล็กน้อยพร้อมก้มมองไปที่ตักของตัวเองที่ตอนนี้มีร่างน้อย ๆ ของปกป้องที่นั่งกวาดสายตาพร้อมหันมองไปทั่ว
“ที่สั่งเพราะลูกจะได้กินด้วย” เพลงขวัญพยักหน้าเบา ๆ เธอเพิ่งรู้ว่าการมีลูกเวลาสั่งอาหารต้องคอยสั่งที่ลูกทานได้ด้วยเหรอ นึกว่าสั่งใครสั่งมัน
หญิงสาวที่แสนจะโสดและไร้คนเคียงข้างมาตลอดชีวิตก็อดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ เธอไม่ติดจะมีแฟนหรือสร้างครอบครัวเพราะเธอแค่เอาชีวิตของตัวเองให้รอดไปวัน ๆ ยังยากจะเอาอะไรกับการมีครอบครัว เธอขอบายรับไม่ไหวจริง ๆ
“ได้แล้วครับ” ใช้เวลานั่งคิดอะไรไปเรื่อยได้ไม่นานข้าวที่สั่งไปก็มาวางตรงหน้าสองจาน เพลงขวัญไม่รอช้ารีบปรุงและทานด้วยความรู้สึกหิว นาน ๆ เธอจะได้ออกมาทานอาหารตามร้านบ้างเพราะความประหยัดเลยชอบทำอาหารทานเองที่บ้าน
ระหว่างที่เธอทานไม่สนใจใคร สายตาของเธอจ้องมองพี่ชายที่ตักป้อนลูกคำ ตักทานคำ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่วันถึงจะทานหมด แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะพอปกป้องเริ่มอิ่มพี่ชายของเธอก็ทานเร็วไม่ต่างจากเธอเลย สองพี่น้องจึงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการทานอาหาร
เมื่อทานอาหารรองท้องเรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็ต้องการปฏิบัติงานจริงเพราะเพลงขวัญกับปกรณ์พร้อมเด็กชายปกป้องต้องออกเดินทางหาบ้านเช่าที่มีขีดจำกัดว่าราคาต้องไปแพงเกินไป ชายหญิงเดินออกจากร้านอาหารตามสั่งและตระเวนหาบ้านเช่า
สองพี่น้องเดินสอดส่องตามทางมาเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้เพลงขวัญก็เป็นรับหน้าที่ในการอุ้มปกป้องเพราะพี่ชายเริ่มอ่อนล้าและเหนื่อยเธอจึงขออาสาอุ้มให้ก่อนเพื่อปกรณ์จะได้พักเหนื่อย ในขณะที่สองพี่น้องกำลังเดินหาอยู่นั้นสายตาของเพลงขวัญก็พลันไปเห็นบ้านที่เหมือนรีสอร์ตเล็ก ๆ สร้างเรียงกันอยู่สิบกว่าหลัง
“พี่กร! ตรงนั้นดีไหม” เสียงที่ดังเรียกพี่ชายพร้อมนิ้วชี้ที่ชี้ตรงไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองตามนิ้วของเพลงขวัญจนเห็นบ้านหลังเล็ก ๆ หลายสิบหลังเรียงกันอยู่
“ดูดีนะ น่าจะไม่ได้แพงด้วย” สองพี่น้องเห็นพ้องต้องกันก็ไม่รอช้าเดินตรงเข้าไปในบริเวณเขตของบ้านหลังเล็ก ๆ หญิงสาวต้องการที่จะเดินสะดวก ๆ จึงส่งปกป้องคืนสู่อ้อมอกของพ่อตนเอง
“สวัสดีค่ะ มีบ้านให้เช่าไหมคะ” แผ่นหลังกว้างของชายรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้าของหญิงสาวค่อย ๆ หันกลับมาก่อนจะนิ่งค้างสักพักจนถูกเอ่ยถามเพื่อเรียกสติอีกครั้ง
“พอมีไหมคะ” อาทิตย์ หนุ่มนักธุรกิจเจ้าของบ้านเช่าสไตล์รีสอร์ตหลุดจากภวังค์เมื่อเขานั้นได้หันมาพบกับหญิงสาวที่มีอะไรบางอย่างสะกดเขาเมื่อกี้
ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ของคนตรงหน้าทำเอาอาทิตย์ถึงกับไปไม่เป็นจนเกิดสงสัยในตัวเอง หญิงสาวรูปร่างเพรียวแต่กลับมีสัดส่วนที่เด่นชัด ใบหน้าสวยหวานบวกกับจุดเด่นคือดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ ผมสีดำที่ยาวมาถึงกลางหลังเมื่อถูกปล่อยออกให้เห็น
“ตกลงมีไหมคะ” เพลงขวัญเอ่ยถามซ้ำเป็นรอบที่สามเพราะเธอก็เห็นว่าคนตรงหน้าจ้องมองเธออยู่แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังในสิ่งที่เธอพูดเลย มัวแต่มองเธอนิ่งไม่พูดอะไร
“มะ มีครับ” อาทิตย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนจะยิ้มกว้างให้หญิงสาวที่จ้องมองเขาอยู่ รอยยิ้มหวานด้วยความดีใจที่ปิดไม่มิดถูกส่งมาให้โดยไม่ทันตั้งตัวจนทำเอาร่างหนาชะงักกลางอากาศ
“จริงเหรอคะ แล้วราคาเช่าเท่าไรต่อหลังคะ” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจก่อนจะเอ่ยถามราคาค่าเช่า ซึ่งอาทิตย์ที่รู้สึกแปลก ๆ หัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะเมื่อเจอกับหญิงสาวคนนี้จึงเลือกที่จะไม่ได้บอกราคาที่แท้จริงเพราะต้องการให้อีกคนมาอยู่ที่นี่
“สามพันบาทครับ” คิ้วบางของเพลงขวัญขมวดเข้าหากันเพราะค่าเช่าที่ชายตรงหน้าพูดออกมานั้นมันดูจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เธอเช่าหอพักอยู่ก็ตกสี่พันห้าต่อเดือนไม่รวมน้ำไฟแล้ว บ้านเช่าเป็นหลังจะแค่สามพันบาทเองเหรอ
“ทำไมถูกจังเลยครับ” เป็นพี่ชายของเธอที่ถามคำถามนี้แทนเพราะมันน่าสงสัยว่าอะไรมันจะถูกขนาดนั้น มีกุ๊กกู๋เหรอเธอเองก็ฟัง ๆ เรื่องพวกนี้มาเยอะอยู่พอควร
“มันเป็นโพรโมชันครับ สำหรับลูกค้ากลุ่มแรก” อาทิตย์โกหกหน้าตาย โพรโมชันอะไรแบบนั้นไม่มีหรอกแต่เขาแค่รู้สึกว่าอยากจะให้อีกคนมาอยู่ที่นี่ก็เท่านั้นเอง
“เอาไงดีพี่ มันถูกมากเลยแต่ฉันก็อยากได้” เพลงขวัญไม่อยากจะตัดสินใจเองเธอจึงหันไปถามพี่ชายที่ก็คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อปกรณ์เองก็ยังไม่เชื่อในราคาที่ได้ยิน
“ผมไม่ได้โกหกนะครับ ตกลงสนใจไหม” อาทิตย์เอ่ยบอกซ้ำอีกครั้งให้สองคนตรงหน้าไขว้เขวและก็ได้ผล เพราะปกรณ์กับเพลงขวัญก็อยากจะได้เนื้อที่บ้านที่มันกว้างขึ้นและมีพื้นที่ให้ปกป้อง
อีกอย่างเวลาปกป้องร้องไห้กลางดึกมันก็จะได้ไม่ไปดังรบกวนคนอื่น
ใช้เวลาตัดสินใจไม่มากเพลงขวัญก็ทำสัญญาเช่ากับอาทิตย์และเธอก็บอกกับชายร่างใหญ่ว่าจะเข้ามาอยู่วันนี้เลยแต่ขอเรียกรถขนของมาก่อน อาทิตย์ได้ยินแบบนั้นก็ขออาสาเอารถของคนงานไปขนของให้กับเพลงขวัญจนสามารถขนย้ายของออกจากหอพักมาได้อย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ” มือบางพนมขึ้นไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร
“ครับ เดี๋ยวผมไปช่วยจัดของเข้าบ้านนะครับ” เพลงขวัญยากที่จะปฏิเสธเพราะคนตรงหน้าช่วยเธอไว้เยอะมาก ๆ จึงไม่ได้ห้ามเข้าบ้าน ชายร่างใหญ่ไม่ได้เข้ามาป่วนเพราะเขาช่วยจัดบ้านจริง ๆ พี่ชายเธอเองก็เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง พอยกนั่นจับนี่ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เหนื่อยแล้ว
ได้คนคนนี้นี่แหละที่เข้ามาช่วยจัดของภายในบ้านจนเสร็จทุกอย่างโดยใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ไม่ถึงสองชั่วโมง อาจจะเป็นเพราะของของเธอมันน้อยด้วยแหละเลยใช้เวลาไม่นาน
“จริงสิครับ คุณชื่ออะไรเหรอครับผมยังไม่รู้เลย” เพลงขวัญได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบแนะนำตัว เพราะช่วยอะไรมาเยอะมาแต่กลับยังไม่รู้ชื่อกันเลย
“ชื่อเพลงขวัญค่ะ แล้วคุณล่ะคะ” เมื่อบอกชื่อตัวเองแล้วก็ไม่ลืมที่จะถามชื่ออีกฝ่าย
“ผมอาทิตย์ครับ” สองคนแนะนำตัวกันเสร็จ อาทิตย์ก็ถือวิสาสะเดินดูบ้านเพลงขวัญก่อนสายตาของเขาจะมองเห็นเด็กน้อยที่นั่งอยู่กับพื้นเล่นตุ๊กตาซูเปอร์ฮีโร่
ลูกเหรอ.....
“คุณอาทิตย์ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ตอนนี้ก็เสร็จแล้วค่ะคุณอาทิตย์มีอะไรอีกไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาบอกกล่าวพร้อมขอบคุณ อาทิตย์ยิ้มให้เพลงขวัญและหันกลับมามองเด็กน้อย
“หลานฉันน่ะค่ะ ชื่อปกป้อง” อาทิตย์ที่ได้ยิ้มแบบนั้น
ก็แอบอมยิ้มก่อนจะหันหน้ากลับไปด้วยสีหน้านิ่ง ๆ พร้อมพยักหน้าเข้าใจ“พี่ชายฉันโดนภรรยาทิ้งและก็ทิ้งลูกด้วย”
“เลยมาอยู่ด้วยกันกับฉันน่ะค่ะ” เพลงขวัญที่ไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้อยู่แล้วเธอจึงเอ่ยบอกเพราะเกรงว่าอีกคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของเขา
“ตอนแรกอาศัยอยู่คนเดียวเงินเดือนก็ไม่พอกินแล้วว่าจะหางานใหม่ทำสักหน่อยน่ะค่ะ” เพลงขวัญพูดจบก็เดินหันหลังกลับเพราะเธอจะเดินไปเอาน้ำให้พี่ชายดื่มแต่ฝีเท้าก็ต้องชะงักเพราะเสียงที่ดังเข้ามาในหูทำให้เธอหันกลับไปมองอาทิตย์
“ห้างฯ หน้าทางเข้าเขาเปิดรับสมัครตำแหน่งผู้จัดการลองไปสมัครดูก็ได้นะครับ ฐานเงินเดือนถือว่าสูงอยู่ครับ”
ใบหน้าเคร่งเครียดของร่างสมส่วนที่กำลังนอนไม่หลับทามกลางความมืดของห้อง เตชินทร์เขากำลังเป็นกังวลว่าถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเป็นอะไรขึ้นมาเพลงขวัญและลูกจะลำบากไหม เพราะวันนี้มันมีอุบัติเหตุเล็กน้อยจากการที่มีรถมาชนรถที่เขานั่งขณะเดินทางกลับบ้าน ทำให้เตชินทร์เริ่มต้องคิดแล้วว่าเขานั้นควรที่จะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วเรื่องทรัพย์สินมรดกทั้งหลาย ถ้าเป็นอะไรไปก็จะได้ไม่ลำบากต่อเพลงขวัญและลูกสองคน.... มือหนาคว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมาไลน์หาทนายเพื่อให้เตรียมเอกสารเข้ามาคุยกับเขาที่บ้านในวันพรุ่งนี้ เมื่อคิดออกแล้วก็อยากจะจัดการให้เร็วที่สุดเกรงว่าเมื่อไปทำงานอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ หลังจากไลน์หาและจัดการทุกอย่างเสร็จ ร่างสมส่วนตะแคงไปอีกฝั่ง ใบหน้าของหญิงสาวที่เขารักมาก ๆ กับลูกชายตัวน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ส่วนแผ่นหลังที่แนบอกเขาอยู่ก็คือลูกที่เขารักมาก ๆ คนหนึ่ง ต่อให้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถขาดได้จริง ๆ ครอบครัวของเราจะขาดใครไปไม่ได้ “ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอและลูกลำบา
แผ่นหลังบางของร่างเพรียวกำลังยืนผัดอาหารอยู่ในห้องครัว แขนแกร่งของคนเป็นสามีเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังจนเพลงขวัญต้องหันกลับไปมองด้วยความมึนงงว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอะไร ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ลุกมาแต่เช้าแบบนี้ “นอนเต็มอิ่มแล้วเหรอคะ” เพลงขวัญอมยิ้มพร้อมกับหันไปเอ่ยถามคนเป็นสามีด้านหลัง ใบหน้าคมดุที่ซุกอยู่บริเวณลำคอขาวของเธอ เพลงขวัญก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ “ถ้าคุณตื่นแล้วก็ไปปลุกปกป้องให้หน่อยนะคะ พาลูกอาบน้ำแต่งตัวได้ยิ่งดี” เตชินทร์เงยหน้าก่อนเอาคางเกยไหล่ของภรรยาพร้อมก้มจมูกเข้าสูดดมความหอมจากภรรยาตัวเอง “รับทราบครับ” ว่าจบร่างสมส่วนก็เดินขึ้นไปบนห้อง เพลงขวัญได้แต่ผัดข้าวต่อและส่ายหน้าเมื่อปวดหัวกับคนเป็นสามี ทางด้านของเตชินทร์ก็อยู่ในโอวาทของเพลงขวัญทุกอย่าง ไม่ว่าภรรยาจะสั่งงานอะไรสามีคนนี้ไม่เคยเอ่ยปากปฏิเสธ อะไรทำให้เขากลายเป็นคนกลัวเมียขนาดนี้เนี่ย มือหนาเปิดประตูห้องนอน สายตาคมมองลูกชายทั้งสองด้วยความเอ็นดูกับใบหน้าที่พอหลับแล้วน่ารักขึ้นมาเป็นร้อยเท่า แต่ตอนนี้ตื่นนี่ก็อีกเรื่องโดยเฉพาะไอ้เจ้
สามเดือนผ่านไป... นับตั้งแต่วันที่คลอดลูกชายคนเล็กออกมาเพลงขวัญก็ได้ค้นพบว่าเตชินทร์นั้น เป็นคนเห่อลูกมาก ๆ เลย ดวงตาสีน้ำตาลมองดูเหล่าข้าวของเครื่องใช้เด็กอ่อนที่เต็มไปหมดจนไม่มีทางจะเดิน “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของคุณแม่มือใหม่ที่จะมาเอาของเล่นไปให้ลูกชายคนโตก็ต้องเท้าเอว เพราะเส้นทางกว่าจะไปถึงกล่องของเล่นก็ต้องผ่านเหล่าของใช้ที่คุณพ่อมือใหม่หอบมาจากห้างฯ ของตัวเอง เธอคิดว่าแค่นี้ยังไม่สะใจคุณชายเขาเลยนะนั่น เพราะถ้าจะให้ชอบใจเขาจริง ๆ คงแบกมาทั้งชั้นขายของเด็กอ่อนอะดูท่าทางแล้ว “แม่ครับ หยิบได้ไหม” เด็กชายปกป้องยืนมองผู้เป็นแม่ด้วยแววตาเป็นกังวลเพราะตนอยากได้ของเล่นในห้องนี้ พ่อไม่อยู่ก็เลยต้องขอให้แม่เอาให้ “เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะปกป้องแม่ขอเวลาคิดก่อนว่าจะเดินไปยังไง” เพลงขวัญใช้ท่าการเดินแบบบัลเล่ห์ ไม่ใช่เคยเรียกหรอกนะแต่ใช้เท้าเขย่งเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงกล่องของเล่นลูกชาย “อึบ อะแม่เอามาให้แล้วครับ จุ๊บ” ทุกครั้งเวลาพูดคุยอะไรกับปกป้องเธอจะจบท้ายด้วยการจุ๊บหน้าผากลูกเสมอเพื่อให้เขารับรู้ว่าเธ
ภายในคฤหาสน์เครือห้างสรรพสินค้าใหญ่ระดับประเทศ ตอนนี้ชุลมุนวุ่นวายไปหมดเพราะลูกสะใภ้คนเดียวของบ้านกำลังจะคลอดหลานคนแรกของบ้าน ใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มือบางกำชายเสื้อของคนเป็นสามีแน่น เธอเจ็บท้องมาก ๆ เลยตอนนี้ ท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนสีจากแสงสว่างที่ได้รับมาจากดวงอาทิตย์กลับหลายเป็นฟ้าน้ำเงินเข้มเมื่อหมดแสงอาทิตย์ ดีที่เพลงขวัญรู้สึกปวดท้องคลอดช่วงเย็นของวันไม่ได้ปวดกลางดึก “คุณโอเคไหมที่รัก” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาด้วยความกังวลแบบสุด ๆ เพราะเตชินทร์เป็นห่วงทั้งเพลงขวัญและลูกน้อยในท้อง สีหน้าไม่ดีของคนรักทำให้เขารู้สึกเหมือนเจ็บเจียนตาย การหายใจเข้าออกแรงและถี่ของเธอทำเอาเตชินทร์อยู่ไม่เป็นสุข ได้แต่ภาวนาขอให้การคลอดครั้งนี้ผ่านไปด้วยดีเถอะ “อดทนหน่อยนะคะ รักคุณนะ” ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่พยาบาลจะเข็นเพลงขวัญเข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมกับกลุ่มคุณหมออีกสามสี่คน เตชินทร์หันกลับมาอุ้มปกป้องจากแม่ของเขา ใบหน้าคมดุเปื้อนคราบน้ำตาเล็กน้อยเพราะมันอดไม่ได้ที่จะร้อง เขากำลังหวาดกลัวเมื่อไม่
สามเดือนผ่านไป ภายในห้องน้ำที่ตอนนี้มีร่างสมส่วนของเตชินทร์กำลังโก่งคออ้วกแบบเอาเป็นเอาตาย ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้มีอาการแบบนี้ และมันก็เป็นต่อเนื่องกันมาหลายวันแล้ว “คุณโอเคไหมคะ” มือบางที่ลูบแผ่นหลังสามีอย่างเป็นห่วง เพลงขวัญก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอาการที่เตชินทร์เป็นมันคืออะไร ชายหนุ่มมักจะตื่นมาอ้วกแบบนี้ทุกเช้าเลย แถมเวลาจะทานอะไรก็จะรู้สึกอาเจียนอยู่ตลอดเวลา ทานได้แค่ของเปรี้ยวและพวกผลไม้ดอง ข้าวปลาอาหารแทบจะแตะไม่ได้จนอดที่จะเป็นห่วงคนรักไม่ได้จริง ๆ “คะ คุณ อึก แหวะ ไปนอนต่อเถอะ” พูดไปก็จะอ้วกไป มือหนาพยายามดันให้ภรรยาที่แบกท้องโตมาลูบหลังให้กลับเข้าไปนอนต่อเพราะตอนนี้ยังเช้ามืดอยู่เลย คนท้องควรที่จะนอนพักผ่อนให้เพียงพอและเขาก็อยากจะให้เพลงขวัญเป็นแบบนั้น อาการแค่นี้เล็กน้อยมากสำหรับเขา ดวงตาสีน้ำตาอัลมอนด์มองคนที่พยายามผลักเธอให้เข้านอน ทำตัวเหมือนจะไม่เป็นอะไรทั้ง ๆ ที่ตอนนี้จะนอนกอดชักโครกอยู่แล้ว เธอควรจะพาสามีไปหาหมอนะ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ
ใบหน้าหงิกงอของเพลงขวัญเพราะเธอนั้นกำลังอ่อนเพลียและเวียนหัวจากอาการแพ้ท้อง หญิงสาวที่ยังดันทุรังทำงานเพราะแค่เธอเห็นคนในห้างฯ วุ่นวายกันไปหมด โดยไม่รู้เลยว่าที่คนอื่นเขาวุ่นจนหัวหมุนกันนั้นเป็นเพราะเธอคนเดียวเลย“ว่าไงครับที่รัก” เสียงที่ดังเข้ามาในหูของเธอทำให้ใบหน้าสวยหวานแต่คิ้วขมวดเข้ากันเงยขึ้นมองชายหนุ่มที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานห้างฯ“บอกให้กลับบ้านไปพักก็ไม่เชื่อ… ทำไมดื้อแบบนี้ครับ” เตชินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะมานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับเอาใบหน้ามาสัมผัสบริเวณหน้าท้องของเพลงขวัญ“อย่าแกล้งแม่นักสิครับ เห็นไหมแม่เหนื่อยมากแล้วนะ” เพลงขวัญทำสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะหันซ้ายขวามองดูว่ามีใครมาเห็นไหม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเตชินทร์ชอบทำแบบนี้ให้คนอื่นเห็นกันนะ“คุณลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อายคนอื่นเขา” ใบหน้าคมดุเงยขึ้นมองหญิงสาวที่พยายามจะจับไหล่กว้างของเขาให้ลุกขึ้นยืนดี ๆ“คุณจะอายทำไมครับ เราสองคนมีลูกด้วยกันแล้วนะ” เพลงขวัญเองก็รู้เรื่องนั้น แต่ที่ต้องอายเพราะคนในบริษัทยังไม่รู้น่ะสิว่าเธอตั้งท้องทุกคนรู้แค่ว่าเธอกับเตชินทร์คบหากัน แต่เรื่องนี้เธอเองก็ยังไม่กล้าบอกใค