LOGINเมญ่า Talks
ฉัน...เมญ่าผู้เลอโฉม การันตีด้วยตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัย สมัยที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย บอกเลยว่ามีคนจีบเป็นร้อย แต่ด้วยความที่ตั้งใจเรียนและการเรียนที่เคร่งเครียดตลอดหลายปีของเภสัชกรไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากจบมาสองปีฉันก็ต้องทำงานอย่างหนักในบริษัทผลิตยารายใหญ่ของประเทศ ซึ่งก็เป็นบริษัทของคุณพ่อฉันเอง จนล่วงเลยมาตอนนี้ฉันอายุจะเข้ายี่สิบห้าปีในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า แต่ความซวยมันไม่เข้าใครออกใคร
เมื่อฉันดวงซวยไม่หยุดหย่อน เมญ่า..แกต้องทำตามที่หมอดูบอกจริงเหรอ
“เมญ่า ระวัง”
โครม
กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร...เสียงมอเตอร์ไซค์ที่เสียหลักก็พุ่งมาทางฉันที่กำลังตกตะลึงจนขยับตัวไม่ได้ ฉันคิดว่าครั้งนี้ฉันคงไม่รอดหรือไม่ก็เจ็บหนักแน่ ๆ แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนดึงฉันไปกอดและหลุดพ้นจากการโดนชนแบบเฉียดฉิว
“เมญ่า เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“หมอปั้น”
ใช่ค่ะ ผู้ชายหล่อเหลาหน้าตาดีเหมือนลูกครึ่งคนนี้คือหมอปั้น หรือนายแพทย์ปุณกรณ์ รัตนโภคิณ เพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่เรียนมัธยม นอกจากหน้าตาหล่อเหลาขั้นเทพอย่างพระเอกเกาหลีแล้ว ยังเป็นคุณหมอ และยังเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลยักษ์ใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทของครอบครัวฉันด้วย
“ญ่าไม่เป็นไร ปั้นล่ะ”
“ปั้นไม่เป็นไร ทำไมเดินเหม่อ ไม่ระวังรถเลย ถ้าปั้นไม่อยู่ตรงนี้ญ่าได้ไปเฝ้าเทวดาบนสวรรค์แน่”
“ญ่ามีเรื่องเครียด ๆ น่ะ คือช่วงนี้ญ่าดวงไม่ดี เอ่อ อาจถึงฆาตด้วยนะปั้น”
“บ้า!..ไร้สาระ! เมญ่า เธอเรียนเภสัชมาจริงไหม ทำไมถึงเชื่อเรื่องงมงายแบบนี้” ฉันว่าแล้วว่าปั้นต้องไม่เชื่อ แล้วแบบนี้ปั้นจะยอมช่วยฉันไหม
“ปั้นไม่เชื่อเหรอ งั้นญ่าจะเล่าให้ฟัง”
ฉันใช้เวลากว่าสามสิบนาทีเล่าให้หมอปั้นฟัง ตอนแรกหมอปั้นก็ฟังไปหัวเราะไป พอตอนหลัง ๆ เริ่มหัวเราะไม่ออกแล้วนั่งหน้านิ่ง โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่ฉันพูด
“ยังไงญ่าก็ต้องมีผัวก่อนยี่สิบห้าอย่างที่หมอดูทำนาย แต่มันเหลือเวลาอีกแค่เจ็ดวันเอง ปั้นมีคนแนะนำให้ญ่าไหม”
“ไม่มี ไร้สาระ” ปั้นยังคงทำหน้าเหมือนไม่พอใจ ฉันเอื้อมมือไปจับมือปั้น สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป
“เอ่อ ปั้นช่วยเมญ่าหน่อยได้ไหม อีกแค่อาทิตย์เดียวเอง ญ่าไม่รู้เลยว่าจะไปหาใครที่ไหนแล้ว”
หมอปั้น...อย่ามองหน้าเมญ่าแบบนี้สิ เมญ่ากลัว...ถึงหมอปั้นจะหล่อดูดี แต่เวลาโมโหก็สุดจะน่ากลัว ฉันเคยเห็นหมอปั้นต่อยไอ้รุ่นพี่ที่มาลวนลามฉันในผับเมื่อตอนอยู่ปีหนึ่งได้ดีทีเดียว ถึงเรื่องมันจะนานแล้วก็เถอะ แต่ภาพนั้นก็ยังติดตาฉันไม่หาย
“อย่างน้อยนอนกับเพื่อน ก็ยังดีกว่าไปนอนกับใครที่ไม่รู้จักใช่ไหมปั้น” ฉันยังคงหว่านล้อมหมอปั้นต่อไป แต่หมอปั้นก็ยังนั่งนิ่ง ๆ ไม่ตอบอะไร
“เอ่อ ถ้าปั้นลำบากใจ ก็ไม่เป็นไร ญ่าตายไปปั้นก็คงไม่เสียใจ” เสียงตัดพ้อน้อยใจของฉันคงทำให้เขาใจอ่อนบ้าง
“เมญ่า ธุระเธอหมดแล้วใช่ไหม ฉันต้องไปดูคนไข้ต่อ” หมอปั้นไม่ใจอ่อนเลย ฉันหน้าชาด้วยความอาย
“เอ่อ หมดแล้วค่ะ”
ฉันเดินออกมาจากร้านกาแฟด้วยอารมณ์บอกไม่ถูก ฉันถูกปั้นปฏิเสธใช่ไหม ฉันเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายมาเสนอตัวขอให้เขาเป็นผัว แต่เขาก็ไม่สนใจ...บ้าที่สุด
ฉันเดินออกมาจากร้านกาแฟด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว หมอปั้นคงไม่อยากช่วยฉัน ใช่สิใครจะอยากผูกมัดกับคนที่ไม่ได้รักกันล่ะ ฉันก้าวขาขึ้นมานั่งบนรถ ปิดประตู สตาร์ตเครื่องยนต์ เปิดเพลงดัง ๆ ร้องไห้ให้ลืมโลก ไม่เป็นไรอีกตั้งเจ็ดวัน ฉันต้องหาได้สิ ผู้ชายสักคนที่จะมาเป็นผัว แต่การนอนกับใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามันง่ายฉันคงมีไปตั้งนานแล้ว ไอ้ผัวที่ว่าเนี่ย
เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ดังขึ้น พอหยิบมาดูรู้ว่าเป็นแม่ของฉันเอง ฉันก็ยิ่งร้องไห้หนักว่าเดิม
“แม่จ๋า ฮือ ฮือ”
“เมญ่า แม่ดีใจด้วยเรื่องหนูกับหมอปั้น”
“ดีใจอะไรแม่”
“ก็หมอปั้นโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ”
“ปั้นว่างั้นเหรอแม่ ฮือ ฮือ” ฉันดีใจมาก อยากได้ผัวจนตัวสั่นเป็นอย่างนี้นี่เอง
ฉันตั้งสติสักพักก่อนกลับเข้าไปหาหมอปั้น แต่พยาบาลบอกว่าหมอปั้นเข้าผ่าตัดช่วยอาจารย์หมอ เป็นเคสใหญ่ด้วย ฉันเลยขอนั่งรอในห้องพักของเขา ซึ่งพยาบาลที่นี่รู้จักฉันเป็นอย่างดี
“เมญ่า เมญ่า”
“ปั้น” นั่งรอเขาจนหลับ รู้สึกตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงคนคุ้นเคยเรียก นี่ฉันหลับไปตอนไหน แล้วนี่กี่โมงแล้ว ไม่เย็นแล้วเหรอ
‘ชุดนอนไม่ได้นอนสีแดงเพลิงตัวนี้ฉันตั้งใจซื้อให้แก’ พอลลี่ให้ฉันดูรูปตอนที่นางแบบใส่ นี่มันเรียกชุดนอนตรงไหน ไม่มีตรงไหนใกล้เคียงคำว่าชุดนอนเลย ‘แก นี่มันไม่ใช่ชุดนอนแล้วมั้ง บางจนเห็นหัวนมแบบนี้’ ‘อีนี่ ก็บอกชุดนอนไม่ได้นอนไง ใครเขาใส่ชุดนี้นอนกัน อีกอย่างนะแก ฉีกง่ายมาก แกให้พี่หมอพัฒน์ฉีกเลยนะ’ฉันถึงกับหน้าเหวอกับคำแนะนำของเพื่อน ต้องฉีกด้วยเหรอ ‘ฉีกเลยนะ ผ้าทำมาเพื่อฉีก ไม่บาดผิว’ มีการทำชุดนอนออกมาเพื่อการฉีกด้วยเหรอ หน้าฉันคงแสดงความสงสัยมาก พอลลี่ก็เลยเปิดคลิปวิดีโอการใช้ชุดให้ฉันดู โอ้แม่เจ้า เขามีการฉีกจริง ๆ แค่มองวิดีโอนั่นฉันก็ต้องหนีบขาตัวเอง ‘รินณี ทำไมแกหน้าซีด แกไม่กล้าใช้?’ ‘เปล่า จะบอกว่าขอวิดีโอการใช้ด้วย เอาไว้ให้ผัวดู’ ห้องหอ หลังจากฉันเดินเข้ามาเปลี่ยนชุดนอนไม่ได้นอนที่ใส่ยากอยู่เหมือนกัน เพราะมีชิ้นนอกชิ้นใน แล้วเสื้อชั้นในอะไรเนี่ยรัดรอบเต้า แต่ไม่มีผ้าปิดตรงกลาง ก็อย่างว่า เขาไม่ได้ทำมาปกปิดหน้าอก แต่ทำมาเพื่อให้หน้าอกชูชันมากกว่าเดิมกางเกงในอะไรเป้าก็ไม่มี ดูรู้เลยว่าทำมาเพื่ออะไร อายก็อ
“แฟนแกเหรอ” ใบเฟิร์นถามขึ้นก่อน ส่วนอีกสองสาวก็ฟังอย่างตั้งใจ “เปล่า บ้านเราอยู่ติดกัน สนิทกันตั้งแต่เด็ก” ฉันตอบออกไปตามความจริง เขาก็มองฉันเป็นน้องสาวคนหนึ่ง ส่วนฉันก็มองว่าเขาเป็นพี่ชายเท่านั้น เท่านั้นจริง ๆ อ้ะ ไม่เชื่ออีก “จริงอะ ฉันนึกว่าเขาชอบแก” พอลลี่รีบพูดแทรกขึ้น จะไปชอบอะไร ไม่เคยเห็นเขามีแฟนสักครั้ง หรือมีแต่ฉันไม่รู้ มีครั้งหนึ่งมั้งที่เป็นรักแรกของเขา นานมาแล้ว “หล่อ หล่อมาก คิดถูกแล้วที่แกกลับกับพี่หมอพัฒน์ คนอะไรแค่มองก็ชื่นใจแล้ว” พอลลี่ยังคงชื่นชมพี่พัฒน์ไม่หยุด “เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แกยังบอกขอสักครั้งกับยูอยู่เลย ทำไมเปลี่ยนใจแล้วล่ะ” ใบบัวที่นั่งเงียบมานานคงทนไม่ไหว “อ้าว ก็ยูน่ะของตายไหม เห็นทุกวัน ส่วนนั่นเดือนมหาวิทยาลัยนะมึง ของดีขนาดนั้น แล้วเป็นหมออีกต่างหาก ฉันอยากตรวจภายใน เหมือนมดลูกจะทำงานไม่ปกติ” “มึงไม่มีมดลูก พอลลี่” ใบเฟิร์นทนไม่ไหว จนต้องเปลี่ยนสรรพนามให้สมกับความแรดของเพื่อน “อ้าว กูไม่มีเหรอ เห็นในนิยายว่าผู้ชายก็ท้องได้” พอลลี่ยังคงทำหน้าเหมือนกับว่าเรื่องผู้ชายท้องสามารถเป็นจริงไ
แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ ฟ้าจะเป็นใจให้ผม และให้โอกาสผมอีกครั้งครั้งนี้ผมจะไม่ยอมให้มันล้มเหลวตอนพิเศษ 4 ฉันคือรินลณี หรือรินณีทั้งสองบ้านกำลังดีใจกันยกใหญ่ เพราะพี่พัฒน์ หรือระพีพัฒน์สอบติดแพทยศาสตรบัณฑิตตามที่เขาตั้งใจ ฉันก็ดีใจกับพี่พัฒน์เหมือนกัน คนอะไรทั้งหล่อทั้งเก่ง แต่คงเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าถามความรู้สึกฉัน เขาก็เหมือนพี่ชายนะ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดเจือปน วันนี้ฉันต้องมาเดินซื้อของขวัญให้เขา ของขวัญที่เขาสอบติด แอบดีใจนะที่เขาจะได้เป็นคุณหมอในอนาคต แค่คิดว่าพี่ชายข้างบ้านต้องใส่เสื้อกาวน์ ใจฉันก็เต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ซื้ออะไรให้เขาดีนะ ฉันอยากรู้ว่าแต่ละวันเขาทำอะไรบ้าง เรียนหนักไหม เรียนอะไรบ้าง ซื้อสมุดไดอารี่ให้เขาก็แล้วกัน น่าจะพอได้ ไว้ให้เขาเขียน อีกหน่อยจะได้แอบไปอ่าน แล้วพอเขาเรียนมหาวิทยาลัย เราก็เจอกันแค่วันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น แต่ส่วนมากก็ไม่ได้พูดคุยกันมากมาย เขาเหมือนพวกคุณชายผู้สูงส่ง แต่ฉันยังเป็นเด็กกะโปโลเท่านั้น เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วฉันก็เข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งตามที่ตัวเองอยากเรียน เข้ามาเรียนก็สนุกด
“อร่อยจริง ๆ พี่พัฒน์ลองกินสิคะ” เธอวางจานบนโต๊ะอาหารเหมือนกำลังจะกลับ“เดี๋ยวสิ อยู่กินเป็นเพื่อนพี่ก่อน ถ้าพี่ชักมา น้องจะได้เรียกรถพยาบาล”“เว่อร์ไปค่ะ น้องทำอย่างสุดฝีมือ จะมาช้งมาชักอะไรกัน” เธอยิ้มตาหยี เล่นเอาผมตาลายเลย อยากจะจีบตั้งแต่ตอนนี้...เฮ้อ...รออีกหน่อยนะน้อง“นั่งกินเป็นเพื่อนพี่หน่อย...พี่ไม่อยากกินข้าวคนเดียว”“เออ...เอ่อ...ค่ะ”เราสองคนคุยกันเรื่องทั่วไป และเรื่องที่เธอจะเรียนอะไรในระดับอุดมศึกษา“ทำไมน้องอยากเรียนโยธา” โยธาหรือวิศวะโยธา ผมไม่คิดว่าเธอจะอยากเรียนสายนี้ เพราะส่วนมากมีแต่ผู้ชายเรียน มันเป็นสาขาที่หนักเพราะใช้ทั้งแรงกายแรงใจ ตอนจบก็ต้องทำอาชีพที่หนักอีก“ก็น้องอยากสร้างถนนดี ๆ น้องยังจำวันที่พี่พัฒน์ขี่จักรยานล้มได้เลย”“อย่าบอกนะว่าที่อยากเรียนเพราะเรื่องนั้น เรื่องนั้นมันนานมากแล้วนะ” ผมเกือบจะลืมไปแล้วถ้าเธอไม่พูดขึ้นมา“น้องไม่อยากเห็นพี่พัฒน์บาดเจ็บอีก” คำพูดของเธอทำให้ใจผมเต้นหนักกว่าเดิมอีก เรามองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไร จนผมและเธอต่างหน้าแดงด้วยกันทั้งคู่“น้องรักพี่พัฒน์...” คำพูดนั้นทำให้ผมเกือบสำลักข้าว ถ้าไม่มีประโยคต่อมาที่ทำให้ต้องก้มหน
“พี่พัฒน์ครับ”รุ่นน้องที่ค่อนข้างสนิทกับผมเข้ามาทักตอนที่ผมกำลังรอเด็กทั้งสองซ้อมเดินขบวน ไม่คิดว่ามาร์กจะกล้าเข้ามาคุยกับผม และเรื่องที่น้องเข้ามาคุยคือสนใจยัยเด็กข้างบ้านของผม“น้องยังเด็ก มึงคิดอะไรแบบนั้นวะ” ผมหัวร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น“พี่...น้องเขาอยู่มอสองแล้วนะ” มาร์กยังคงเห็นต่างและแย้งผม สำหรับผมพวกเธอสองคนยังเด็ก“เข้ามหา’ลัยค่อยมีแฟน ถ้ามึงอยากลองดีกับกูก็ลองดู น้องกู มึงอย่ามายุ่ง” นั่นเป็นคำพูดที่ผมพูดออกไป และตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบทั้งสองคน เพราะผมบอกกับรุ่นน้องและเพื่อน ๆ ว่าถ้าใครกล้ามีเรื่องกับผมก็ลองดูแต่ใครจะคิดว่าความสงบของผมจะอยู่ได้แค่สองปีหลังจากนั้น ความวุ่นวายก็กลับมาอีกครั้งเมื่อผมขึ้นปีสองและยัยเด็กนั่นขึ้นมอสี่ตอนพิเศษ 2 เป็นสาวตอนไหน เมื่อผมได้ยินบทสนทนาของทั้งณิกาและรินณีเกี่ยวกับเพื่อนใหม่ที่อยู่ชั้นมอสี่ด้วยกัน “แก ว่าไหม ยูโคตรหล่ออะ” น้องสาวตัวดีของผมพูดขึ้น ส่วนผมก็เหมือนโรคจิตที่แอบฟังเสียงทั้งสองคุยกันอยู่ตรงมุมหนึ่งของบ้าน “เออ...หล่อจริง คนนี้แหละจะเป็นแฟนคนแรกของฉัน” รินณีที่ตอนนี้เป็นสาวเกื
“อ๋อ นี่ไม่ได้ห่วงพี่ ห่วงตัวเองจะลำบาก” “ไม่ใช่นะไม่ใช่ น้องเป็นห่วงพี่พัฒน์นะคะ แค่พูดเล่นเอง” เธอก้มหน้างุด ผมขยี้ผมเธอทีหนึ่ง ก่อนจะคุยกัน อีกไม่นานผมก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา เพียงไม่นานยัยเด็กข้างบ้านก็เข้ามาเรียนระดับมัธยมในโรงเรียนเดียวกันกับผม เธออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง หรือมอหนึ่งนั่นเอง ส่วนผมตอนนี้อยู่มัธยมศึกษาปีที่ห้า แต่ด้วยหน้าตาที่น่ารักของยัยณิกา ทำให้ทั้งสองคนเป็นที่รู้จักและเป็นขวัญใจรุ่นพี่ มันทำให้ผมรู้สึกหวงน้องสาวทั้งสองคนของผมอย่างมาก แต่ผมก็ยังมีบารมีอยู่มาก ด้วยเป็นเด็กกิจกรรมและเป็นรุ่นพี่มอห้า อีกทั้งเป็นรองประธานนักเรียน ทำให้หลายคนไม่กล้าเข้ามายุ่งกับน้องสาวผม แต่ชีวิตสงบสุขของผมเริ่มปวดหัวตั้งแต่ตอนนั้น เพราะต้องรับผิดชอบติวหนังสือให้น้องสาวและเพื่อนน้องสาวด้วย ใจจริงไม่เคยอยากติวหนังสือให้ผู้หญิงเลยถ้าไม่เพราะว่าวันนั้นหลายวันก่อน… ‘พี่พัฒน์ หนูจะไปติวหนังสือบ้านเพื่อนนะคะ’ ยัยณิกาเดินมาบอกผม...ติวหนังสือบ้านเพื่อนเนี่ยนะ ‘บ้านใคร’ ผมถามและมองหน้าน้องสาวตัวเองและน้องสาวข้างบ้าน ‘บ้านใบเตย’ ใบเตยน้องสาว







