“มานอนอะไรตรงนี้”
“มารอปั้น ขอบคุณนะที่ช่วย จริง ๆ ปั้นไม่ต้องแต่งงานกับญ่าก็ได้ แค่อยู่ด้วยกันถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ญ่าก็คงไม่เป็นไรแล้ว แล้วเราค่อยแยกกันก็ได้”
“ฉันบอกแม่ไปแล้ว” ปั้นพูดขึ้นมาเบา ๆ
“ถ้าอย่างนั้นญ่าสัญญาว่าอีกหนึ่งปี ญ่าจะหย่าให้ปั้นนะ”
“อือ” พอได้ยินคำตอบรับเรื่องหย่าของหมอปั้นทำให้ฉันใจแป้วยังไงชอบกล
“งั้นญ่ากลับบ้านก่อนนะ”
“หิวข้าว พาไปกินข้าวหน่อยสิ” เออ จริงสิ เขาคงยังไม่มีเวลากินข้าวเลยสินะ ฉันเองก็หิวแล้วเหมือนกัน
“ได้ เดี๋ยวญ่าเลี้ยงเอง” ฉันกับหมอปั้นแวะร้านอาหารไทยแถวหน้าโรงพยาบาล เพื่อจะรับประทานอาหารเย็นกัน จากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น หมอปั้นมาพร้อมพ่อแม่อย่างนายแพทย์ปกรณ์และคุณหญิงลักขณา พร้อมทั้งเถ้าแก่ที่มาสู่ขอตามประเพณี งานแต่งของเราถูกกำหนดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า
ซึ่งจะจัดอย่างเรียบง่ายภายในครอบครัวของเราเท่านั้นไม่มีการเชิญแขกข้างนอก เพราะว่าเป็นงานที่ค่อนข้างรีบ โดยปั้นให้เหตุผลว่าเดี๋ยวค่อยจัดงานฉลองอีกที ซึ่งพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นด้วย เพราะพ่อกับแม่ฉันก็รู้เรื่องดวงของฉันเป็นอย่างดี ท่านทั้งสองอยากให้ฉันไปอยู่กับหมอปั้นเสียวันนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
สามวันต่อมา เราจัดงานหมั้นตอนเช้า บ่ายแต่ง มีแขกมาร่วมงานไม่ถึงสามสิบคน ส่วนมากก็เป็นญาติสนิททั้งสองฝ่าย งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ฉันกับหมอปั้นแทบจะไม่ได้คุยกันสักเท่าไหร่ เพราะเราต่างก็เกร็ง ๆ และยังตื่นเต้น
“แม่กับพ่อ ขอให้ปั้นและเมญ่ารักกันไปนาน ๆ นะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะ”
“ขอบคุณค่ะ / ขอบคุณครับ” ฉันกับปั้นกล่าวขอบคุณพ่อแม่เรา ในพิธีส่งตัวเข้าหอ เข้าหอใช่ค่ะ ฟังไม่ผิดค่ะเข้าหอจริง ๆ
ตอนนี้เราสองคนอยู่กันสองต่อสอง ตึก ตึก ตึก เสียงหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
“ถอดชุดได้ไหม หรือจะให้ช่วยถอด” เป็นคำถามแรกจากสามีฉัน หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบกันอยู่นาน
“ญ่าถอดได้ค่ะ”
ฉันไม่คิดว่าอาการแบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ถึงเราจะสนิทกันตั้งแต่มัธยม แต่ทุกครั้งที่ใกล้กัน ฉันก็อดเขินปั้นไม่ได้สักที ยิ่งตอนนี้ยิ่งเขิน ยิ่งรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะเป็นผัวฉัน โอ๊ย...ทำยังไงดี
“งั้น ปั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”
“จ้ะ ปั้นอาบก่อนเลย”
หมอปั้นใช้เวลาอาบน้ำประมาณยี่สิบนาที เขาออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มัดปมตรงเอวไว้ เอ่อ...หมอปั้นเอาเวลาไหนไปทำซิกซ์แพ็ก หุ่นน่ากินมาก ปกติเห็นใส่แต่เสื้อกาวน์ ไม่คิดว่าภายใต้เสื้อกาวน์จะดีงามขนาดนี้ ฉันรีบเข้าไปอาบน้ำกลัวว่ายืนอยู่ตรงนี้แล้วจะอดใจไม่ไหวจับหมอปั้นกินก่อนเวลาอันควร
ฉันใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนาน เพราะว่ากว่าจะล้างเครื่องสำอาง สระผม เป่าผมเสร็จก็กินเวลาเป็นชั่วโมง พอออกมาจากห้องน้ำ หมอปั้นก็หลับไปแล้ว คงเพราะเราสองคนตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อเตรียมตัว ทำให้เหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ ฉันเดินไปข้างเตียงค่อย ๆ ก้าวขาขึ้นเตียงเพราะไม่อยากให้คนข้าง ๆ ตกใจตื่น
“เมญ่า ทำไมอาบน้ำนานจัง” อ้าว นึกว่าหลับ
“พอดีญ่ามัวแต่ล้างเครื่องสำอางกับเป่าผม ปั้นนอนเถอะ ญ่าก็ง่วงแล้ว”
“ไม่ได้ต้องเป็นผัวก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวแก้ดวงไม่ได้” นั่นคือคำพูดของหมอปั้น...เอ่อ คุณหมอเชื่อเรื่องนี้ด้วยเหรอ ไหนตอนนั้นบอกว่าไร้สาระไง แต่ปากฉันก็ตอบรับเขาแต่โดยดี ก็ฉันมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะจริงไหม
“อือ”
เมญ่า Talks
ฉันมองหน้าหมอปั้น อยู่ ๆ มือฉันก็เริ่มสั่นด้วยความตื่นเต้น ใจก็เต้นโครมครามไม่ต่างกัน
“กลัวไหม ไม่ต้องกลัวนะ ปั้นจะทำเบา ๆ”
เอ่อ ปั้น ตอนแรกเมญ่าก็ไม่กลัวหรอก แต่พอหมอปั้นพูดก็เริ่มกลัวแล้วล่ะ
“ไม่ค่ะ”
ปั้นโอบเอวบอบบาง พลางซุกหน้าตรงซอกคอของฉัน แรงจากลมหายใจของหมอปั้นกระทบใบหูและข้างแก้ม จนใจฉันเต้นแรงมาก เหมือนมันจะหลุดออกมาเลย แล้วอย่างนี้หมอปั้นจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของฉันไหมเนี่ย
จะมีผัวสักคนทำไมมันดูยากขนาดนี้ ฉันจะไม่ขาดใจก่อนใช่ไหม หมอปั้นดึงตัวฉันให้หันหน้ามาหาตัวเขา แสงไฟสลัว ๆ ในห้องทำให้บรรยากาศยิ่งเป็นใจ ตอนนี้หน้าฉันกับปั้นห่างกันไม่ถึงคืบ ปั้นจับคางฉันเพื่อให้สบตากัน
“ปั้น ขอบคุณนะคะที่ช่วยญ่า”
ฉันขอบคุณเขาจากใจจริงที่เขายอมมาทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้กับฉัน คนอย่างหมอปั้นจะมีผู้หญิงอีกกี่คนก็มีได้ เพราะปั้นเพียบพร้อมทุกอย่าง ฉันยังเคยอิจฉาแฟนในอนาคตของหมอปั้น ว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริง ๆ ไม่คิดว่าชีวิตของเมญ่าจะมานอนกอดหมอปั้นได้อย่างตอนนี้และเรากำลังจะก้าวข้ามคำว่าเพื่อน ไปเป็นผัวเมียกันเลย ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟน
พรรณิภาอึ้งชะงัก เธอได้เงินมาจำนวนไม่น้อยตอนที่ออกจากบ้านหลังนั้นมา แต่ตอนนี้บริษัทของสามีเธอกำลังเดือดร้อน“แกก็แค่คุยกับเขาขอออร์เด้อมานิดหน่อยแค่นั้นเขาก็ให้แกแล้ว ถือว่าช่วยแม่นะขวัญนะ”ผู้เป็นแม่รู้ว่าตอนนี้ใช้ไม้แข็งกับลูกสาวไม่ได้จึงหันมาใช้ไม้อ่อน“หนูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน” ของขวัญตอบกลับผู้เป็นแม่ไป สบตานิ่งกับผู้เป็นแม่อยู่นาน“จะไม่เป็นได้ไงฉันเห็นแกกับเขาไปไหนต่อไหนด้วยกัน..อุ๊บ”พรรณนิภารีบเอามือปิดปากเมื่อรู้ว่าได้พูดความลับออกไป“แม่ให้คนตามขวัญเหรอ” หญิงสาวมองหน้าผู้เป็นแม่ เธอไม่เคยคิดว่าแม่เธอจะทำถึงขนาดนี้ เพียงเพราะว่าอยากให้เธอแค่ช่วยบริษัทสามีของแม่เท่านั้น ผู้เป็นแม่ไม่ได้ตอบคำถามของลูกสาว แต่กลับถามสิ่งที่เธออยากได้“จะช่วยไม่ช่วย”“ขวัญช่วยไม่ได้หรอก ขวัญกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”ใช่สถานะเธอกับเมธัชยังไม่แน่ชัด ถึงจะมีอะไรกันหลายหนแต่นั่นมันก็แค่ความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น แล้วเขาจะคิดยังไงถ้าเธอไปคุยเรื่องนี้เขาจะไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวเหรอ แค่นี้เขาก็ไม่ได้มองเธอดีเท่าไหร่อยู่แล้ว“แกมันแล้วน้ำใจเหมือนพ่อแกไม่มีผิด ฉันไม่น่าคลอดแกมาเลย”และแล้วก็เ
ตลอดทั้งคืนทั้งสองยังคงนอนกอดกันแน่นแต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการกอดกัน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขากอดเธอโดนที่ไม่มีเซ็กส์ ปกติทุกครั้งที่กอดคือการมีเซ็ก แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ความรู้สึกของเขาและเธอกำลังต่างออกไปกว่าทุกครั้ง เมธัชไม่แน่ใจว่าที่เขาเป็นอยู่นี้เพราะรักของขวัญหรือเพราะหวง หรือเพราะอยากช่วงเมญ่า ตอนแรกที่เข้าหาเธอคือความโกรธแค้น ที่เธอช่างหน้าด้านหน้าทนไม่ยอมเลิกยุ่งกับน้องเขยเขา แต่ตอนนี้เมื่อมองในมุมของ ของขวัญแล้วความรักที่เธอมีให้หมอปั้นนั้นมันก็คือความหวังดี ความรักอย่างเพื่อน หญิงสาวตื่นขึ้นมาพร้อมตาที่ปวมเพราะร้องไห้เมื่อคืน ส่วนคนตัวโตก็ยังนอนกอดเธออยู่นึกแล้วกดขำไม่ได้ เปิดแอร์ซะเย็นแล้วก็ห่มผ้าห่มหนา นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด ขณะที่เธอกำลังจะก้าวลงจากที่นอนนั้นก็มีมือใหญ่มากอดรอบเอวบาง“จะไปไหน”“กลับห้อง”“จะรีบไปไหน” น้ำเสียงของเขาเหมือนไม่พอใจที่เธอจะกลับห้องตัวเอง“ก็ไปทำงานสิคะ” คุณหมอสาวตอบแบบเสียไม่ได้ ก็เธอไม่ได้รวยเหมือนเขานี่นา หลังจากยกเงินเก็บที่มีให้พ่อไปแล้วเธอต้องรีบเก็บเงินใหม่ งานคือเงินและเงินก็คืองาน“ขอ 10นาที”
“แสดงว่าอ่านข่าวมาแล้ว แถมหน้างอขนาดนี้หึงแน่นอน” เมธัชได้ทีทำท่ายียวนใส่หญิงสาว ถ้าเขารู้ว่าเธอจะแสดงออกแบบนี้เขาให้คนลงข่าวเขาไปนานแล้ว นี่ต้องขอบคุณสำนักข่าวที่ลงนะเนี่ย“ไม่ได้หึง แต่ฉันไม่อยากใช้ผู้ชายร่วมกับใคร”คนไม่ได้หึง เพียงแต่ไม่อยากใช้ผู้ชายร่วมกับใครเท่านั้น พูดขึ้นพร้อมกอดอกยืนขึ้น“ขวัญมันไม่มีอะไรเลย ผมไปยิมแล้วเจอน้องน้ำหวานเราก็คุยกันสองสามคำเท่านั้นเอง”“คุยกันแป๊บเดียวทำไมภาพมันออกมาแบบนั้น ถ้าคุณยุ่งกับผู้หญิงอื่นฉันจะไม่นอนกับคุณอีก”ตอนนี้เขาอยากไปเผาสำนักพิมพ์นั้นแล้ว ปล่อยข่าวมั่วแบบนี้ได้ไง ดูสิเขาเสียหายแค่ไหนแล้วคนตรงหน้าโกรธแค่ไหน“ครั้งนี้ฉันจะเชื่อคุณ แต่อย่ามีครั้งหน้า”“ครับ” พอรับคำครับเขาก็โทรหาดาราสาวทันที“สวัสดีครับ น้องน้ำหวานใช่ไหมครับ พี่เมธัชนะครับ” คำพูดสนิทสนมนั่นทำให้ของขวัญยิ่งไม่พอใจ นี่เขากล้าโทรศัพท์หาผู้หญิงอื่นต่อหน้าเธอเลยเหรอ“คืออย่างนี้แฟนพี่ หมอของขวัญน่ะ เข้าใจผิดเรื่องข่าว น้องน้ำหวานช่วยคุยกับแฟนพี่หน่อยได้ไหมครับ”“ได้สิค่ะ เรื่องแค่นี้เอง”“คุณหมอขวัญ หวานไปยิม เจอพี่ธัชก็หยุดคุยไม่กี่คำไม่คิดว่าจะเป็นข่าว ไม่มีอะไรจริงๆนะค
“คุณน้ำหวานก็อยู่ที่นี่เหรอครับ”“ค่ะ หวานเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นาน” ดาราสาวยิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้า ท่านประธานบริษัทผลิตยารายใหญ่ของประเทศ แถมยังส่งมีสาขา โรงงานทั่วเอเชีย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงอดที่จะทอดสะพานให้เขาไม่ได้ แต่สำหรับเธอ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรทำนองนั้นรู้สึก เพราะเธอมีคนในใจอยู่แล้วแต่คนในใจของเธอกำลังตามจีบคุณหมอของขวัญ ทำให้เธอต้องมาใส่ใจชายหนุ่มตรงหน้า อ๊ะๆ..อย่าคิดว่าเธอจะแต่งเขามา นั่นมันนิสัยนางร้าย แต่นางเอกยังเธอก็ต้องให้พวกเขาสมหวัง หวังว่าหลังจากนั้นชายหนุ่มที่เธอแอบชอบคงจะหันมามองเธอบ้างนะ “วันนี้พี่ธัชมาคนเดียวเหรอคะ แล้วหมอขวัญล่ะคะ”“อ๋อ ขวัญเข้าคลินิก”“อือ...มิน่าล่ะ” ดาราสาวพึมพำมิน่าล่ะ เห็นภาคินเพิ่งลงไอจีสตอรี่ว่าไปที่คลินิกคุณหมอสาวคนสวย“วันนี้น้ำหวานมาคนเดียวเหรอครับนัดเทรนเนอร์ไว้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า เธอหน้าตาสะสวยสมแล้วที่เป็นนางเอกเบอร์ต้นของประเทศ สำหรับเขาแล้ว เธอก็เป็นผู้หญิงสวยจริงแหละ เมื่อก่อนเขาก็คงอยากทำความรู้จักมากกว่านี้แต่ตอนนี้เวลานี้ทำไมความรู้สึกมันหายไป ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้“ค่ะ หวานมา
“ครับ ผมคงต้องมาฝากท้องที่นี่บ่อยๆนะครับ” หญิงชรายิ้มหวานให้ชายหนุ่มทำไมท่านจะไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาอร่อยได้ขนาดนั้น ก็คงไม่พ้นหลานสาวของท่าน“ยัยขวัญอร่อยไหมลูก” เสียงถามไถ่อ่อนโยนรับรู้ได้ถึงความรักที่เธอมีต่อหลานสาวคนนี้มากมาย หลานของเธอควรจะสดใสร่างเริงกว่านี้“อร่อยค่ะย่า” เสียงหวานตอบคนเป็นย่า ย่าที่เธอรักมาก มองหน้าย่าทีไรเธอก็น้ำตารื้นขึ้นมาทันที อย่างน้อยการเป็นลูกพ่อก็ไม่ได้แย่เพราะอย่างน้อยเธอก็มีย่ากับปู่ที่รักเธอมากๆ“ปู่ไปไหนแล้วคะย่า” ของขวัญเอ่ยถามคนเป็นย่า อดเป็นห่วงปู่ไม่ได้จากเรื่องเมื่อคืน“อ๋อไปวัด วันนี้เขามีงานที่วัด”หญิงสาวยิ้มรับคำตอบนั้น ที่นั่นทำให้ปู่ได้สบายใจได้ สบายใจจากเรื่องพ่อ ปู่เหนื่อยกับพ่อมานาน หญิงสาวได้แต่ทอดถอนใจ ปู่ก็คงทำใจลำบากอย่างไรเสียพ่อก็คือลูกของปู่ และเป็นพ่อของฉัน ถามถึงความรักความผูกพันธ์ถึงมันจะเลือนลางแต่มันก็ไม่ได้หมดสิ้นจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จทั้งสองก็นั่งดื่มกาแฟที่ริมท่าน้ำเขาและเธอเหม่อมอง ไปยังแม่น้ำกว้างใหญ่ข้างนอก ผู้คนเดินทางด้วยเรือ ยังคงมีอยู่แม้นจะบางตา ส่วนมากก็จะเป็นนักท่องเที่ยวและเรือบรรทุกสินค้าซะมากกว่า สายน
“ช่างเถอะ ค่อยเก็บใหม่” เมื่อคิดถึงเงินเก็บก้อนนั้นที่ตั้งใจว่าจะเอาไปร่ำเรียนต่อต่างประเทศหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำ เรียบร้อยแล้วและกำลังจะเข้านอนครืนๆ เสียงสั่นของโทรศัพท์ให้คนกำลังจะนอนยกขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความจากชายหนุ่มข้างบ้าน ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับหนุ่มตรงข้ามห้องเธอ“นอนรึยัง” “กำลังจะนอน” หญิงสาวตอบกลับไป ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมา“คิดถึง”“แหวะ น้ำเน่า” หญิงสาวแกล้งเขากลับ ใครใช้ให้มาหวานเวลานี้ ง่วงจะตายอยู่แล้ว แต่ปากยิ้มโดยไม่รู้ตัว“ถึงน้ำจะเน่า แต่ก็ยังเห็นเงาจันทร์นะครับ”“โอ๊ย ..เวอร์ นอนได้แล้วง่วง”“ฝันดี” หญิงสาวนั่งมองมือถือหลังจากที่ชายหนุ่มส่งคำว่า...ฝันดี อดคิดถึงใบหน้าหล่อเหล่าของเขาไม่ได้ คนอย่างเขาเนี่ยนะจะบอกฝันดีตอนนี้เขาจีบเธอเหรอ...คงใช่มั้ง คนอย่างเขาก็หยอดไปทั่วแหละ เจ้าชู้ขนาดนั้น เธอไม่คิดจะรักเขา ความรักสำหรับเธอมันคือความเจ็บปวด ....ความรักคือสิ่งที่มีแต่ทุกข์ ....... เธอยังจำได้ดีเมื่อห้าปีที่แล้ววันนั้นวันที่เธอเสียใจที่สุดจนไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้....หลังจากที่เธอเห็นภาพก้องภพกับผู้หญิงคนนั้นอยู่บนเตียงหัวใจของเธอก็แตกสลาย มันปวดร้าวจนสุดจ