ฉันถูกจับยัดเข้าไปในชุดเสื้อยืดเอวสูงเห็นหน้าท้องอันแบนราบพร้อมกับสะดือขาวผ่องแสนเซ็กซี่ มีกล้ามเนื้อผุดขึ้นมาเล็กน้อยกับกางเกงขาสั้นเสมอจิ๋มสีดำและรองเท้าบูทหนังสีดำยาวเกือบถึงเข่า ใบหน้าถูกแต่งด้วยลิปสติกสีแดงสด เขียนคิ้วและปัดแก้มเล็กน้อยโดยฝีมือของเจ๊เบียร์ ในขณะที่ฉันนั่งนิ่งพลางหาคำตอบจากการกระทำ
“นี่ฉันเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย…?” ฉันถามตัวเองเบา ๆ อยู่หน้ากระจก ดวงตาสะกดไปที่เงาสะท้อนซึ่ง…
มันดูไม่เหมือนตัวเองเลย…
"หนูชื่ออะไรนะ เมื่อกี้พี่ยังไม่ได้ถามเลย?" เจ๊เบียร์ถามในขณะที่กำลังลอนผมด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
"หนูชื่อนิดค่ะ" ฉันตอบแล้วเม้มปาก รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายเส้นผม
"จากนี้ไปชื่อในวงการของเธอคือ มีนา" หญิงวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"วงการเหรอคะ?" ฉันยักคิ้วหนึ่งข้าง
"ใช่ วงการไซด์ไลน์ ชื่อต้องฟังดูน่าหลงไหลเข้าไว้ ถ้าชื่อของเธอกระตุ้นจุดกระสันความหื่นของผู้ชายได้ก็ยิ่งไปได้สวยในอาชีพนี้ บางคนทำเงินได้เป็นแสนในเดือนเดียวเลย" เธอเล่า
"ที่นี่เหรอคะ?" ฉันถามด้วยความอยากรู้
"ใช่จ้ะ แต่ตอนนี้เขาขึ้นงานอยู่" เจ๊เบียร์ตอบ แต่เปลี่ยนน้ำเสียง "นางเป็นถึงระดับวีไอพีของพาราไดซ์อาบอบนวดแห่งนี้ ค่าตัวหมื่นอัพ มีแต่เศรษฐีนิสัยรวยและหื่นกามเท่านั้นที่จะยอมจ่ายเพื่อให้ได้นางมาหลับนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง"
"เธอสวยขนาดนั้นเลยเหรอคะ?" ฉันถามอีก
"อย่าเพิ่งถามเลย ไปขึ้นงานแรกให้เสร็จแล้วค่อยลงมาคุยกัน แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า ถ้าก้าวเข้ามาแล้ว ฉุดไม่กลับนะ ยังอยากจะทำงานนี้อยู่ใช่มั้ย?"
ในความเป็นจริงเหมือนตัวเองถูกหลอกมาขายตัว อีกทั้งฉันก็ยังไม่เคยพูดว่าตัวเองอยากทำงานแบบนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะบอกว่างานไหนก็รับเถอะ แต่นี่มันงานแบบสอดใส่เข้าไปในร่างกายเลยนะ มันต้องยอมลดศักดิ์ศรีขนาดไหนกัน…
แต่ในตอนนี้ใครจะด่าฉันว่ากะหรี่ก็ไม่แคร์แล้วล่ะ เพราะกะหรี่ กำลังจะเป็นอาชีพทำมาหากินของฉันและฉันจะขึ้นไปอยู่ ณ จุดสูงสุดของมันให้ได้ ค่าตัวครั้งละหมื่นเหรอ…? ไม่น่ายาก
ฉันพยักหน้า
"แน่ใจค่ะเจ๊เบียร์ หนูอยากได้เงินจริง ๆ ค่ะ" ฉันตอบอย่างมั่นใจ
"ถ้าอย่างนั้นก็ดี ทำงานให้เต็มที่ก็แล้วกัน"
หลังจากนั้น เจ๊เบียร์ได้พาฉันขึ้นไปบนเวทีแล้วประกาศแข่งขันการประมูล 'พรหมจรรย์' ของฉัน มีผู้ชายมากหน้าหลายตาพอได้ยินแบบนั้นก็ดวงตาลุกวาว ราวกับสัตว์ป่าที่เห็นเนื้อทองคำ
"เธอเห็นสัตว์ป่าพวกนี้ไหม?" เจ๊เบียร์ถาม ส่วนฉันก็มองไปตามนิ้วชี้ของเธอ สิ่งที่เห็นคือผู้ชายนั่งอยู่เต็มฮอลล์พร้อมดวงตาเป็นประกายจับจ้องมายังฉัน "ในกระเป๋าของพวกมันมีเงินอยู่ไม่ต่ำกว่าแสน สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ เอาสิ่งที่อยู่ตรงหว่างขาของเธอ คีบออกมาให้ได้"
ฉันพยักหน้าเข้าใจความหมายของเจ๊เบียร์
ฉันเปลี่ยนท่าทีมาเป็นท่าทีที่เขินอายเล็กน้อยเพื่อแลกคะแนนความใคร่ของเจ้าพวกผู้ชายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ตามที่เจ๊เบียร์ได้สอนเอาไว้เมื่อกี้ เมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีเตี้ย ๆ ข้างเจ๊เบียร์ผู้กำลังถือไมค์ไว้ในมือพร้อมเอ่ยต่อ
ซึ่งมันก็ได้ผล ฉันสังเกตพวกเขานั่งจับท่อนเอ็นตรงหว่างขาแล้ว แหม… ฉันคงมีพรสวรรค์ด้านนี้ไปแล้วล่ะมั้ง
“สวัสดีตอนเย็นค่ะ หนุ่ม ๆ ทุกท่าน ดิฉันจะขอเปิดการประมูลพรหมจรรย์อย่างไม่เป็นทางการ ณ บัดนี้ เนื่องจากทางร้านเพิ่งได้สินค้าใหม่เข้ามาสด ๆ ร้อน ๆ อยากจะให้ชายหนุ่มพลังม้าทุกคนได้ลิ้มรส
แต่ผู้ที่จ่ายมากที่สุดจะได้พรหมจรรย์ของสาวน้อยคนนี้ไปครอบครองค่ะ ขออนุญาตแนะนำตัวน้องเลยนะคะ น้องคนนี้ชื่อน้องมีนาค่ะ” เจ๊เบียร์ประกาศออกไมค์ “เริ่มต้นราคาประมูลอยู่ที่พันห้าค่ะ!”ไม่กี่อึดใจ ราคาค่าตัวของฉันก็พุ่งแรงจนฉุดไม่อยู่ หญิงสาวทั้งหลายในตู้ต่างมองฉันด้วยสายตาอำมหิต
"2000!!"
"3500!!"
"5000!!"
"6500!!"
ตัวเลขกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นจำนวนเงินที่ฉันไม่เคยเอื้อมถึงมาก่อน
"ตอนนี้ราคาขึ้นมาอยู่ถึง 7000 บาทไทยแล้วค่า!!" เจ๊เบียร์ประกาศอย่างเมามันส์ราวกับว่าตัวเองกำลังกุมทุกอย่างในมือ
การประมูลพรหมจรรย์คือสงครามของลูกผู้ชาย ว่ากันว่า ผู้ชายมักจะเห็นของลับตรงหว่างขาผู้หญิงเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ผู้หญิงอย่างเราสามารถทำให้ผู้ชายต้องยอมสยบแทบเท้าได้ด้วยมันนี่แหละ
"1 แสน!!"
ทั้งห้องโถงเงียบกริบ ต่างคนต่างตกใจกับจำนวนเลขหกหลักที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
มืออ้วน ๆ ที่สวมแหวนทองมีอัญมณีเม็ดใหญ่ประดับอยู่ยกชูขึ้น เขาคือ 'เสี่ยโต' ผู้เป็นลูกค้าประจำที่นี่ ดวงตาส่อแววหื่นกามจ้องมาหาฉันไม่ละสายตา ศีรษะอันโล้นเตียนนั่นสะท้อนแสงไฟในร้านทำให้เขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่นในทันที
"คงไม่มีใครสู้ราคาแล้วสินะ หึหึ" เสี่ยโตพูดด้วยความมั่นใจพร้อมหัวเราะกับบอดี้การ์ดสวมสูทแว่นตาดำสองคน
"1 แสนบาทกับเสี่ยโต ครั้งที่ 1 ค่ะ!"
เงียบ ไม่มีใครกล้าสู้ราคา
"1 แสนบาทกับเสี่ยโต ครั้งที่ 2 ค่ะ!"
ยังคงเงียบ สีหน้าของแต่ละคนดูสิ้นหวัง
เชื่อเถอะว่าฉันสิ้นหวังยิ่งกว่า!!
ไม่นะ...ฉันต้องเสียพรหมจรรย์ให้กับไอ้หมูตอนนี่เหรอ…?
‘ไม่เอานะ!!’ ในใจฉันกรีดร้องร่ำไห้ในใจ
"หนึ่งแสนห้าหมื่น!!"
จู่ ๆ ก็มีเจ้าชายม้าขาวเข้ามาช่วยชีวิตฉัน ทุกคนมองไปยังผู้ที่ขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้กับเสี่ยโต เขาเป็นชายหนุ่มมาดหล่อระดับนักร้องเกาหลี ใบหน้าคมเรียว ดวงตาดูมีเสน่ห์เย้ายวน พวกหมอนวดที่นั่งอยู่ในตู้ยังมองตาไม่กระพริบ
"เสี่ยลีสู้ด้วยราคาแสนห้า เสี่ยโตว่ายังไงคะ!?" เจ๊เบียร์ประกาศถามชายร่างอ้วนที่ตอนนี้ใบหน้าดูผิดหวังและรอยยิ้มอันภาคภูมินั้นได้หายไป
"ไม่ล่ะ ผมไม่สู้" เมื่อคำพูดนั้นออกจากปากเสี่ยโต นั่นทำให้ครั้งแรกของฉันตกเป็นของเสี่ยลีไปโดยปริยาย
"ไม่มีใครกล้าสู้แล้วนะคะ งั้นสาวพรหมจรรย์ น้องมีนาคนนี้ตกเป็นของเสี่ยลีค่ะ! " เจ๊เบียร์ประกาศชัยชนะเสียงดัง จากนั้นเสียงปรบมือดังขึ้น ฉันเห็นเสี่ยลียืนขึ้นและโค้งคำนับให้กับผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมดด้วยท่าทางอ้อนน้อมแต่ทรงพลัง
"ขอเชิญเสี่ยลีขึ้นมารับน้องมีนาด้วยค่ะ"
ให้ตายสิ เขาตัวสูงจังและ…หล่อมากด้วย
จู่ ๆ ฉันก็หัวใจเต้นแรงขึ้น เมื่อชายหนุ่มเดินขึ้นมาบนเวที ระดับความสูงของฉันแค่หน้าอกเขาเอง เขาจับมือฉันและลากฉันลงมาที่แคชเชียร์จ่ายเงิน เขาจ่ายด้วยเงินสดก้อนโตที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เจ๊เบียร์พาฉันกับเสี่ยลีขึ้นไปยังห้องวีไอพีชั้นบนสุด ซึ่งมันหรูหรามาก เตียงไซส์คิงตั้งอยู่กลางห้อง มีหน้าต่างบานใหญ่หนึ่งบานถูกเปิดม่านไว้เห็นวิวของกรุงเทพแม้ว่าจะอยู่ชั้นเจ็ดก็ตาม มีอ่างจากุชชี่อยู่หนึ่งอ่างและโซฟาวางเป็นรูปตัวเอลสีแดง ฝั่งกำแพงมีโซ่ แส้ กุญแจมือแขวนอยู่
นี่หลุดมาอยู่โลกไหนกันเนี่ย...
"มาเริ่มกันเลยมั้ย?" เขาถาม
โห... เสียงของเขาเพราะจัง...
"ดะ... เดี๋ยวค่ะ..." ฉันเขินทำตัวไม่ถูก "คือ... ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง จะรู้สึกยังไง... แต่... ช่วยกรุณา… ทำเบา ๆ ด้วยนะคะ"
เขาถอนหายใจ
"ก็ได้ครับ ผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บ" เขาโน้มตัวเข้ามาจูบฉัน
โอ้โห!! ราวกับว่ามีไฟฟ้าสถิตทั้งร่าง รู้สึกว่าน้ำเริ่มเดินแล้วค่ะ ในหัวของฉันว่างเปล่า มือของเขาโอบเอวฉัน นั่นทำให้รู้สึกสยิวที่ร่องหว่างขาอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเขาก็ล้วงเข้าไปในกางเกงของฉันโดยล้วงผ่านขาอ่อนขึ้นไป ทันทีที่แตะกับปุ่มเสียว ร่างกายฉันก็กระตุกและร้อนผ่าวราวกับว่าไปอบซาวน่า ฉันโอบรอบคอเสี่ยลีอัตโนมัติพร้อมขาอ่อนยวบราวถูกสูบเรี่ยวแรง เขาเอาริมฝีปากอันนุ่มนวลมาสัมผัสกับลำคอด้านซ้ายของฉันเบา ๆ"อ๊าาา!!!" ฉันครางด้วยเสียงแปลก ให้ตายสิ...รู้สึกดีจริง ๆ
"ผมจะทำให้ครั้งแรกของคุณเป็นครั้งแรกที่คุณต้องจำไปจนตาย" เขากระซิบที่ข้างหูฉัน นั่นยิ่งทำให้อ่อนระทวยราวกับถูกสะกดยังไงยังงั้น
อ่า... ฉันอยากโดนมันสอดเข้ามาเหลือเกิน อยากรู้ว่ามันจะรู้สึกยังไง
จากนั้นเขาได้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าฉันจนหมด หน้าอกคัพซีกลมเป็นลูกสวยเต่งตึง หัวนมตั้งชู หน้าท้องแบนราบมีกล้ามหน้าท้องบาง ๆ เขาเริ่มเล้าโลมฉันอีกครั้งด้วยการบีบหน้าอกอย่างเบามือก่อนใช้ปากประกบและขบมันอย่างนุ่มนวล
“อ๊ะ!!”
ฉันร้องเสียงหลงทันที รู้สึกว่ากางเกงในของฉันนั้นเปียกโชกไปหมด
"หืม... ต้องการขนาดนั้นเลยเหรอ?" เขาถามพร้อมกับสบตาฉัน ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายนั้นสะกดฉันจนอยู่หมัด ตอนนี้ฉันได้
พลีกายให้เขาแล้ว ครั้งแรกของฉันจะเป็นเขานี่แหละ ไม่น่าเชื่อว่านั่งอยู่ที่สวนสาธารณะดี ๆ ก็ได้นอนกับหนุ่มหล่อระดับเทวดาฉันพยักหน้า
"นิสัยไม่ดีเลย" ว่าแล้วเขาก็ถอดกางเกงของฉันรวมถึงกางเกงใน เผยให้เห็นแคมโหนกนูนของฉันที่มีขนเพชรสั้น ๆ ไม่ต่างจากสนามหญ้าขนาดย่อม
"ฉันต้องการ... ดะ... เดี๋ยวนี้… ได้โปรดเถอะนะคะ" จากนั้นเขาผละออกจากฉันแล้วก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเมื่อได้ยินคำร้อง
ให้ตายสิ ซิกแพ็คแน่น ๆ นั้น เขาได้มาอย่างไร นั่นทำให้ฉันยิ่งรู้สึกต้องการเข้าไปใหญ่ พอเขาถอดกางเกงเท่านั้นฉันก็ได้เห็นพญานาคชูผงาดออกมา จากที่ได้เห็นขนาดของมันแล้วทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ‘ถ้าฉันโดนสอดเข้าไปลึก ๆ จะรู้สึกยังไงนะ...?’
"ตามปกติต้องใช้ปากทำความสะอาดก่อนนะ แต่ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้" เขาพูด
เขาพาฉันขึ้นไปบนเตียงอันอ่อนนุ่ม แน่นอนว่าอยากล้มตัวไปตรงนั้นแล้วหลับกับเขาทันทีเพราะมันทำให้รู้สึกดีและปลอดภัย แต่ก่อนหน้านั้นต้องทำกิจกรรมอย่างว่าก่อน เขาคร่อมอยู่เหนือฉัน ดวงตาสบกัน เงาดำพาดผ่าน ท่อนเอ็นพญานาคแข็งปั๋งชี้หน้าฉันอย่างเหิมเกริม เขาแกะถุงยางและสวมหัวพญานาคของเขาก่อนจะทาน้องด้วยสารหล่อลื่น จากนั้นจึงนำมาจ่อที่ประตูรูสวาทซึ่งตอนนี้เปียกโชกเพื่อเตรียมพร้อมบุกเข้าโจมตีเมือง
"พร้อมมั้ย? " เขาถามด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น ดวงตาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จนเกิดเงาของมัจจุราชซ้อนทับ
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบพลางหวั่นกลัวถึงอนาคตอันใกล้
จากนั้นเขาก็เริ่มสอดใส่มันเข้ามา ฉันกัดริมฝีปากจนลิปสติกหลุด
___________________________
To Be Continue Ep.3
"อึ้กก!! "
"อะ...เอ่อ...สวัสดีจ้ะ" ฉันทำอะไรไม่ถูก"สวัสดี" พี่ไทตอบด้วยเสียงเรียบเย็นใจเย็น ๆ นะคะคุณสามีฉันจับชายเสื้อของพี่ไทเป็นเชิงห้าม เนื่องจากเขาเป็นคนที่หวงลูกสาวเป็นอย่างมาก"เออ! ไนท์! วันนี้แม่กับเราขับรถผ่านร้านน้ำปั่นดูน่าอร่อยดี อยากลองไปกันดีมั้ย?"น้องไนท์หันมามองฉันด้วยสายตาที่ลังเลอย่างเห็นได้ชัด"เดี๋ยวพ่อขอคุยกับเบนแปปนึงนะ" พี่ไทยิ้มแล้วพาไปคุยห่างจากฉันประมาณห้าเมตรส่วนฉันกับน้องไนท์ที่กำลังลังเลอะไรบางอย่างอยู่เพราะว่าสีหน้าดูไม่ดีเลย ฉันพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบา ๆ ก่อนจะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือมันคือถุงยางอนามัยน้องไนท์มองไปยังมันแล้วก็หน้าแดง ราวกับว่ารู้จักมันมาก่อนอ๋า... แม่เข้าใจแล้ว ไวเหมือนกันนะเนี่ยลูกเรา ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ"แม่ไม่ว่าหรอกนะที่จะมีอะไรกับเขา แต่แม่ขออย่างเดียวว่าต้องป้องกันไว้ก่อน" ฉันพูดเป็นเชิงสั่งสอนในฐานะที่ตัวเองผ่านเรื่องเหล่านี้มามากมายนับไม่ถ้วน "ไนท์โตแล้ว บางอย่างไนท์สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวไนท์เองแล้วนะ วันนี้แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก"น้องไนท์ตะลึงกับคำพูดของฉันเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะเข้ามากอดฉันแล้วพูดขอบคุณพร้อมบอกรักฉ
ระยะเวลามันผ่านไปไวเหลือเกิน นี่ก็ผ่านไปตั้งสิบห้าปีแล้วสินะที่ฉันกับพี่ไทได้สร้างอาหารเป็นธุรกิจหลักด้วยกัน ซึ่งทุกวันนี้มันก็ยังขายดีไม่เปลี่ยนแปลง ร้านของเราขยายไปอีกสองสาขาโดยที่พี่ไทยังคงทำอยู่ที่สาขาหลัก ส่วนที่เหลือนั้นล้วนเป็นอดีตลูกศิษย์มวยของพี่ไททั้งนั้น เขาจึงถ่ายทอดทักษะการทำอาหารเหมือนกับถ่ายทอดวิชามวยให้ ส่วนพี่ต้อมนั้นก็ให้จัดการคุมสาขาที่สองด้วยกันกับพี่ผึ้ง ส่วนสาขาที่สามนั้นฉันเป็นคนคุมและจ้างคนมาช่วยบริหารเนื่องจากตำแหน่งหลักของฉันก็คือการไปตรวจคุณภาพร้านแต่ละสาขาแล้วตำแหน่งแคชเชียร์ที่ฉันเคยทำที่สาขาแรกล่ะก็ยกตำแหน่งนี้ให้ 'ไนท์' ลูกสาวของฉันเองด้วยความที่เป็นเด็กน่ารักแถมยังสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด และยังมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดเกินเด็กจึงทำให้ทางโรงเรียนไม่จำเป็นต้องให้ลูกสาวเข้าเรียนทุกวัน อีกทั้งยังหน้าตาน่ารักจึงสามารถดึงลูกค้าหนุ่ม ๆ เข้ามาได้ตลอด แถมยังมีวาทศิลป์เป็นเลิศทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างเอ็นดูในความน่ารักด้วยความที่เมื่อหลายปีก่อนนั้นทั้งประเทศได้ถูกไวรัสชนิดหนึ่งระบาดไปทั่ว จึงทำให้ทุกอย่างต้องหยุด นั่นก็รวมถึงกิจการร้านอาหารของเราด้วย แต่ก็ยังโชคดีท
"พี่ไม่อยากกลับไปเป็นลูกน้องของนายลีอีกต่อไปแล้ว" พี่ไทบอกด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ภายในดวงตาของเขาว่างเปล่าจนไม่สามารถเดาออกว่าคิดอะไรอยู่"ทำไมล่ะพี่?" ฉันถามพลางเม้มปาก"งานที่นายลีมอบหมายให้พี่แต่ละงานนั้นเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถทำได้ทั้งนั้น กว่าพี่จะผ่านงานแต่ละงานมาได้นั้นก็แทบลากเลือด" เขาตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด"แต่นี่มันไม่ใช่งานนักฆ่าแล้วนะ" ฉันแย้ง "หนูเชื่อว่างานพ่อครัวน่าจะไม่น่าทำงานหนักมาก เท่าที่หนูดูมาก็ไม่ได้หนักขนาดนั้น""จริง ๆ พี่อยากจะเปิดร้านตอนนี้เลย ถ้าเป็นไปได้" พี่ไทพูดอย่างเศร้าสร้อย "มันเป็นความฝันของพี่สมัยที่พี่ทำงานให้นายลีแล้ว""ความฝันอะไรเหรอคะ?" ฉันถามพี่ไทยื่นมือของเขามาลูบที่ท้องของฉันที่กำลังป่องอยู่อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล"การได้สร้างครอบครัว แต่งงานกับคนดี ๆ และมีลูกด้วยกัน ได้สร้างอะไรที่พวกเราบริหารจัดการกันเอง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "พี่มีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหารแต่คงเลือดร้อนเกินไปด้วยแหละ"ฉันลูบศีรษะของสามีด้วยความเอ็นดู"แต่มาเฟียเขามีสัจจะตรงที่ ถ้าออกไปแล้วจะไม่มีวันกลับเข้าแก๊งอีกเด็ดขาด""แต่พี่ไม่ได้กลับไปทำงานในฐานะนักฆ่าแล้วนี่" ฉันพู
"อุ๊กก!! " ฉันรู้สึกคลื่นไส้ในช่วงกลางดึกจนต้องรีบลุกไปสำรอกในห้องน้ำ พี่ไทที่กำลังหลับอยู่ก็ตกใจตื่นลุกขึ้นตามมาดูอาการฉันหอบเมื่อสำรอกทุกอย่างออกมาหมดลงในอ่างชักโครก พี่ไทก็กำลังลูบหลังฉันอย่างเบามือ"เป็นอะไรมากมั้ยนิด?" พี่ไทถามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ยังคงมีความสะลึมสะลือผสมอยู่ครึ่งหนึ่ง"ไม่เป็นไรหรอกพี่" ฉันหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน "แต่ก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยอะ""ไปหาหมอก่อนมั้ย?""ไม่เป็นไรหรอก" ฉันปฏิเสธทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นแน่นอน"เอางี้ เดี๋ยวตอนนี้ไปดื่มน้ำนอนก่อน แล้วถ้าตื่นมาไม่ดีขึ้น พี่จะพาไปหาหมอ" พี่ไทบอกด้วยเสียงที่จริงจังฉันพยักหน้าด้วยความยินยอมก่อนพี่ไทจะช่วยพยุงร่างของฉันไปนอน.................."เบอร์ยี่สิบเอ็ดเข้าตรวจพบคุณหมอที่ห้องตรวจหมายเลขสามค่ะ" นางพยาบาลชุดขาวนวลใบหน้าสะสวยขอบตาคล้ำ ๆ เรียกหมายเลขที่ตรงกับที่เขียนอยู่ในบัตรคิวซึ่งนางพยาบาลอีกคนให้ฉันไว้ฉันกับพี่ไทลุกเดินเข้าไปในห้องตรวจคุณหมอที่นั่งตรวจเช็คประวัติเมื่อรู้ว่าฉันเดินเข้ามาก็เชิญให้มานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม ส่วนพี่ไทก็ยืนอยู่ด้านหลัง"คุณนิดนะคะ" คุณหมอหญิงวัยกลางคนท่าทางดูใจดีพูดด้วยน้ำเสีย
บรรยากาศในห้องแตกต่างจากที่เราเคยใช้ชีวิตอยู่ก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย เพียงแค่พวกจินดาซื้อไฟสีแดงอมม่วงมาติดและปรับระดับความสว่างให้สลัวเพื่อให้ได้มีบรรยากาศที่จะพร้อมผสมพันธุ์ได้ทุกเมื่อนัยน์ตาของสองเราจ้องกันราวกับว่าจะหลอมรวมกับเป็นหนึ่ง ไม่มีใครกระพริบตาให้กัน อย่างกับว่าต่างคนต่างสะกดใจกันจนไม่มีใครคิดที่จะตื่นจากภวังค์พี่ไทโน้มตัวลงมาจุมพิตริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล อารมณ์ของฉันก็พลุ่งพล่านทันทีฉันหลับตาและปล่อยให้อารมณ์มันพลุ่งพล่านออกไปแบบที่ไม่มีวันกลับ ฉันเอื้อมแขนทั้งสองข้างเข้าไปกอดสามีอย่างรักใคร่ ลิ้นของฉันเลื้อยเข้าไปทักทาย"อื้อ~" ฉันหลุดครางไปเล็กน้อยประสานกับเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะพี่ไทผละจากฉันพร้อมกับเปลือยบน ส่วนที่ยากที่สุดก็คงจะเป็นเนคไทที่ต้องแก้ปมให้ถูก ไม่งั้นก็จะกลายเป็นรัดคอเอา ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยกล้ามเนื้อที่เป็นมัดสวย สะท้อนแสงจนแทบจะกลายเป็นกล้ามเนื้ออัญมณี นั่นยิ่งทำให้ช่วงกลางของฉันแฉะไปหมดเมื่อนั้น ฉันลุกขึ้นมารูดซิปเกาะอกของชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ลงเผยให้เห็นหน้าอกอันเต่งตึงแบบที่เขาเคยเห็นอยู่ทุก ๆ วันเขาเอาปากเข้ามาประกบหัวนมที่ตั้งชูก่อน
เสี่ยลีลืมจ่ายเงินค่าบริการแฟนเช่า เขาจึงจัดการจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อเป็นการขอโทษนั่นคือได้มาอีกห้าหมื่น ด้วยเงินทั้งหมดที่มีนั้นทำให้สามารถจัดงานแต่งในวันที่กำหนดได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ ด้วยความที่ฉันไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องแล้ว ตามประเพณี ฝ่ายชายจะต้องไปสู่ขอ ซึ่งฉันให้เสี่ยลีเป็นพ่อและแม่เบียร์เป็นแม่ให้แทนแต่สองคนนั้นกลับปฏิเสธ แต่จะเป็นพ่องานแม่งานให้ ฉันจึงต้องขอคนอื่นมาแทนฉันที่แต่งตัวด้วยชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แบบเกาะอกชายกระโปรงยาวปิดขานั่งอยู่ที่พื้นเวทีที่ประดับไปด้วยดอกไม้หลากสีและนานาชนิด มีการจัดที่นั่งสำหรับพ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งพี่ต้อมเป็นพ่อเจ้าบ่าวและพี่ผึ้งเป็นแม่เจ้าบ่าวส่วนพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวก็เป็นเสี่ยลีและแม่เบียร์ซึ่งเสี่ยลีก็รับหน้าที่เป็นประธานในพิธีเช่นกัน ในช่วงแรกนั้นที่ต้องมีพิธีแห่ขันหมากและเจ้าบ่าวจะต้องแจกซองให้ประตูที่จะเข้าไปสู่เจ้าสาว ซึ่งพี่ต้อมเป็นออกเงินให้ก่อนแล้วให้พี่ไทมาใช้คืนทีหลังคนที่มาร่วมงานแต่งส่วนมากจะเป็นเพื่อน ๆ ในพาราไดซ์อาบอบนวดโดยเสี่ยลีเป็นประธานในพิธี นัยน์ตาของเขายังคงมีความเศร้าโศกเก็บซ่อนอยู่และไม่อยากที่จะให้