เขาเห็นฉันกำลังนอนอยู่ในท่าเดิมหลังเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันเอวไว้ เขาโทรศัพท์สั่งเบียร์ขึ้นมา เพียงไม่กี่อึดใจ แม่บ้านร่างผอมได้นำเครื่องดื่มมาวางไว้หน้าห้องโดยการเคาะประตูเรียก เขาเปิดขวดเบียร์ด้วยมือเดียวแล้วเทใส่แก้ว
"หมดแรงล่ะสิ จิบสักหน่อยจะได้มีแรง" เขาพูดพร้อมยื่นแก้วใส่เบียร์เสียงฟองดังฟู่ทำให้ผ่อนคลายไปได้ชั่วขณะ
ฉันยังไม่ขยับตัว ในหัวยังคงว่างเปล่า จู่ ๆ เขาเอาแก้วเบียร์เย็น ๆ มาวางบนแผ่นหลังทำให้ฉันสะดุ้งโหยง
"ทำอะไรคะเนี่ย!?" สติที่เลือนลอยของฉันกลับมาหมด เขานั่งเงียบไม่ตอบอะไร จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูที่พับวางไว้บนเตียงขึ้นมาคลุมปกปิดร่างกายของฉันเอาไว้แล้วยื่นแก้วเบียร์มาให้ ฉันรับไปแต่ก็ลังเลที่จะดื่ม
"ไม่เคยดื่มเบียร์ล่ะสิ นี่เธอเคยผ่านอะไรมาแล้วบ้างเนี่ย?" เขาถามอย่างไม่เชื่อสายตาว่าจะได้เจอกับสาวบริสุทธิ์ของแท้
ฉันส่ายหน้าและไม่กล้ามองหน้าเขา พอมองแล้วก็ยังรู้สึกถึงท่อนเอ็นอุ่น ๆ ของเขาสยิวอยู่ในช่องคลอดอยู่เลย
"จะทำงานที่นี่พวกอบายมุขต่าง ๆ ต้องเข้าใจมันให้หมดนะ" เขาพูด "แต่ไว้ใจได้ ถ้าอยู่ภายใต้การดูแลของเบียร์และผม เธอจะปลอดภัย"
"ทำไมถึงต้องเสียเงินให้กับคนอย่างฉันมากมายขนาดนั้นด้วยล่ะคะ?" ฉันถามขึ้นมา เขาเงียบไปสักครู่ก่อนยิ้มเล็กน้อย
"ครั้งแรกของเธอไม่ควรจะเป็นไอ้หมูตอนนั่น" เขาตอบอย่างใจเย็น "เสี่ยโตนั่นเป็นพวกหื่นกามไม่รู้จักพอ แต่เงินที่จ่ายให้พวกสาวขายบริการนั้นถือว่าเยอะเอามาก พวกหล่อนยอมขึ้นงานกับเขา อดทนหน่อยก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ"
"แล้วทำไมคนที่ชื่อเสี่ยโตนั่นไม่กล้าสู้ราคากับเสี่ยลีล่ะคะ?"
"ก็ผมก็เป็นคนคุมพื้นที่แถวนี้ เจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนสนิทของผมเอง เธอคิดถูกที่มาทำงานที่นี่ ใครมาทำร้ายคนในพื้นที่ของผมมักจะจบลงไม่สวย" เขามองมาที่ฉัน เมื่อสบตากัน ฉันก็หลบตาเขาอีกหลังจากรวบรวมความกล้าเงยหน้าได้ทั้งที
เขาดูหล่อเกินไปแล้ว...แต่ฉันเพิ่งมีเซ็กส์กับเขาไปเมื่อกี้เองนะ... มันสุดยอดมาก....
ฉันจิบเบียร์เย็น ๆ แก้เขิน ให้ตายเหอะ...ขมกว่าที่คิดแฮะ
"ขอบคุณนะคะ"
"เรื่องอะไรครับ?"
"ที่ช่วยหนูจากเสี่ยโต รวมถึงสอนให้รู้จักเรื่อง… อย่างว่า…"
"เธอยังอ่อนต่อเมืองกรุงนะ ต้องแกร่งกว่านี้ถึงจะรอดได้ จำไว้ว่าผู้หญิงมักจะโดนผู้ชายมองเป็นเบี้ยล่างเสมอ จำไว้ว่าเธอต้องปกป้องตัวเองให้ได้ ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม"
ฉันพยักหน้าพร้อมอย่างเข้าใจพลางยกเครื่องดื่มสีเหลืองอ๋อยขึ้นจิบต่อ ในหัวฉันคงว่างเปล่าในขณะที่พวกมันไหลลงคอ
"ติดใจล่ะสิ งั้นมาชนดื่มกันและจัดกันอีกสักยก" ว่าแล้วเขาก็เอาแก้วของเขามาชนกับแก้วของฉันเบา ๆ จากนั้นก็ดื่มรวดเดียวจนหมด ฉันเห็นดังนั้นจึงเริ่มดื่มเข้าไปอึกใหญ่ แม้ว่ามันจะไม่ค่อยอร่อย แต่ก็ต้องกระดกจนหมดแก้ว
เชื่อเถอะ แก้วเดียวฉันก็เมาแล้ว
"มาเลยค่ะ ฉันอยากให้ของคุณสอดใส่เข้ามาในตัวฉันเหลือเกิน" สติฉันเลือนรางจนไม่สามารถควบคุมสติได้ หลังจากนั้นฉันจึงจัดกับเขาไปอีกสองน้ำจนถุงยางหมดกล่อง บอกได้เลยว่าขึ้นสวรรค์นับไม่ถ้วน!
เขาพาฉันลงมาจากห้องวีไอพีในสภาพเหนื่อยล้าจากการมีเซ็กส์กับเขาสามครั้งติด ช่วงล่างของฉันแสบแปล๊บไปหมดแต่ยังคงรู้สึกถึง 'มัน' อยู่เลย เจ๊เบียร์เดินลงมารับแล้วเห็นสภาพฉันก็ตกใจ
"เสี่ยลีเล่นน้องใหม่เกินไปหรือเปล่าคะเนี่ย" หล่อนถามด้วยความกังวลใจ เพราะเจ๊เบียร์ไม่อยากให้น้องใหม่อย่างฉันต้องชำรุดก่อนถึงมือลูกค้าคนอื่น ๆ
"ผมแค่ทำตามใจตัวเองต้องการนี่ครับ แต่คนนี้จัดว่าเด็ดมาก" เขาพูดราวกับว่าเป็นคนละคน "ผมไปก่อนนะครับ"
"ค่า! ขอบคุณมากนะคะเสี่ยลี" เจ๊เบียร์ตีแขนฉันเบา ๆ แล้วให้ยกมือไหว้ ฉันทำตามอย่างว่าง่าย แม้ว่าสติของฉันยังมาไม่ครบก็ตาม
เมื่อเสี่ยลีลับตาไปแล้ว เจ๊เบียร์พาฉันเข้าไปในห้องแต่งตัวที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้วถามฉันเกี่ยวกับการ 'ทดลองงาน'
"มันเจ็บไปหน่อย แต่ก็... รู้สึกดีค่ะ" ฉันตอบ
"ต่อจากนี้ไปเธอต้องเรียกฉันว่าเจ๊เบียร์ เมื่อกี้ฟีดแบคจาก
เสี่ยลีแบบนี้ถือว่าผ่าน แต่พรุ่งนี้หนูต้องมาฝึกงานที่นี่เวลาเที่ยงครึ่งและกลับบ้านเวลาเที่ยงคืน แล้วต่อจากนั้นอีกวันหนูก็เริ่มงานจริงได้เลย ในหนึ่งวันหนูต้องทำรอบขึ้นงานให้ได้ 2 รอบก่อน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนต้องทำรอบให้ได้ 3 รอบต่อวันนะ ส่วนวันหยุด สามารถหยุดได้ 3 วันต่อสัปดาห์ สามารถเก็บวันหยุดแล้วมาหยุดทีเดียวได้เลย ส่วนสวัสดิการอื่น ๆ ค่อยมาคุยกันอีกที ส่วนเงินวันนี้เจ๊ให้เจ็ดหมื่นห้านะ จริง ๆ เสี่ยลีเขาประมูลหนูมาแสนห้า แต่อันนี้ต้องหักจากค่าประมูล ค่านายหน้า ค่านู้นค่านี่สำหรับตัวหนูเอง นี่คือข้อตกลงเรื่องเงินของเรา" เจ๊แกอธิบายยาวเหยียด จนบางทีอยากจะหลับตั้งแต่สองประโยคแรก"แล้วค่าตัวหนูหลังจากนั้นล่ะคะ?" สติฉันเริ่มกลับคืนมาแล้ว
"เริ่มต้นที่ 1,500 บาทก่อนละกัน แล้วถ้าฟีดแบคดีแบบนี้ต่อไป
เรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะถูกอัพค่าตัวขึ้นเอง บางคนไปถึงเป็นหมื่นเลยก็มี อย่างที่เจ๊บอก" เจ๊เบียร์พูดอย่างออกรส "อย่างหนูเนี่ยน่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ไม่ยาก ต้องปลุกพลังในตัวหนูหน่อย รับรองรุ่งในวงการนี้อย่างแน่นอน เจ๊การันตีแต่วันนี้ให้เลิกเร็วเพราะให้เวลาไปซื้อเสื้อผ้าที่ใส่ดูแซ่บ ๆ แรด ๆ หน่อยแล้วก็เสื้อผ้าธรรมดาที่ดูมีระดับขึ้นนิดนึง เพราะชุดที่ใส่มาดูเชยเหลือเกิน"ฉันหันไปมองเสื้อผ้าที่ใส่มามีเพียงกางเกงยีนกับเสื้อยืดสีขาวเชย ๆ แขวนอยู่ในห้องแต่งตัวด้วยสีหน้าเขินอาย
นั่นสินะ... ฉันต้องดูดีจากภายนอกด้วย
"ได้ค่ะ" ฉันรับคำ
เจ๊เบียร์ให้เงินค่าจ้างวันนี้ฉันมาตั้งเจ็ดหมื่นห้าพันบาท แน่นอนว่าเป็นเงินสด เนื่องจากฉันยังไม่มีบัญชีธนาคารเลย
ฉันตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่แหละ แค่ขึ้นเตียงไม่กี่ชั่วโมง คอยปรนนิบัติให้ลูกค้าผู้ชายแบบนี้ได้เงินเยอะกว่าที่เคยทำงานต่างจังหวัดมาทั้งชีวิตเสียอีก
ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเปิดบัญชีธนาคารจากนั้นก็ซื้อ
มือถือสมาร์ทโฟนใหม่ รวมถึงชุดใหม่ประมาณสิบชุดซึ่งใช้เงินเยอะ ไม่น้อย รวม ๆ กันน่าจะสักสี่หมื่นกว่าบาท ปกติฉันไม่เคยใช้เงินเยอะขนาดนี้ แต่การใช้เงินเพื่อลงทุนกับอะไรใหม่ ๆ คงไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือยหรอก สุดท้ายก็จ่ายเงินค่าที่พักซึ่งเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ชื่อว่า 'พี่ต้อม' เขามีอีกอาชีพหนึ่งเป็นครูมวยที่ค่ายอยู่ข้างอพาร์ทเม้นท์ของตัวเอง อีกฝ่ายได้รับเงินแล้วจึงชวนเรียนมวย"หนูนิดไม่ลองมาหัดมวยไว้สักหน่อยล่ะ หนูนิดหน้าตาน่ารักแบบนี้เดี๋ยวจะโดนผู้ชายหื่นกามลากไปข่มขืนนา คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้" ดูปากพี่ต้อมสิ ถึงแบบนี้ไงถึงไม่อยากคุยนาน
"ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะพี่ต้อม เดี๋ยวหนูขึ้นห้องก่อนนะคะ วันนี้ออกไปทำธุระเหนื่อยมากเลยค่ะ" ฉันเสแสร้งยิ้มให้เขาก่อนแบกถุง
ช้อปปิ้งขึ้นไปบนห้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าฉันจะจัดห้องตัวเองให้เรียบร้อย ยังดีที่ได้ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องสำอาง....เดี๋ยวนะ!...ฉันว่าตัวเองลืมซื้อเครื่องสำอางนี่หว่า!...แถมตอนนี้ใกล้มืดแล้วด้วย แต่พรุ่งนี้ต้องไปทำงานก็ต้องไปปะวะ ฉันเคยหัดแต่งหน้าก็จริงแต่ไม่เคยไปซื้อเอง จึงนั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้าห้างฯ อีกครั้งเพื่อไปร้านขายเครื่องสำอางและต้องให้พนักงานที่ร้านแนะนำเครื่องสำอางราคาถูกที่สุดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
สุดท้ายก็หมดไปอีกหมื่น… (เนี่ยนะถูกของหล่อน...)
ระหว่างทางกลับไปอพาร์ทเม้นท์ พี่วินจอดที่หน้าปากซอยแล้วให้ฉันเดินเข้าไปเองเนื่องจากเส้นทางมืดเปลี่ยวเกินไป
แล้วให้ผู้หญิงคนเดียวอย่างฉันเดินเข้าไปคนเดียวเนี่ยนะ!?
สักพักเจอกลุ่มผู้ชายวัยรุ่นนั่งกินเหล้าและพูดจาเฮฮาอย่างสนุกสนาน เมื่อพวกมันเห็นฉัน จึงลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาล้อมจีบและมองร่างกายของฉันด้วยสายตาหื่นกาม สายตาพวกนั้นไม่ต่างจากปีศาจ
ในร่างคนจริง ๆ"น้องจ๋า! มาสนุกกับพวกพี่มั้ยจ๊ะ!? รับรองได้เลยว่าพี่จะขย่มน้องทั้งวันทั้งคืนเลย" คนแรกพูดด้วยน้ำเสียงเมามายและหื่นกาม
"มาอยู่กับพี่ดีกว่า ของพี่นี่กระบองหงอคงเรียกพ่อเลยนะ"
กูไม่รู้จักหงอคงว้อย!!
"ไม่สนใจแล้ว!! จับแก้ผ้าเลยดีกว่า!!"
______________________________________________
To Be Continue Ep.5
"อะ...เอ่อ...สวัสดีจ้ะ" ฉันทำอะไรไม่ถูก"สวัสดี" พี่ไทตอบด้วยเสียงเรียบเย็นใจเย็น ๆ นะคะคุณสามีฉันจับชายเสื้อของพี่ไทเป็นเชิงห้าม เนื่องจากเขาเป็นคนที่หวงลูกสาวเป็นอย่างมาก"เออ! ไนท์! วันนี้แม่กับเราขับรถผ่านร้านน้ำปั่นดูน่าอร่อยดี อยากลองไปกันดีมั้ย?"น้องไนท์หันมามองฉันด้วยสายตาที่ลังเลอย่างเห็นได้ชัด"เดี๋ยวพ่อขอคุยกับเบนแปปนึงนะ" พี่ไทยิ้มแล้วพาไปคุยห่างจากฉันประมาณห้าเมตรส่วนฉันกับน้องไนท์ที่กำลังลังเลอะไรบางอย่างอยู่เพราะว่าสีหน้าดูไม่ดีเลย ฉันพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบา ๆ ก่อนจะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือมันคือถุงยางอนามัยน้องไนท์มองไปยังมันแล้วก็หน้าแดง ราวกับว่ารู้จักมันมาก่อนอ๋า... แม่เข้าใจแล้ว ไวเหมือนกันนะเนี่ยลูกเรา ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ"แม่ไม่ว่าหรอกนะที่จะมีอะไรกับเขา แต่แม่ขออย่างเดียวว่าต้องป้องกันไว้ก่อน" ฉันพูดเป็นเชิงสั่งสอนในฐานะที่ตัวเองผ่านเรื่องเหล่านี้มามากมายนับไม่ถ้วน "ไนท์โตแล้ว บางอย่างไนท์สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวไนท์เองแล้วนะ วันนี้แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก"น้องไนท์ตะลึงกับคำพูดของฉันเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะเข้ามากอดฉันแล้วพูดขอบคุณพร้อมบอกรักฉ
ระยะเวลามันผ่านไปไวเหลือเกิน นี่ก็ผ่านไปตั้งสิบห้าปีแล้วสินะที่ฉันกับพี่ไทได้สร้างอาหารเป็นธุรกิจหลักด้วยกัน ซึ่งทุกวันนี้มันก็ยังขายดีไม่เปลี่ยนแปลง ร้านของเราขยายไปอีกสองสาขาโดยที่พี่ไทยังคงทำอยู่ที่สาขาหลัก ส่วนที่เหลือนั้นล้วนเป็นอดีตลูกศิษย์มวยของพี่ไททั้งนั้น เขาจึงถ่ายทอดทักษะการทำอาหารเหมือนกับถ่ายทอดวิชามวยให้ ส่วนพี่ต้อมนั้นก็ให้จัดการคุมสาขาที่สองด้วยกันกับพี่ผึ้ง ส่วนสาขาที่สามนั้นฉันเป็นคนคุมและจ้างคนมาช่วยบริหารเนื่องจากตำแหน่งหลักของฉันก็คือการไปตรวจคุณภาพร้านแต่ละสาขาแล้วตำแหน่งแคชเชียร์ที่ฉันเคยทำที่สาขาแรกล่ะก็ยกตำแหน่งนี้ให้ 'ไนท์' ลูกสาวของฉันเองด้วยความที่เป็นเด็กน่ารักแถมยังสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด และยังมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดเกินเด็กจึงทำให้ทางโรงเรียนไม่จำเป็นต้องให้ลูกสาวเข้าเรียนทุกวัน อีกทั้งยังหน้าตาน่ารักจึงสามารถดึงลูกค้าหนุ่ม ๆ เข้ามาได้ตลอด แถมยังมีวาทศิลป์เป็นเลิศทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างเอ็นดูในความน่ารักด้วยความที่เมื่อหลายปีก่อนนั้นทั้งประเทศได้ถูกไวรัสชนิดหนึ่งระบาดไปทั่ว จึงทำให้ทุกอย่างต้องหยุด นั่นก็รวมถึงกิจการร้านอาหารของเราด้วย แต่ก็ยังโชคดีท
"พี่ไม่อยากกลับไปเป็นลูกน้องของนายลีอีกต่อไปแล้ว" พี่ไทบอกด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ภายในดวงตาของเขาว่างเปล่าจนไม่สามารถเดาออกว่าคิดอะไรอยู่"ทำไมล่ะพี่?" ฉันถามพลางเม้มปาก"งานที่นายลีมอบหมายให้พี่แต่ละงานนั้นเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถทำได้ทั้งนั้น กว่าพี่จะผ่านงานแต่ละงานมาได้นั้นก็แทบลากเลือด" เขาตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด"แต่นี่มันไม่ใช่งานนักฆ่าแล้วนะ" ฉันแย้ง "หนูเชื่อว่างานพ่อครัวน่าจะไม่น่าทำงานหนักมาก เท่าที่หนูดูมาก็ไม่ได้หนักขนาดนั้น""จริง ๆ พี่อยากจะเปิดร้านตอนนี้เลย ถ้าเป็นไปได้" พี่ไทพูดอย่างเศร้าสร้อย "มันเป็นความฝันของพี่สมัยที่พี่ทำงานให้นายลีแล้ว""ความฝันอะไรเหรอคะ?" ฉันถามพี่ไทยื่นมือของเขามาลูบที่ท้องของฉันที่กำลังป่องอยู่อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล"การได้สร้างครอบครัว แต่งงานกับคนดี ๆ และมีลูกด้วยกัน ได้สร้างอะไรที่พวกเราบริหารจัดการกันเอง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "พี่มีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหารแต่คงเลือดร้อนเกินไปด้วยแหละ"ฉันลูบศีรษะของสามีด้วยความเอ็นดู"แต่มาเฟียเขามีสัจจะตรงที่ ถ้าออกไปแล้วจะไม่มีวันกลับเข้าแก๊งอีกเด็ดขาด""แต่พี่ไม่ได้กลับไปทำงานในฐานะนักฆ่าแล้วนี่" ฉันพู
"อุ๊กก!! " ฉันรู้สึกคลื่นไส้ในช่วงกลางดึกจนต้องรีบลุกไปสำรอกในห้องน้ำ พี่ไทที่กำลังหลับอยู่ก็ตกใจตื่นลุกขึ้นตามมาดูอาการฉันหอบเมื่อสำรอกทุกอย่างออกมาหมดลงในอ่างชักโครก พี่ไทก็กำลังลูบหลังฉันอย่างเบามือ"เป็นอะไรมากมั้ยนิด?" พี่ไทถามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ยังคงมีความสะลึมสะลือผสมอยู่ครึ่งหนึ่ง"ไม่เป็นไรหรอกพี่" ฉันหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน "แต่ก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยอะ""ไปหาหมอก่อนมั้ย?""ไม่เป็นไรหรอก" ฉันปฏิเสธทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นแน่นอน"เอางี้ เดี๋ยวตอนนี้ไปดื่มน้ำนอนก่อน แล้วถ้าตื่นมาไม่ดีขึ้น พี่จะพาไปหาหมอ" พี่ไทบอกด้วยเสียงที่จริงจังฉันพยักหน้าด้วยความยินยอมก่อนพี่ไทจะช่วยพยุงร่างของฉันไปนอน.................."เบอร์ยี่สิบเอ็ดเข้าตรวจพบคุณหมอที่ห้องตรวจหมายเลขสามค่ะ" นางพยาบาลชุดขาวนวลใบหน้าสะสวยขอบตาคล้ำ ๆ เรียกหมายเลขที่ตรงกับที่เขียนอยู่ในบัตรคิวซึ่งนางพยาบาลอีกคนให้ฉันไว้ฉันกับพี่ไทลุกเดินเข้าไปในห้องตรวจคุณหมอที่นั่งตรวจเช็คประวัติเมื่อรู้ว่าฉันเดินเข้ามาก็เชิญให้มานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม ส่วนพี่ไทก็ยืนอยู่ด้านหลัง"คุณนิดนะคะ" คุณหมอหญิงวัยกลางคนท่าทางดูใจดีพูดด้วยน้ำเสีย
บรรยากาศในห้องแตกต่างจากที่เราเคยใช้ชีวิตอยู่ก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย เพียงแค่พวกจินดาซื้อไฟสีแดงอมม่วงมาติดและปรับระดับความสว่างให้สลัวเพื่อให้ได้มีบรรยากาศที่จะพร้อมผสมพันธุ์ได้ทุกเมื่อนัยน์ตาของสองเราจ้องกันราวกับว่าจะหลอมรวมกับเป็นหนึ่ง ไม่มีใครกระพริบตาให้กัน อย่างกับว่าต่างคนต่างสะกดใจกันจนไม่มีใครคิดที่จะตื่นจากภวังค์พี่ไทโน้มตัวลงมาจุมพิตริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล อารมณ์ของฉันก็พลุ่งพล่านทันทีฉันหลับตาและปล่อยให้อารมณ์มันพลุ่งพล่านออกไปแบบที่ไม่มีวันกลับ ฉันเอื้อมแขนทั้งสองข้างเข้าไปกอดสามีอย่างรักใคร่ ลิ้นของฉันเลื้อยเข้าไปทักทาย"อื้อ~" ฉันหลุดครางไปเล็กน้อยประสานกับเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะพี่ไทผละจากฉันพร้อมกับเปลือยบน ส่วนที่ยากที่สุดก็คงจะเป็นเนคไทที่ต้องแก้ปมให้ถูก ไม่งั้นก็จะกลายเป็นรัดคอเอา ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยกล้ามเนื้อที่เป็นมัดสวย สะท้อนแสงจนแทบจะกลายเป็นกล้ามเนื้ออัญมณี นั่นยิ่งทำให้ช่วงกลางของฉันแฉะไปหมดเมื่อนั้น ฉันลุกขึ้นมารูดซิปเกาะอกของชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ลงเผยให้เห็นหน้าอกอันเต่งตึงแบบที่เขาเคยเห็นอยู่ทุก ๆ วันเขาเอาปากเข้ามาประกบหัวนมที่ตั้งชูก่อน
เสี่ยลีลืมจ่ายเงินค่าบริการแฟนเช่า เขาจึงจัดการจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อเป็นการขอโทษนั่นคือได้มาอีกห้าหมื่น ด้วยเงินทั้งหมดที่มีนั้นทำให้สามารถจัดงานแต่งในวันที่กำหนดได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ ด้วยความที่ฉันไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องแล้ว ตามประเพณี ฝ่ายชายจะต้องไปสู่ขอ ซึ่งฉันให้เสี่ยลีเป็นพ่อและแม่เบียร์เป็นแม่ให้แทนแต่สองคนนั้นกลับปฏิเสธ แต่จะเป็นพ่องานแม่งานให้ ฉันจึงต้องขอคนอื่นมาแทนฉันที่แต่งตัวด้วยชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แบบเกาะอกชายกระโปรงยาวปิดขานั่งอยู่ที่พื้นเวทีที่ประดับไปด้วยดอกไม้หลากสีและนานาชนิด มีการจัดที่นั่งสำหรับพ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งพี่ต้อมเป็นพ่อเจ้าบ่าวและพี่ผึ้งเป็นแม่เจ้าบ่าวส่วนพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวก็เป็นเสี่ยลีและแม่เบียร์ซึ่งเสี่ยลีก็รับหน้าที่เป็นประธานในพิธีเช่นกัน ในช่วงแรกนั้นที่ต้องมีพิธีแห่ขันหมากและเจ้าบ่าวจะต้องแจกซองให้ประตูที่จะเข้าไปสู่เจ้าสาว ซึ่งพี่ต้อมเป็นออกเงินให้ก่อนแล้วให้พี่ไทมาใช้คืนทีหลังคนที่มาร่วมงานแต่งส่วนมากจะเป็นเพื่อน ๆ ในพาราไดซ์อาบอบนวดโดยเสี่ยลีเป็นประธานในพิธี นัยน์ตาของเขายังคงมีความเศร้าโศกเก็บซ่อนอยู่และไม่อยากที่จะให้