มือเรียวสวยหยิบนามบัตรใบเล็กสีดำขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ของคืนนี้แล้วก็ไม่อาจนับได้ “ศิรา กิจธนะวรกุล” ชื่อเจ้าของนามบัตรเด่นชัดอยู่ตรงหน้า พร้อมเบอร์โทรติดต่อ
“เฮ้ออออ” เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นจากร่างบาง ทำให้ใบตองที่นั่งข้าง ๆ หันมามองด้วยความสงสัย
“พี่บัว เป็นอะไรไปตองเห็นพี่ทำหน้ากลุ้มใจแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ” หญิงสาวอดไม่ได้จึงเอ่ยถามออกไป
“พี่มีเรื่องให้ตัดสินใจนิดหน่อยน่ะ”
“ปรึกษา ตอง ได้นะพี่” ใบตองสาวสวยเด็กนั่งดริ๊งก์ประจำร้านเอ่ย
“ขอบใจจ้ะ”
“ว่าแต่ช่วงนี้ไม่เห็นคุณศิราเลยเนอะ ปกติเขาจะมาหาพี่เกือบทุกคืน” หญิงสาวชวนคุย
“บ้า มาหาพี่ที่ไหนกัน” บัวบูชา ก้มหน้าพูดกลบเกลื่อน
“แหม พี่บัว ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าคุณเขาชอบพี่มาก ๆ เลยนะ”
“…”
“เป็นตองนะ ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ถึงไม่ได้เป็นแฟน เป็นกิ๊กก็ยังดี”
“เดี๋ยวเหอะ แก่แดดเกินไปแล้วนะเรา” บัวบูชา หันไปดุหญิงสาวอย่างไม่จริงจังนัก
“ตองไม่เด็กแล้วนะ อายุยี่สิบ แถมมีแฟนมาแล้วสามคนด้วย”
“สามคนแล้วเหรอ” บัวบูชาทำตาโต หันไปมองหน้าคนข้าง ๆ ทันที อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ใบตองพูด
“จริง แล้วพี่บัวล่ะ เคยมีแฟนมาแล้วกี่คนอะ” หญิงสาวถามกลับ
“พี่ยังไม่เคยมีแฟน” บัวบูชาพูดเสียงเบาพร้อมกับส่ายหน้า
“ห๊ะ! จริงดิ?”
“ตกใจอะไร น่าแปลกเหรอ” หัวคิ้วบางขมวดมุ่น
“แปลกสิ พี่ออกจะหน้าสวย หุ่นดี ผิวดี ขนาดนี้ไม่มีใครมาจีบบ้างเหรอ?”
“มันก็มีแหละ แต่พี่ไม่ได้คิดเรื่องนั้น ทุกวันก็ทำแต่งาน จะเอาเวลาไหนไปมีแฟนกัน”
“แล้วคุณศิรา พี่ไม่สนใจจริงเหรอ โปรไฟล์เลิศมากเลยนะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย”
“แต่เขาดูเจ้าชู้มากเลยนะ” คนพูดยิ้มแหย
“มันธรรมดาพี่ ผู้ชายเจ้าชู้ทุกคนแหละ แต่เขาก็ไม่ผิดนะ เพราะเขายังไม่มีแฟน จะไปกับใครก็ได้ปะ” พอสิ้นคำพูดของใบตอง ภาพของศิราที่โอบกอดกับสาวชุดแดงหน้าห้องน้ำ โผล่เข้ามาในหัวของบัวบูชาทันที
“อืม มันก็จริง” ร่างบางพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งคู่พูดคุยสัพเพเหระกันสักครู่ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้เป็นวันศุกร์ ลูกค้าคืนนี้ค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษกว่าทุกวัน เนื่องด้วยเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ผู้คนต่างพากันออกมาผ่อนคลายหลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์
ศิราเดินเข้ามาในร้าน พลางกวาดสายตามองไปทั่วร้าน เหมือนกับต้องการมองหาใครบางคน ก่อนที่จะเดินตามพนักงานต้อนรับไปยังโต๊ะประจำเหมือนทุกที เขาสั่งเครื่องดื่มและกับแกล้มมาหนึ่งจาน พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์ว่าให้ใครเป็นคนมาเสิร์ฟ
คนน่ารักที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันแล้ว
“ขออนุญาต นะคะ” บัวบูชาเอ่ย ก่อนจะนำกับแกล้มมาวางไว้ที่โต๊ะ
“ไม่เห็นหนู โทรหาพี่เลย” ศิรามองใบหน้าน่ารักไม่วางตา ก่อนจะเอ่ยประโยคที่อยากจะถามออกไป
“...”
“ไม่เห็นหน้ากันตั้งหลายวัน หนูไม่คิดถึงพี่เลยเหรอคะ?” ศิรายังคงคาดคั้นต่อ
“งั้น...คืนนี้...รบกวนคุณศิรา ไปส่งบัวกลับบ้านหน่อยได้ไหมคะ?” หญิงสาวรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้ารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“ได้สิคะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของศิราทันทีที่ตอบรับคำชวนของอีกฝ่าย
“หนูไปทำงานเถอะ เลิกงานแล้วพี่รอหน้าร้านนะ”
“ค่ะ” คนตัวเล็กรับคำก่อนจะรีบเดินหนีไปจากตรงนั้นทันทีด้วยความอายพอเดินพ้นออกมาร่างบางก็ถอนหายใจโล่งอกทันที ตอนนี้เธอเกิดความรู้สึกสับสนในใจอยู่มาก ไม่รู้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะถูกหรือผิด แต่เธอก็พร้อมที่จะเสี่ยง
“คุณศิรา คะ” อยู่ ๆ บัวบูชาก็เกริ่นขึ้นมา หลังจากที่รถเคลื่อนตัวมาได้สักพัก
“ว่าไงคะ?” คนร่างสูงละสายตาจะถนน หันมามองคนด้านข้างแว็บหนึ่ง
“เรื่องที่เราคุยกันคราวก่อน บัว...คิดว่าจะรับข้อเสนอของคุณค่ะ” มือบางที่วางบนตักเย็นชื้นเหงื่อด้วยความกังวล หัวใจเต้นโครมครามจนเจ้าของแอบกลัวว่าคบที่กำลังขับรถอยู่จะได้ยิน
“หนู พูดจริงเหรอคะ” ศิรา เอ่ยออกมาอย่างดีใจ
“ค่ะ บัว...พูดตรง ๆ เลย ตอนนี้บัวต้องการเงินไปรักษาแม่” ร่างบางพูดออกมาเบา ๆ ด้วยความละอายใจ
“หนูไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นนะคะ ถ้าหนูมาเป็นเด็กพี่ พี่จะดูแลหนูกับแม่เอง” มือหนา ถือวิสาสะเอื้อมไปกุมมือบางไว้หลวม ๆ พร้อมกับใช้นิ้วโป้งเขี่ยหลังมือเบา ๆ
“แต่หนูก็ต้องเป็นเด็กดีด้วยนะคะ พี่ชอบคนขี้อ้อน ขี้เอาใจ หนูทำได้ไหมคะ?”
ร่างบางหันไปมองเสี้ยวหน้าของผู้ชายตัวโตด้านข้างด้วยสายตาที่ไม่อาจบ่งบอกได้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กรู้สึกอย่างไร ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าทางข้างหน้าเธอจะต้องอะไรบ้าง จะต้องฝืนสักแค่ไหน เธอก็พร้อมจะทำ
“ได้ค่ะ” ใบหน้าน่ารักพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ
“งั้นก็ตกลงค่ะ แต่ก่อนอื่นหนูต้องแทนตัวเองว่าหนู แล้วเรียกพี่ว่าพี่ ก่อนนะคะ เรียกคุณฟังแล้วดูห่างเหินชะมัด”
“ค่ะ พิ...พี่ศิรา” ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีซับเลือดอย่างน่าเอ็นดู
“เก่งมากค่ะ” ศิรา ลูบหัวคนตัวเล็กเบา ๆ ก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดี
รถหรูเคลื่อนมาจอดที่หน้าตึกสองชั้นหลังเดิม บัวบูชายกมือไหว้คนตัวโต ก่อนจะกล่าวขอบคุณ แต่ก่อนที่จะได้ทันเปิดประตูรถ โทรศัพท์เครื่องสวยก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“เมมเบอร์หนูให้พี่หน่อยสิคะ” ศิรา ส่งยิ้มมาให้ ร่างบางจึงเอื้อมมือมารับโทรศัพท์สีดำเครื่องหรูที่ชายหนุ่มยื่นมาให้พร้อมกับจัดการกดเบอร์โทรของตัวเองลงไปทันที
“ไว้พี่โทรหา รับสายพี่ด้วยนะคะ”
“ค่ะ”
ร่างบางมองรถคันใหญ่ที่เคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา ก่อนจะหันหลังเปิดประตูเดินเข้าบ้านโดยไม่ลืมที่จะแวะไปหาผู้เป็นแม่เหมือนทุกคืน บัวบูชามองหน้าแม่ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอย่างรู้สึกผิด ตาเรียวคู่สวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำสีใสของความเสียใจ และความรู้สึกผิด หากแม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้ แม่จะเสียใจหรือเปล่านะ
หลังจากนั้นไม่นาน คุณศิราก็จัดการซื้อคอนโดมิเนียมหรูราคาเกือบสิบล้าน ให้เธออยู่ โดยอีกฝ่ายอ้างว่ามันสะดวกหากจะมาหา แถมคอนโดที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตึกแถวที่เธอเช่าอยู่นัก เดินทางสะดวกสบายแถมยังใกล้กับรถไฟฟ้า และที่สำคัญมันสะดวกต่อการเดินทางไปมหาวิทยาลัยของเธอด้วย
ตอนนี้คุณศิราให้เธอลาออกจากที่ทำงานทั้งสองที่ แรก ๆ ตัวเธอเองก็บ่ายเบี่ยงแต่คุณศิรายื่นคำขาดมาว่ายังไงก็ต้องออก โดยให้เหตุผลว่าหน้าที่ของเธอที่ต้องทำก็ คือเรียนหนังสือ ดูแลแม่ และดูแลคุณศิราเท่านั้น
ในเมื่อขัดไม่ได้บัวบูชาจึงไปลาออกจากที่ทำงานทันที ที่แรกก็คือที่บาร์ ซึ่งคุณมาวินเองก็ดูเหมือนจะรู้ถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงลาออก อีกฝ่ายเลยไม่ได้ถามอะไรมากมาย คนที่เป็นฝ่ายอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้เธอออกก็เห็นจะมีแค่ใบตอง รายนั้นบ่นว่าเพิ่งจะสนิทกันแท้ ๆ อีกหน่อยก็คงเหงาแย่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็แค่ร่ำลากันปกติ บางคนก็ดีใจจนแสดงออกทางสีหน้าไม่มิดด้วยซ้ำ
ส่วนร้านที่สองก็คือร้านคาเฟ่ วันนั้นพี่เนย เจ้กร สายน้ำ และนิดหน่อย อยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างก็ใจหายเป็นธรรมดาเพราะเธอทำงานที่นี่มานาน ร้านนี้เป็นร้านที่รู้สึกผูกพันมากที่สุด ทุกคนเปรียบเสมือนพี่น้องเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อเธอตัดสินใจแล้วทุกคนก็พร้อมยินดี
“ลาออกแล้วหนูจะไปทำอะไรล่ะลูก” เจ้กร ถามขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังนั่งล้อมวงทานหมูกระทะกันอยู่หลังร้าน
“ช่วงนี้บัวคงพักก่อนค่ะเจ้กร อีกอย่างเดือนหน้าต้องไปฝึกงานแล้วด้วย” บัวบูชาเลือกที่จะพูดโกหกคำโตออกไป
“ถ้าฝึกงานเสร็จแล้วยังไม่มีงานทำ กลับมาที่นี่นะบัว” พี่เนยพี่สาวแสนใจดีเอ่ยขึ้นบ้าง
“ค่ะพี่เนย ขอบคุณพี่มากจริง ๆ สำหรับที่ผ่านมา เจ้กร ด้วยนะคะ” บัวบูชาเอ่ยขอบคุณคนทั้งสองอย่างซาบซึ้ง ทำให้บรรยากาศดูเศร้าหมอง น้ำตาเจ้ากรรมก็พานจะไหล
“ไม่ร้อง ๆ ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกัน ร้านก็อยู่ที่เดิม บัวก็อยู่ที่เดิม ว่าง ๆ ก็มาหากัน” เจ้กร เห็นว่าบรรยากาศเริ่มเศร้า ๆ เลยพูดเพื่อคนทุกคนผ่อนคลาย
“ใช่ ๆ มาทุกคนกินให้เต็มที่ มื้อนี้ไม่อั้นจ้า”
หลังปาร์ตี้หมูกระทะจบลง บัวบูชาก็รีบกลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนเวรต่อจากพี่ฟ้าที่เลิกงานห้าโมงเย็น ส่วนพี่มดพี่พยาบาลอีกคนที่ คุณศิราจัดหามาให้จะเข้ามาในช่วงสองทุ่มถึงตีห้า และหากวันไหนที่เธอต้องไปค้างที่คอนโด พี่มดก็จะอยู่ลากยาวให้จนถึงแปดโมงเช้า เพื่อรอให้พี่ฟ้ามารับช่วงต่อ
“แม่จ้ะ เย็นนี้บัวซื้อกับข้าวที่แม่ชอบมาฝากด้วยนะ”
“ซื้อมาทำไมเยอะแยะ ที่ฟ้าซื้อมาให้ยังกินไม่หมดเลยลูก เปลืองตังค์”
“ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวให้พี่มดช่วยกิน”
“บัวเอาเงินให้ฟ้าไว้ซื้อกับข้าวเหรอลูก”
“ใช่จ้ะแม่”
“มิน่าล่ะ ช่วงนี้ฟ้าซื้อแต่ของดี ๆ แพง ๆ มาให้แม่ ไหนจะอาหารเสริมอีกตั้งเยอะ แม่ไม่อยากให้ซื้อมาเลย มันแพง” อุบลพูดเสียงอ่อน
“แม่จ๋า ไม่เป็นไรแม่ บัวทำงานได้เงินเยอะ แม่ไม่ต้องกังวลนะ บัวไม่สุรุ่ยสุร่ายแม่ก็รู้” เด็กสาวพูดเพื่อให้แม่คลายกังวล
“มาแม่ มากินข้าวกันก่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้บัวต้องรีบไปทำงาน อาจจะนอนที่ร้านนะแม่ ไม่อยากเสียเวลานั่งรถกลับ วันนี้รู้สึกเพลีย ๆ” บัวบูชาเลือกที่จะโกหกมารดาว่านอนที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวไปนอนค้างที่คอนโดของศิรา
“จ้ะ ไม่สบายก็พักบ้างนะลูก อย่าฝืน เดี๋ยวจะเป็นเหมือนแม่ ร่างกายเรา เราต้องรู้ลิมิตของตัวเองนะลูก”
“รู้แล้วจ้ะ”
“แม่รักบัวนะ ลูก”
“บัวก็รักแม่จ้ะ ดูแลตัวเองให้หายดีก็พอจ้ะ”
บัวบูชาเงยหน้าขึ้นมองคอนโดหรูใจกลางเมืองที่อยู่เบื้องหน้า ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา เมื่อบ่ายเธอได้รับข้อความจากคุณศิราว่าจะเข้ามาหาที่คอนโดตอนสองทุ่ม ให้เตรียมน้ำอุ่นไว้รอเหมือนทุกที
มือบางแตะคีย์การ์ดเบา ๆ และใช้นิ้วชี้วางลงบนปุ่ม พริบตาเดียวสัญญาณปลดล็อกก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก คอนโดที่นี่มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม พื้นที่กว้างขวาง แถมการตกแต่งก็ดูดี มีสไตล์ที่เรียบหรูช่างเหมาะกับเจ้าของห้องเสียจริง
บัวบูชาเปิดตู้เย็นดูพวกของสดที่มีอยู่ พลางคิดเมนูกับข้าวง่าย ๆ ขึ้นมาสองสามอย่าง แต่ก่อนที่จะลงมือทำนั้น บัวบูชาดันคิดขึ้นมาได้ว่าเจ้าตัวลืมถามคนตัวสูงเสียสนิทว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และที่สำคัญแพ้อาหารอะไรบ้างหรือไม่
มือเร็วกว่าความคิด โทรศัพท์เครื่องใหม่ล่าสุดที่คุณศิราพาไปซื้อเมื่อวันก่อนถูกหยิบขึ้นมาโทรออกไปหาเบอร์ที่เมมไว้ทันที
“สวัสดีค่ะ พี่ศิรา”
“ว่าไงคะ?”
“คือหนูกำลังจะทำอาหาร แต่หนูลืมถามว่าพี่ศิราชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วแพ้อาหารอะไรบ้าง”
“น่ารักจริง ๆ พี่ไม่แพ้อะไรค่ะ กินได้ทุกอย่าง แค่ไม่ค่อยชอบรสจัดหรือเผ็ดมาก ๆ” ปลายสายตอบกลับมา
“ค่ะ หนูจะจำไว้”
“เย็นนี้ หนูจะโชว์ฝีมือเองเหรอคะ?”
“ค่ะ หนูว่าจะทำแกงเขียวหวานไก่ กุ้งทอดเกลือ แล้วก็แกงจืดสาหร่ายหมูสับ พี่ศิรากินได้ไหมคะ?”
“ได้ครับ วันนี้พี่เมื่อยมากเลย นั่งทำงานทั้งวัน คืนนี้คนสวยต้องนวดให้พี่ด้วยนะ”
“หนู...นวดไม่เป็น” บัวบูชาเสียงอ่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่สอนหนูเอง”
มือบางกำโทรศัพท์แน่น รู้สึกเขินอายกับคำพูดของอีกฝ่าย คนที่ไม่เคยมีความรักเลยสักครั้งในชีวิต มีหรือจะสู้ผู้ชายเจ้าเสน่ห์อย่างศิราได้ แค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำเธอใจเต้นแรง ก่อนที่จะเขินอายไปกว่านั้น บัวบูชาจึงรีบตัดบท และขอวางสายเพื่อไปทำกับข้าวทันที
หลังสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปได้ บัวบูชาก็ลงมือทำอาหารอย่างตั้งใจ ร่างบางจับโน่นหั่นนี่ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เพราะเป็นงานที่ถนัด ทำมาตั้งแต่เด็ก จะให้เสียชื่อลูกแม่ค้าขายข้าวแกงได้ยังไงกัน ไม่นานอาหารสามอย่างก็เสร็จ พร้อมกับหม้อหุงข้าวที่ไฟเปลี่ยนเป็นสีเหลือง บ่งบอกว่าข้าวสวยร้อน ๆ ในหม้อสุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพหมดแล้ว บัวบูชาจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รอคนที่กลับมาจากที่ทำงาน เนื่องจากใกล้ถึงเวลานัดเต็มที
ตี๊ดดเสียงสัญญาณประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแสนมีเสน่ห์ ศิราในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก กับกางเกงสแล็กส์สีกรม มันช่างดูเข้ากันเป็นอย่างมากในสายตาของบัวบูชาคนร่างสูงยื่นเสื้อสูทสีเดียวกันกับกางเกงให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังมองมาที่เขานิ่งราวกับรูปปั้น“หนู เป็นอะไรคะ?”“เปล่าค่ะ” บัวบูชาตอบพร้อมกับส่ายหัวรัว ทำให้ศิรายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“พี่ศิรา จะทานข้าวหรือว่าอาบน้ำก่อนดีคะ?”“พี่ว่ากินข้าวก่อนดีกว่า ถ้าอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวเอา”“…”ร่างบางอึกอัก ทำตัวไม่ถูกกับคำพูดเย้าหยอกของอีกฝ่าย ใบหน้าจิ้มลิ้มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวลูกตำลึงสุกจนลามไปถึงใบหู“หน้าแดงใหญ่แล้ว หนูเขินเหรอคะ?” ร่างสูงเอ่ยแซว“พี่ศิรา ไม่แกล้งหนูสิ”“โอเคค่ะ พี่ยังไม่แกล้งตอนนี้ เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่าเนอะ ตอนนี้พี่หิวมากเลย”“โห น่ากินจังเลยครับ” ศ
มือเรียวสวยหยิบนามบัตรใบเล็กสีดำขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ของคืนนี้แล้วก็ไม่อาจนับได้ “ศิรา กิจธนะวรกุล” ชื่อเจ้าของนามบัตรเด่นชัดอยู่ตรงหน้า พร้อมเบอร์โทรติดต่อ“เฮ้ออออ” เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นจากร่างบาง ทำให้ใบตองที่นั่งข้าง ๆ หันมามองด้วยความสงสัย“พี่บัว เป็นอะไรไปตองเห็นพี่ทำหน้ากลุ้มใจแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ” หญิงสาวอดไม่ได้จึงเอ่ยถามออกไป“พี่มีเรื่องให้ตัดสินใจนิดหน่อยน่ะ”“ปรึกษา ตอง ได้นะพี่” ใบตองสาวสวยเด็กนั่งดริ๊งก์ประจำร้านเอ่ย“ขอบใจจ้ะ”“ว่าแต่ช่วงนี้ไม่เห็นคุณศิราเลยเนอะ ปกติเขาจะมาหาพี่เกือบทุกคืน” หญิงสาวชวนคุย“บ้า มาหาพี่ที่ไหนกัน” บัวบูชา ก้มหน้าพูดกลบเกลื่อน“แหม พี่บัว ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าคุณเขาชอบพี่มาก ๆ เลยนะ”“…”“เป็นตองนะ ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ถึงไม่ได้เป็นแฟน เป็นกิ๊กก็ยังดี”“เดี๋ยวเหอะ แก่แดดเกินไปแล้วนะเรา
“แหมมมม มึง วาสนาคนเรานี่มันไม่เท่ากันซะจริงจริ้ง มึงว่าไหม?”“นั่นนะสิ บางคนทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด ทิปไม่ได้สักบาท” บัวบูชาหยุดชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เนื่องจากได้ยินเสียงพูดคุยของพนักงานหญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงทางเดินแว่วมาเข้าหู“ส่วนคนบางคนเดินชม้อยชม้ายส่งสายตายั่วแขกก็ได้ทิปเป็นปึก ๆ สบายไปเลย ตอนนี้เดือน ๆ ได้หลายหมื่นแล้วมั้ง”“ก็วาสนามึงมีไม่เท่าเขาอะเนาะ ก็ต้องทำใจ”“แล้วก็ชอบทำเป็นเล่นตัวนะ อ่อยคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่ละคนหน้าไม่เคยซ้ำ”บัวบูชาหยุดฟังจนบทสนทนาดังกล่าวจบไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง ทำได้แค่ก้มหน้าเดินผ่านไป เลี่ยงทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนากระแหนะกระแหนเมื่อสักครู่หญิงสาวไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร ที่มาทำงานก็เพื่อหาเงิน ใครจะคิดยังไง จะว่ายังไงเธอไม่สน ร่างบางรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนยังไง ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่พวกขี้อิจฉา ที่เห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองไม่ได้ ก็เท่านั้น“คุณศิรา รอนานไหมคะ” หลังเลิกงานบัวบูชารีบเดินออกมาจากร้านทันทีเพราะกลัวว่าอีก
บัวบูชาหลังจากที่เดินออกมาจากโต๊ะนั้น หญิงสาวก็เข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ จากตอนแรกที่ใจเต้นแรงเพราะใบหน้าหล่อเหลานั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นอารมณ์โกรธมากกว่า นึกว่าจะแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ที่แท้ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่แกหวังอะไรอยู่เนี่ย บัวบูชา ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ขณะกำลังจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ ร่างบางก็ต้องสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนแทบจะสิงกันอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำบัวบูชาตกใจตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นชัด ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ตอนนี้จะออกไปก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ยืนฟังบทสนทนาที่ดังแว่วมาเบา ๆ“คืนนี้ คุณศิรา มีนัดที่ไหนต่อไหมคะ?” สองแขนเรียวถือวิสาสะยกขึ้นคล้องคอหนาของศิราเอาไว้“ไม่มีครับ” ศิราตอบกลับ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบเอวของเจ้าหล่อน ใครมันจะยอมให้ผู้หญิงยั่วอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็เสือผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องโปรยเสน่ห์เขาถนัดนัก“งั้น คืนนี้ไปดื่มต่อที่ห้องดาวไหมคะ?”“ชวนผู้ชายไปที่ห้อง คุณดาว ไม่กลัวเหรอครับ?” ศิราเอียงคอมองผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย อย่างล
หลังจากวันนั้นก็เป็นเวลากว่าสี่เดือนแล้ว ที่บัวบูชาทำงานที่บาร์แห่งนี้ ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอรู้จักพนักงานในร้านทุกคนแล้ว โดยเฉพาะรุ่นน้องที่ชื่อใบตอง อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีใบตองคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดทั้งเรื่องงานหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาเจอกับพวกลูกค้าผู้ชายที่มือไวใจเร็ว ชอบแตะนิดแตะหน่อย หรือพวกที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่าม แทะโลมต่าง ๆ นานาแรก ๆ บัวบูชาก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พอปรับตัวได้หญิงสาวก็เริ่มเอาตัวรอดเป็น อยู่ต่อหน้าลูกค้าก็พูดจาคะขา เอาอกเอาใจเก่ง ทำให้ตอนนี้รายได้จากทิปคืนหนึ่งก็ปาไปเกือบสี่พันบาทแล้วแต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าทุกคนในร้านจะดีกับเธอทุกคน มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด โดยเฉพาะกับพวกสาว ๆ ที่ทำงานที่ร้านมาก่อน พอเธอเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้คนพวกนั้นไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่บัวบูชาตัดความฟุ้งซ่านทิ้งไป ทุกวันนี้เธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแค่นั้นก็พอ ตอนนี้เธอต้องรีบกอบโกยเงินให้ได้มากที่สุด เพราะปลายเทอมหน้าก็เป็นเทอมสุดท้ายของภาคเรียนแล้วซึ่งเป็นเวลา
ในเช้าวันจันทร์ที่อากาศสดใส บัวบูชาตื่นมาช่วยแม่เตรียมของตอนตีสามเหมือนเช่นเคย เช้านี้เธอได้ยินแม่บ่นว่าปวดขามากกว่าทุกวัน แถมอาการหายใจติดขัด หอบเหนื่อยง่ายที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้บ่อย ๆ ก็เหมือนจะมีอาการมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา“แม่ไหวไหมจ๊ะ? ถ้าไม่ไหววันนี้หนูขายเอง” บัวบูชาเอ่ยหลังสังเกตเห็นสีหน้าซีดเซียวของผู้เป็นแม่“แม่ไหวลูก มีเรียนก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่” อุบลเอ่ย“แม่...แม่อย่าฝืนนะ เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”“แม่ยังไหว บัวเตรียมของไว้ให้แม่ก็แล้วกัน แม่ขอไปนั่งพักก่อน เดี๋ยวตีห้าแม่ออกไปช่วยขาย”“จ้ะแม่ แต่ถ้าวันนี้อาการยังไม่ดีขึ้น เย็นนี้หยุดขายผัดไทยก่อนนะแม่ เลิกเรียนหนูจะรีบกลับบ้าน” บัวบูชาที่ยังรู้สึกเป็นห่วงจึงเอ่ยกำชับผู้เป็นแม่อีกครั้ง“จ้ะ”ครืน ครืน เสียงสั่นจากโทรศัพท์เครื่องเล็กซึ่งตกรุ่นมาหลายปีแล้วดังขึ้น เพื่อนที่นั่งเรียนข้าง ๆ ได้ยินเสียงสั่นก็หันมามอง บัวบูชารีบล้วงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าผ้าใบเก่งพบว่าเป็นเบอร์ของแม่ที่โทรเข้ามา คิ้วขมวดเป็นปมอย่างนึกสงสัยว่าผู้เป็นแม่มีธุระอะไร มือบางจึงรีบกดรับสายทันที“แม่ ว่าไงจ๊ะ”“สวัสดีครับ ผมโทรจากกู้ภัยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป