LOGINรถสปอร์ตสีดำสนิทของอัคนีเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าหอพักอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงดังสะท้อนอยู่ในโสตประสาทของจีน่า และสายตาของผู้คนที่ยังคงจับจ้องมาที่เธอไม่วางตา หญิงสาวรีบก้มหน้างุดแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าหอพักไปทันที ไม่ต้องการตอบคำถามหรือเผชิญหน้ากับความอยากรู้อยากเห็นของใครทั้งนั้น
เธอมีเวลาไม่มากนักในการเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย แต่ความคิดในหัวกลับวุ่นวายสับสนไปหมด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงฉายวนซ้ำไปซ้ำมาในหัว อ้อมกอดที่แข็งแกร่ง รสจูบที่ร้อนแรง และคำสัญญาที่เธอต้องไป ‘ชดใช้’ หลังเลิกเรียนในเย็นวันนี้ ‘ขนาดค่าเรียน หนูยังต้องหาเงินจ่ายเองเลย...’ คำพูดของตัวเองยังคงดังก้องอยู่ในหู เธอไม่รู้ว่าพูดออกไปทำไม บางทีอาจเป็นเพราะบรรยากาศบนรถที่เงียบจนน่าอึดอัด หรืออาจจะเป็นเพราะสายตาของเขาที่มองสภาพหอพักของเธอ มันทำให้ความจริงอันแสนเจ็บปวดถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ที่น่าแปลกใจคือปฏิกิริยาของเขาหลังจากที่เธอพูดจบ เขานิ่งไป... ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเลยจนกระทั่งส่งเธอลงจากรถ แววตาที่ซับซ้อนคู่นั้นคืออะไรกันแน่? ความสมเพช? ความประหลาดใจ? หรือ... อะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ จีน่าสะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งวิเคราะห์อารมณ์ของมาเฟียคนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอบย่อยในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้า เธอไปสอบภาคเช้า แม้จะไม่มีสมาธิแต่ก็ยังตั้งใจอย่างถึงที่สุด ตลอดเวลาในห้องสอบ ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมกริบของอัคนีมักจะลอยเข้ามาแทรกสมาธิเธอเป็นระยะๆ แต่ทุกครั้งเธอก็จะพยายามดึงตัวเองกลับมาจดจ่อกับข้อสอบตรงหน้าให้ได้ การเรียนคือสิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ คือความหวังเดียวของยาย คือตั๋วใบเดียวที่จะพาเธอไปสู่ชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ เธอจะปล่อยให้มันพังทลายลงเพราะเรื่องบ้าๆ นี่ไม่ได้ หญิงสาวกัดฟันสู้กับความว้าวุ่นในใจ บังคับสมองให้ขุดค้นทุกสิ่งที่เคยอ่านและท่องจำมาตลอดทั้งเทอมออกมาใช้ เธอมุ่งมั่นทำข้อสอบจนกระทั่งหมดเวลา แม้จะไม่มั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนทุกครั้ง หลังจากเรียนเสร็จ ในช่วงบ่าย จีน่าไม่ได้กลับหอพักทันทีเหมือนทุกวัน เธอยังไม่พร้อม... ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รอเธออยู่ เธอเดินอย่างไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ๆ มหาวิทยาลัย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับสายลมที่พัดเอื่อยๆ เธอใช้เวลาอยู่ซักพักใหญ่... ในการทำใจ ภาพของยายที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนลอยเข้ามาในความคิด น้ำเสียงที่เคยปลอบประโลมว่า ‘ไม่เป็นไรนะลูก สู้ๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง’ ยายคงจะเสียใจแค่ไหนถ้ารู้ว่าหลานสาวคนเดียวที่สู้ทนทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางที่มืดมนเช่นนี้ แต่น้ำตาของเธอไม่ไหลออกมาอีกแล้ว บางทีเธออาจจะร้องไห้ไปจนหมดสิ้นแล้วเมื่อคืนนี้ หรือบางที... ส่วนลึกในใจของเธอก็เริ่มยอมรับชะตากรรมนี้แล้วจริงๆ หนี้ก้อนมหาศาลที่เธอไม่มีวันชดใช้ได้คือโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น อนาคตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายคือเครื่องต่อรองที่เธอไม่อาจปฏิเสธ และคำขู่ที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเธอก็คือคำพิพากษาที่เด็ดขาด เธอไม่มีทางเลือกอื่นใดเลยจริงๆ แต่ท่ามกลางความมืดมนและสิ้นหวังนั้น ลึกลงไปในใจ... กลับมีความรู้สึกแปลกประหลาดที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ มันคือความตื่นเต้น... ความอยากรู้อยากเห็นระคนหวาดหวั่นต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป อ้อมกอดของเขาเมื่อคืนมันไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่เธอคิด รสจูบของเขามันก็... ไม่ได้เลวร้ายเลยสักนิด สัมผัสของเขามันปลุกปั่นบางอย่างในตัวเธอที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน มันคือความรู้สึกต้องห้ามที่ทำให้เธอทั้งกลัวและสับสน เย็นวันนี้... บทเรียนบทต่อไปกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เธอไม่รู้ว่าเขาจะ ‘สอน’ อะไรเธอบ้าง แต่ลึกๆ แล้ว เธอก็อยากจะรู้... เมื่อตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว จิตใจที่เคยสับสนวุ่นวายก็กลับมาสงบนิ่งลงอย่างน่าประหลาด มันคือความสงบก่อนพายุจะเข้าอย่างนั้นหรือ? จีน่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยืดตัวตรงอย่างมั่นคง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่เธอรู้ดีว่าต้องไป เธอไม่ได้กลับไปที่หอพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่กลับไปที่ ‘ONYX Club’ ในชุดนักศึกษาที่เรียบร้อยตัวเดิม มันเหมือนเป็นการประกาศอย่างเงียบๆ ว่าเธอมาที่นี่ในฐานะนักศึกษาที่กำลังจะมา ‘ชดใช้หนี้’ ไม่ใช่ในฐานะผู้หญิงกลางคืนที่มาเพื่อขายบริการ เมื่อเธอก้าวเท้าเข้าไปในคลับซึ่งยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ บรรยากาศจึงเงียบสงบ มีเพียงพนักงานบางส่วนที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับค่ำคืนนี้ การ์ดหน้าเข้มที่ยืนอยู่หน้าประตูจำเธอได้ทันที เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินเข้าไปยังลิฟต์ส่วนตัวที่ทอดตรงไปยังเพนท์เฮาส์ชั้นบนสุด ทุกย่างก้าวที่เดินไป ทุกวินาทีที่ลิฟต์เคลื่อนตัวสูงขึ้น หัวใจของจีน่าเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่มันไม่ใช่จังหวะของความตื่นตระหนกเหมือนเมื่อวาน หากแต่เป็นจังหวะที่ผสมปนเปไปด้วยความประหม่า ความหวาดหวั่น และความคาดหวังบางอย่างที่เธอไม่อาจหาคำมานิยามได้ ติ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก เผยให้เห็นโถงทางเดินหรูหราที่ทอดไปสู่ห้องทำงานของเขา จีน่าก้าวออกมาจากลิฟต์ และพบว่าบานประตูไม้ขนาดใหญ่บานนั้นเปิดแง้มรอเธออยู่แล้ว ราวกับเขารู้ล่วงหน้าว่าเธอจะมาถึงเวลานี้ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะผลักประตูเข้าไปเบาๆ อัคนีนั่งอยู่บนโซฟาหนังตัวเดิม ในมือไม่ได้ถือแก้วบรั่นดีเหมือนเมื่อคืน แต่กลับเป็นแฟ้มเอกสารที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านมันอยู่ แสงไฟสีวอร์มไลท์สาดส่องลงบนใบหน้าคมคายของเขา ทำให้เงาตกกระทบบนสันกรามและโหนกแก้มอย่างงดงาม เขาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ เป็นเสื้อยืดสีเทาเข้มที่พอดีตัว กับกางเกงสแล็คสีดำ ทำให้เขาดูผ่อนคลายและเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อวาน... แต่นั่นก็เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงประตู เขาก็เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารช้าๆ ดวงตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอทันที และเธอก็ได้ไปหาเขาที่คลับ และตามที่ตกลงไว้ สายตาของเขากวาดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าในชุดนักศึกษาเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆ กับกระโปรงพลีทสีดำที่ยาวคลุมเข่า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเธอ แววตาของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ “มาแล้วเหรอ” เขาถามเสียงเรียบ วางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ “ค่ะ” จีน่าตอบรับเสียงเบา เธอเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่กลางห้อง ไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้กว่านั้น บรรยากาศเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ความรู้สึกที่เธอพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเองเริ่มสั่นคลอน แม้จะกลัวแต่ก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกสองอย่างนี้กำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรงอยู่ในใจ อัคนีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆ เขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ “สอบเป็นยังไงบ้าง?” เขาถามขึ้นมาดื้อๆ เป็นคำถามที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากเขา “ก็... ก็พอทำได้ค่ะ” เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก “ดี” เขาพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่มือของเขาจะเอื้อมมาเชยคางเธอขึ้นเบาๆ เหมือนเมื่อคืน บังคับให้สบตากับเขาตรงๆ "ในเมื่อเรื่องที่เธอต้องรับผิดชอบในตอนเช้าเสร็จสิ้นแล้ว..." เขาเว้นจังหวะไปชั่วครู่ ดวงตาคมกริบฉายแววร้อนแรงขึ้นมาอย่างชัดเจน “...ทีนี้ก็ถึงเวลา... มาทำหน้าที่ที่เธอต้องรับผิดชอบกับฉันต่อได้แล้ว”เวลาล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงคืน... ความเงียบภายในคอนโดกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับอัคนีเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาหงุดหงิด งุ่นง่าน เดินไปเดินมาเหมือนเสือติดจั่น ความอดทนของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เด็กคนนั้นกล้าดีอย่างไรถึงยังไม่กลับมา! เขาคว้ากุญแจรถสปอร์ตคันหรูบนโต๊ะ ตั้งใจจะตรงไปยังหอพักของเพื่อนเธอเพื่อลากตัวเธอกลับมาด้วยตัวเอง แต่ในจังหวะที่มือกำลังจะเปิดประตูนั้นเอง เขาก็ชะงักไป... เขาจะไปในฐานะอะไร? สามี? คนรัก? ไม่ใช่... เขาเป็นแค่ ‘เจ้าหนี้’ ที่เปลี่ยนสถานะลูกหนี้มาเป็น ‘เด็กในอุปการะ’ การที่เขาบุกไปตามตัวเธอกลางดึก มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายและน่าสมเพช ความรู้สึกเสียหน้าและหงุดหงิดที่ถูกท้าทายอำนาจทำให้เขาเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย เขาหันหลังกลับ กระแทกประตูห้องเสียงดังปัง! ก่อนจะตัดสินใจขับรถกลับไปที่คลับของตัวเอง... แหล่งระบายอารมณ์ชั้นดีที่เขาคุ้นเคย เสียงเพลงตื๊ดๆ ที่ดังกระหึ่มและแสงสีที่วูบวาบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาก้าวผ่านฝูงชนที่กำลังเต้นรำกันอย่างเมามันตรงไปยังโซนวีไอพีชั้นบนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยรังสีอำมหิตจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ “บอสคร
จีน่าลากฟ้าออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย เธอเดินเร็วมากจนฟ้าแทบจะต้องวิ่งตาม ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ผ่านร้านค้าต่างๆ ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ในสายตาของจีน่าตอนนี้ ทุกอย่างมันช่างดูหม่นหมองและไร้สีสัน ภาพของผู้หญิงสาวสวยที่ยืนเคียงข้างเขา... น้ำเสียงหวานหยดย้อยที่เรียกเขาว่า ‘ที่รัก’... และคำพูดที่ตีตราว่าเธอเป็นแค่ ‘เด็กที่ผับ’... ทุกอย่างมันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเธอเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ตอกย้ำความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าเธอเป็นใคร และไม่มีวันจะได้ยืนในตำแหน่งนั้น... ตำแหน่งข้างกายเขา หลังจากเดินห้างเสร็จอย่างหมดอาลัยตายอยาก ฟ้าไม่ได้เซ้าซี้จะช้อปปิ้งต่ออีก เพราะเห็นได้ชัดว่าเพื่อนสนิทของเธอไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด มีเพียงเสียงจอแจของผู้คนในห้างที่ดูขัดแย้งกับความรู้สึกภายในใจของจีน่าโดยสิ้นเชิง เมื่อเดินออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้าแล้ว จีน่าก็หยุดเดินและหันมามองเพื่อนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “ฟ้า... ฉัน... ฉันไปนอนที่หอแกด้วยได้ไหมคืนนี้” เธอเอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย เธอไ
ผ่านมาสามสี่วันแล้วที่ชีวิตของจีน่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองที่เธอถูกย้ายเข้ามาอยู่ มันกว้างขวางและสะดวกสบายเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ เสื้อผ้าแบรนด์เนมถูกแขวนเรียงรายอยู่ในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นของราคาแพงที่เธอไม่เคยมีปัญญาซื้อหาได้ในชีวิตนี้ ยามเช้ามีแม่บ้านนำอาหารเช้ามาส่งให้ถึงหน้าห้อง และในบัญชีธนาคารของเธอก็มีเงินจำนวนมากพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยไปทั้งเทอมมันคือชีวิตในฝัน... ที่เธอไม่เคยต้องการทุกตารางนิ้วในห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ตอกย้ำสถานะ ‘เด็กในอุปการะ’ ของเธอ มันคือคุกทองที่พันธนาการเธอไว้ด้วยบุญคุณและความรู้สึกผิด แม้ร่างกายจะสุขสบาย แต่หัวใจกลับแห้งแล้งและว่างเปล่าอัคนีไม่ค่อยได้มาหาเธอเท่าไหร่หลังจากคืนนั้น เขาก็มาหาเธอเพียงครั้งเดียวเพื่อดูความเรียบร้อยของที่พัก ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงคำสั่งสั้นๆ ว่าให้ดูแลตัวเองให้ดีและตั้งใจเรียน อย่าทำตัวให้มีปัญหา เขาไม่ได้แตะต้องตัวเธออีก และนั่นก็ทำให้จีน่ารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งก็
คำสั่งเสียงเรียบที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไป ดึงสติของจีน่ากลับมาจากภวังค์แห่งความสับสน เธอนั่งนิ่งอยู่บนขอบอ่างหินอ่อนที่เย็นเฉียบอยู่ครู่หนึ่ง มองไอน้ำอุ่นที่ลอยกรุ่นขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ข้อเสนอของเขา... มันคืออะไรกันแน่?ส่งเสียให้เรียนจนจบ... ย้ายไปอยู่คอนโดใหม่ที่สภาพแวดล้อมดีกว่า... ไม่ต้องทำงานที่ผับอีกต่อไป...มันฟังดูเหมือนความฝัน... ความฝันที่เด็กกำพร้ายากจนอย่างเธอไม่เคยกล้าแม้แต่จะจินตนาการถึง แต่ทำไม... ทำไมหัวใจของเธอกลับหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ ทำไมมันไม่มีความรู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย?เธอค่อยๆ ประคองร่างที่ยังคงปวดระบมของตัวเองลงไปในอ่างน้ำอุ่น ความร้อนของน้ำช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกายได้เป็นอย่างดี แต่ความเจ็บปวดและสับสนในใจกลับไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย เธอมองคราบเลือดจางๆ ที่ลอยปะปนกับฟองสบู่ มันคือหลักฐานที่ยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กสาวคนเดิมอีกต่อไปแล้วหลังจากชำระล้างร่างกายจนสะอาด เธอก็พบว่ามีชุดนอนผ้าซาตินเนื้อดีสีครีมแขวนเตรียมไว้ให้พร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหม่ เมื่อสวมใส่มันเรียบร้อยแล้ว เธอก็รวบรวมความกล้าเดินออกมาจากห้องน้ำอั
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและคำเฉลยที่แสนจะน่าอายของเขายังคงก้องอยู่ในหูของจีน่า เธอนอนนิ่งอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ยังคงทาบทับเธอไว้ สัมผัสของแก่นกายที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่ภายในร่างกายของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน สมองของเธอยังคงมึนงงและสับสน ความสุขสมที่เขาเรียกว่า ‘สวรรค์’ นั้นมันช่างรุนแรงและท่วมท้นจนทำให้เธออ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งร่าง แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากหยาดเหงื่อและของเหลวที่เขาปลดปล่อยเข้ามาก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดอัคนีก็ยอมผละกายออกอย่างอ้อยอิ่ง เสียงถอนแก่นกายดังบ๊วบเบาๆ ทำให้ใบหน้าของจีน่าร้อนเห่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอรีบพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขาทันที ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบจากฝีมือของเขาไว้จนมิดชิด เธออยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ อยากจะชำระล้างคราบไคลและความรู้สึกที่ถูกย่ำยีนี้ออกไปให้หมดสิ้น จีน่าพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด ยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ แต่เพียงเท่านั้น ความเจ็บแปลบที่ร่องกลีบแล่นปราดขึ้นมาจนเธอต้องนิ่วหน้า เธอ
จังหวะที่เคยเชื่องช้าและอ่อนโยนราวกับบทเพลงกล่อมเด็ก แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นจังหวะของพายุคลั่งที่โหมกระหน่ำอย่างไร้ความปรานี อัคนีไม่ได้อดกลั้นหรืออ่อนโยนอีกต่อไป สัญชาตญาณดิบของนักล่าเข้าครอบงำเขาโดยสมบูรณ์ ทุกการสอดกระแทกเต็มไปด้วยความหนักหน่วง รุนแรง และปรารถนาที่จะครอบครองอย่างแท้จริง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะที่ร้อนแรงและน่าอาย ผสานเข้ากับเสียงพรมขนสัตว์ที่เสียดสีอยู่เบื้องล่าง บรรยากาศในห้องที่เคยเงียบสงบ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหอบหายใจของคนสองคนและเสียงแห่งบทรักที่ดุดัน สำหรับจีน่า มันคือประสบการณ์ที่พลิกโลกทั้งใบของเธอ ความเจ็บปวดที่เคยฉีกกระชากร่างกายเมื่อครู่ได้เลือนหายไปแล้วอย่างน่าอัศจรรย์ มันถูกแทนที่ด้วยคลื่นความรู้สึกระลอกใหม่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้จักและไม่มีคำใดจะอธิบายได้ “อื้อ... คุณ...” เสียงของเธอหลุดครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม มันไม่ใช่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอีกต่อไป แต่เป็นเสียงครางกระเส่าที่สั่นพร่าและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ขาทั้งสองข้างที่เคยพยายามหนีบเข้าหากันเพื่อต่อต้าน ตอนนี้กลับย







