LOGIN“...ทีนี้ก็ถึงเวลา... มาทำหน้าที่ที่เธอต้องรับผิดชอบกับฉันต่อได้แล้ว”
คำพูดนั้นเปรียบเสมือนสัญญาณเริ่มต้นบทเรียนบทใหม่ที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องเผชิญ จีน่ากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนภายใต้การจับจ้องของดวงตาคมกริบที่ร้อนแรงราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายใน สมองของเธอขาวโพลนไปชั่วขณะ รู้เพียงว่าร่างกายกำลังสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ อัคนีไม่ได้รอคำตอบรับใดๆ จากเธอ ในเมื่อเธอมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว นั่นก็คือคำยินยอมที่ชัดเจนที่สุด เขาโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมา และในวินาทีต่อมา เขาเชยคางเธอขึ้นมาจูบ ครั้งนี้มันแตกต่างจากจูบแรกเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง... มันไม่ใช่จูบที่นุ่มนวลหรือเพื่อการหยั่งเชิงอีกต่อไป แต่มันคือจูบที่เต็มไปด้วยอำนาจ การครอบครอง และความปรารถนาที่เขาไม่ได้คิดจะปิดบังซ่อนเร้น ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาบดเบียดลงบนริมฝีปากนุ่มของเธออย่างหนักหน่วงและหิวกระหาย เรียกร้องการตอบสนองที่เธอไม่รู้วิธีจะมอบให้ ลิ้นร้อนชอนไชเข้าไปในโพรงปาก ของเธออย่างถือสิทธิ์ สำรวจทุกตารางนิ้วอย่างจาบจ้วงและเชี่ยวชาญ ความไร้เดียงสาของเธอเป็นเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดีที่โหมกระพือไฟราคะของเขาให้ลุกโชนยิ่งขึ้น จีน่าสะดุ้งเฮือกกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่รุกล้ำเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอพยายามจะถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่วงแขนแกร่งของเขาก็ตวัดรัดรอบเอวบางไว้แน่น ดึงรั้งร่างของเธอให้แนบชิดกับเรือนกายกำยำของเขาจนแทบไม่มีช่องว่าง ความแข็งแกร่งของแผงอกที่เธอสัมผัสได้ผ่านเนื้อผ้าเสื้อยืด กับสัมผัสวาบหวามในโพรงปาก สร้างความวาบหวาม ปั่นป่วนไปทั่วทั้งตัว ความคิดที่เคยต่อต้านเริ่มเลือนลาง ร่างกายกำลังถูกควบคุมด้วยสัญชาตญาณดิบที่เขาเป็นคนปลุกมันขึ้นมา เธอเผลอจิกปลายนิ้วลงบนแขนของเขาเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน อัคนีจูบเธอเนิ่นนานจนพอใจ ก่อนจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง เขามองผลงานของตัวเองด้วยสายตาพึงพอใจ ริมฝีปากของจีน่าบวมเจ่อและแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มราวกับคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างน่ามอง “หายใจสิ จีน่า” เขากระซิบเสียงพร่า พลางใช้หัวแม่มือเกลี่ยหยาดน้ำใสที่มุมปากของเธอ “บทเรียนของฉัน... เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น” ขณะที่เธอยังคงมึนงงกับรสจูบและคำพูดของเขาอยู่นั้น มือข้างหนึ่งของเขาก็เริ่มทำงานอย่างเงียบเชียบแต่รวดเร็ว นิ้วเรียวยาวแต่กร้านจากการทำงานค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของเธอออก ทีละเม็ด... ทีละเม็ด... อย่างใจเย็น จีน่าสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วเย็นๆ ของเขาที่สัมผัสโดนผิวเนื้อบริเวณเนินอกโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอรีบยกมือขึ้นมาหมายจะห้าม แต่ก็ถูกมืออีกข้างของเขารวบข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียวอย่างง่ายดาย “ชู่ว์... เด็กดี” เขาปลอบเสียงนุ่ม แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม “อย่าดื้อสิ” กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออกแล้ว เขาค่อยๆ แหวกสาบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจากกัน เผยให้เห็นบราเซียร์ลูกไม้สีครีมตัวเก่าที่ซ่อนรูปอยู่ภายใต้ร่มผ้า มันเป็นของราคาถูกที่เธอซื้อมาจากตลาดนัด แต่เมื่อมันอยู่บนเรือนร่างอวบอิ่มสมส่วนของเธอ มันกลับดูยั่วยวนใจเขาได้อย่างน่าประหลาด สายตาของเขาที่จ้องมองมาทำให้จีน่าร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ความอับอายแล่นปราดขึ้นมาจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เธอพยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมที่แข็งแกร่งราวกับคีมเหล็ก แต่ก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งเธอขัดขืน เขาก็ยิ่งบีบรัดแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บ “อยู่นิ่งๆ” เขาสั่งเสียงต่ำลอดไรฟัน “แล้วให้ฉันได้ชื่นชมเธอก่อน” คำพูดของเขาเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟแห่งความอัปยศอดสู จีน่าหลับตาปี๋ ไม่อยากรับรู้ภาพที่น่าละอายของตัวเองในสายตาของเขา แต่ถึงจะหลับตา เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่ร้อนแรงของเขาที่กำลังไล่สำรวจเรือนร่างของเธออย่างละเอียด เขาไม่ได้พูดจาดูถูกบราเซียร์ราคาถูกของเธอ แต่ในความเงียบนั้นมันกลับน่ากลัวยิ่งกว่า เขาใช้ปลายนิ้วลากไล้ไปตามขอบลูกไม้เก่าๆ อย่างเชื่องช้า สัมผัสนั้นทำให้จีน่าสะท้านเฮือก ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ก่อนที่เขาจะปลดตะขอด้านหลังออกอย่างรวดเร็วและชำนาญจนน่าตกใจ บราเซียร์หลุดร่วงลงไปกองกับพื้น ปลดปล่อยทรวงอกอวบอิ่มที่ขาวผ่องให้เป็นอิสระ ยอดถันสีชมพูระเรื่อชูชันขึ้นสู้กับอากาศเย็นในห้องโดยอัตโนมัติ เป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่ทำให้เธออยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ “สวย...” เขาพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา เป็นคำชมที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย จากนั้น เขาจัดการเปลื้องผ้า ส่วนที่เหลือของเธอออกอย่างไม่รีบร้อน กระโปรงพลีทถูกรูดซิปลงและร่วงหล่นไปกองรวมกับเสื้อเชิ้ตของเธออย่างเงียบเชียบ เหลือเพียงชั้นในชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดความลับของสตรีเพศเอาไว้ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าเธอ ทำให้ระดับสายตาของเขาอยู่ตรงกับช่วงเอวของเธอพอดี จีน่าตกใจกับการกระทำของเขา รีบถอยหลังกรูดโดยอัตโนมัติ แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกลเพราะยังถูกเขารวบข้อมือไว้ เขาใช้นิ้วเกี่ยวขอบกางเกงในตัวจิ๋วของเธอ ดึงรั้งร่างที่สั่นเทาให้เข้ามาหาช้าๆ สายตาของเขาจ้องมองหน้าท้องแบนราบและสะดือสวยของเธอ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลง... จีน่าเบือนหน้าหนี กัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นจนห้อเลือด สัมผัสที่เขาดึงปราการชิ้นสุดท้ายออกจากร่างกายเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกระชากวิญญาณออกจากร่าง และแล้ว... เธอก็เปลือยเปล่าโดยสมบูรณ์ ความเย็นของเครื่องปรับอากาศกระทบผิวกายที่ไร้สิ่งปกปิด ทำให้ ตัวเธอสั่นระริก แต่ไม่ใช่แค่เพราะความหนาว มันคือการสั่นเทาจากความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกแปลกประหลาดที่แทรกซึมเข้ามา... ปนความตื่นเต้น อย่างที่เธอไม่อยากจะยอมรับ มันคือความตื่นเต้นที่น่ารังเกียจของการถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอย่างที่ไม่เคยมีใครมองเธอมาก่อน อัคนียืนขึ้นเต็มความสูงอีกครั้ง สายตาของเขาไม่ได้หยุดนิ่ง แต่กวาดมองเรือนร่างของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพึงพอใจ ผิวพรรณที่ขาวละเอียดราวกับน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามสมส่วน ทุกอย่างในตัวเธอคือความสมบูรณ์แบบทางธรรมชาติที่ยังไม่เคยมีใครได้ครอบครอง “สมบูรณ์แบบ...” เขาย้ำคำเดิม ก่อนจะปล่อยข้อมือเธอให้เป็นอิสระ เมื่อเป็นอิสระ จีน่าก็รีบยกแขนขึ้นมากอดอกตัวเองทันที เป็นท่าทางการป้องกันตัวที่ดูน่าสมเพชในสายตาตัวเอง อัคนีแค่นหัวเราะในลำคอ “ไม่ต้องปิดหรอกจีน่า... ไม่มีส่วนไหนในร่างกายของเธอที่ฉันยังไม่เห็น” คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของเธอร้อนจัดขึ้นมาอีกระลอ “ตาฉันบ้าง” สิ้นคำพูดนั้น เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มีลีลาเชื่องช้าเหมือนตอนที่เขาทำกับเธอ เสื้อยืดสีเทาถูกกระชากออกทางศีรษะ เผยให้เห็นแผงอกกว้างและซิกซ์แพ็กที่เรียงตัวสวยงามอย่างน่าทึ่ง เข็มขัดหนังถูกปลดออกเสียงดัง ‘คลิก’ ตามด้วยซิปกางเกงที่ถูกรูดลงมา และในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ร่างสูงใหญ่ที่สมบูรณ์แบบราวกับรูปสลักเทพเจ้ากรีกก็ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอในสภาพเปลือยเปล่าเช่นเดียวกัน และนั่นคือวินาทีที่โลกของจีน่าหยุดหมุน... สายตาของเธอเบิกกว้างจนสุดขีด จับจ้องไปยังจุดกึ่งกลางลำตัวของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา... แก่นกาย ที่ร้อนผ่าวและแข็งขึงของเขา ผงาดขึ้นมา อย่างท้าทาย มันไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอาวุธ แต่มันกลับดูน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่พร้อมจะรุกล้ำและครอบครองทุกสิ่ง ความใหญ่โตนั้นทำเอาเธอตกใจจนลืมหายใจไปชั่วขณะ มันใหญ่โตและดูน่าพรั่นพรึงกว่าที่เธอเคยเห็นในตำราเรียนสุขศึกษาหรือภาพยนตร์ต้องห้ามที่เคยแอบดูตอนวัยรุ่นเป็นร้อยเท่าพันเท่า สมองที่เคยพยายามเตรียมใจมาตลอดทางพลันว่างเปล่า ความกลัวระลอกใหม่ที่รุนแรงกว่าทุกครั้งซัดกระหน่ำเข้ามาในใจอย่างจัง เธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ร่างกายของเธอยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง และเมื่อเห็น ‘สิ่งนั้น’ ของเขา ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ... มันเป็นไปไม่ได้! ความกลัวเอาชนะความอับอาย จนเธอเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ “เอ่อ... คะ...คุณคะ...” เธอเรียกเขาเสียงสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขา สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิมด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง “...มัน...” เธอพยายามจะเค้นคำพูดออกมา แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอ “...จะเข้า... ตรงนั้นของหนู... ได้เหรอคะ?” มันเป็นคำถามที่ซื่อและไร้เดียงสาที่สุดเท่าที่อัคนีเคยได้ยินมาในชีวิต... ความเงียบเข้าครอบงำไปชั่วขณะหนึ่ง อัคนีที่กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยแรงปรารถนาถึงขีดสุดถึงกับชะงักไปกับคำถามนั้น เขามองเด็กสาวที่ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตที่เคยฉายแววหวาดกลัว ตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกและสงสัยอย่างจริงจัง เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนถามคำถามแบบนี้กับเขามาก่อน ส่วนใหญ่พวกเธอจะแสดงท่าทีตื่นเต้น ดีใจ หรือไม่ก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวเพื่อเอาใจ แต่แววตาของจีน่ามันคือของจริง... ความบริสุทธิ์ที่หาได้ยากยิ่งในโลกของเขา และความไร้เดียงสานั้น... กลับเป็นยากระตุ้นชั้นเลิศที่สุด มุมปากหยักสวยของอัคนีค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ไม่ใช่รอยยิ้มเย้ยหยัน แต่เป็นรอยยิ้มของพญาราชสีห์ที่กำลังจะขย้ำลูกกวางน้อยที่แสนน่าเอ็นดู เขาไม่ตอบคำถามของเธอเป็นคำพูด แต่กลับก้าวเข้ามาประชิดตัวเธออีกครั้ง โน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและทรงพลัง “เดี๋ยวเธอก็รู้เอง... เด็กดี”เวลาล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงคืน... ความเงียบภายในคอนโดกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับอัคนีเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาหงุดหงิด งุ่นง่าน เดินไปเดินมาเหมือนเสือติดจั่น ความอดทนของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เด็กคนนั้นกล้าดีอย่างไรถึงยังไม่กลับมา! เขาคว้ากุญแจรถสปอร์ตคันหรูบนโต๊ะ ตั้งใจจะตรงไปยังหอพักของเพื่อนเธอเพื่อลากตัวเธอกลับมาด้วยตัวเอง แต่ในจังหวะที่มือกำลังจะเปิดประตูนั้นเอง เขาก็ชะงักไป... เขาจะไปในฐานะอะไร? สามี? คนรัก? ไม่ใช่... เขาเป็นแค่ ‘เจ้าหนี้’ ที่เปลี่ยนสถานะลูกหนี้มาเป็น ‘เด็กในอุปการะ’ การที่เขาบุกไปตามตัวเธอกลางดึก มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายและน่าสมเพช ความรู้สึกเสียหน้าและหงุดหงิดที่ถูกท้าทายอำนาจทำให้เขาเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย เขาหันหลังกลับ กระแทกประตูห้องเสียงดังปัง! ก่อนจะตัดสินใจขับรถกลับไปที่คลับของตัวเอง... แหล่งระบายอารมณ์ชั้นดีที่เขาคุ้นเคย เสียงเพลงตื๊ดๆ ที่ดังกระหึ่มและแสงสีที่วูบวาบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาก้าวผ่านฝูงชนที่กำลังเต้นรำกันอย่างเมามันตรงไปยังโซนวีไอพีชั้นบนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยรังสีอำมหิตจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ “บอสคร
จีน่าลากฟ้าออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย เธอเดินเร็วมากจนฟ้าแทบจะต้องวิ่งตาม ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ผ่านร้านค้าต่างๆ ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ในสายตาของจีน่าตอนนี้ ทุกอย่างมันช่างดูหม่นหมองและไร้สีสัน ภาพของผู้หญิงสาวสวยที่ยืนเคียงข้างเขา... น้ำเสียงหวานหยดย้อยที่เรียกเขาว่า ‘ที่รัก’... และคำพูดที่ตีตราว่าเธอเป็นแค่ ‘เด็กที่ผับ’... ทุกอย่างมันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเธอเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ตอกย้ำความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าเธอเป็นใคร และไม่มีวันจะได้ยืนในตำแหน่งนั้น... ตำแหน่งข้างกายเขา หลังจากเดินห้างเสร็จอย่างหมดอาลัยตายอยาก ฟ้าไม่ได้เซ้าซี้จะช้อปปิ้งต่ออีก เพราะเห็นได้ชัดว่าเพื่อนสนิทของเธอไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด มีเพียงเสียงจอแจของผู้คนในห้างที่ดูขัดแย้งกับความรู้สึกภายในใจของจีน่าโดยสิ้นเชิง เมื่อเดินออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้าแล้ว จีน่าก็หยุดเดินและหันมามองเพื่อนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “ฟ้า... ฉัน... ฉันไปนอนที่หอแกด้วยได้ไหมคืนนี้” เธอเอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย เธอไ
ผ่านมาสามสี่วันแล้วที่ชีวิตของจีน่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองที่เธอถูกย้ายเข้ามาอยู่ มันกว้างขวางและสะดวกสบายเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ เสื้อผ้าแบรนด์เนมถูกแขวนเรียงรายอยู่ในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นของราคาแพงที่เธอไม่เคยมีปัญญาซื้อหาได้ในชีวิตนี้ ยามเช้ามีแม่บ้านนำอาหารเช้ามาส่งให้ถึงหน้าห้อง และในบัญชีธนาคารของเธอก็มีเงินจำนวนมากพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยไปทั้งเทอมมันคือชีวิตในฝัน... ที่เธอไม่เคยต้องการทุกตารางนิ้วในห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ตอกย้ำสถานะ ‘เด็กในอุปการะ’ ของเธอ มันคือคุกทองที่พันธนาการเธอไว้ด้วยบุญคุณและความรู้สึกผิด แม้ร่างกายจะสุขสบาย แต่หัวใจกลับแห้งแล้งและว่างเปล่าอัคนีไม่ค่อยได้มาหาเธอเท่าไหร่หลังจากคืนนั้น เขาก็มาหาเธอเพียงครั้งเดียวเพื่อดูความเรียบร้อยของที่พัก ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงคำสั่งสั้นๆ ว่าให้ดูแลตัวเองให้ดีและตั้งใจเรียน อย่าทำตัวให้มีปัญหา เขาไม่ได้แตะต้องตัวเธออีก และนั่นก็ทำให้จีน่ารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งก็
คำสั่งเสียงเรียบที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไป ดึงสติของจีน่ากลับมาจากภวังค์แห่งความสับสน เธอนั่งนิ่งอยู่บนขอบอ่างหินอ่อนที่เย็นเฉียบอยู่ครู่หนึ่ง มองไอน้ำอุ่นที่ลอยกรุ่นขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ข้อเสนอของเขา... มันคืออะไรกันแน่?ส่งเสียให้เรียนจนจบ... ย้ายไปอยู่คอนโดใหม่ที่สภาพแวดล้อมดีกว่า... ไม่ต้องทำงานที่ผับอีกต่อไป...มันฟังดูเหมือนความฝัน... ความฝันที่เด็กกำพร้ายากจนอย่างเธอไม่เคยกล้าแม้แต่จะจินตนาการถึง แต่ทำไม... ทำไมหัวใจของเธอกลับหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ ทำไมมันไม่มีความรู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย?เธอค่อยๆ ประคองร่างที่ยังคงปวดระบมของตัวเองลงไปในอ่างน้ำอุ่น ความร้อนของน้ำช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกายได้เป็นอย่างดี แต่ความเจ็บปวดและสับสนในใจกลับไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย เธอมองคราบเลือดจางๆ ที่ลอยปะปนกับฟองสบู่ มันคือหลักฐานที่ยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กสาวคนเดิมอีกต่อไปแล้วหลังจากชำระล้างร่างกายจนสะอาด เธอก็พบว่ามีชุดนอนผ้าซาตินเนื้อดีสีครีมแขวนเตรียมไว้ให้พร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหม่ เมื่อสวมใส่มันเรียบร้อยแล้ว เธอก็รวบรวมความกล้าเดินออกมาจากห้องน้ำอั
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและคำเฉลยที่แสนจะน่าอายของเขายังคงก้องอยู่ในหูของจีน่า เธอนอนนิ่งอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ยังคงทาบทับเธอไว้ สัมผัสของแก่นกายที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่ภายในร่างกายของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน สมองของเธอยังคงมึนงงและสับสน ความสุขสมที่เขาเรียกว่า ‘สวรรค์’ นั้นมันช่างรุนแรงและท่วมท้นจนทำให้เธออ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งร่าง แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากหยาดเหงื่อและของเหลวที่เขาปลดปล่อยเข้ามาก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดอัคนีก็ยอมผละกายออกอย่างอ้อยอิ่ง เสียงถอนแก่นกายดังบ๊วบเบาๆ ทำให้ใบหน้าของจีน่าร้อนเห่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอรีบพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขาทันที ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบจากฝีมือของเขาไว้จนมิดชิด เธออยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ อยากจะชำระล้างคราบไคลและความรู้สึกที่ถูกย่ำยีนี้ออกไปให้หมดสิ้น จีน่าพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด ยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ แต่เพียงเท่านั้น ความเจ็บแปลบที่ร่องกลีบแล่นปราดขึ้นมาจนเธอต้องนิ่วหน้า เธอ
จังหวะที่เคยเชื่องช้าและอ่อนโยนราวกับบทเพลงกล่อมเด็ก แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นจังหวะของพายุคลั่งที่โหมกระหน่ำอย่างไร้ความปรานี อัคนีไม่ได้อดกลั้นหรืออ่อนโยนอีกต่อไป สัญชาตญาณดิบของนักล่าเข้าครอบงำเขาโดยสมบูรณ์ ทุกการสอดกระแทกเต็มไปด้วยความหนักหน่วง รุนแรง และปรารถนาที่จะครอบครองอย่างแท้จริง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะที่ร้อนแรงและน่าอาย ผสานเข้ากับเสียงพรมขนสัตว์ที่เสียดสีอยู่เบื้องล่าง บรรยากาศในห้องที่เคยเงียบสงบ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหอบหายใจของคนสองคนและเสียงแห่งบทรักที่ดุดัน สำหรับจีน่า มันคือประสบการณ์ที่พลิกโลกทั้งใบของเธอ ความเจ็บปวดที่เคยฉีกกระชากร่างกายเมื่อครู่ได้เลือนหายไปแล้วอย่างน่าอัศจรรย์ มันถูกแทนที่ด้วยคลื่นความรู้สึกระลอกใหม่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้จักและไม่มีคำใดจะอธิบายได้ “อื้อ... คุณ...” เสียงของเธอหลุดครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม มันไม่ใช่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอีกต่อไป แต่เป็นเสียงครางกระเส่าที่สั่นพร่าและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ขาทั้งสองข้างที่เคยพยายามหนีบเข้าหากันเพื่อต่อต้าน ตอนนี้กลับย







