Home / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่99 โอสถจัตุวสันต์

Share

บทที่99 โอสถจัตุวสันต์

ใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็มาถึงพื้นที่ส่วนนอกในบริเวณชั้นหนึ่งของอาคารส่วนกลางหลังนี้เเล้ว หนิงอ้ายกับไป๋เหลียนฮวาประสานมือคำนับผู้อาวุโสซุนที่อีกฝ่ายเสียสละเวลาเป็นธุระให้กับพวกเขาทั้งสองในครั้งนี้ หนิงอ้ายไม่ลืมนำโอสถระดับหนึ่ง โอสถระดับสองและโอสถระดับสามบางชนิดที่ตนได้ปรุงขึ้นในช่วงก่อนหน้าออกมา

นอกจากจะนำไปฝากขายเเล้วยังได้เเบ่งโอสถส่วนหนึ่งสำหรับการเเลกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรต่าง ๆ ตามสูตรโอสถระดับสามที่ตนต้องการฝึกฝนหลังจากนี้ เพราะเด็กหนุ่มตั้งใจว่าอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้เมื่อถึงกำหนดการณ์ของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่ศิษย์เเต่ละคนต้องออกไปทำภารกิจด้านนอกสำนักเพื่อช่วยเหลือผู้คนและฝึกฝนตนเองเป็นเวลาหนึ่งปีก่อนที่จะกลับคืนสำนักตามที่ได้ยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน

หนิงอ้ายวางแผนเอาไว้ว่าในระหว่างการเดินทางครั้งนี้เขาจะไปสอบเลื่อนขั้นเป็นนักปรุงโอสถระดับสามให้สำเร็จ อีกทั้งยังตั้งใจว่าจะแวะกลับไปเยือนยังตระกูลหวังที่แคว้นเต่าดำอีกด้วย แม้ว่าในครั้งนี้ลู่ซีอาจจะไม่ได้กลับไปพร้อมกันก็ตาม เพราะตอนนี้อีกฝ่ายได้เป็นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสสูงสุดในตำหนักของค่ายกล

ฟังว่าหลังจากนี้ต้องเก็บตัวศึกษาที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรง สหายคนอื่นของหนิงอ้ายทุกคนในตอนนี้ต่างได้เป็นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสในตำหนักที่สังกัดกันทั้งสิ้น เส้นทางหลังจากนี้ของเเต่ละคนย่อมโดดเด่นไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน

"ศิษย์น้องหนิงอ้าย เจ้าได้รับสิ่งใดมาอย่างนั้นรึ??" ไป๋เหลียนฮวาถามขึ้นขณะที่ทั้งสองคนได้เดินออกมาได้สักพักเเล้ว

"ข้าได้เเหวนหยกวิเศษระดับเทวะขอรับศิษย์พี่..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับยกยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับยกนิ้วที่สวมเเหวนให้อีกฝ่ายได้เห็น

"อย่างนั้นรึ?? อาวุธหรือสิ่งของวิเศษต่าง ๆ ที่อยู่ภายในมิติล้วนเป็นสมบัติระดับสูงที่บรรดาเหล่าบรรพชนได้เป็นผู้รวบรวมจากทั่วทุกสารทิศ นำมาเก็บรักษาและส่งต่อให้กับศิษย์ในตำหนักที่คู่ควรจากรุ่นสู่รุ่น"

"สำหรับเตาหลอมโอสถวิญญาณนั้นยากยิ่งที่จะครอบครองได้โดยง่าย ครั้งนั้นศิษย์พี่ก็ไม่ถูกเลือกจากเตาหลอมโอสถวิญญาณเช่นกัน เเต่ก็ได้รับมาเป็นศาสตราวุธระดับเทวะไม่ต่างไปกับเจ้าครั้งนี้..." ไป๋เหลียนฮวาตอบกลับไปพร้อมกับเรียกกระบี่ของตนออกมาในทันที

พรึบ!

ซ้ายมือของนางปรากฎเป็นกระบี่สีขาวมุกที่แผ่กลิ่นอายความสูงศักดิ์ออกมาอย่างปิดไม่มิด ตรงด้ามจับของกระบี่ได้ถูกสลักเป็นลวดลายแปลกตาเเต่ทว่ากลับยิ่งส่งเสริมให้กระบี่เล่มนี้มีความงดงามเป็นอย่างมาก ฟังว่าศาสตราวุธเทวะนั้นจะมีเพียงเจ้าของพันธะที่สามารถเรียกใช้งานได้ อีกทั้งยังสามารถประสานเข้ากับการโจมตีจากทางวิญญาณยุทธ์ได้อีกด้วย เห็นได้ว่าศาสตราวุธระดับเทวะนั้นจะมีความลึกล้ำพิศดารกว่าอาวุธทั่วไปหลายเท่าเลยทีเดียว

"กระบี่เล่มนี้มีนามว่า ลี่จิ่น (ความหนักเเน่นอันงดงาม) เป็นหนึ่งในกระบี่วิญญาณที่สามารถประสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์เกิดเป็นเพลงกระบี่ที่ยากที่จะต้านทานได้เลยทีเดียว..."

"เป็นนามอันไพเราะยิ่งนักขอรับศิษย์พี่..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับมองกระบี่ในมือของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม ในการเรียกใช้อาวุธระดับเทวะเเต่ละประเภทล้วนขึ้นอยู่กับความเเข็งแกร่งของวิญญาณยุทธ์ต้นกำเนิดของผู้ถือครองหรือผู้ผูกพันธะอย่างเเท้จริง

"อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงกำหนดในการทำภารกิจที่ด้านนอกสำนักเเล้ว ศิษย์น้องหนิงอ้ายจงเตรียมตัวให้พร้อมด้วยเล่า..." ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยย้ำเด็กหนุ่มไปอีกครั้ง แม้ศิษย์น้องผู้นี้จะมากไปด้วยความสามารถก็จริง

อย่างไรเด็กหนุ่มก็พึ่งเข้าศึกษาเป็นช่วงเวลาที่ไม่มากสักเท่าไหร่นัก ด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา ศิษย์ทุกคนในตำหนักต้องออกเดินทางไปทำภารกิจ และต้องช่วยเหลือเอาตัวรอดกลับสำนักตามกำหนดเวลาให้ได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการฝึกฝนเช่นกัน

ตอนเเรกที่ท่านอาจารย์ได้เอ่ยว่าจะให้ศิษย์น้องผู้นี้ได้ทำภารกิจนอกสำนักพร้อมกัน ทั้งนางเองรวมไปถึงศิษย์พี่ ศิษย์น้องคนอื่น ๆ ต่างคัดค้านกันทั้งสิ้น เพราะตามหลักเเล้วต้องเป็นศิษย์ชั้นปีที่สองเป็นต้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถออกนอกสำนักหรือทำภารกิจเช่นนี้ได้

เเต่ถึงอย่างนั้นท่านอาจารย์ก็ตอบกลับมาเพียงเเต่ว่าได้ครุ่นคิดมาอย่างดีเเล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถโต้แย้งสิ่งใดได้ เพราะในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานี้ทุกคนล้วนถือว่าคำกล่าวของเหวินหวู่ผู้เป็นเจ้าตำหนัก นั้นเปรียบได้ดั่งคำประกาศิตนั่นเอง

"ข้าจะฝึกฝนให้มากขึ้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุดในการออกไปทำภารกิจในครั้งนี้และจะกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้ขอรับ..." หนิงอ้ายสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของอีกฝ่าย อย่างไรแล้วเส้นทางของผู้ฝึกตนหาได้โรยด้วยดอกกุหลาบไม่ การข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่ได้ประสบพบเจอย่อมทำให้เเข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

"ได้ยินเช่นนี้ศิษย์พี่ก็วางใจ เอาละ!! อย่าหักโหมตนเองเกินไปนักเล่า..." ไป๋เหลียนฮวารับรู้ได้ว่าศิษย์น้องหนิงอ้ายค่อนข้างที่จะกดดันตัวเองมากกว่าผู้ฝึกตนในช่วงวัยเดียวกัน

เห็นว่าเด็กหนุ่มได้พยักหน้ารับเเล้ว นางจึงเอ่ยลาอีกสักเล็กน้อยก่อนที่จะขอตัวแยกกลับไปยังเรือนพักของตนซึ่งหนิงอ้ายได้ประสานมือขอบคุณอีกฝ่ายที่เป็นธุระให้กับเขาในวันนี้ก่อนที่เด็กหนุ่มจะมุ่งตรงกลับไปยังเรือนพักของตนเช่นกัน...

ยามค่ำคืนอันเงียบสงบของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา หนิงอ้ายยังคงนั่งสมาธิดูดซับลมปราณฟ้าดินตามเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาที่ได้ชักนำพลังลมปราณอันบริสุทธิ์ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบให้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กหนุ่มด้วยความรวดเร็วอย่างสม่ำเสมอสมดุลต่อเนื่อง จี้หยกโลหิตที่สวมใส่นั้นยังคงแสดงความพิศดารชักนำลมปราณบริสุทธิ์ เป็นกระแสไหลเวียนอย่างเข้มข้นอยู่โดยรอบเรือนพักหลังนี้

ยามปกติหนิงอ้ายยังคงสามารถดูดซับพลังปราณโดยรอบได้โดยที่ไม่ต้องนั่งสมาธิรวบรวมและชักนำเข้าสู่ร่างกายด้วยเพราะความลึกล้ำพิเศษเฉพาะ คล้ายกับว่ายิ่งเด็กหนุ่มมีพลังวิญญาณที่เพิ่มสูงขึ้น ความสามารถในการบัญชาการเคล็ดวิชานี้ก็ยิ่งเพิ่มทวีเป็นส่วนหนึ่งอันเดียวกันที่ไม่ต่างไปจากลมหายใจเข้าออกปกติเสียด้วยซ้ำ ด้วยเพราะเหตุนี้จึงส่งผลให้หนิงอ้ายมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วในการพัฒนาพลังวิญญาณมากกว่าผู้อื่นไปถึงสองหรือสามส่วนเลยทีเดียว

หนิงอ้ายสัมผัสได้ว่าหลังจากที่ได้ดูดซับกระดูกวิญญาณของมังกรผีเสื้อจักรพรรดิจรัสแสงนิรันดร์ไปโดยไร้ซึ่งเเรงต่อต้านที่ควรเกิดขึ้นใดใดทั้งสิ้นนั้น กระดูกวิญญาณอายุแสนปีนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็นกระดูกวิญญาณอายุแปดพันปีตามที่ผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณสามารถดูดซับได้ จึงทำให้หนิงอ้ายถือได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณขั้นกลางอย่างเต็มภาคภูมิเเล้ว

หากบรรลุถึงเขตขั้นราชทินนามราชันวิญญาณแล้ว ทักษะวิญญาณที่สี่ ที่เขาได้รับมาคงต้องใช้เวลาในการฝึกฝนให้คุ้นชินอยู่ไม่น้อย เเต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายก็เชื่อมั่นว่าตนสามารถฝึกฝนและใช้งานได้อย่างสำเร็จอย่างแน่นอน

"การดูดซับพลังลมปราณมีความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม อาจด้วยเพราะแรงหนุนของกระดูกวิญญาณอายุล้านปีของอสรพิษเหมัตน์บรรพกาล รวมไปถึงกระดูกวิญญาณอายุแสนปีของสัตว์อสูรอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นสายเลือดของหงส์เพลิงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ที่ถูกปลุกกระตุ้นขึ้น สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ร่างกายมีความกล้าแกร่งเหนือชั้น พลังวิญญาณก็เพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นนี้ การหลอมโอสถระดับหนึ่ง โอสถระดับสองคงใช้เวลาลดน้อยลงกว่าเดิมเป็นแน่..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี จากนั้นจึงพินิจเเหวนหยกที่ได้รับมาพร้อมกับเรียกใช้เนตรเเห่งสวรรค์ของตนตรวจสอบอีกครั้ง

ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็ทำให้หนิงอ้ายได้รับรู้ว่าเเหวนทองที่อยู่ในมือตนตอนนี้เป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบของระดับตำนานที่มีนามว่าศาสตราอนันต์ลักษณ์ ความพิเศษพิศดารที่ปรากฎจะผันแปรไปตามลักษณะศาสตราวุธเหล่านั้นที่ถูกเรียกออกมาใช้งาน หมายเหตุตรงด้านล่างที่ปรากฎทำให้ได้รับรู้ว่านอกจากการประทับตราวิญญาณกำกับลงไปเเล้ว ศาสตราอนันต์ลักษณ์ชิ้นนี้เจ้าของพันธะจะต้องทำการเเลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมโดยการสังเวยด้วยโลหิตและพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามสิบวันเป็นอย่างน้อยหรือจนกว่าอาวุธวิญญาณชิ้นนี้จะปฏิเสธรับการสังเวยดังกล่าว

หลังจากกระบวนการเหล่านี้สิ้นสุดลง การสลับแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธและของวิเศษในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ได้เพียงเเค่หนิงอ้ายคิดในใจเพียงเท่านั้นก็สามารถผันแปรเป็นได้ทุกสิ่งอย่างตามที่ต้องการ อีกทั้งสิ่งของหรืออาวุธเเต่ละรูปแบบที่ถูกเรียกออกมาใช้ล้วนต่างมีอาณุภาพเหนือชั้นไปไม่ต่างจากอาวุธของวิเศษตำนานประเภทอื่นเสียด้วยซ้ำ

ฟังดูว่าจะเต็มไปด้วยจุดเด่นมากมาย เเต่ถึงอย่างไรศาสตราอนันต์ลักษณ์ชิ้นนี้ก็มีเงื่อนไขจุดเสียเปรียบที่ปรากฎเช่นกัน นั่นคือในยามเรียกใช้ในเเต่ละครั้งจะกลืนกินพลังลมปราณในร่างกายเป็นจำนวนมาก แม้อาจจะใช้เป็นไม้ตายในการปกป้องตัวเองให้แคล้วคลาดปลอดภัยได้ก็จริง เเต่หากว่าในขณะนั้นได้สูญสิ้นพลังลมปราณในร่างกายไปหมดสิ้นก็คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ ทว่าจุดด้อยนี้กลับไม่ส่งผลกับหนิงอ้ายผู้ที่ร่างกายสามารถดูดซับปราณฟ้าดินได้ทั้งในยามตื่นรวมไปถึงยามนอนเช่นนี้ กล่าวได้ว่าเป็นต่างส่งเสริมนำพากันทั้งสิ้น

ตลอดทั้งคืนหนิงอ้ายได้ทำการดูดซับลมปราณฟ้าดินอย่างไม่หยุดพักจนถึงในช่วงเช้าของอีกวันด้วยความรวดเร็วในความรู้สึก เด็กหนุ่มยังคงดูเเลสวนสมุนไพรข้างเรือนของตนเช่นเดิมเหมือนทุกวันที่ผ่านมาตลอดหลายเดือนมานี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจึงได้ลงมือทำข้าวต้มทรงเครื่องสำหรับมื้อเช้านี้ให้กับตนเอง เนื่องจากเป็นอีกวันที่อาจารย์ของตนไม่ได้กลับมายังเรือนพักในตำหนัก หนิงอ้ายครุ่นคิดด้วยเพราะไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง ทางฝั่งของเฟยหลงที่ในยามปกติมักจะเข้ามาวุ่นวายลักลอบเข้ามาหาเขาในเรือนพักก็ได้หายไปหลายวันแล้วเช่นกัน...

เวลาได้ล่วงเลยผ่านมาจนถึงยามเว่ย เเสงแดดอันร้อนแรงได้สาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณ ทว่าอากาศภายในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษานั้นยังคงมีสายลมพัดผ่านให้ความรู้สึกเย็นสบายเป็นอย่างยิ่ง เช้าที่ผ่านมาหนิงอ้ายได้ใช้เวลาไปกับการฝึกฝนทั้งในเชิงยุทธ์เพื่อเป็นการฝึกปรือฝีมือของตนให้พัฒนาอยู่เสมอ ช่วงบ่ายนี้หนิงอ้ายตั้งใจว่าเขาจะฝึกฝนปรุงโอสถระดับสาม เป็นโอสถสูตรใหม่ที่ได้รับมาจากท่านอาจารย์ก่อนหน้า

ดวงตาคู่งามได้จดจ้องไปยังบันทึกเล่มหนาที่ได้จดเอาไว้ถึงสมุนไพรวิเศษที่ต้องใช้ในการหลอมสร้างปรุงโอสถครั้งนี้ พินิจไปเเล้วด้วยระดับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นมาถึงสองขั้นย่อย อาจดูเล็กน้อยเเต่ทว่าผู้ฝึกตนส่วนมากย่อมใช้เวลาในการเลื่อนระดับเป็นเวลาหลายเดือนหรือนับปีเสียด้วยซ้ำ

เมื่อจดจำได้ถึงขั้นตอนหลอมสร้างปรุงโอสถสูตรนี้ รวมไปถึงสมุนไพรที่ต้องใช้ตามสูตรโอสถก็ครบถ้วนแล้วเช่นกัน หนิงอ้ายจึงไม่รอช้าที่จะเริ่มต้นปรุงโอสถนี้ออกมาในทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เพียงมือขวาที่เรียวบางได้ยกตวัดขึ้น ตรงด้านหน้าของเด็กหนุ่ม ได้ปรากฎเป็นเตาหลอมโอสถที่เคยใช้มาก่อนหน้าซึ่งมีขนาดที่พอดีไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ผิวด้านนอกเตากลอมเป็นสีน้ำเงินครามที่เต็มไปด้วยลวดลายของเกลียวคลื่นสมุทรที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ทอเเสงวิบวับงดงามเเปลกตายิ่งนัก

โอสถระดับสามที่หนิงอ้ายกำลังจะปรุงขึ้นมีนามว่า โอสถจัตตุวสันต์ระดับสาม เป็นโอสถที่สามารถรักษาบาดแผลที่เกิดจากอสูรที่มีขั้นต่ำกว่าระดับมายาได้ทั้งสิ้น โอสถนี้นอกจากจะมีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผลเเล้ว ยังสามารถเพิ่มพลังลมปราณไปพร้อมกันอีกด้วย

ไม่รอช้าหนิงอ้ายได้ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟของตนออกมาที่ชั่วพริบตานั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงอันร้อนระอุ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเเผ่ญาณสัมผัสอันลึกล้ำของตนออกมาเพื่อกำกับเปลวเพลิงนี้ให้หล่อเลี้ยงโดยรอบเตาหลอมโอสถตรงหน้าด้วยความสมดุล ก่อนที่มืออีกข้างนั้นจะตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถนี้ที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้าให้เข้าไปในเตาหลอมนี้โดยทันที

เปลวเพลิงได้แผดเผาสมุนไพรเหล่านี้ด้วยความรวดเร็ว เป็นไปตามที่หนิงอ้ายได้คาดคิดเอาไว้ก่อนหน้า ระยะเวลาในการหลอมกลั่นสมุนไพรได้ใช้เวลาลดลงไปเป็นอย่างมาก ญาณสัมผัสที่เเข็งแกร่งขึ้นได้ส่งผลไปถึงการควบคุมเปลวเพลิงจากวิญญาณยุทธ์นี้ให้แม่นยำที่เพิ่มมากขึ้น สมุนไพรเเต่ละชนิดจะใช้ความแรงของเปลวเพลิงที่แตกต่างกันก็ตาม อย่างไรนั้นทุกสิ่งอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นอย่างสมบูรณ์

จากนั้นอีกเพียงหนึ่งเค่อ สมุนไพรต่าง ๆ ที่แปรเปลี่ยนคล้ายกับโอสถเหลวที่นอนก้นอยู่ในเตาหลอม สองมือประสานเป็นท่วงท่าที่คล้ายคลึงกับเหวินหวู่ผู้เป็นอาจารย์ไปมากถึงเจ็ดส่วน เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะผ่อนปรนความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่เรียกใช้ไปมากกว่าครึ่ง โอสถเหลวนี้ได้ค่อยหมุนวนไปรอบ ๆ เตาหลอมก่อนที่จะถูกบางสิ่งชักนำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ผนึก!

หนิงอ้ายเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ ตอนนี้โอสถเหลวเหล่านี้ได้หลอมรวมกันก่อนที่จะแยกตัวออกจากกันอีกครั้ง ขนาดของโอสถนี้ได้ลดลงไปเรื่อย ๆ พร้อมไปกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ได้ลอยฟุ้งกระจายออกมาเป็นดั่งสัญญาที่ว่าขั้นตอนสุดท้ายได้เข้ามาถึงเเล้ว

เพียงเเค่สะบัดมือเบา ๆ อีกครั้ง เปลวเพลิงจากวิญญาณยุทธ์ต้นกำเนิดปราณธาตุไฟได้ถูกเรียกคืนกลับไปพร้อมกับที่เม็ดโอสถทั้งห้าได้ปรากฎอยู่เหนือเตาหลอมนี้เป็นที่เรียบร้อย สำหรับโอสถจัตตุวสันต์ระดับสามในการปรุงขึ้นมาครั้งเเรก มีความบริสุทธิ์มากถึงแปดส่วนเช่นนี้ก็จัดได้ว่าเป็นโอสถระดับสามขั้นสูงเเล้ว

เเต่ถึงอย่างไรนั้นหนิงอ้ายยังรับรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อครู่นั้นตนได้ผิดพลาดไปตรงจุดใดบ้าง ดังนั้นตลอดช่วงบ่ายนี้ไปจนถึงยามกลางคืนสิ้นเเสงสว่าง หนิงอ้ายจึงตัดสินใจว่าในวันนี้ควรที่จะหยุดไว้เเต่เพียงเท่านี้เสียก่อนจะดีกว่า เพราะยังเหลือเวลาอีกมากในการฝึกฝน

หลังจากที่หนิงอ้ายได้จัดการตัวเองเรียบร้อย คืนนี้เขาได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะนั่งสมาธิดูดซับหินปราณพร้อมกับดูดซับปราณฟ้าดินเพียงสองชั่วยามก็เพียงพอเเล้ว เเต่ก่อนที่จะได้ทำตามสิ่งที่ได้คิดไว้ ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง

"คิดถึงข้าหรือไม่เสี่ยวอ้าย..." เสียงของบุรุษผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นที่แฝงไปด้วยความออดอ้อน ชวนให้คนฟังอย่างหนิงอ้ายอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังพร้อมกับตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งสงบไม่ปรากฎคลื่นอารมณ์ใดใดทั้งสิ้น…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status