Beranda / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่6ศัตรูนำไปแล้วถึงสองก้าว

Share

ตอนที่6ศัตรูนำไปแล้วถึงสองก้าว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-13 11:31:19

เช้าวันนี้อวี้หลันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น ร่างกายที่เคยอ่อนแรงรู้สึกเบาสบาย กระปรี้กระเปร่าเหมือนได้รับพลังใหม่

แสงแดดยามเช้าทอแสงอ่อนผ่านหน้าต่างไม้ เงาของต้นเหมยพาดทอดอยู่บนพื้นห้อง เงียบสงบและอบอุ่น นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้ฉิงหว่านสาวใช้คนสนิทช่วยหวีผมและแต่งกายให้

อาภรณ์ผ้าไหมปักลวดลายดอกเหมยสีหวานถูกสวมทับลงบนร่าง สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ อวี้หลันมองตนเองในกระจกทองเหลือง ใบหน้าที่สะท้อนกลับมาแม้จะยังซีดเซียวเล็กน้อย แต่กลับไม่อาจกลบความงดงามเอาไว้ได้ ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกจะเรียกว่างามล่มเมืองก็ไม่ผิดนัก

"ไม่เลว"

อวี้หลันพึมพำเบาๆ กับตนเอง พลางมองสำรวจเครื่องแต่งกายด้วยความพึงพอใจ

การใช้ชีวิตแบบนี้ ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

ในชีวิตก่อนของนาง ทุกวันเต็มไปด้วยการต่อสู้ การไล่ล่า และกลิ่นคาวเลือด ไม่มีเวลาจะเลือกเสื้อผ้า ไม่มีเครื่องประดับงดงาม ไม่มีแม้แต่กระจกสักบานให้ได้เห็นเงาของตัวเอง

ทุกย่างก้าวในชีวิตมีเพียงมีดและปืนในมือ มีเป้าหมายที่ต้องสังหาร

นางไม่เคยได้ใช้ชีวิตในฐานะ หญิงสาว อย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ ในร่างใหม่ ในชีวิตใหม่ นางสามารถทำทุกอย่างได้ นางก็อยากจะใช้มันให้คุ้มค่า

นางเองก็เป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่ชื่นชอบความสวยงาม อาภรณ์งดงาม เครื่องประดับวิจิตร หรือแม้แต่การได้เห็นตัวเองในกระจก

เพราะฉะนั้นชีวิตนี้ นางจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างสูญเปล่าอีกต่อไป นางจะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากใช้

หลังจากแต่งกายเสร็จเรียบร้อย และลิ้มรสอาหารเช้ารสเลิศจนอิ่มหนำ อวี้หลันก็เดินมาทอดกายลงบนตั่งนุ่มริมหน้าต่าง ตอนนี้นางยังไม่คิดจะก้าวเท้าออกไปไหน ปล่อยให้แสงแดดยามสายอาบไล้ร่างอย่างผ่อนคลาย

ชีวิตก่อนเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว ชีวิตนี้ขอพักเหนื่อยอีกซักหน่อยเถอะ 

มือเรียวยกจอกชาที่บ่าวคนสนิทรินให้ขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบายๆ ท่าทางของนางดูเกียจคร้านอย่างมีเสน่ห์ คล้ายแมวขี้เกียจที่กำลังซึมซับแสงอุ่นสบายยามเช้า

อวี้หลันหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ แต่เปี่ยมด้วยความรู้ทัน

"หวานหว่าน เจ้ามีสิ่งใดจะพูดก็พูดมาเถอะ"

ท่าทางของอีกฝ่าย นางสังเกตมาสักพักแล้วว่ามีเรื่องอยากจะพูด

ฉิงหว่านเหลือบตามองผู้เป็นนายอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายยังไม่แน่ใจว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่

ในสายตาของนาง ผู้เป็นนายดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

ท่าทางเรียบนิ่ง สงบ เยือกเย็น แววตาคมกริบที่เหมือนมองทะลุใจคนได้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางเคยคุ้นชิน

ก่อนหน้านี้คุณหนูของนางคือหญิงสาวอ่อนโยนอ่อนหวาน ขี้เกรงใจ ไม่กล้าจะมองสบตาผู้ใด และมักเก็บงำความรู้สึกไว้ภายใน แม้จะถูกกลั่นแกล้งก็มักเลือกที่จะเงียบไว้ ไม่เคยตอบโต้ ไม่เคยเรียกร้อง

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป

คุณหนูดูมั่นคง แข็งแกร่ง และเด็ดเดี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้เพียงแค่นั่งจิบชาเงียบๆ ก็ยังแผ่บรรยากาศน่าเกรงขามออกมาอย่างประหลาด

ฉิงหว่านรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ไม่คุ้นชินนักกับคุณหนูที่เป็นแบบนี้ แต่นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ลึกๆ แล้ว นางดีใจ

ดีใจมากที่คุณหนูของนางเข้มแข็งขึ้น ไม่ได้อ่อนแอและหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

"บะ...บ่าวแค่รู้สึกว่าคุณหนูดูเปลี่ยนไปเจ้าค่ะ"

เสียงของฉิงหว่านสั่นเล็กน้อย ขณะที่ช้อนตาขึ้นมองผู้เป็นนาย

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ดวงตาทอประกายเย้าแหย่

"เจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นวิญญาณร้ายมาสิงร่างนี้กระมัง"

"ไม่เจ้าค่ะ! บ่าวไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย!"

ฉิงหว่านรีบปฏิเสธหน้าตาตื่น มือที่ประสานกันอยู่บีบเข้าหากันแน่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

อวี้หลันมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือหยาบกร้านของอีกฝ่ายมากุมไว้ แล้วตบเบาๆ ที่หลังมือ

"หวานหว่านเอ๋ย  หวานหว่านของข้า"

เสียงของนางนุ่มนวลราวสายลมยามเช้า

"เมื่อคุณหนูของเจ้าผ่านพ้นความเป็นความตายมาแล้วคราหนึ่ง ก็ย่อมมองเห็นอะไรได้ชัดขึ้น"

นางเอ่ยช้าๆ สายตาเหม่อมองออกไปยังสวนด้านนอก ที่แสงแดดลอดใบไม้ตกกระทบพื้นอย่างแผ่วเบา

"หากข้ายังอ่อนแอเหมือนก่อน ครั้งนี้คงไม่แคล้วต้องตายจริงๆ แล้ว"

นางหยุดไปครู่หนึ่ง แววตาเงียบสงบแต่หนักแน่น หันมาสบตากับบ่าวตัวน้อย

"ไม่เพียงเท่านั้น การที่ข้าอ่อนแอก็ทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ไม่สามารถปกป้องใครได้เลย"

ฉิงหว่านเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตารื้นน้ำ 

"บ่าว บ่าวดีใจเจ้าค่ะ"

เสียงของนางสั่นพร่าด้วยอารมณ์ที่กดไว้ไม่อยู่ 

"ดีใจที่คุณหนูยังอยู่ตรงนี้"

ยอมรับว่าในตอนแรกนางกลัวมาก กลัวว่าคุณหนูจะจากไปจริงๆ

อวี้หลันใจอ่อนยวบ มือนุ่มบีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นเล็กน้อย

"ที่ผ่านมาต้องขอบใจเจ้ามาก"

ฉิงหว่านน้ำตาร่วงเงียบๆ นางส่ายหน้าช้าๆ พูดเสียงสะอื้น

"คุณหนูคือชีวิตของบ่าว ไม่ว่ายังไงบ่าวก็ไม่มีวันทอดทิ้งคุณหนูเจ้าค่ะ"

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ พลางใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลของอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน

"ข้ารู้ เลิกร้องไห้ได้แล้ว มาเถอะ เล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าระหว่างที่ข้าหมดสติไปเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง"

สองสายตามองสบกัน แววตาหนึ่งเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง อีกสายหนึ่งอบอวลด้วยความจงรักภักดีที่มั่นคงไม่แปรเปลี่ยน

ยามนี้ดวงอาทิตย์เคลื่อนขึ้นสูง ลำแสงเจิดจ้าทอดผ่านช่องหน้าต่างของเรือนฮวาหง สาดความร้อนแรงทาบยาวลงบนพื้นหินเย็นเฉียบตามทางเดิน แม้ภายนอกจะสว่างไสวด้วยแสงแดด แต่ภายในห้องกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด

เซิ่งเจี้ยน บิดาของเซิ่งซื่อ ผู้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มีโอกาสสร้างผลงาน ได้รับชัยชนะจากศึกใหญ่ที่ชายแดนใต้อย่างงดงาม 

เพราะแม่ทัพผู้นำทัพเพลี่ยงพล้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส เซิ่งเจี้ยนจึงต้องออกนำทัพเอง ด้วยการบัญชาทัพอย่างเด็ดขาดของเขา ทำให้กองทัพฝ่ายศัตรูต้องล่าถอยจนหมดสิ้น ข่าวแห่งชัยชนะถูกกราบทูลขึ้นสู่ราชสำนัก และได้รับการกล่าวขวัญไปทั่ว ชื่อเสียงของตระกูลพุ่งทะยาน

ไม่นานนัก พระราชโองการแต่งตั้งแม่ทัพภาค ก็มาถึงมือ มอบตำแหน่งแม่ทัพประจำมณฑลชายแดนใต้ พร้อมอำนาจควบคุมกองทัพทั้งหมดในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติการทหาร ถูกมอบให้กับบิดาของเซิ่งซื่อโดยสมบูรณ์

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้สถานะของตระกูลเซิ่งเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งเดิมเป็นเพียงตระกูลทหารที่เริ่มเป็นที่รู้จัก กลายเป็นตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในกองทัพอย่างเต็มภาคภูมิ ชื่อเสียงของแม่ทัพเซิ่งดังกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน

และด้วยสถานะใหม่นี้เอง เซิ่งซื่อที่แต่งเข้ามาในฐานะ "เบี้ย" ทางการเมือง ก็เริ่มกลายเป็น "หมากสำคัญ" ที่ไม่มีผู้ใดมองข้ามได้อีกต่อไป นางไม่อาจรั้งอยู่แค่ตำแหน่งฮูหยินรองได้อีก และตอนนี้นางก็ได้รับการยกฐานะเป็นฮูหยินเอกเรียบร้อยแล้ว

อวี้หลันนิ่งฟัง ดวงตาทอแสงเย็นเยียบ ขณะปลายนิ้วไล้วนขอบจอกชาอย่างครุ่นคิด 

ความเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย

"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวยังมีอีกเรื่องที่คุณหนูต้องรู้เจ้าค่ะ"

เสียงฉิงหว่านดังขึ้นเบาๆ 

อวี้หลันเลิกคิ้วเล็กน้อย 

"ยังมีเรื่องใดอีกหรือ"

นางวางจอกชาลงบนถาดหยก เสียงกระทบกันดังขึ้นแผ่วเบา ภายในห้องพลันเงียบสงัดลง 

ฉิงหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

"บ่าวได้ยินมาว่า"

นางหยุดไปครู่หนึ่งราวกับลังเล ก่อนจะตัดใจพูดออกมาในที่สุด

"ตำแหน่งพระชายาขององค์ชายห้า อาจมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าค่ะ"

ทันใดนั้นบรรยากาศภายในเรือนฮวาหงก็พลันเงียบงันลงทันที

อวี้หลันขมวดคิ้วมุ่น แววตาฉายแววครุ่นคิดขณะทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

"พระชายาขององค์ชายห้าอย่างนั้นหรือ"

นางเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาฉายแววเยาะหยันนิดๆ

"หากข้าจำไม่ผิด คนผู้นั้นก็คือคู่หมายของข้านี่ ใช่หรือไม่"

ฉิงหว่านเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าตอบ ได้แต่ก้มหน้าราวกับกลัวว่าคำพูดของตนจะสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ผู้เป็นนาย

แต่เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้บรรยากาศแปลกไปในทันที

"ฮึ อย่างนี้นี่เอง"

นางพึมพำกับตัวเอง แววตาไม่แสดงความตกใจหรือเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเฉียบคมของคนที่กำลังมองหมากกระดานนี้ออกอย่างชัดเจน

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ นี่สินะ เหตุผลที่นางถูกวางยา

แต่เป็นเช่นนั้นก็ดีสิ ท่าทางเย็นชาเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง 

ไม่ว่าชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้ นางก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานอยู่แล้ว บุรุษพวกนั้นมันน่ารำคาญจะตาย

อวี้หลันเอนกายลงพิงหมอนอิงอย่างสบายใจ ก่อนจะเหยียดยิ้มเยือกเย็น

นางไม่คิดจะขัดขวางวาสนาของใคร มีแต่จะส่งเสริมคู่ยวนยางก็เท่านั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่43ผู้มาเยือน

    "หลันเอ๋อร์ ขอเวลาข้าสักครู่ได้หรือไม่"เสียงทุ้มต่ำขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ทว่าแฝงแววเว้าวอนลึกซึ้ง เขาก้าวขวางเบื้องหน้าในจังหวะที่อวี้หลันหมุนกายจะจากไป หยุดยั้งฝีเท้าเรียวอย่างไม่เปิดโอกาสให้นางหลบเลี่ยงสายตาคมกริบทอดมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปได้ ความคาดหวัง ความลังเล และความเจ็บปวดสลักทับซ้อนในแววตาคู่นั้นราวกับเพียงคำตอบหนึ่งคำจากนาง จะสามารถปลดปล่อยหรือขังเขาไว้ตลอดกาลอวี้หลัน..หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่หมั้นในวัยเยาว์ของเขา หญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าจะได้ครอบครองและปกป้องแต่ตอนนี้นางกลับไกลจากเขาออกไปทุกทีข่าวลือที่โด่งดังไปทั่วเมืองหลวงอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขาไม่อาจทนนิ่งเฉย จนต้องมาปรากฏตัวที่นี่ ยิ่งเมื่อได้เห็น ปิ่นปักผม ที่ปรากฏอยู่บนมวยผมของนาง ดวงตาของเขายิ่งแข็งกร้าวปิ่นนั่นหลี่เหวินหลงผู้เป็นพี่ชายหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมอบให้ใครง่ายๆ นอกจากผู้ที่เขา "หมายปอง" อย่างแท้จริงหลี่จื้อหยวนกำมือแน่น ความรู้สึกในใจร้อนรนแทบระเบิดออกมา แต่กลับไม่เอ่ยอันใด นอกจากสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปิดกล่องเครื่องประดับในมือออก ยื่นไปตรงหน้าอีก

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่42คนว่างงาน

    มาอีกแล้ว คนผู้นี้ว่างงานนักหรืออย่างไรอวี้จิ้งทอดถอนใจยาวตั้งแต่ยังไม่ทันได้จิบชาเช้า ใบหน้านิ่งขรึมเต็มไปด้วยริ้วรอยของความอดกลั้น และกลิ่นอายของความหงุดหงิดปนเวทนาในชะตากรรมของตนรุ่งเช้า ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีนัก คนก็มาเยือนถึงหน้าจวนเสียแล้ว"หากไม่มีงานการทำ เหตุใดถึงไม่กลับแดนเหนือไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"อวี้จิ้งได้เพียงบ่นอยู่ในใจ ฟันกรามกัดแน่นจนขมับเต้นตุบๆ ขณะลุกจากที่นั่ง เดินออกไปต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ แขกที่เหมือนจะกลายเป็นสมาชิกประจำบ้านเข้าไปทุกทีองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ยืนตระหง่านราวขุนเขาเช่นเคย ท่าทีสงบนิ่ง เยือกเย็นประหนึ่งนักปราชญ์ผู้สูงส่ง ทั้งที่ความจริงแล้วก็แค่คนไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทนผู้หนึ่ง ที่ทำเอาเจ้าบ้านอย่างเขาแทบกระอักเลือดตาย เมื่อวานกว่าจะต้อนคนส่งกลับได้ก็เล่นเอาเขาแทบจะหัวหลุดจากบ่าอยู่หลายครั้ง"องค์ชายใหญ่มาตั้งแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"อวี้จิ้งเอ่ย พลางฉีกยิ้มบางๆ ที่คล้ายรอยยิ้มของเสือเฒ่ากำลังข่มอารมณ์ แฝงไว้ด้วยคำว่า ‘เจ้าว่างนักหรือ’ ขณะทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท"ใต้เท้าอวี้ พบหน้าข้าแล้วยินดีถึงเพียงนี้เชียว"หลี่เหวินหลงยิ้มรับสีหน้าระร

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่41สนทนาพาที

    เซิ่งซื่อใช่ว่าจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดกดดันที่แผ่คลุมอยู่ภายในห้อง หากแต่นางยังฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้ ไม่ว่าสายตาใครจะจับจ้องมายังนางอย่างไร นางก็ยังสงบนิ่งไม่แสดงพิรุธหลายวันมานี้ นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในจวนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นางรับรู้ได้ว่าสามีเริ่มมีท่าทีที่ผิดแผกไป ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคย นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับอวี้หลัน ทว่าเขากลับยังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้นางทั้งหวาดระแวงและไม่อาจวางใจได้ ความเงียบของเขากลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งนางรู้ดีว่าคนอย่างอวี้จิ้งไม่ใช่ผู้ที่จะปล่อยผ่านเรื่องใดไปโดยไม่คิดสืบหาความจริง ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกล่อได้ง่ายนัก และยิ่งเงียบก็ยิ่งน่าหวาดกลัวแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังพอจะเบาใจอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดหลานชายของนางก็กลับมาอย่างปลอดภัย และที่สำคัญ เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้ถูกสาวมาถึงตัวทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม นางเพียงต้องระวังตัวให้มากพอ และฉลาดพอที่จะไม่ถามถึงรายละเอียดให้มากความ สิ่งที่ไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่รู้ นางก็เลือกจะซ่อนไว้ลึกสุดใจ ไม่ให้แม้แต่น้ำเสียงหรือแววตาเผลอเผยพิรุธออ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่40ศึกชิงนาง

    หลังจากพิธีปักปิ่นอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าผ่านพ้นไป ตกเย็นก็ควรจะเป็นเวลาของคนในครอบครัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้วอวี้จิ้งเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคำกล่าวที่ว่าเชิญเทพมาง่าย แต่ส่งกลับไปแสนยาก ก็ในวันนี้เองรองเสนาบดีผู้มากบารมี ปลายสายตาเหลือบมองบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะด้วยสีหน้าอึมครึม เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดออกมา เพราะแม้จะเงียบ แต่หนวดที่กระตุกอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาวาววับที่ราวกับจะพ่นลูกไฟออกมาได้ทุกเมื่อ ก็ฟ้องหมดทุกอย่างและถึงจะเป็นเช่นนั้นอีกฝ่ายกลับยังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ หาได้รู้ถึงความผิดของตัวเอง ประหนึ่งว่าเขาคือเจ้าของเรือน มิหนำซ้ำยังทำตัวกลมกลืนอย่างยิ่งราวกับคนในครอบครัวไม่ขัดเขิน ไม่เกรงใจ ไม่ถ่อมตนกระทำตัวเหมือนเขยของบ้านข้าเข้าไปทุกทีหึ…กล้าดียังไงแน่นอนว่าอวี้จิ้งได้แต่คิดในใจเท่านั้น ไม่มีวันกล้าเอ่ยออกมาเพราะบุรุษตรงหน้านั้น หาใช่ใครอื่นไกล แต่คือ องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงการกระทำของอีกฝ่ายในวันนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาอย่างยิ่ง แต่แม้จะรู้สึกไม่พอใจเพียงใด ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางฮูหยินผู้เฒ่า ซึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่39วันปักปิ่น

    แสงอรุณอ่อนในฤดูใบไม้ผลิส่องพาดแนวหลังคาเรือน บรรยากาศทั่วทั้งจวนรองเสนาบดีเต็มไปด้วยความคึกคัก ภายในเรือนใหญ่ของตระกูลอวี้อบอวลด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์บ่าวไพร่ในจวนสีหน้าสดชื่นแจ่มใส ขะมักเขม้นจัดเตรียมพิธีมงคล ข้าวของเครื่องใช้ล้วนถูกจัดเรียงตามตำราโบราณเรือนหลักของจวนอวี้ในวันนี้ถูกประดับประดาด้วยผ้าแพรไหมสีมงคล ลวดลายดอกเหมยปักดิ้นทองสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ กลิ่นหอมของชาดอกไม้ที่ลอยอบอวลในอากาศ สร้างบรรยากาศละมุนละไมวันนี้คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณหนูรองอวี้ในที่สุดวันปักปิ่นของอวี้หลันก็มาถึง พิธีในวันนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติบุตรีขุนนางฝ่ายพิธีการ เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงที่หรูหราและงดงามที่สุดในรอบหลายปีของเมืองหลวง อวี้หลันในชุดผ้าไหมเนื้อละเอียดสีชมพูอมทองปักลวดลายดอกโบตั๋นอย่างประณีต เนื้อผ้าไหมพลิ้วไหวรับแสงแดดอ่อนยามเช้า ปลายแขนเสื้อขลิบดิ้นทอง ชุดตัวยาวรัดช่วงเอวด้วยสายผ้าแพรสีแดงสด ด้านข้างห้อยพู่หยกล้ำค่า เงาผ้าพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ต้องลมตามจังหวะก้าวเดิน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสตรีน้อยผู้เป็นบุตรีของรองเสนาบดีหญิงสาวย่างก้าวด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมไ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่38ความจริงเริ่มกระจ่าง

    เซิ่งซื่อนั่งนิ่งอยู่ในเรือนใหญ่ของตนเอง บรรยากาศภายในเรือนที่เคยสงบร่มรื่น บัดนี้กลับอึดอัดและหนักแน่นประหนึ่งมีเงาทึบปกคลุม มือที่ถือพัดเริ่มกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แววตาเคร่งเครียดขณะฟังรายงานจากบ่าวคนสนิท เสียงนั้นเบาราวกระซิบ แต่ทุกคำกลับฟังชัดเจนยิ่งในหูของนาง"คุณหนูรองกลับมาถึงจวนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ มิได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น"คำบอกเล่านั้น ดังก้องในใจจนมือที่กำพัดเริ่มสั่นอวี้หลันกลับมาแล้ว อีกทั้งยังไม่เป็นอะไรเลย"ข่าวว่า...องค์ชายใหญ่เป็นผู้ช่วยชีวิตคุณหนูรองเอาไว้ด้วยพระองค์เองเจ้าค่ะ"เสียงในห้องเงียบงันชั่วอึดใจ"องค์ชายใหญ่"เซิ่งซื่อทวนคำเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ความหวาดหวั่นคละคลุ้งในอกองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง คนผู้นี้อีกแล้วหรือพัดในมือของนางถูกบีบจนแทบจะแหลกคามือ แววตาที่เคยสั่นไหวเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวในฉับพลัน ริมฝีปากที่เคลือบชาดเอาไว้บางๆ เม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรงทั้งที่แผนการถูกวางไว้อย่างดี หลานชายที่เก่งกาจของนางไม่เคยที่จะทำงานผิดพลาด ทุกอย่างที่ควรจะจบลงอย่างเงียบงัน กลับพังครืนเพราะการปรากฏตัวของบุรุษเพียงผู้เดียวและยิ่งแย่กว่านั้น…ข่าวนี้กำลังจะถูก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status