Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่7เสิ่นฮองเฮา

Share

ตอนที่7เสิ่นฮองเฮา

last update Last Updated: 2025-07-13 11:31:54

ภายในตำหนักใหญ่ ตำหนักจิ้งเหอ ของฮองเฮาแซ่เสิ่น บรรยากาศเย็นสงบ ทว่าสายลมที่พัดผ่านม่านโปร่งเบานั้น กลับไม่อาจคลายความตึงเครียดในใจผู้ที่อยู่ภายใน ข่าวการฟื้นคืนสติของคุณหนูรองอวี้หลันมาถึงตำหนักจิ้งเหอแห่งนี้แล้วเช่นกัน

เสิ่นฮองเฮา ประทับนิ่งอยู่บนตั่งหยก ดวงพักตร์งดงามทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง พระหัตถ์เรียวขาวยกจอกชาขึ้นจิบอย่างสงบ ท่าทางอ่อนโยนเยือกเย็น หากแต่ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยความคมดุจคมมีด ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายพระเนตรนี้ได้ง่ายๆ

เสิ่นฮองเฮา มิใช่ผู้ครองตำแหน่งมารดาของแผ่นดินตั้งแต่ต้น พระนางขึ้นเป็นฮองเฮาภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาพระองค์ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายเป็นสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลเก่าแก่ที่หยั่งรากลึกในราชสำนัก เป็นมารดาผู้ให้กำเนิด องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง โอรสองค์โตของฮ่องเต้ และเป็นผู้ที่ได้รับการจับตามองว่าอาจจะได้สืบทอดราชบัลลังก์

ยามเมื่อเสิ่นฮองเฮาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองวังหลัง ก็ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมเยือกเย็น และความสามารถในการจัดการภายในวังหลังได้อย่างไร้ที่ติ พระนางรอบรู้ทั้งศาสตร์แห่งการเมืองและจิตใจคน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถปกครองวังหลังได้อย่างมั่นคง

แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ ว่าเบื้องหลังความสงบนิ่งและเยือกเย็นของเสิ่นฮองเฮา ในอดีตเคยมีความรักที่บริสุทธิ์งดงามซ่อนอยู่

เสิ่นซื่อเหนียง บุตรสาวของหมอหลวงประจำวังหลวงผู้หนึ่ง เป็นเพียงสตรีธรรมดาที่เงียบขรึม อ่อนน้อม และเปี่ยมด้วยสติปัญญา นางไม่สูงศักดิ์ ไม่มีตระกูลทรงอำนาจหนุนหลัง แต่สิ่งที่นางมี คือความเฉลียวฉลาด ความหนักแน่น และหัวใจที่เปี่ยมด้วยความภักดี

ฮ่องเต้ที่ยังทรงเป็นองค์รัชทายาทในวันนั้น ตกหลุมรักนางโดยไม่ทันรู้ตัว ในวังหลวงที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เสิ่นซื่อเหนียงกลับเป็นดั่งสายลมเย็นกลางฤดูร้อน นางมิได้ตามประจบเอาใจ มิได้เสแสร้ง หรือถือตัวแม้แต่น้อย สิ่งเหล่านี้กลับตรึงพระทัยขององค์รัชทายาทอย่างลึกซึ้ง

แต่สวรรค์หาได้เมตตาต่อคู่รักต่างชนชั้น แม้พระองค์จะต้องการแต่งตั้งนางเป็นพระชายาเอก แต่ด้วยสถานะของนางที่เป็นเพียงบุตรีหมอหลวงตำแหน่งต่ำ ย่อมไม่อาจขึ้นเป็นชายาเอกขององค์รัชทายาทได้ ราชวงศ์จำต้องเลือกสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ่ เพื่อผูกพันธไมตรีกับขุนนางทั้งราชสำนัก

สุดท้ายนางจึงเป็นได้เพียงสถานะ "พระชายารอง" เฝ้ามองชายที่รักแต่งงานกับสตรีอื่นอย่างสงบเสงี่ยม ไม่เคยเอ่ยปริปากตำหนิ ไม่เคยแสดงความเสียใจ แม้ในใจของนางจะมีบาดแผลลึกที่ไม่มีใครเห็น

เมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ เป็นฮ่องเต้แห่งแผ่นดิน เสิ่นซื่อเหนียงจึงได้รับการแต่งตั้งเป็น หวงกุ้ยเฟย เป็นดอกไม้ที่เบ่งบานในรั้วในวัง ทั้งที่ไม่มีรากฐานจากตระกูลใหญ่หนุนหลัง

นางยังคงสงบนิ่ง อ่อนโยนดังเดิม แต่ภายในใจกลับยิ่งเยือกเย็น เพราะนางรู้ดีว่าในวังหลวงแห่งนี้ ความรักเพียงอย่างเดียวไม่อาจปกป้องนางได้

นางเฝ้ามองและร่วมยินดีกับชายคนรักที่กำลังจะมีบุตรกับสตรีอื่น เฝ้ามองเขารับสตรีนางแล้วนางเล่า เฝ้าดูพวกนางตั้งครรภ์ มีบุตรชายหญิงให้แก่เขา โดยที่นางเป็นผู้เดียวที่ไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์

จนกระทั่งฮองเฮาสิ้นพระชนม์

นางจึงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นฮองเฮาพระองค์ใหม่ เพื่อดูแลวังหลัง และพระโอรสที่พระองค์มีร่วมกับสตรีอื่น 

นางเลี้ยงดู ดูแล อบรม เป็นมารดาให้องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงในวัยแปดขวบ นางทำหน้าที่นั้นอย่างดีที่สุด ความใกล้ชิด ความผูกพันก่อตัวขึ้น จนนางมองเขาเป็นดั่งบุตรของตัวเอง

ทว่า...สวรรค์ช่างเล่นตลก

ในวันที่ไม่มีใครคาดคิด ในวันที่นางละทิ้งความหวังไปแล้ว นางกลับตั้งครรภ์ขึ้นมา

พระโอรสของนาง องค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน คือสายเลือดที่นางเฝ้ารอมาเนิ่นนาน คือความภูมิใจหนึ่งเดียวของนาง

และนับตั้งแต่วันนั้น สายตาของนางที่มององค์ชายใหญ่ก็ค่อยๆ กลายเป็นความเย็นชา หัวใจของนางทุ่มให้กับบุตรชายของตนเพียงผู้เดียวเท่านั้น

องค์ชายใหญ่ผู้เคยอยู่ในความดูแลของนางอย่างดี เริ่มถูกละเลยอย่างเงียบงัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่เด็กคนนั้นกลายเป็นเพียง "บุตรของหญิงอื่น" ความอบอุ่นในสายตาของนางหายไปโดยสิ้นเชิง

และนางก็ไม่ทันได้สังเกตเลยว่า

ฮ่องเต้เอง… ก็เริ่มเปลี่ยนไป

สายพระเนตรที่เคยมองนางด้วยความอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ถ้อยคำที่เคยเอ่ยด้วยความรัก กลับกลายเป็นห่างเหิน ความผูกพันที่เคยมีกลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวในความทรงจำ

และเมื่อนางได้รู้ เมื่อนางได้เห็นความเย็นชาห่างเหินนั้นในดวงตาของพระองค์ แม้จะเจ็บปวดเจียนตาย แต่นางกลับยังคงสงบนิ่ง เพราะนางรู้ดีแล้วว่า ความรักของบุรุษนั้นไม่แน่นอน ไร้ความมั่นคง ความรักเพียงอย่างเดียว ไม่อาจปกป้องอะไรนางกับลูกได้

นางกลายเป็นคนเห็นอำนาจสำคัญยิ่งกว่าความรู้สึก

นางรู้เพียงว่า หากนางอยากให้องค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน ได้ยืนหยัดทัดเทียมผู้อื่น นางก็จำต้องแข็งแกร่งขึ้น เย็นชาขึ้น และเด็ดขาดยิ่งกว่าที่เคยเป็น

เสิ่นฮองเฮา ผู้เคยเป็นหญิงสาวผู้อ่อนโยน ตอนนี้รอบกายของนางกลับเต็มไปด้วยเล่ห์กลมากมาย เป็นผู้มีอำนาจควบคุมวังหลังไว้ในกำมือ

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่เพียงพอ แม้ตอนนี้บิดาของนางจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักหมอหลวง พี่ชายน้องชาย และคนตระกูลเสิ่นนั่งตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก แต่ก็ยังไม่สามารถต่อกรกับตระกูลอื่นที่ฝังรากลึกในราชสำนักได้

มันยังไม่พอสำหรับการผลักดันให้พระโอรสของนางเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์มังกร

ราชสำนักในตอนนี้แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างชัดเจน พระโอรสของฮ่องเต้มีอยู่หลายพระองค์ แต่ผู้ที่โดดเด่นมากที่สุดมีเพียงสามพระองค์เท่านั้น

องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง โอรสของฮองเฮาพระองค์ก่อน มีขุนนางฝ่ายอนุรักษนิยมและตระกูลขุนนางเก่าแก่หนุนหลังมากมาย

องค์ชายสามหลี่เหวินหวาย โอรสของกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษจากฮ่องเต้ในช่วงหลัง และมีตระกูลของเหล่าบัณฑิตหนุนหลัง

และสุดท้ายองค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน โอรสของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ผู้ที่แม้จะไม่ได้มีฐานอำนาจจากฝ่ายขุนนางใหญ่มากมาย หากแต่มีความสามารถและความนิ่งลึกที่น่าจับตามอง

ฮ่องเต้ยังมิได้แต่งตั้งรัชทายาท การแย่งชิงอำนาจจึงยังไม่สิ้นสุด เพียงแต่ดำเนินไปอย่างเงียบงันภายใต้ม่านหมอกแห่งราชสำนัก

เสิ่นฮองเฮาจึงพยายามขยายอำนาจโดยการผูกสัมพันธ์กับขุนนางใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ รองเสนาบดีอวี้จิ้ง ผู้ที่ในเวลานั้นต้องการนั่งตำแหน่งอัครเสนาบดี ซึ่งคนมีความสามารถเช่นเขาก็นับว่าไม่ยากเลย ขอเพียงมีคนมีอำนาจผลักดันอีกนิดเท่านั้น

แผนการร่วมผลประโยชน์โดยการแต่งงานจึงถูกกำหนดขึ้น องค์ชายห้าที่ในขณะนั้นอายุย่างเข้าสิบสี่ชันษาถูกวางตัวให้หมั้นหมายกับ อวี้หลัน ที่พึ่งจะอายุได้เจ็ดขวบ เพราะนางคือบุตรีของฮูหยินอวี้ เป็นหลานสาวของตระกูลไป๋ผู้ทรงอำนาจ จะมีการหมั้นหมายและกำหนดวันมงคลอย่างเป็นทางการเมื่อนางมีอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์

แต่...ทุกอย่างกลับผิดพลาดอย่างไม่คาดคิด

ตระกูลไป๋ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดร้ายแรงต่อราชสำนัก และถูกกวาดล้างในชั่วข้ามคืน เส้นสายอำนาจที่อยู่เบื้องหลังอวี้หลันพังทลายลงโดยสิ้นเชิง ทำให้สถานะของนางกลายเป็นเพียงบุตรีขุนนางที่ไร้แรงหนุน ภายหลังมารดายังตายจาก ไร้มารดาปกป้อง สถานะในสกุลอวี้ย่อมยิ่งยากลำบาก

เพื่อบัลลังก์ของโอรส นางย่อมไม่ยอมให้สิ่งใดมาเป็นอุปสรรคได้เด็ดขาด แต่ตอนนี้คนที่คิดว่าคงไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก กลับฟื้นขึ้นมาราวปาฏิหาริย์ เมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้ นางย่อมไม่อาจยินยอมให้โอรสแต่งกับสตรีเช่นนั้นได้ จึงจำต้องโยนหมากอย่างอวี้หลันทิ้ง เลือกตัดสัมพันธ์กับเด็กคนนั้นอย่างไร้ไมตรี

หมากอย่างคุณหนูใหญ่อวี้เหมย บุตรีของฮูหยินเอกคนปัจจุบัน ซึ่งมีท่านตาเป็นแม่ทัพภาคแห่งแดนใต้ ถูกหยิบขึ้นมาวางไว้แทนที่อวี้หลันบนกระดานอำนาจ

"ฮองเฮาเพคะ องค์ชายห้ามาถึงแล้วเพคะ"

ความคิดของนางหยุดลงเพียงเท่านั้น เมื่อเสียงมามาด้านหน้าตำหนักเอ่ยดังขึ้น

เสิ่นฮองเฮาละสายพระเนตรจากภาพตรงหน้า แสงแดดอ่อนยามสายที่ลอดผ่านม่านโปร่งดูจะไม่อาจกลบความเยือกเย็นในแววตานางได้

นางหันกลับมา มองไปยังบานประตูตำหนักที่ปิดสนิท ก่อนเสียงเรียบนิ่งจะเอ่ยอนุญาต

"ให้เขาเข้ามา"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนพิเศษ

    เสียงกลองชัยดังก้องสะท้อนทั่วเมือง เมื่อขบวนทัพขององค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงก้าวเข้าสู่เมืองหลวง ธงสีชาดสะบัดพลิ้วเหนือกำแพงเมือง แสงอาทิตย์อาบเมืองหลวงเปล่งประกายดุจทองคำ ประชาชนต่างออกมายืนเรียงรายสองฝั่งถนนเพื่อรอต้อนรับ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังกึกก้อง ดอกไม้หลากสีถูกโปรยปรายทั่วทางเดินที่ทอดยาวสู่ประตูวังหลวง"ถวายพระพรองค์ชายใหญ่! ทรงพระเจริญ!"ผู้คนทั้งแผ่นดินเปล่งเสียงสรรเสริญชัยชนะธงสีชาดสะบัดพลิ้วกลางสายลม ขบวนทหารเคลื่อนเข้าสู่เมืองอย่างองอาจ แววตาส่องประกายด้วยความภาคภูมิองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงทรงม้านำขบวน ท่วงท่าของพระองค์สง่างามดังวีรบุรุษ ดวงตาคมทอดมองไปยังประตูวังหลวงซึ่งเปิดต้อนรับ ข้างกายของพระองค์คือสตรีในชุดพิชัยศึกสีขาวเงินสะอาด นางมิได้แต่งกายงดงามหรูหราเช่นสตรีในเมืองหลวง แต่สง่างามในแบบนักรบผู้เคียงบ่าเคียงไหล่ดวงอาทิตย์ส่องกระทบเกราะโลหะของทั้งคู่จนวาววับราวกับเปลวเพลิง ทหารที่เดินตามหลังใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ภาพนั้นกลายเป็นขบวนแห่งเกียรติภูมิของแผ่นดินหลังจากองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงเดินทางกลับเมืองหลวงมิทันข้ามวัน ก็มีราชโองการปลดเสิ่นฮองเฮาออกจากตำแหน่งและ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่68จบบริบูรณ์

    บรรยากาศหลังศึกใหญ่ยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นควันไฟและกลิ่นคาวเลือดเสียงกลองศึกสุดท้ายหยุดลงพร้อมกับเปลวเพลิงแห่งสงครามที่ค่อยๆ มอดดับ เหลือเพียงเสียงลมหอบของม้าและเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะที่ดังขึ้นทั่วสนามรบแสงแรกแห่งอรุณฉาบลงบนผืนดินที่เพิ่งหลั่งเลือด เปล่งประกายเหนือซากศพและธงศัตรูที่ถูกเหยียบย่ำจนแหลกลาญ เหล่าทหารยกอาวุธขึ้นเหนือศีรษะ โบกสะบัดธงสีชาดแห่งแคว้นเป่ยอย่างภาคภูมิ ชายแดนใต้กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง กองทัพศัตรูถูกขับไล่ออกนอกเขตแดนอย่างสิ้นเชิงกลางลานศึกที่ยังมีกลิ่นคาวเลือด องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแสงรุ่งอรุณแรกหลังสงคราม ชุดเกราะของเขาเปรอะไปด้วยคราบฝุ่นและเลือด แต่ดวงตาคมยังคงเปล่งประกายเยือกเย็น เปี่ยมด้วยอำนาจและความสงบแห่งผู้ชนะเขาเงยหน้ามองขอบฟ้า สีทองของรุ่งอรุณสะท้อนในดวงตา แสงนั้นไม่เพียงล้างคราบควันไฟ หากยังปลุกความหวังของดินแดนกลับคืนมาอีกครั้งชายหนุ่มหันไปมองสตรีข้างกาย อวี้หลันในชุดเกราะสีเงินที่สะท้อนแสงทองระยับ แม้เปื้อนฝุ่นและเลือดเล็กน้อย แต่กลับงดงามดุจเทพธิดาผู้ลงมาจากสรวงสวรรค์ นางกำลังมองทิวเขาเบื้องหน้า ดวงตาของนางนิ่งสงบ หากลึกซึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่67ทวงคืนแผ่นดิน ปกป้องดวงใจ

    แสงอรุณแรกของวันค่อยๆ สาดต้องปลายยอดเขา หมอกบางคลอเคลียยอดหญ้าเหนือทุ่งรบอันกว้างไกล เสียงแตรศึกดังสะท้อนก้องไปทั่วค่ายทัพ ปลุกเหล่าทหารให้ตื่นจากความเงียบงันเข้าสู่เช้าวันใหม่ ธงทัพสีชาดปลิวสะบัดกลางสายลมเช้า แผ่นผ้าขนาดมหึมามีอักษรคำว่า เป่ย ปักด้วยด้ายทองแวววาวราวเปลวเพลิงบนท้องฟ้าองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงประทับหลังอาชาเบื้องหน้าแถวทหาร ใต้เกราะศึกสีดำสนิทที่สะท้อนแสงอาทิตย์แรก เขากวาดตามองเหล่าทหารกล้าผู้พร้อมพลีชีพเพื่อแผ่นดิน ก่อนจะควบอาชาสีดำสนิทขึ้นไปยังเนินสูง"เหล่าทหารแห่งแคว้นเป่ย!""เราทุกคนต่างมีเลือด มีชีวิต มีครอบครัวอยู่เบื้องหลัง!""พวกมันย่ำยีผืนดินของเรา ฆ่าผู้บริสุทธิ์ เหยียบเกียรติของแผ่นดินของเรา!"เสียงของเขาดังก้องราวสายฟ้าฟาดกลางเวหา"วันนี้! เราจะสู้...เพื่อทวงคืนทุกสิ่งกลับคืนมา!""บดขยี้ทัพศัตรูให้สิ้น! ถึงเวลาให้มันรู้ว่าผู้ใดคือเจ้าของแผ่นดินนี้!""ถวายชีวิตเพื่อแผ่นดิน! ถวายชีวิตเพื่อองค์ชายใหญ่!"เสียงกู่ร้องคำรามตอบกลับดังก้องภูผา"เพื่อแผ่นดิน! เพื่อแผ่นดิน!"เสียงทหารนับหมื่นตะโกนพร้อมกัน โห่ร้องก้องสะเทือนฟ้าดินองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงยกดาบคู่กายขึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่66คิดถึงคะนึงหา

    ชายแดนใต้ยามนี้ไฟสงครามยังคงปะทุไม่สิ้นสุด ท้องฟ้าเหนือเขตแดนยังคงถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้มหนาทึบ กลิ่นดินชื้นผสมกลิ่นคาวเลือดและควันไฟลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ เหล่าทหารในชุดเกราะสีนิลเดินลาดตระเวนอย่างขยันขันแข็งไม่มีผู้ใดกล้าหย่อนยานในหน้าที่แม้แต่น้อยสามเดือนแล้วที่กองทัพขององค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงเดินทางมาถึงชายแดนใต้ ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลเพลิงที่ย้อมไปด้วยเลือดหลี่เหวินหลงมองไปยังเส้นขอบฟ้าที่พร่ามัวด้วยหมอกควัน แม้สายลมอุ่นจะพัดแรงจนเส้นผมปลิว แต่เขากลับยังคงยืนนิ่ง นึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่เหยียบเท้าเข้าสู่ชายแดนใต้วันแรกทันทีที่กองทัพของเขาก้าวเข้าสู่เขตชายแดนใต้ สิ่งที่รอต้อนรับเขาคือลูกธนูของมือสังหารที่พุ่งทะลวงหมายปลิดชีพ นับแต่นั้น การเดินทางล้วนเต็มไปด้วยเงามืดของมือสังหารคอยซุ่มโจมตีตลอดทางและผู้อยู่เบื้องหลังก็หาใช่ใครอื่น เซิ่งเจี้ยน แม่ทัพผู้ซึ่งเคยเป็นกำลังสำคัญของแผ่นดิน แต่กลับขายเกียรติของตนเข้าร่วมกับศัตรูเพื่อผลประโยชน์ในจวนของแม่ทัพเซิ่ง ค้นพบเอกสารลับหลายฉบับ เอกสารเหล่านั้นคือหลักฐานของการทรยศที่อีกฝ่ายสมคบคิดกับศัตรู รวมทั้

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่65ไม่อาจรอได้

    หลังบ้านเมืองกลับสู่ความสงบ จวนอัครเสนาบดีก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงหัวเราะของเหล่าคนสนิทของคุณหนูรองของจวนและผู้มาเยือนดังแว่วอยู่ในลานฝึกด้านหลังในลานฝึก สตรีผู้หนึ่งในชุดสีเข้มทะมัดทะแมงกำลังเหวี่ยงกระบี่ด้วยท่วงท่าลื่นไหล งดงามจนคนมองแทบลืมหายใจ"พี่สะใภ้"เสียงทุ้มขององค์ชายสามหลี่เหวินหวายดังขึ้น ตอนนี้เขากลายเป็นแขกประจำของจวนนี้ไปเสียแล้ว"ฝีมือการต่อสู้ของท่านสุดยอดถึงเพียงนี้... ท่านยังจะอยากฝึกกำลังภายในอีกหรือ"เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทั้งชื่นชมทั้งเหลือเชื่อ เมื่อนางแสดงเจตนารมณ์ว่าอยากฝึกเดินลมปราณและกำลังภายในในการต่อสู้สตรีที่ถูกเรียกว่าพี่สะใภ้เพียงชำเลืองตามอง ดวงตาเป็นประกาย"ข้าก็อยากเหาะเหินเดินอากาศ สะกิดเบาๆ ก็ทำให้คู่ต่อสู้ตัวปลิวกระเด็นไปได้ดูบ้าง"การต่อสู้ทุกอย่างนางเคยฝึกมาหมดแล้ว การใช้กำลังภายในเหมือนในหนังนางก็อยากจะลองดูสักครั้งคำตอบนั้นทำให้องค์ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะพรืด "พี่สะใภ้ เรื่องเช่นนั้นมันจะไปมีได้อย่างไร หากท่านทำได้จริง พวกข้าทุกคนคงต้องหลีกทางให้ท่านเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งแห่งยุทธภพเสียแล้ว"อวี้หลันเก็บกระบี่เข้าฝักอย่างสง่างาม มุม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่64คืนสนอง

    บรรยากาศในเมืองหลวงหลังศึกกบฏสิ้นสุดลงกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ความสงบนั้นถูกปกคลุมอยู่เหนือซากความสูญเสียและกลิ่นคาวเลือดที่ยังไม่ทันจางไปจากผืนแผ่นดินธงหลวงโบกสะบัดเหนือกำแพงเมือง ด้านนอกมีเสียงทหารเคลื่อนย้ายศพและผู้บาดเจ็บ ส่วนด้านในวังหลวง ทุกตำหนักกลับเงียบงันราวกับวิญญาณทั้งวังได้หลบซ่อนตัวภายในตำหนักจิ้งเหออันโอ่อ่าซึ่งเป็นที่ประทับของฮองเฮา บัดนี้ถูกใช้เป็นที่กักบริเวณ เสียงลมพัดผ่านม่านแพรเบาๆ กลืนเสียงสนทนาและเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ดังใกล้เข้ามาอวี้หลันในชุดผ้าคลุมสีอ่อนก้าวเข้ามาช้าๆ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาแต่มั่นคงสะท้อนก้องอยู่ในห้องที่เงียบงัน กลิ่นยาจางๆ ลอยอบอวลในอากาศ เสียงลมหายใจแผ่วของสตรีบนตั่งไม้แกะสลักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ขยับไหวในความเงียบ ด้านข้างมีนางกำนัลเพียงไม่กี่คนเฝ้าดูแลอยู่ นางหยุดยืนอยู่หน้าตั่ง ดวงตาคมกริบมองสตรีสูงศักดิ์ผู้เคยน่าเกรงขามในอดีต บัดนี้เหลือเพียงเงาของคนที่เคยอยู่เหนือสตรีทั้งแผ่นดิน เสิ่นฮองเฮายังคงงามสง่าดังเช่นเคย แม้สีหน้าจะซีดเผือดราวกระดาษ"ทรงพระสำราญดีหรือไม่เพคะ...หม่อมฉันมาเยี่ยม"เสียงของอวี้หลันนุ่มนวล ทว่าแต่ละคำชัดเจนและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status