Accueil / รักโบราณ / บุปผาหยกหวนคืนบ้าน / บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (1/2)

Share

บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (1/2)

last update Dernière mise à jour: 2025-08-29 08:50:25

อิสรภาพในจินตนาการนั้นหอมหวานดั่งน้ำผึ้ง แต่ในความเป็นจริง มันกลับขมขื่นดังยาขมและเย็นเฉียบราวกับพายุหิมะ

เหลียนหยางเหว่ยในวัยสิบสี่ปีค้นพบสัจธรรมข้อนี้ในค่ำคืนที่สามของการหลบหนี ความรู้สึกฮึกเหิมของการได้ทลายกรงทองออกมาจางหายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยความหิวโหยที่กัดกินอยู่ในช่องท้องและความเหน็บหนาวที่เสียดแทงเข้ากระดูกทุกข้อ โลกภายนอกที่เคยวาดฝันไว้ว่ากว้างใหญ่และเปี่ยมด้วยโอกาส บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงป่าทึบอันมืดมิดและเส้นทางดินโคลนที่ไร้จุดสิ้นสุด

เงินและของมีค่าเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาหยิบฉวยติดตัวมา ถูกขโมยไปจนหมดสิ้นโดยกลุ่มคนพเนจรในวันที่สอง เหลือทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นและร่างกายที่อ่อนล้าสะบักสะบอม วิชาตัวเบาที่เคยใช้ทะยานข้ามกำแพงสูงใหญ่ บัดนี้กลับไร้ประโยชน์เมื่อพละกำลังถดถอยลงทุกขณะเพราะขาดอาหาร นิ้วมือที่เคยฝันว่าจะใช้เพื่อสร้างสรรค์บทเพลง บัดนี้กลับสั่นเทาและเย็นเฉียบจนแทบไร้ความรู้สึก

เขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือต้องไปให้ไกลที่สุด ไกลจากเงื้อมมือของบิดา ไกลจากชะตากรรมที่น่ารังเกียจนั้น

แต่ยิ่งเดิน ร่างกายก็ยิ่งประท้วง สายตาพร่าเลือนจนมองเห็นภาพป่าไม้รอบกายบิดเบี้ยวไปหมด เสียงหรีดหริ่งเรไรในยามค่ำคืนฟังดูราวกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยในความโง่เขลาของตนเอง

ในที่สุด ร่างของเด็กหนุ่มก็ทรุดฮวบลงกับพื้นดินที่เย็นชื้น สติสัมปชัญญะสุดท้ายของเขารับรู้ได้ถึงเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมากระทบใบหน้า

มันเย็น... เย็นเหลือเกินราวกับความตายที่คืบคลานเข้ามา เขาหลับตาลงอย่างอ่อนแรง ภาพสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าอันอ่อนโยนของมารดาและเศษขลุ่ยที่แตกหัก... บางทีการตายไปเสียตรงนี้อาจจะดีกว่าการต้องกลับไปเผชิญหน้ากับชีวิตที่ไร้วิญญาณในกรงทองนั้นก็เป็นได้

.

เวลาผ่านไปนานพอสมควรที่หมดสติไป ก่อนที่ความอบอุ่นจะเป็นสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้

ไม่ใช่ความอบอุ่นจากกองไฟที่ร้อนแรง แต่เป็นความอบอุ่นอ่อนๆ ที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายราวกับน้ำแกงร้อนๆ ที่ค่อยๆ ไหลลงสู่ลำคอ ตามมาด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของสมุนไพรและข้าวต้ม เมื่อเขาลองขยับเปลือกตาที่หนักอึ้ง ก็พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ธรรมดาๆ ในกระท่อมหลังเล็กที่สะอาดสะอ้าน แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างกระดาษเข้ามา ทำให้มองเห็นฝุ่นละอองลอยวนอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า

“ตื่นแล้วรึ เด็กน้อย”

เสียงแหบพร่าแต่เปี่ยมด้วยความเมตตาดังขึ้นจากมุมห้อง หยางเหว่ยหันไปมองอย่างตื่นตระหนก ที่นั่นมีหญิงชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ นางกำลังใช้ด้ายสีแดงเย็บปะเสื้อผ้าเก่าๆ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา แต่ดวงตาคู่นั้นกลับยังคงความคมกล้าและเปี่ยมด้วยประกายแห่งปัญญาอย่างน่าประหลาด

“ท่าน... ท่านเป็นใคร” เขาเอ่ยถาม เสียงที่ออกมาแหบแห้งจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง หญิงชรายิ้มโดยไม่ละสายตาจากงานในมือ

“ข้าเป็นเพียงคนแก่ที่อาศัยอยู่ในป่านี้ แต่เจ้าสิเป็นใครกัน มานอนสลบไสลอยู่กลางป่ากลางเขาเช่นนี้ หากข้าไปพบช้ากว่านี้อีกสักชั่วยาม ร่างของเจ้าคงได้กลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าไปแล้ว”

หยางเหว่ยพยายามจะยันกายลุกขึ้น แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง หญิงชราเห็นดังนั้นจึงวางงานในมือลงและเดินมาประคองเขาให้นั่งพิงหัวเตียง นางยื่นถ้วยดินเผาที่บรรจุน้ำอุ่นๆ ให้เขาดื่ม

“ค่อยๆ ดื่ม ร่างกายของเจ้ายังอ่อนแอนัก เป็นไข้ป่าอยู่หลายวันทีเดียว”

เขาดื่มน้ำอย่างกระหายก่อนจะมองไปรอบๆ กระท่อมที่เรียบง่ายแต่เป็นระเบียบ ก่อนจะเอ่ยถาม

“ข้า... ข้าสลบไปนานเท่าใดหรือขอรับ”

“สามวันเห็นจะได้” นางตอบพลางเช็ดตัวให้เขาด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น “ดูจากกิริยาท่าทางการวางตัวแล้ว เจ้าคงเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลใหญ่ที่หนีออกจากบ้านกระมัง”

คำพูดของนางแทงใจดำเขาอย่างจัง หยางเหว่ยเม้มปากแน่น ไม่ยอมตอบคำถามนั้น แต่หญิงชราก็ไม่ได้คาดคั้น นางเพียงดูแลเขาอย่างเงียบๆ ป้อนข้าวต้มสมุนไพรให้เขาวันละสามมื้อ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดให้ และคอยดูอาการไข้ของเขาอย่างอดทน หลายวันผ่านไป ร่างกายของหยางเหว่ยค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้น แต่หัวใจของเขายังคงปิดตาย

จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่หญิงชรากำลังตากสมุนไพรอยู่ที่ลานหน้ากระท่อม หยางเหว่ยที่เริ่มเดินเหินได้บ้างแล้วก็เผลอฮัมเพลงท่อนหนึ่งจากบทละครงิ้วออกมาเบาๆ ด้วยความเผลอไผล

ฉับพลันนั้นเอง มือที่กำลังสาละวนอยู่กับการคัดแยกสมุนไพรของหญิงชราก็หยุดชะงักลง นางหันขวับมามองเขา ดวงตาที่เคยสงบ บัดนี้กลับทอประกายวาววับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เจ้ารู้จักทำนองเพลงนี้ด้วยรึ”

หยางเหว่ยสะดุ้ง เขานึกได้ว่าตนเองเผลอทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่เมื่อเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของหญิงชรา เขาก็ตัดสินใจพูดความจริงเป็นครั้งแรก

“ข้า...ข้าเคยอ่านบทละครขอรับ”

“แค่เคยอ่านรึ” นางเดินตรงเข้ามาหาเขา “ลองร้องเป็นเพลงข้าฟังสิ”

หยางเหว่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาที่คาดคั้นนั้น เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มขับขานท่อนต่อมา แม้เรี่ยวแรงจะยังไม่กลับมาเต็มที่ และเสียงจะยังไม่กังวานใสเท่าที่ควร แต่น้ำเสียงและอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยความโหยหาและความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง

เมื่อเขาร้องจบ หญิงชราก็ยืนนิ่งไปนานราวกับถูกสาป ก่อนที่นางจะพยักหน้าช้าๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป

“น้ำเสียงของเจ้า... มีจิตวิญญาณของตัวนางสถิตอยู่ข้างใน” นางเดินกลับเข้าไปในกระท่อมและกลับออกมาพร้อมกับป้ายไม้อันเล็กๆ ที่เก่าคร่ำคร่า บนป้ายนั้นสลักชื่อไว้ว่า เยว่ซินเหอ

“คนในวงการงิ้วเมื่อหลายสิบปีก่อน เรียกข้าว่า ‘ยายา’” นางพูดเรียบๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าคืออดีตนางเอกคณะงิ้วหลวงแห่งเมืองหลวง”

หยางเหว่ยเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ชื่อของเยว่ซินเหอนั้นเป็นตำนาน เขาเคยแอบอ่านเจอในบันทึกเก่าๆ นางคือนางเอกงิ้วผู้รับบทตัวนางได้งดงามและกินใจที่สุดในรอบร้อยปี แต่แล้วจู่ๆ นางก็หายตัวไปจากวงการอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครคาดคิดว่านางจะมาปลีกวิเวกอยู่ในป่าลึกเช่นนี้

“ท่าน... ท่านคือท่านยายาจริงๆ หรือขอรับ”

“ข้าเป็นเพียงหญิงแก่คนหนึ่งแล้วในตอนนี้” นางยิ้มบางๆ “แต่สายตาของข้ายังไม่ฝ้าฟางพอที่จะมองเพชรในตมไม่ออก...เล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังทีเถิด เด็กน้อย”

ราวกับเขื่อนที่กั้นเก็บความทุกข์ทรมานมานานได้พังทลายลง เหลียนหยางเหว่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดของเขาให้ยายาฟัง ทั้งความฝันที่ถูกบิดาเหยียบย่ำ ทั้งกรงทองที่จองจำเขาไว้ และการหลบหนีที่เกือบต้องแลกมาด้วยชีวิต เขาร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ออกจากบ้านมา ยายาไม่ได้พูดปลอบใจ นางเพียงนั่งฟังอย่างสงบ รอจนกระทั่งเขาระบายความอัดอั้นออกมาจนหมดสิ้น

“เจ้าหนีจากบ้านมาเพื่อจะเป็นศิลปิน... อยากแสดงงิ้วอย่างงั้นรึ?” นางถามเพื่อความแน่ใจ “แล้วก็อยากเป็นตัวนางด้วย?”

“ขอรับ! นั่นคือสิ่งเดียวที่ข้าปรารถนา” หยางเหว่ยเช็ดน้ำตาและพยักหน้าอย่างแน่วแน่

ยายามองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ก่อนจะถอนหายใจยาว

“เส้นทางที่เจ้าเลือก เดินได้ยากยิ่งกว่าการเป็นยอดฝีมือในยุทธภพเสียอีก มันคือการฝืนลิขิตสวรรค์ เจ้าพร้อมที่จะแลกทุกอย่างกับมันแล้วจริงๆ รึ”

“ข้าพร้อมขอรับ!” เขาตอบโดยไม่ลังเล

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   ตอนพิเศษ: หงส์ผงาดอีกครั้ง (2/2)

    ณ คฤหาสน์ตระกูลเหลียนที่สงบสุข...จดหมายจากเหมยหลินถูกส่งมาถึงมือของไป๋อวี้ฮวา อี้เฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ มองด้วยความไม่ไว้วางใจ แต่เมื่ออวี้ฮวาคลี่จดหมายออกอ่าน สีหน้าของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากความประหลาดใจเป็นความรู้สึกทึ่งและตื้นตันใจเล็กๆนางยื่นจดหมายให้อี้เฉินอ่าน เนื้อความในนั้นเขียนไว้ว่า:“ถึง ไป๋อวี้ฮวา สหายและอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของข้าชัยชนะของท่านเมื่อห้าปีก่อน ได้ทำลายความหยิ่งทนงของข้าจนหมดสิ้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ได้ปลุกจิตวิญญาณศิลปินที่หลับใหลของข้าให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่านได้แสดงให้ข้าเห็นถึงเส้นทางที่ข้าได้หลงลืมไปบัดนี้ ข้าได้ผ่านการเดินทางและขัดเกลาปีกของตนเองแล้ว ข้าจึงอยากจะขอส่งสารนี้มาเพื่อท้าทายท่านอีกครั้งหนึ่ง แต่มันไม่ใช่การประชันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งอีกต่อไป แต่คือการท้าทายเพื่อให้พวกเราทั้งสองได้ร่วมกันสร้างสรรค์การแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่แผ่นดินนี้เคยมีมาข้าขอเชิญท่านและคณะงิ้วของท่าน เดินทางมายังเมืองหลวง เพื่อเปิดการแสดงเคียงข้างกันบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเรา ให้ชาวโลกได้ประจักษ์ว่าศิลปะที่แท้จริงนั้นงดงามเพียงใดด้วยความเคารพอย่างสูงสุดเหมย

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   ตอนพิเศษ: หงส์ผงาดอีกครั้ง (1/2)

    สองปีหลังจากการประชันงิ้ว...กาลเวลาได้พัดพาเรื่องราวการประชันอันเลื่องชื่อระหว่างหงส์ฟ้าแห่งเมืองหลวงและนางสวรรค์แห่งแดนใต้ให้กลายเป็นตำนานบทหนึ่งที่ถูกเล่าขานในโรงน้ำชาและคณะละครทั่วหล้า สำหรับชาวเมืองทางใต้ มันคือเรื่องราวแห่งความภาคภูมิใจ แต่สำหรับเมืองหลวงแล้ว มันคือรอยด่างพร้อยในประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบของคณะงิ้วหลวง และคือความอัปยศที่นางพญาหงส์อย่างเหมยหลินต้องแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียวการเดินทางกลับสู่เมืองหลวงของเหมยหลินในครั้งนั้น ช่างแตกต่างจากการเดินทางมาเยือนแดนใต้อย่างสิ้นเชิง ขบวนรถม้าที่เคยยิ่งใหญ่บัดนี้กลับดูหม่นหมองไร้สง่าราศี บรรยากาศในคณะเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด ข่าวความพ่ายแพ้ ได้เดินทางล่วงหน้ามาถึงก่อนตัวนางเสียอีก สายตาของชาวเมืองหลวงที่เคยเปี่ยมด้วยความชื่นชมบูชา บัดนี้กลับเจือปนด้วยความผิดหวังและคำถามเหมยหลินเก็บตัวเงียบอยู่ในเรือนพักของนาง ปฏิเสธการเข้าพบจากทุกคน นางพยายามจะกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม พยายามจะกลับขึ้นไปบนเวทีที่เคยเป็นดั่งบัลลังก์ของนาง แต่ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปนางยังคงร่ายรำได้อย่างสมบูรณ์แบบ... แต่นางกลับรู้สึกถึงความว

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 15: บุปผาหยกหวนคืนบ้าน

    คำประกาศิตที่เกรี้ยวกราดของเหลียนจื้อเซินดังก้องสะท้อนอยู่ในห้องที่เงียบงัน มันคือคำตัดสินที่เฉียบขาดและเย็นชาที่สุด คือการผลักไสสายเลือดของตนเองให้กลายเป็นคนอื่นอีกครั้ง ไป๋อวี้ฮวายังคงคุกเข่านิ่งอยู่บนพื้น ร่างกายชาวาบไปทั้งร่างราวกับถูกแช่แข็ง น้ำตาทุกหยดเหือดแห้งไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทว่าในครั้งนี้ นางไม่ได้อยู่เพียงลำพัง“หากท่านจะไล่เขาไป... ก็โปรดไล่ข้าไปด้วย”เสียงของเหลียนอี้เฉินดังขึ้นอย่างหนักแน่นและไม่เกรงกลัว เขาก้าวมายืนเคียงข้างร่างของอวี้ฮวา เผชิญหน้ากับบิดาบุญธรรมของตนเองอย่างไม่ยอมหลบสายตา“หากเขาไม่ใช่บุตรชาย หรือสะใภ้ของท่าน ข้าก็ไม่ใช่บุตรชายของท่านอีกต่อไป หากที่นี่ไม่มีที่ให้เขายืน... ก็ย่อมไม่มีที่สำหรับข้าเช่นกัน พวกเราจะจากไปพร้อมกันเดี๋ยวนี้”คำพูดนั้นราวกับค้อนหนักๆ ที่ทุบลงมากลางใจของเหลียนจื้อเซิน การสูญเสียลูกชายคนเดียวไปเมื่อแปดปีก่อนคือความเจ็บปวดที่เขาซ่อนไว้ใต้หน้ากากแห่งความแข็งกร้าวมาโดยตลอด การต้องมาสูญเสียลูกชายบุญธรรมที่เปรียบเสมือนแขน

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 14: ความลับที่ถูกเปิดเผย (2/2)

    พวกเขาเลือกรุ่งเช้าของวันต่อมา... ด้วยมันเป็นวันที่เหลียนจื้อเซินดูสดใสและมีกำลังวังชามากที่สุดนับตั้งแต่ฟื้นไข้อี้เฉินและอวี้ฮวาขอเข้าพบเป็นการส่วนตัวในห้องนอนของบิดา โดยมีท่านหญิงเหลียนนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยเช่นกัน บรรยากาศในห้องดูผ่อนคลายและเปี่ยมด้วยความสุขจากการฟื้นตัวของประมุขแห่งบ้านอี้เฉินเป็นผู้เริ่มต้น เขารู้ดีว่าในฐานะบุตรชายและสามี เขาคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องราวทั้งหมดเขาคุกเข่าลงกับพื้นข้างเตียงของบิดา ทำให้ทุกคนในห้องตกใจไปตามๆ กัน“อี้เฉิน! เจ้าทำอะไรของเจ้า!”“ท่านพ่อ ท่านแม่... ก่อนที่ข้าจะพูดอะไรต่อไป ข้าขอให้ท่านทั้งสองโปรดจงรู้ไว้ว่า... ข้ารักอวี้ฮวา... รักอย่างสุดหัวใจ และไม่ว่าความจริงที่ข้าจะพูดต่อไปนี้จะเป็นเช่นไร ความรักของข้าที่มีต่อนางจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”เขาเริ่มต้นเล่าเรื่องราว... ตั้งแต่คืนส่งตัวที่เขาได้ล่วงรู้ความจริง... ความโกรธเกรี้ยว ความสับสน และการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตที่จะยอมรับและปกป้องคนที่เขารักต่อไป เขาสารภาพว่าเขาร่วมมือกับนางในการหลอกลวงเรื่องการตั้งครรภ

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 14: ความลับที่ถูกเปิดเผย (1/2)

    ในห้องหนังสือที่เงียบสงบ มีเพียงอี้เฉินและอวี้ฮวาที่นั่งเผชิญหน้ากับหมอเทวดากู้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่มองไม่เห็นท่านหมอกู้ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวหา แต่กลับเริ่มต้นด้วยการชื่นชม“ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ข้าได้เห็นความทุ่มเทของฮูหยินน้อยแล้ว นับเป็นลูกสะใภ้ที่กตัญญูและมีจิตใจเข้มแข็งอย่างหาได้ยากยิ่ง”“ท่านหมอชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” อวี้ฮวาตอบเสียงเบา ส่วนท่านหมอกู้ก็จิบชา ก่อนจะวางถ้วยลงและมองตรงมาที่นาง“แต่สิ่งที่ข้าชื่นชมนั้น...กลับยิ่งสร้างความสับสนให้แก่ข้ามากขึ้นไปอีก”เขาประสานมือไว้บนตัก จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอวี้ฮวา ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้นางและอี้เฉินรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน“ชีพจรของฮูหยินน้อย... มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ... มันไม่เหมือนชีพจรสตรีเลย”ความเงียบที่โรยตัวลงในห้องหนังสือนั้นหนักอึ้งเสียยิ่งกว่าหินผาพันชั่ง ไป๋อวี้ฮวาและเหลียนอี้เฉินนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อราวกับรูปสลัก คำพูดของท่านหมอกู้ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของพวกเขาราวกับเสียงระฆังที่ตีซ้ำแล้วซ้ำ

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 13: หมอเทวดา (2/2)

    ในที่สุด เช้าวันที่สาม ความหวังก็มาถึงชายชราร่างเล็กในชุดผ้าฝ้ายสีเทาธรรมดาๆ พร้อมกับกล่องยาไม้เก่าๆ ใบหนึ่ง ถูกนำทางเข้ามาในคฤหาสน์ เขาไม่มีท่าทีโอ่อ่าเหมือนหมอหลวง ไม่มีรัศมีน่าเกรงขามเหมือนจอมยุทธ์ แต่ดวงตาของเขานั้นกลับสุขุมและเปี่ยมด้วยปัญญาจนทำให้ทุกคนที่อยู่รายล้อมต้องรู้สึกสงบลงอย่างน่าประหลาด“คารวะท่านหมอกู้” อี้เฉินรีบเข้ามาประสานมือคารวะหมอเทวดากู้เพียงพยักหน้ารับเบาๆ“อย่าได้มากพิธีเลย นำข้าไปดูคนไข้เถิด”เมื่อเข้ามาในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยา ท่านหมอกู้ก็ไม่ได้สนใจผู้ใดอีก เขาวางกล่องยาลงและเดินตรงไปที่เตียงของผู้ป่วยทันที เขามองดูสีหน้า ตรวจดูเปลือกตาและลิ้นของเหลียนจื้อเซิน ก่อนจะทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด... การตรวจจับชีพจรนิ้วมือที่เหี่ยวย่นแต่กลับมั่นคงของเขาวางลงบนข้อมือของเหลียนจื้อเซินอย่างแผ่วเบา เขาหลับตาลง ใช้สมาธิทั้งหมดเพื่อรับฟัง "เสียง" ของชีวิตที่กำลังจะดับสูญ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนทุกคนแทบจะหยุดหายใจ“ชีพจรแผ่วเบาและแตกซ่านราวกับเส้นด้ายที่กำลังจะขาด” ท่านหมอเอ่ย

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status