บทที่ ๗
ฐานทัพใหม่ของเซียงฮวา
“หยุด~”
เสียงคนบังคับรถม้าดังขึ้นบ่งบอกว่าการเดินทางมาร่วมครึ่งชั่วยามนี้สิ้นสุดลงแล้ว
ไช่เซียงฮวาเปิดม่านหน้าต่างรถม้า สำรวจสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ที่เพิ่งมาเยือนเป็นครั้งแรก
“ถึงแล้วหรือเจ้าคะท่านอาจารย์”
ไช่เซียงฮวาถามอาจารย์หวางที่อยู่บนอาชาสีดำนำหน้ารถม้า เจ้าตัวไม่ตอบแต่พยักหน้ารับเบา ๆ
“มา! คุณหนูรอง”
ไช่เฟิงหยูที่โดยสารรถม้ามาด้วยกันลงจากรถม้าก่อนเพื่อรออุ้มหลานสาวตัวน้อย ไช่เซียงฮวาให้ความร่วมมือเต็มที่ ยื่นแขนให้เขาอุ้มลง
ช่วงบ่ายอาจารย์หวางรับไช่เซียงฮวามาฝึกวิชาตามที่นัดแนะกับนางเอาไว้ นอกจากฝูเฮยหลงแล้วก็ยังมีท่านอาติดสอยห้อยตามมาด้วย
มาในปีนี้ฝูเฮยหลงสามารถควบม้าได้แล้ว เห็นอีกฝ่ายมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด ในฐานะที่เป็นสหายกับเขามาตั้งแต่เด็ก นางรู้สึกยินดีด้วยประหนึ่งเป็นมารดาหรือญาติพี่น้องก็ไม่ปาน
“ไม่ได้มาที่นี่ตั้งหลายปี ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด”
ไช่เฟิงหยูหันไปกล่าวกับอาจารย์หวางที่เป็นหนึ่งในสหายคนสนิท
พูดถึงพลังธาตุ…
ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟเป็นธาตุที่หาได้ทั่วไป
ธาตุไม้ หากผู้ใดมีพร้อมกับธาตุไฟก็สามารถเป็นผู้ปรุงโอสถได้
ธาตุสายฟ้า ธาตุมืด ธาตุมิติเป็นธาตุที่หาได้น้อยมาก แต่ไม่น้อยเท่าธาตุที่พ่วงด้วยคำว่า ‘บริสุทธิ์’
ท่านอาของเซียงฮวาก็คือหนึ่งในนั้น…
คนที่มีธาตุดินบริสุทธิ์!
ความบริสุทธิ์ของธาตุในโลกมนุษย์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ หากไม่ใช่ผู้มีบุญญาธิการสูงมาเกิด ยากนักจะเห็นใครมีธาตุบริสุทธิ์
“อารู้สึกผิดต่อเจ้านัก มีพลังธาตุดินแท้ ๆ แต่ไม่อาจเป็นผู้ฝึกสอนเจ้าได้”
ไช่เฟิงหยูกล่าวกับคนในอ้อมแขนอย่างรู้สึกผิด ในระหว่างที่กำลังเดินลึกเข้าไปที่หมายซึ่งรถม้าไม่อาจเข้าไปได้
ไช่เซียงฮวาเห็นท่านอารู้สึกผิดก็ปวดใจ รีบเอ่ยปลอบให้เขารู้สึกดี
“อย่ารู้สึกผิดไปเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความ”
อายุวิญญาณนางไม่น้อยแล้ว ย่อมเข้าใจปัจจัยยิบย่อย ไม่คิดเล็กคิดน้อย
“อีกอย่างท่านอาจารย์หวางก็ทรงดี ข้าเชื่อว่าท่านอาเลือกสรรมาให้ข้าแล้ว เพราะฉะนั้นห้ามรู้สึกผิดเจ้าค่ะ”
เซียงฮวาตีสีหน้าจริงจัง ไช่เฟิงหยูเห็นความจริงจังในแววตานางแล้วก็รู้สึกเต็มตื้น ดีใจที่นางรู้ความ
อาจารย์หวางที่เดินนำหน้าทุกคนหยุดเดิน
เขาไม่ได้อยากขัดบรรยากาศอบอุ่นของคนที่เดินรั้งท้ายทั้งสอง แต่เมื่อถึงที่หมายแล้วก็ต้องยอมเสียมารยาท ทำลายบรรยากาศดี ๆ
“ขอเสียมารยาทแนะนำสถานที่…เซียงฮวา ต่อไปนี้พื้นที่ตรงนี้คือสถานที่เรียนของเจ้า”
ไช่เซียงฮวาเห็นอาจารย์เข้าเรื่องเรียนแล้วก็ตีอกท่านอาเบา ๆ ให้เขาวางนางลงพื้น
พอยืนด้วยขาของตัวเองแล้วนางยิ่งรู้สึกว่าที่นี่กว้างใหญ่ ตัวนางเหมือนมดตัวกระจิด
ตรงหน้านางคือภูเขาหัวโล้น ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าต้นไม้ใบหญ้า สถานที่แปลกตาที่นางเพิ่งทราบว่าตั้งอยู่ในเมืองหลวงด้วย
“ไม่ยักเห็นที่นี่มาก่อน”
เมื่อสงสัยก็ไม่เก็บความสงสัยเอาไว้ ใบหน้าเล็กแหงนเงยมองท่านอา กระตุกแขนเสื้อเขายิก ๆ
“ท่านอาเจ้าคะ เมืองหลวงมีสถานที่แบบนี้ด้วยหรือเจ้าคะ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้สังเกตสินะ”
สิ้นคำไช่เฟิงหยูก็ปล่อยพลังธาตุดินบริสุทธิ์ของตนพร้อมกับพึมพำเสียงเบาคล้ายกำลังท่องอะไรสักอย่างไปยังทางด้านหลังที่ตนเดินผ่านมา
เมื่อเขาชักมือกลับ ไช่เซียงฮวาก็เห็นชาวบ้านที่ถืออุปกรณ์ล่าสัตว์เดินผ่านหน้าตนไปอย่างเฉียดฉิว คล้ายกับไม่เห็นการคงอยู่ของกลุ่มคน
นางมองไช่เฟิงหยูกับอาจารย์หวางเพื่อขอการยืนยันอีกครั้ง เฟิงหยูไม่ตอบคำถามนาง แต่แสดงให้นางเห็นด้วยการซัดพลังไปยังชาวบ้าน
ไช่เซียงฮวาตกใจ ยกมือขึ้นแนบหูหลับตาปี๋ ในหัวคิดไปทางแง่ร้ายเช่นชาวบ้านกลายเป็นชิ้นส่วนศพ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่ได้ยินเสียงพลังหรือการเคลื่อนไหวใดก็ค่อย ๆ แง้มนิ้วมือออกจากดวงตา
ปรากฏว่าชาวบ้านยังคงอยู่ แต่เดินห่างออกไปเรื่อยคล้ายไม่ได้ยินเสียงคลื่นพลังเมื่อครู่
“ชาวบ้านยังอยู่ นี่มันอันใดกันเจ้าคะท่านอา ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
ไช่เฟิงหยูไม่ตอบ หันไปมองอาจารย์หวางให้เขาเป็นคนอธิบายข้อมูลทั่วไปแก่ศิษย์
“สถานที่ตรงนี้เป็นฐานลับธาตุดินของพรรคหยิ๋นมี่ในแคว้นฝู พลังที่รองประมุขซัดไปนั้น หากเจ้าไม่ปิดตา คงจะเห็นว่ามีคลื่นพลังสะท้อนกลับมา แต่ไม่ทำอันตรายแก่ผู้ใดทั้งนั้น เพราะมันทำหน้าที่เป็นภาพลวงตา”
“ที่แท้เป็นภาพลวงตา”
“ใช่! แล้วภูเขาลูกนี้” อาจารย์หวางชี้นิ้วไปที่ภูเขาหัวโล้น “หากนับเป็นห้อง คงมีไม่ต่ำกว่าพันห้องให้เจ้าได้เข้าไปฝึกวิชา ด้านในเต็มไปด้วยคนของพรรคหยิ๋นมี่กำลังฝึกพลัง”
สิ้นคำอาจารย์หวางก็ก้าวไปข้างหน้าสาวก้าว หันหน้าเข้าหุบเขาหัวโล้น มือหนาส่งพลังไปยังจุดหนึ่ง ปากพึมพำถ้อยความไม่เป็นคำ
ไม่นานนัก หุบเขาข้างหน้าก็ค่อย ๆ แยกตัวออก แล้วเกิดเป็นโพลงขนาดใหญ่คล้ายถ้ำที่สามารถบรรจุคนได้หลายสิบคน
เมื่อท่านอาจับมือนางให้ก้าวไปข้างในโพรงพร้อมกัน ทันใดนั้นปากโพรงที่เปิดอยู่ก็ค่อย ๆ เลื่อนปิดเมื่อทุกคนเข้ามาในนี้ครบทุกคนแล้ว
“อากาศถ่ายเทกว่าที่คิด ไม่อึดอัดเลยเจ้าค่ะ”
เมื่อใช้สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องก็เห็นว่ามีอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น
“ห้องนี้ หลังจากสองอาทิตย์ที่เฮยหลงกลับไปแล้ว มันจะเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว”
“ร้องว้าวได้หรือไม่ ฐานทัพใหม่ของข้า”
มันเริ่ด
บทที่ ๒๐ต้องทำถึงเพียงนี้เชียวหรือณ โรงเตี๊ยมซงชู่หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของเมืองหลวงแคว้นเหลียง“เจ้าว่าสองแสบจะทำสำเร็จหรือไม่”จื่อหลีเฮยที่ตอนนี้นั่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมเอ่ยถามคนสนิท สายตาสอดส่องลงไปยังชั้นล่างสุดเพื่อมองหาคนที่ตนกำลังรออยู่“ไม่เกินความสามารถของคุณหนูกับท่านประมุขน้อยแน่นอนขอรับ”คนสนิทจื่อหลีเฮยตอบกลับด้วยความหวังที่คิดว่าต้องใช่ สืบเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มีคำสั่งจากท่านประมุขให้ออกตามหาคน เบาะแสมีอยู่แค่ว่าใช้พลังที่เกี่ยวกับบุปผาได้ เป็นเด็กสาวชุดขาว มีหมวกปิดบังใบหน้าไว้และอายุไม่เกิน 12 หนาวประทานโทษเถิด! เบาะแสเพียงเท่านี้ต่อให้พวกเขาจะมีความสามารถมากกว่านี้อีกกี่เท่า ก็ต้องขอกล่าวว่าแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยเพราะสิ่งเดียวที่ยังพอใช้การได้อย่างพลังบุปผา ซึ่งหากว่าเป็นพลังที่แปลกกว่าผู้อื่นจริง ๆ แล้วผู้ใดจะใช้ออกมาให้เห็นกันพร่ำเพรื่อดังนั้นแม้ก่อนหน้านี้เขาและท่านประมุขจะไม่เชื่อคำกล่าวที่ออกมาจากปากของคุณหนูตัวแสบนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขาก็ขอให้เป็นนางจริง ๆ ทางด้านเซียงฮวา…“โรงเตี๊ยมซงชู่มีทั้งหมดสี่ชั้น แอบกระซิบบอกเจ้าก็ได้ว่าที่นี่เป็นขอ
บทที่ ๑๙มันถ่ายทอดผ่านดีเอ็นเอได้ณ พรรคมารจื่อถาน“หนีผู้อารักขาไปเล่นซนที่ใดกันมาเจ้าตัวแสบ!”เสียงกัมปนาททำแฝดชายหญิงที่กำลังเดินย่องเข้าเขตรั้วพรรคมารจื่อถานชะงักกึก ประมุขพรรคยังไม่ได้ไต่สวน โจรย่องเบาทั้งสองก็รับสารภาพเสียแล้ว“เสี่ยวเฉิงสำนึกผิดแล้วขอรับท่านพ่อ/เสี่ยวเหมยสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ” จื่อเจี่ยนเฉิงและจื่อเหมยฮวาเป็นความผิดพลาดของจื่อหลีเฮยเมื่อสิบปีก่อนโดยความตั้งใจของจื่อหลีป๋าย มารดาของทั้งคู่ลาลับโลกนี้ไปแล้ว เด็กแฝดถูกเลี้ยงดูสั่งสอนโดยแม่นม จื่อหลีเฮยไม่มีเวลาดูแลทั้งสองมากนักจึงประเคนทุกสิ่งที่เด็กแฝดต้องการ หวังว่าการตามใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเติมเต็มสิ่งที่เขาบกพร่องไป และเพราะการตามใจที่ไร้ขีดจำกัดนี้ ทั้งสองจึงมักก่อเรื่องเป็นประจำ อย่างเช่นเรื่องในวันนี้ในระหว่างที่เขาเพิ่งกลับมาจากการทำธุระก็ได้รับรายงานมาจากผู้อารักขาประจำตัวของเด็กแฝดว่าออกไปเล่นซุกซนกันที่อื่นแต่ไปเล่นที่ใดไม่เล่น กลับไปเล่นในพื้นที่ใกล้เขตของพรรคหยิ๋นมี่ จากบิดาที่ไม่ดุด่าว่าบุตร วันนี้กลับทำเสียงแข็งใส่ทั้งสองถึงขั้นเป็นตวาด“เข้าไปคุยกันในเรือน”“ขอรับ/เจ้าค่ะท่านพ่อ”ใน
บทที่ ๑๘เอามากำไว้ดั่งเป็นลูกไก่“I love the way you make me feel, I love it, l love it, I love the way you make me feel, I love it , l love it”เซียงฮวาร้องเพลงบนหลังม้า มือข้างซ้ายยกขึ้นทำมินิฮาร์ทตรงคำว่า ‘love’ ให้เฮยหลงแม้เฮยหลงจะไม่เข้าใจท่าทางนี้ แต่บรรยากาศรอบกายนางทำให้เขาหน้าเห่อร้อนขึ้นจนเผลอยกมือแตะใบหน้า ไม่ไหวจริง ๆ ก็เบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้นางเห็นว่าตนเสียอาการ‘เซียงฮวา…’เจ้าของนามหยุดร้องเพลงเมื่อได้ยินเสียงเฮยหลิง‘พบเป้าหมายอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ทางทิศตะวันตก’เซียงฮวาลอบถอนหายใจเบา ๆ ดีว่ากล่อมตัวเองเก่งถึงได้เข้าโหมดทำงานได้อย่างรวดเร็ว‘ทางทิศตะวันตกคือนอกเขตแดนของพรรคหยิ๋นมี่มิใช่หรือ’‘ใช่ เจ้ารีบไปช่วยเถิด!’‘แล้วเฮยหลงเล่า ข้าไม่มีทางทิ้งบุรุษของข้าให้ต้องอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวกายาแน่…เอาแบบนี้แล้วกัน!’“เฮยหลง ทางทิศตะวันตกคือจุดสิ้นสุดของเขตแดนใช่หรือไม่” เซียงฮวาแสร้งถามเหมือนไม่รู้“ใช่ เมื่อออกจากเขตแดนทางทิศตะวันตกแล้ว มีเส้นทางหนึ่งที่ผู้คนไม่ค่อยใช้กันนัก แต่สามารถเข้าตลาดได้”เซียงฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาว…เข้าทางแล้ว!“อยู่ ๆ ข้าก็อย
บทที่ ๑๗เอาไว้สร้างรังรักของเราพรรคหยิ๋นมี่ขึ้นชื่อเรื่องการฝึกหนัก สมาชิกส่วนมากเข้าพรรคตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างเฮยหลงก็ฝากตัวเป็นศิษย์กับไช่เฟิงหยูตั้งแต่อายุ 4 หนาวการเป็นศิษย์ของผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างไช่เฟิงหยูไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะต้องตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อไม่ให้เสียหน้าอาจารย์แล้วยังต้องรักษาหน้าองค์ชายรองแคว้นฝู การฝึกของคนในพรรคที่ว่าหนักแล้ว ยังเทียบไม่ได้กับเขาตั้งแต่เช้ายันบ่าย เขาจะฝึกยุทธ์ร่วมกับสมาชิกพรรครุ่นเยาว์ทั้งหลาย หรือบางทีหากท่านอาจารย์อยากจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาใหม่ ๆ ให้เขาก็ต้องแยกไปเรียนเดี่ยวตกดึกก็จะเรียนการใช้พลังธาตุกับท่านประมุขพรรค สลับกับเรียนคาถาลับของพรรคที่ท่านอาจารย์เป็นผู้ที่ถ่ายทอดให้โดยตรงพอจะเข้านอนแล้วก็ควรเป็นเวลาพักผ่อนร่างกาย แต่เขาก็ยังอ่านตำรา ฝึกคัดอักษร เวลานอนในแต่ละวันไม่ถึงสองชั่วยาม แต่เจ้าตัวก็คงคิดว่ายังยุ่งไม่พอ เพราะยังหาเวลาว่างเข้าครัวทำอาหารพิชิตใจสาวน้อยวัยเดียวกันพูดถึงเรื่องเข้าครัวก็ต้องพูดถึงอาหารมื้อเย็น เขาทำอาหารให้เซียงฮวาแล้วให้สาวใช้ในพรรคนำมาส่งให้ถึงเรือน แอบกังวลไม่น้อยว่าจะไม่ถูกปากนางตับ!ฝูเฮยหลงพับตำราเก็
บทที่ ๑๖อาอยากจะบอกว่า…หลังได้รับการช่วยเหลือจากเซียงฮวา เมื่อกลับถึงพรรค จื่อหลีเฮยก็สั่งลูกน้องให้ออกตามหาเด็กสาวชุดขาวอายุไม่เกินสิบสองหนาว ตามหาเอิกเกริกจนรู้ถึงหูไช่เฟิงหยูและพรรคข้างเคียงไช่เฟิงหยูเดินเข้ามาในห้องทำงานชิวเฉินยี่โดยไม่ต้องให้ใครรายงานก่อน ซึ่งเจ้าของห้องเองก็ชินแล้วเช่นกัน“เจ้าได้ยินข่าวที่หลีเฮยให้คนออกตามหาเด็กสาวคนหนึ่งแล้วหรือไม่ ตามหาคนก็ยากอยู่แล้ว ข้อมูลที่ให้มายังมีเพียงสองข้อ ชุดขาวกับอายุ ต่อให้เป็นข้าก็หาไม่เจอ”ไช่เฟิงหยูขบขัน ชิวเฉินยี่เองก็ไม่แพ้กัน แต่เขาเพียงเหยียดยิ้มเท่านั้นไม่ได้กล่าวเสียดสีเช่นทุกที“รายงานผลรายได้จากหอขายข่าว หอสุราและร้านค้าปลีกย่อยในเดือนนี้”ชิวเฉินยี่ยื่นมือมารับสมุดแต่ไม่ได้เปิดอ่านในตอนนั้น ไช่เฟิงหยูจึงกล่าวถามสิ่งที่สงสัย“ว่าแต่เจ้ายังให้คนออกตามหาผู้มีปานดอกไม้อยู่ที่ข้อมืออยู่อีกไม่”ชิวเฉินยี่พยักหน้ารับ ไม่ได้เก็บงำเป็นความลับ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยเบื้องลึกให้ใครทราบเช่นกัน “เจ้าตามหาทำไม บอกจุดประสงค์ได้หรือไม่”ชิวเฉินยี่ยังคงเงียบ ในหัวเริ่มคิดถึงภาพความจำอันเลือนรางในหลาย ๆ สถานที่หลาย ๆ อิริยาบถระหว่างเขาก
บทที่ ๑๕เขาบอกข้าว่าควรกลับบ้านไปนอนกอดแม่เช้าวันต่อมา…“ขอบตาดำเชียว ตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจนนอนไม่หลับเลยหรือ!”จางซิ่วลี่เอ่ยกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ทว่าไม่อาจปิดความห่วงใยในแววตาได้“ไม่ดึกมากเจ้าค่ะท่านแม่ แต่ร่างกายของคนเราตื่นรู้นัก เมื่อจะเจอเรื่องที่ต่างจากทุกวันจะหลั่งสารอะดรีนาลีนจนตื่นตัว อยากนอนเร็วเหมือนกันเจ้าค่ะ แต่จนใจที่ทำเช่นนั้นมิได้”เซียงฮวาโกหกคำโต ทั้งยังเอาชื่อสารที่หลั่งมาจากต่อมหมวกไตเบี่ยงเบนความสนใจของมารดา “มีสารที่ชื่อนี้ด้วยหรือ ไยฟังดูไม่ใช่ภาษาบ้านเรา” แล้วก็ได้ผล! จางซิ่วลี่ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกบุตรสาวเบี่ยงเบนความสนใจ อาจารย์หวางที่จะเดินทางกลับพร้อมกันก็มีความสงสัยเช่นกัน แต่ไม่แสดงออกมากนัก “ได้เวลาต้องออกเดินทางแล้ว”อาจารย์หวางให้โอกาสแม่ลูกได้ร่ำลากันครู่หนึ่ง เมื่อสมควรแก่เวลาแล้วก็เอ่ยชวนเซียงฮวาออกเดินทางไปพรรคหยิ๋นมี่ ทุกสามเดือนไช่เฟิงหยูจะมารับนางไปเที่ยวเล่น แต่หากครั้งใดไม่ได้มารับด้วยตนเองจะส่งองครักษ์ชุดใหญ่ทั้งที่ลับและที่แจ้งมาคุ้มครองระหว่างการเดินทาง ครั้งนี้อาจารย์หวางเดินทางมาด้วย มียอดฝีมืออยู่ในขบวนเช่นนี้ไช่เฟิ