แชร์

ตอนที่ 4 สุราเป็นเหตุ

ผู้เขียน: LiHong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 17:46:51

ยามเช้ามาเยือน แสงตะวันสาดส่องแรงกล้า

หมิงเยว่สะลึมสะลือขยับร่างกายไปมา ฉับพลันนั้นกลับรู้สึกเมื่อยขบและปวดร้าวที่กลางลำตัว

หือ...

หญิงสาวมุ่นคิ้ว ขยับขาอีกที ความรู้สึกปวดหนึบตรงส่วนสงวนยิ่งเด่นชัด นางเบิกตาโพลง ลุกขึ้นนั่งทันใด

“โอ๊ย!”

ช่วงล่างยิ่งเจ็บแปลบจนหลุดอุทานเสียงแหบ ยังรู้สึกได้ถึงของเหลวกรุ่นคาว ไหลหยาดจากต้นขา

หมิงเยว่เปิดผ้าห่มออก เห็นร่างตนเองที่เปล่าเปลือยมีรอยจุมพิตเต็มไปหมดและหยดเลือดพรหมจรรย์แดงชาดบาดตาเปรอะเปื้อนผสานกับน้ำคาวสีขาวขุ่น

“หา?”

พอเหลือกตามองไปเบื้องหน้า ยังเห็นบุรุษร่างใหญ่นอนเปลือยเปล่าเคียงข้าง

“หยางเจี้ยน!”

เสียงพลั่กเกิดขึ้น ตามด้วยเสียงของหนักตกกระทบพื้นดังตุ้บ

ร่างใหญ่ถูกเท้าเล็กถีบกระเด็นจนตกเตียง

“อ่า...”

หยางเจี้ยนถึงกับสร่างเมาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา

เขาลุกขึ้นนั่ง หันมองขวับ

เห็นฝ่าเท้าเปลือยเล็กน่ารักเต็มสองตาบนเตียงนอน

“เจ้า...เจ้ากล้าถีบข้า”

หยางเจี้ยนมองสตรีบนเตียงด้วยดวงตาพร้อมพ่นไฟ

หมิงเยว่ที่เพียรรักษาพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ยิ่งชีพเพื่อฝึกฝนเพลงดาบในชาติที่แล้วให้รู้สึกถึงการสูญเสียและสิ้นหวังครั้งใหญ่อย่างแท้จริงในชาตินี้

“ท่าน...ท่านขืนใจข้า...”

นางโอดครวญน่าสงสาร หอบผ้าห่มคลุมกายแน่น ร้องไห้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

หยางเจี้ยนลุกขึ้นยืนตระหง่านหว่างคิ้วขมวดเข้ม ใบหน้าบึ้งตึง เขาเอ่ยเสียงเครียด

“มิใช่เป็นเจ้าเองที่เรียกร้องทั้งคืนหรือไร?”

“ว่า...ว่าอะไรนะ?”

หมิงเยว่กัดปากเบิกตากว้าง หยางเจี้ยนเดินมานั่งลงบนขอบเตียงด้วยสีหน้าถมึงทึงดำคล้ำไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

เขากำลังรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาตรงหน้ายิ่งกว่าสตรีผู้กำลังร่ำไห้เสียอีก

เมื่อคืนแม้เมามายแต่เขาก็จำได้ นางขึ้นนั่งบนตักเขา ขบกัดติ่งหู ซุกไซ้ซอกคอของเขาอย่างดุดันยั่วเย้ามอมเมา เขาเองที่เริ่มคิดได้ว่าไม่ควรเสียใจกับสตรีที่ตายไปแล้วผู้นั้น จึงตามใจและจัดให้สตรีตรงหน้าอย่างเต็มที่ เต็มอารมณ์

เพราะถึงอย่างไรนางก็คือภรรยาของเขา เป็นสตรีที่มองอย่างไรก็นุ่มนวลชวนถนอม และที่สำคัญนางยังตบแต่งให้เขาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม

การที่เขาคิดถึงสตรีอื่นเป็นเรื่องไม่สมควรนัก

ทั้งๆ ที่นางครวญครางกรีดร้องอย่างสุขสมปานนั้น แต่นางกลับกล่าวหาเขา คำว่าขืนใจช่างบาดหูนัก!

หยางเจี้ยนรู้สึกโกรธมาก!

บุรุษผู้องอาจหยิ่งทะนง ยึดมั่นคุณธรรมสูงส่งยิ่งชีพ เคยถูกตราหน้าเยี่ยงนี้ที่ใด?

หยางเจี้ยนให้รู้สึกถึงการถูกหยามเกียรติอย่างที่สุด

บุรุษเช่นเขาเคยต้องงอนง้อขอขึ้นเตียงกับสตรีที่ใด? มิใช่ว่ามีหญิงงามมากมายหมายเสนอตัวให้เขาทุกวันหรือไร?

แม่ทัพหนุ่มให้รู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด

เขาหงุดหงิดอย่างมาก

รู้สึกคล้ายม้าศึกตัวโตผงาดกล้าที่ถูกหนูตัวเล็กๆ มองว่าเป็นแค่หมูโสโครกตัวหนึ่งที่หิวโหยหื่นกระหายกินไม่เลือก

สาเหตุที่หยางเจี้ยนรู้สึกต่อเรื่องนี้ค่อนข้างรุนแรง ล้วนเป็นเพราะเขาไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวมั่วราคะกับใคร

ความร้อนแรงที่มอบให้คือสิ่งหวงแหนอย่างยิ่ง

การที่ภรรยาไม่รู้ดินฟ้านางนี้ถีบเขาตกจากเตียง ทั้งยังชี้หน้าด่าทอว่าถูกเขาขืนใจ

นั่นจึงนับว่าเป็นการล่วงเกินกันอย่างที่สุด

สำหรับหยางเจี้ยน สิ่งหนึ่งที่ผู้คนล้วนกล่าวขานถึง คือผู้ใดก็ตามหากล่วงเกินคนอย่างเขาผู้นี้ ย่อมไม่มีจุดจบที่ดี

เตรียมตัวรับชะตากรรมจากมัจจุราชเถอะ!

ทว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงสตรี ทั้งยังเป็นภรรยาซึ่งได้มาจากสมรสพระราชทาน ร่างสูงจึงมองร่างเล็กปราดหนึ่งด้วยแววตาอำมหิต เพียงคาดโทษจดบัญชีแค้นไว้ในใจ ก่อนผุดลุกขึ้นอย่างปั้นปึ่งเย็นชา หยิบเสื้อผ้ามาสวมลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องหอไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า

ทิ้งร่างเล็กให้มองตามอย่างเหลอหลา เรียวคิ้วเหนือดวงตาขมวดแน่น ภายในใจกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา

เอ่อ...หรือว่า...

ในห้วงภวังค์ นางเสมือนเห็นร่างระหงของตนเองปีนขึ้นไปนั่งบนตักหนาแกร่งของหยางเจี้ยนอย่างทุลักทุเล

เรียวแขนกระหวัดโอบรอบลำคอเขาอย่างอาจหาญ โน้มใบหน้าคมคายเข้าหา แล้วบดจูบอย่างบ้าคลั่ง

“...”

นางเป็นฝ่ายบดขยี้กลีบปากเขาก่อนจริงๆ ด้วย

จากนั้นก็กัดติ่งหู ซุกไซ้ซอกคอ พลางปลอบประโลมพึมพึมอย่างขวัญกล้า ‘ท่านอย่าได้เสียใจไปเลยที่ต้องแต่งงานกับข้า มาเถิด สตรีเช่นข้าย่อมมีดีเหนือใคร’

หมิงเยว่สะดุ้งกับความทรงจำเฮือกหนึ่งแล้วคิดต่อ

ก่อนร่วมหอลงโลงนางยังไม่ลืมสั่งให้เขามองแค่นางก่อนกระชากเสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวของเขาออกจากร่างอย่างแรง สีแดงปลิวว่อนทั่วห้อง

เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนและเสียงคำรามแหบต่ำจากเขา นางก็ยิ่งหื่นกระหาย เสื้อผ้าของนางและของเขาหลุดร่วงไปจนหมดสิ้นเมื่อใดไม่ทราบได้

ใครเป็นผู้ถอดชั้นในออกไปก็ไม่อาจรับรู้

นางจำได้ว่าแค่กระชากเสื้อเจ้าบ่าวตัวนอก

เมื่อคืน บนตักแข็งอุ่น นางรู้สึกได้ถึงตัวตนร้อนผ่าวของเขาสัมผัสตรงท้องน้อยของนางอย่างเร้าอารมณ์มาก

ไม่นานสองเราก็รวมร่างร่วมประสานขับลำนำ บรรยากาศในห้องหอเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ได้ยินเพียงเสียงเคลื่อนกายเสียดสีกับเสียงหอบครางสอดประสาน

เขากระชับเอวคอดขยับเอวสอบโยกบั้นท้ายชักนำ ส่วนนางก็ไม่นำพาอะไรแล้วทั้งนั้น เพียงแหงนหน้ากอดรัดบดเบียดอกอิ่มนุ่มนิ่มกับแผ่นอกแข็งแกร่งของเขาอย่างคนต้องการไออุ่นไม่รู้จักจบสิ้น

เขาจ้องหน้าแดงเรื่อของนาง มองลึกเข้ามาในแววตา นางจ้องมองโครงหน้าชัดเจนของเขา เห็นแค่ดวงตาร้อนแรงแสนเปี่ยมเสน่ห์ทรงพลังคู่นั้น มองสิ่งอื่นใดไม่เห็นแล้วทั้งสิ้น เขากอบกุมสะโพกกลมมนไว้แน่น ตรึงเต็มฝ่ามือร้อนกรุ่น เคล้นคลึงอย่างดุดันก่อนจับเอวคอดของนางแล้วยกขึ้นจากเก้าอี้ริมโต๊ะในท่วงท่าที่ยังผสานเป็นหนึ่ง จากนั้นก็จับนางกดลงบนเตียงนอน ปลายลิ้นร้อนลากไล้วนเวียนบนยอดถัน

เนินอกของนางชูชัน ในขณะที่บางส่วนของเขาก็เหยียดผงาดตั้งชันเช่นกัน

ท่ามกลางความมืดสลัวเลือนราง ท่อนขาของนางถูกเขาแยกออกจากกัน ท่วงท่าสองเรานั้นน่าอายอย่างที่สุด สองมือของนางจับท่อนแขนเปี่ยมกล้ามเนื้อทรงพลังของเขาไว้แน่น ส่วนเขาก็คุมจังหวะเร่าร้อนตอกตรึงอย่างยาวนาน

เพราะสุราเป็นเหตุโดยแท้ หมิงเยว่พึงสังเกตได้...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 42 แค่สาวใช้ต่ำต้อย3

    เมื่อรถม้าคันที่หลิวไท่หยางนั่งอยู่ด้านในหายลับไปจากสายตา โจวซู่ฉินจึงหันมองสตรีที่นางเพิ่งถูกฝากฝังจากว่าที่สามี แววตาที่มองประเมินมีแต่ความกังขา หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเหตุใดบุรุษสูงส่ง รูปโฉมงดงาม ความสามารถน่าทึ่งไร้ที่ติอย่างหลิวไท่หยางถึงได้พึงใจเพียงสาวใช้ต่ำต้อยนางหนึ่งคนอย่างเขาแต่งท่านหญิงสูงศักดิ์เป็นฮูหยินก็ยังได้โจวซู่ฉินรู้สึกว่าสหายไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างยิ่งแม้ใจคิดเช่นนั้นแต่สัจจะที่นางรับปากกับว่าที่สามีไว้ย่อมมิอาจเพิกเฉยหรือละเลยคนของเขาหญิงสาวหันไปสั่งสาวใช้คนสนิท “เจ้าไปเรียกซิงเยว่มาพบข้าที่เรือนรับอรุณ”“เจ้าค่ะ”มิใช่ว่ามองไม่ออกถึงสายตาดูแคลน ทว่าสิ่งนั้นมิใช่ประเด็นสำคัญที่ซิงเยว่ต้องใส่ใจ เรื่องที่นางสนใจคือคำถามที่นางต้องการคำตอบจากโจวซู่ฉินต่างหากเมื่อเดินมาพบอีกฝ่ายถึงเรือนรับอรุณ ซิงเยว่เพียงยืนนิ่งเพื่อเลือกรับฟังก่อนว่าโจวซู่ฉินเรียกนางมาพบทำไมยามนี้ภายในห้องมีเพียงสตรีสองนาง ไม่มีผู้อื่น จึงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมทั้งสิ้น“เจ้าคงรู้แล้วว่าไท่หยางฝากข้าให้ดูแลเจ้า”โจวซู่ฉินเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งจิบน้ำชาอยู่ครู่หนึ่ง ท่วงท่ากิริยาที่แสดงออกต่อซิงเยว่

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 42 แค่สาวใช้ต่ำต้อย2

    สืบเนื่องจากความทรงจำที่เลือนหาย ตัวตนแท้จริงยิ่งกว่าการเป็นคุณหนูจวนซ่งนางคงเป็นใครสักคนที่มิอาจจะใช้ชีวิตภายนอกแบบไร้ทิศทางให้อยู่รอดได้“ท่านควรพักผ่อนเสียที ดึกมากแล้ว เรื่องปวดหัวเอาไว้ค่อยๆ ขบคิดแก้ไขเถิด”ซิงเยว่ว่าพลางขยับนิ้วคลึงขมับแกร่งคลายการเกร็งร่างสูงจึงค่อยๆ เข้าสู่นิทราอย่างเชื่อฟังเช้าวันรุ่งขึ้น รถม้าถูกเตรียมไว้พร้อมตามคำสั่งของผู้เป็นนาย“เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันต้องเดินทางอีกแล้วหรือ?” จ้าวซินเจี๋ยเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “น้ายังไม่หายคิดถึงเลย”รอยยิ้มบางเบาแตะแต้มมุมปากของหลิวไท่หยาง เขาไม่เคยโกรธเคืองแม่เลี้ยงผู้นี้ได้นานเลย“ข้าต้องติดต่อการค้ากับผู้สูงศักดิ์ต่างแคว้น จำต้องเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเอง มิอาจหลีกเลี่ยง”หญิงวัยกลางคนพยักหน้าเข้าใจ นางกล่าวอวยพรและย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัยอีกหลายประโยคค่อยปล่อยชายหนุ่มหมุนกายเดินห่างไปเพื่อเตรียมขึ้นรถม้าโจวซู่ฉินยืนยิ้มหวานรออยู่ที่รถม้า เมื่อหลิวไท่หยางเดินเข้าหา นางจึงเงยทักทาย ร่างสูงก้มหน้ายิ้มส่งให้ทั้งสองมีท่าทีสนิทสนมปรองดอง ทำให้ผู้มองเบาใจจ้าวซินเจี๋ยยิ้มละไมให้กับภาพนั้น ก่อนหมุนกายกลับเข้าเรือนเพื่อไปหาสาม

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 42 แค่สาวใช้ต่ำต้อย1

    หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วบุรุษผู้กลัดกลุ้มยังคงต้องอาศัยนอนหนุนตักนุ่มนิ่มเพื่อคลายอาการเคร่งเครียดในคืนที่มืดมิดมองไม่เห็นแม้แต่เสี้ยวจันทร์ ซิงเยว่ถูกหลิวไท่หยางยึดตัวไว้ที่ตั่งตัวยาวริมหน้าต่างนางนั่ง เขานอน ศีรษะหนุนอยู่บนตักนางตลอดคืนกลิ่นหอมสบายจากร่างเนื้อนวลอบอวลคละเคล้ากับกลิ่นอายกร้าวแกร่งจากคนร่างใหญ่ ทั้งสะอาดและบริสุทธิ์ยิ่งกว่ากลิ่นอายไหนๆไม่มีเรื่องกามารมณ์มาเกี่ยวข้องแน่นอนว่าไม่อาจข้องเกี่ยวกันเชิงชู้สาวได้แม้แต่น้อย เหตุเพราะฝ่ายหนึ่งเป็นบุรุษที่มีคู่หมั้นแล้วและอีกฝ่ายยังเย่อหยิ่งถือตัวมากพอที่จะไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ชายที่มีเจ้าของหลิวไท่หยางไม่มีทางทำลายเกียรติของนางในดวงใจซิงเยว่เองก็ไม่คิดเป็นอนุใครเช่นกันแม้ว่าผู้คนจะมองพวกเขาเป็นอื่น หากแต่ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่สองชายหญิงรู้ดีแก่ใจก็เพียงพอแล้ว“ข้าส่งคนไปตามหาผู้แซ่เนี่ยทุกสารทิศทั่วแคว้น กระทั่งจิ้นสิงยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมา แต่ยังคงไร้ข่าว”หลิวไท่หยางเปรยอย่างเหนื่อยใจขณะนอนเอนกายให้ซิงเยว่คลึงหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นระดับจอมยุทธ์เร้นกายขนาดผู้เยี่ยมยุทธ์ทัดเทียมกันยังไม่แน่ว่าจะหาต

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 41 ว่าที่ฮูหยินน้อย โจวซู่ฉิน3

    ชายหนุ่มปัดความคิดนี้ไปสิ้น เขาแน่ใจว่าไม่มีแน่ จึงหันมาสนใจคู่สนทนา“ซู่ฉิน เหตุใดสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานเช่นเจ้าถึงได้ใจร้อนวู่วามด่วนตัดสินเยี่ยงนี้”หญิงสาวนัยน์ตาแข็งกร้าวทันที“สตรีเรียบร้อยอ่อนหวานก็มีหัวใจนะ เมื่อเจอสภาพคนรักเช่นนั้น เรี่ยวแรงมหาศาลมันก็มาเอง”เจ้าผู้แซ่เนี่ยก็ช่างกระไร ไยมิใช่อธิบายอย่างจริงจัง ไฉนโง่งมยืนให้คนรักแทงจนหมดโอกาสพูด!หลิวไท่หยางเข่นเขี้ยวในใจโจวซู่ฉินเสียงสั่น “ข้าก็เพิ่งสืบรู้ภายหลังว่าเข้าใจผิด ทุกวันนี้ยังเสียใจมิเสื่อมคลาย ท่านจะซ้ำเติมข้าเพื่ออันใด”“แล้วเรื่องแต่งงาน เจ้าต้องการประชดเขาถูกไหม”หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ ข้าแค่อยากรักษาตัวเองไว้ หากข้าไม่แต่งกับท่าน คงไม่พ้นแต่งให้หนึ่งในสองสกุลเซี่ยโอว คืนเข้าหอ ข้ายังจะรักษาสิ่งล้ำค่าที่สุดของสตรีได้หรือ? วันหนึ่งเมื่อได้เจอพี่เนี่ย ข้ายังจะมองเขาได้เต็มตาอีกหรือ?”หลิวไท่หยางมองโจวซู่ฉินอย่างอึ้งๆ เมื่อคาดเดาความคิดของนางได้ทั้งหมดแล้วแน่นอนว่าโจวซู่ฉินเองก็รับรู้ได้ถึงความปราดเปรื่องของสหาย นางจึงคุกเข่าลง ดวงตาหวานมีประกายวอนขอ ไม่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้“ข้าใช้การแต่งงานกับท่านเพื่อรักษาความบร

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 41 ว่าที่ฮูหยินน้อย โจวซู่ฉิน2

    นางรีบเอ่ย “ไท่หยาง ท่านใจเย็นเถิด เห็นแก่ที่เราเป็นสหายมาหลายปี ทุกสิ่งที่ทำไปข้ามีเหตุผลนะ”โจวซู่ฉินพูดเสียงนุ่มนวลหวังคลายโทสะคู่สนทนา ท่วงท่ากิริยายังคงอ่อนโยนทว่าไม่กล้าเชิดหน้ามั่นใจอีกชายหนุ่มยังคงเดือดดาล “อย่าเล่นลิ้นกับข้า ”เรือนร่างกลมกลึงสะดุ้งอีกคราสีหน้าเผือดลงทันควัน นางก้มหน้าเม้มปาก กะพริบขนตาที่เปียกชื้น สลดลงทันใด ช่างเป็นภาพของโฉมสะคราญงามล่มเมืองผู้น่าสงสารที่ทำคนต้องมองแล้วมองอีกทว่าหลิวไท่หยางกลับแค่นเสียงเย็น “เจ้าคิดหรือว่าหากเป็นน้องสาวเจ้าก้าวเข้ามาข้าจะจัดการนางอย่างเด็ดขาดไม่ได้ แต่เพราะเป็นเจ้า ข้าถึงยินยอมเจรจา บอกมา เนี่ยจื่อหานคนรักของเจ้า รู้เรื่องนี้หรือไม่? มิใช่ว่าพวกเจ้าทะเลาะกันถึงได้ประชดประชันกันด้วยวิธีนี้ ข้าไม่สะดวกเล่นสนุกด้วย”ครั้นได้ยินนามนั้น โจวซู่ฉินพลันสะอึก นางมิอาจสะกดกลั้นอีกต่อไป น้ำตาร่วงหล่นดุจเม็ดมุกขาดจากสาย ท่าทางบอบบางน่าสงสารจับใจมากกว่าเดิมเรื่องที่โจวซู่ฉินแอบคบหากับเนี่ยจื่อหานไม่มีใครรู้ นอกจากหลิวไท่หยาง เนื่องจากอีกฝ่ายคือศิษย์ร่วมสำนักกับเนี่ยจื่อหานและเป็นสหายกับนางเมื่อเห็นโจวซู่ฉินร้องไห้ต่อหน้า หลิวไท่หยา

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 41 ว่าที่ฮูหยินน้อย โจวซู่ฉิน1

    เรือนหลังด้านในล้วนเป็นที่พำนักของเหล่าสตรีบุรุษคนใดไม่มีสิทธิ์ย่างกรายตามอำเภอใจทั้งสิ้น แม้แต่พี่ชายน้องชายวัยหนุ่มแน่นหรือกระทั่งบิดามาเยือน ยังต้องรั้งตัวรออยู่เรือนหน้าด้านนอกต้องเป็นผู้ที่มีฐานะพิเศษกับเจ้าของเรือนเท่านั้น ถึงจะเข้ามาได้ตามอำเภอใจ นั่นก็คือว่าที่สามีชายเดียวที่จะเข้าใกล้หญิงสาวเจ้าของเรือนได้หลิวไท่หยางยืนมองหน้าประตูชั่วครู่ ทั่วร่างยังคงแผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นเยียบชวนขนลุกด้วยความเหน็บหนาวกระนั้นเหล่าสาวใช้กลับมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเหม่อลอย พวงแก้มแดงก่ำ ในใจอดมิได้ที่จะวูบวาบสั่นไหว นึกกระอักกระอ่วนกับเสน่ห์เพศอันดึงดูดของเจ้านายหนุ่มพวกนางต่างถูกคัดสรรเลือกเฟ้นมาอย่างดีเยี่ยม เพื่อติดตามนายสาวมาจากจวนเดิม ทั้งรูปร่างและหน้าตาล้วนงดงามเกินฐานะ หมายช่วยเสริมความโปรดปรานและเหนี่ยวรั้งให้สามีของเจ้านายมาเยือนเรือนนี้บ่อยๆนั่นคือธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านานในตระกูลใหญ่ อนุของสามีสมควรเป็นคนของภรรยาเอกแต่ดั้งเดิมให้มากเข้าไว้ เรือนหลังจึงจะไม่วุ่นวายเกินไปบุรุษหนุ่มผู้ถูกกลุ่มสตรีมองอย่างหมายมาดเพียงกวาดตามองตอบอย่างช้าๆ ก่อนโบกมือสั่งเสียงเย็นชา “พวกเจ้าออ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status